เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1151 ทะเลไหลเชี่ยว (2)

แปลโดย iPAT

ห้าผู้อมตะเคลื่อนที่ไปตามผิวน้ำ

‘ฮ่าฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่ฟางหยวนล้มเหลว เขาจะพบกับความทุกข์ทรมาน แม้พวกเราจะไม่สามารถจับตัวเขา แต่เราสามารถชะลอการเติบโตของเขา’ อิงอู๋เซี่ยรู้สึกมีความสุข

ความก้าวหน้าของฟางหยวนรวดเร็วจนน่ากลัว

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถทำสิ่งใด แต่ตอนนี้เมื่อฟางหยวนออกมา ทั้งเจตจำนงสวรรค์และอิงอู๋เซี่ยต่างต้องการมอบบทเรียนให้แก่เขา

แน่นอนว่าอิงอู๋เซี่ยไม่สามารถเปิดเผยตัวตน

อิงอู๋เซี่ยมีภารกิจสำคัญ นั่นคือการสร้างนิกายเงาขึ้นมาใหม่

‘นี่เป็นเรื่องดี พวกเราสามารถกำหราบฟางหยวนขณะเดียวกันพวกเราก็ไม่ตกหลุมพรางของเจตจำนงสวรรค์ หือ?’ ทันใดนั้นดวงตาของอิงอู๋เซี่ยพลันกระตุกขึ้นอย่างกะทันหัน

“ระวัง! สัตว์อสูรใต้ทะเลเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มันแปลกมาก!” อิงอู๋เซี่ยขมวดคิ้ว

“มันเป็นเพียงสัตว์อสูรเดียวดาย” ผู้อมตะระดับเจ็ดซื่อหนิวกล่าว

“ตูม!”

น้ำทะเลระเบิดขึ้นสู่อากาศ ฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นโดยไม่คาดคิด

“ในที่สุดข้าก็พบเจ้า…อิงอู๋เซี่ย!” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ผู้อมตะทั้งห้าตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบฟางหยวน

“เจ้าคือ?” ร่างของอิงอู๋เซี่ยสั่นสะท้านขึ้น

เขาใช้วิญญาณอมตะตรวจสอบโชคและเห็นโชคของฟางหยวนเชื่อมต่อกับโชคของไห่ลั่วหลัน

อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคกับไห่ลั่วหลันขณะที่ไห่ลั่วหลันเชื่อมโยงโชคกับฟางหยวน

ดังนั้นเมื่อฟางหยวนปรากฏตัว เขาจึงไม่สามารถปกปิดโชคที่เชื่อมต่อกัน

นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยตระหนักว่าคนผู้นี้ก็คือฟางหยวน!

“เร็ว! ใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!” เขาตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นตระหนก

สมาชิกอีกสามคนกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศทันที

ผู้อมตะสี่คนหายตัวไปอย่างสมบูรณ์

เหลือเพียงสองคนที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง

หลิวชิงหยู “…..”

ฟางหยวน “…..”

ทั้งสองมองหน้ากันภายใต้ความเงียบงัน

ค่ายกลวิญญาณท่องรอบทิศ!

มันสามารถนำกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหลบหนีจากผู้อมตะวังสวรรค์ ประสิทธิภาพของมันย่อมไม่ธรรมดา

ฟางหยวนได้เห็นสิ่งนี้เป็นครั้งแรก

ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพูดไม่ออก

แม้เขาจะสามารถคาดเดา แต่หลังจากได้เห็นกับตาของตนเอง เขายังรู้สึกตกใจเล็กน้อย

‘นี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมแต่ตราบเท่าที่ข้ารู้สึกถึงโชคของพวกเขา ข้าจะพบพวกเขาในที่สุด ตอนนี้ข้าควรกำจัดคนผู้นี้เป็นอันดับแรก!’

ฟางหยวนหันหน้าไปทางหลิวชิงหยู

หลิวชิงหยู “…..”

เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของฟางหยวน หลิวชิงหยูค่อยๆบินถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว

เขารู้สึกขมขื่นกว่าฟางหยวนมาก

เขาพยายามอย่างหนักเพื่อให้ได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลแต่มันกลับถูกฉกชิงไป

หลังจากสังหารปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด เบาะแสสำคัญสูญหาย

เขากลับทะเลไหลเชี่ยวแต่บังเอิญพบอิงอู๋เซี่ยขณะที่ผู้ช่วยของเขาเสียชีวิตทั้งหมด สุดท้ายเขาต้องยอมจำนน

เขาทำสัญญาพันธมิตรโดยไม่สนใจความสูญเสียและมุ่งมั่นที่จะเป็นสมาชิกหลักของกลุ่มที่เรียกว่านิกายเงา

อย่างไรก็ตามบางคนกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

หลังจากนั้นกลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็วิ่งหนีอย่างรวดเร็วและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

‘นี่มันเรื่องบัดซบใด!?’ หลิวชิงหยูต้องการสถบสาปแช่งแต่เขากล่าวออกมาไม่ได้

การสาปแช่งพันธมิตรจะได้รับผลกระทบจากฟันเฟือง

ดังนั้นอารมณ์ของหลิวชิงหยูในเวลานี้จึงเลวร้ายมาก

หลิวชิงหยูไม่รู้จักฟางหยวนแต่เขารู้ว่าฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก

ครั้งนี้ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนแบบสุ่มโดยไม่คิดมาก ในแง่ของกลิ่นอาย เขาไม่ได้ปกปิด เป้าหมายหลักของเขาคือการสังหารอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่หลิวชิงหยูไม่

‘เพียงผู้อมตะระดับหก เหตุใดพวกเจ้าต้องวิ่งหนี!?’

‘วิ่งหนีเพื่อสิ่งใด?’

‘พวกเรามีผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสองคนและมีผู้อมตะระดับหกอีกสามคน พวกเราต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ เหตุใดต้องหลบหนี?’

‘อ๊าก…เหตุใดต้องวิ่งหนี!?’

หลิวชิงหยูกรีดร้องอยู่ภายใน

แต่เขาก็ไม่ได้รับคำตอบ

เขาเข้าร่วมนิกายเงาเป็นช่วงเวลาสั้นๆ อิงอู๋เซี่ยไม่ได้คาดหวังว่าฟางหยวนจะมาเร็วเช่นนี้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดกับหลิวชิงหยู

หากอิงอู๋เซี่ยบอกหลิวชิงหยูว่าสาเหตุที่พวกเขาต้องวิ่งหนีเป็นเพราะฟางหยวนมีพลังการต่อสู้ระดับแปด อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด! หลิวชิงหยูจะไม่กรีดร้องและจะหนีเร็วยิ่งกว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

ไม่

เขาไม่สามารถวิ่งเร็วกว่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย

แต่ในแง่ของความพยายาม เขาจะเหนือกว่าอย่างแน่นอน

พลังการต่อสู้ระดับแปดไม่ใช่เรื่องตลก การฆ่าพวกเขาง่ายราวกับการฆ่ามด

‘นี่คือพลังอำนาจของความแข็งแกร่งระดับแปด’ ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหนีไปด้วยความฉลาดและเด็ดเดี่ยว ในทำนองเดียวกัน หากเป็นฟางหยวน เขาก็จะหนีเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการหลบหนีจากมังกรแรกกำเนิด แต่เขาไม่สามารถหลบหนีแม้จะต้องการก็ตาม

ไม่จำเป็นต้องละอายใจหากต้องหลบหนี

สำหรับปีศาจเฒ่าเช่นฟางหยวน การล่าถอยชั่วคราวคือกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมในการต่อสู้

อย่างไรก็ตามอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดตายไปแล้ว

แม้ฟางหยวนจะบอกเรื่องนี้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา แต่เขาก็ขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ

ดังนั้นผมที่หกจึงไม่ได้รับข้อมูลนี้และไม่สามารถรายงานอิงอู๋เซี่ย

ตอนนี้เหลือเพียงหลิวชิงหยู สถานการณ์นี้ดีมากสำหรับฟางหยวน

แรกเริ่มฟางหยวนรู้สึกกังวลเล็กน้อยหากต้องไล่ล่ากลุ่มของอิงอู๋เซี่ย หลังจากทั้งหมดพวกเขามีความได้เปรียบด้านจำนวนคนโดยเฉพาะผู้อมตะระดับเจ็ดถึงสองคน

ฟางหยวนจำหลิวชิงหยูได้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบซื่อหนิว

ตอนนี้ฟางหยวนวางแผนที่จะสังหารหลิวชิงหยูเป็นอันดับแรก

การกำจัดหลิวชิงหยูจะทำให้นิกายเงาอ่อนแอลง

‘หลังจากฆ่าเขา ข้าจะสามารถค้นวิญญาณและได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอิงอู๋เซี่ย’ เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนก็ลงมือทันที

ดาบประหารชีวิต!

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่ทรงพลังออกมาทันที

แม้หลิวชิงหยูจะเย้ยหยันฟางหยวนอยู่ภายในแต่เขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

มันเป็นตรรกะที่เรียบง่ายมาก สิ่งที่ทำให้กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหวาดกลัวและหลบหนีทันที สิ่งนั้นย่อมอันตรายมาก

หลิวชิงหยูต้องให้ความสำคัญกับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้

ขณะที่แสงดาบพุ่งออกมา หลิวชิงหยูก็เคลื่อนที่หลบการโจมตีของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

‘ชายผู้นี้เป็นผู้อมตะระดับหกแต่มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ?’ หลิวชิงหยูรู้สึกขมขื่น เขามีวิญญาณอมตะระดับหกเพียงสองดวงและยังพ่ายแพ้ให้กับไห่ลั่วหลันมาก่อนหน้านี้

หลังจากต่อสู้หลายรอบ หลิวชิงหยูก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาก็มีเพียงวิญญาณอมตะระดับหกขณะที่มีท่าไม้ตายอมตะไม่มาก

เมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนก็เข้าใจวิธีการเกือบทั้งหมดของหลิวชิงหยู

ใบหน้าของหลิวชิงหยูปกคลุมไปด้วยเหงื่อ

แม้ฟางหยวนจะไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะสมบัติเลือดได้เป็นการชั่วคราว แต่เขาก็มีวิธีป้องกันบนเส้นทางแห่งกาลเวลา กล่าวได้ว่าเขามีช่วงเวลาที่ง่ายดายในการต่อสู้ครั้งนี้

หลังจากทั้งหมดความแข็งแกร่งของเขาก้าวหน้าเร็วเกินไป!

ในอดีตหลิวชิงหยูไล่ตามฟางหยวนและทำให้เขาต้องวิ่งหนี แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับกำลังจัดการเขา

แม้ฟางหยวนจะเป็นผู้อมตะระดับหกแต่ในแง่ของความแข็งแกร่ง เขาเหนือกว่าหลิวชิงหยูไปไกลมาก

‘ไม่แปลกใจเลยที่อิงอู๋เซี่ยวิ่งหนี นี่คือสัตว์ประหลาด! เขาแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ จากการแสดงออก เขายังไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด!’ หลิวชิงหยูสูญเสียแรงจูงใจในการต่อสู้

เขาต้องการยอมแพ้

แต่ตอนนี้แตกต่างจากก่อนหน้า เขาทำข้อตกลงพันธมิตรกับนิกายเงาไปแล้ว เขาไม่สามารถยอมจำนนต่อศัตรูได้อีก

เขาเหลือเส้นทางเพียงสายเดียว นั่นคือต่อสู้จนตัวตาย!

“หากมีความกล้าก็ตามข้ามาก!” หลิวชิงหยูหลบการโจมตีของฟางหยวนและกลายเป็นสายรุ้งพุ่งข้ามท้องฟ้า

“ไร้เดียวสา” ฟางหยวนเย้ยหยัน เขาขี้นิ้วไปที่หลิวชิงหยู

ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปี!

อสูรปีงูฉีกกระชากห้วงมิติและปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าหลิวชิงหยูอย่างกะทันหัน

หลิวชิงหยูถูกปิดกั้นและไม่สามารถหลบหนีได้อีกต่อไป

ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติพุ่งเข้าปิดล้อมอยู่ด้านหลัง

แต่ในจังหวะนี้หลิวชิงหยูที่สูญสิ้นความหวังกลับระเบิดตัวเองพร้อมกับดวงวิญญาณอมตะของเขา

ฟางหยวนพยายามเก็บกู้ดวงวิญญาณของหลิวชิงหยูแต่ก็ประสบความสำเร็จเพียงบางส่วนเท่านั้น

มิติช่องว่างของหลิวชิงหยูตกลงไปใต้ทะเลและกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์

ดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของเขากำลังจะแตกสลาย ดูเหมือนมันจะเป็นวิธีการของนิกายเงา ฟางหยวนพยายามหลายวิธีแต่ยังไม่สามารถหยุดดวงวิญญาณจากการทำลายตัวมันเอง

ฟางหยวนเร่งค้นวิญญาณ

เขาพบความทรงจำหลายสิบชิ้น

โชคดีที่เขาเห็นฉากการพบกันระหว่างหลิวชิงหยูและกับดักที่อิงอู๋เซี่ยวางเอาไว้

“โอ้ หลังจากอิงอู๋เซี่ยรู้ว่าข้าครอบครองพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาไม่ต้องการต่อสู้กับข้าแต่ใช้วิธีวางกับดักเพื่อชะลอการเติบโตของข้างั้นหรือ’

ความทรงจำอื่นของหลิวชิงหยูไร้ประโยชน์

สุดท้ายดวงวิญญาณของเขาก็แตกสลายไปอย่างสมบูรณ์

พลังงานแห่งเต๋าของหลิวชิงหยูถูกดึงเข้าสู่มิติช่องว่างของเขาไปแล้ว

ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาต้องการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากหลิวชิงหยู แต่การปล้นชิงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากผู้อมตะคนอื่นไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์ ประตูทางเข้าของมันจึงเปิดออก

นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

หากฟางหยวนพลาดโอกาสนี้ มันจะยิ่งยากลำบากในอนาคต

ฟางหยวนเคยฉวยโอกาสเดียวกันนี้เพื่อเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวและรับผลประโยชน์มหาศาลมาแล้วในอดีต

ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องไม่พลาด!