เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1152 ภูเขาแสงห้าสี

แปลโดย iPAT

“ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ…”

ภายในแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูมีเป็ดตัวหนึ่งร้องเรียกฟางหยวน

นี่คือจิตวิญญาณแผ่นดินที่หลิวชิงหยูทิ้งไว้เบื้องหลัง

การปรากฏตัวของมันแตกต่างและแปลกประหลาดมาก

ฟางหยวนตั้งใจฟัง แม้เขาจะไม่เข้าใจภาษาเป็ด แต่เขายังสามารถคาดเดา

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณสวรรค์ของไห่ฟานก็เป็นระฆังทองเหลืองที่ไม่สามารถสื่อสาร

“เงื่อนไขของการรับสืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูคือ…” ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นด้วยความประหลาดใจ

แม้หลิวชิงหยูจะถูกสังหารโดยฟางหยวนแต่เจตจำนงที่เขาทิ้งไว้ไม่เกี่ยวกับฟางหยวน เขาไม่ได้พยายามตามหาอิงอู๋เซี่ยเช่นกัน

แต่มันเกี่ยวกับเบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

“เบาะแสของมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกสลักไว้ในวิญญาณอมตะดาบบิน” ฟางหยวนนำวิญญาณอมตะดาบบินออกมาแสดงให้จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดดูและอธิบาย

ครู่ต่อมาจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดจึงใช้จงอยปากจิกรองเท้าของฟางหยวนอย่างมีความสุข

ตอนนี้ฟางหยวนกลายเป็นเจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูไปแล้ว!

อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ค่อนข้างรกร้าง

ไม่ใช่ว่าหลิวชิงหยูมีรากฐานที่เลวร้าย แต่หลังจากเข้าร่วมนิกายเงา ทรัพยากรทั้งหมดของเขาถูกยึดครองไปโดยอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยไม่ได้ยึดวิญญาณอมตะของหลิวชิงหยูเพราะเขาต้องการเก็บพลังการต่อสู้ของหลิวชิงหยูเอาไว้ใช้เหมือนแรงงานทาส

แต่อิงอู๋เซี่ยนำทรัพยากรทั้งหมดของหลิวชิงหยูไปเพื่อให้เขาไม่มีอนาคต หากหลิวชิงหยูต้องการบ่มเพาะต่อไป เขาต้องพึ่งพานิกายเงาเท่านั้น

ฟางหยวนคิดก่อนจะเข้าใจเรื่องนี้

สำหรับวิญญาณอมตะของหลิวชิงหยู พวกมันถูกทำลายไปแล้ว

“มีสิ่งใดเหลืออยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้บ้าง?” ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆและขมวดคิ้ว

แดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยูถูกรื้อค้นและตกอยู่ในสภาพไม่ต่างจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

นี่ทำให้ฟางหยวนรับรู้ถึงความรู้สึกของชูตู๋ในเวลานั้น

จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดส่งเสียง “ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ…”

ฟางหยวนหันหน้ากลับมา “พาข้าไปที่นั่น”

จิตวิญญาณแผ่นดินนำฟางหยวนไปยังปลายทาง มันเป็นภูเขาสีรุ้งที่ไม่เตี้ยไม่สูง หินบนภูเขาส่องประกายหลากหลายสีสัน

ภูเขาลูกนี้ไม่มีต้นไม้แต่มีหญ้าหลายชนิด หญ้าเหล่านี้ส่องแสงออกมาเช่นกัน

“ภูเขาแสงห้าสี หญ้าสิบสี” ฟางหยวนพึมพำ

นี่เป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งแสง

สภาพแวดล้อมพิเศษของภูเขาลูกนี้สามารถสร้างวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งแสงจำนวนมาก

เห็นได้ชัดว่าภูเขาแสงห้าสีได้รับการดูแลอย่างดีโดยหลิวชิงหยู

“อิงอู๋เซี่ยไม่มีวิญญาณอมตะยกภูเขา เขาไม่มีวิธีเคลื่อนย้ายภูเขาลูกนี้และทำได้เพียงทิ้งมันไว้ที่นี่เท่านั้น” ฟางฟยวนคาดเดา

วิธีการเคลื่อนย้ายภูเขาหายากมากในโลกใบนี้

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนสามารถเคลื่อนย้ายหุบเขาเหล่าโป กระทั่งผู้อมตะระดับแปดองค์ชายฟงเซี่ยนยังรู้สึกตกใจ

แม้อิงอู๋เซี่ยจะได้รับความมั่งคั่งบางส่วนจากนิกายเงาแต่เขายังขาดวิธีเคลื่อนย้ายภูเขา

เมื่อเห็นภูเขาแสงห้าสีและไม่สามารถเคลื่อนย้าย อิงอู๋เซี่ยรู้สึกรำคาญใจมาก

โดยปราศจากความลังเล ฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะยกภูเขาย้ายภูเขาแสงห้าสีไปยังมิติช่องว่างของเขาทันที

เขาวางภูเขาลูกนี้ไว้ในภาคใต้น้อย

ตอนนี้ภูเขามรดกอมตะจากถ้ำสวรรค์ไห่ฟานกลายเป็นภูเขาที่มีความสูงเป็นอันดับสองรองจากภูเขาแสงห้าสี

“ในที่สุดข้าก็ได้รับประโยชน์บางอย่าง” ฟางหยวนถอนหายใจ

หากไม่ได้รับภูเขาแสงห้าสี มันจะกลายเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่

แม้ฟางหยวนจะได้รับชัยชนะในการต่อสู้ แต่จากมุมมองของเขา ชัยชนะที่ปราศจากผลประโยชน์ไม่มีคุณค่าใด

ฟางหยวนสรุปว่าการต่อสู้กับหลิวชิงหยูครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายขาดทุน

เขาใช้พลังงานอมตะจำนวนมากเพื่อกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด นี่เป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป

หลิวชิงหยูบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งแสงและเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่ฟางหยวนมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งแสงอยู่น้อยมาก ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถดูดกลืนแดนศักดิ์สิทธิ์ของหลิวชิงหยู

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังได้รับข้อมูลมากมายจากจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดรวมถึงเบาะแสเกี่ยวกับมรดกบนเส้นทางแห่งข้อมูล

หลังจากนั้นฟางหยวนได้มอบวิญญาณระดับมนุษย์ให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดและสั่งว่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ห้ามเปิดประตูทางเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ หากศัตรูบุกโจมตีต้องรีบแจ้งเขาผ่านสวรรค์สีเหลืองทันที

พลังงานอมตะระดับเจ็ดของหลิวชิงหยูถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนไม่ได้เก็บพวกมันไว้แต่มอบให้จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ด

“ก๊าบ ก๊าบ ก๊าบ…” จิตวิญญาณแผ่นดินเป็ดหลั่งน้ำตาและกระพือปีกเมื่อฟางหยวนจากมา

ทางเข้าออกของแดนศักดิ์สิทธิ์ปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว

‘แดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดถูกซ่อนไว้ มันไม่ควรถูกค้นพบ’

‘อย่างไรก็ตามหากเจตจำนงสวรรค์ต้องการทำลายผลประโยชน์ของข้า ยังมีหลายวิธีในการกำจัดแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้’

‘มันจะดีที่สุดหากข้าสามารถรักษาแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับเจ็ดเอาไว้ แต่หากไม่ มันก็ไม่ถือเป็นการสูญเสีย หลังจากทั้งหมดมันมีค่าน้อยเกินไป’

ฟางหยวนไม่มีเวลายกระดับการบ่มเพาะและความสำเร็จบนเส้นทางแห่งแสง เขายังห่างไกลจากระดับเจ็ดอีกมาก

สำหรับการไล่ล่าอิงอู๋เซี่ยต่อไป?

ฟางหยวนลังเล

ตามข้อมูลที่ได้รับจากจิตวิญญาณแผ่นดินเป็ด เขาเข้าใจอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆ

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยมีผู้อมตะสี่คนรวมตัวเขาเอง ผู้อมตะระดับเจ็ดเผ่ามนุษย์หินชื่อซื่อหนิว เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งปฐพี ไห่ลั่วหลันบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งไฟ ไท่เป่ยหยุนเฉิงสูญเสียวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่ตอนนี้เขามีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งเมฆาและบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางสายนี้

สำหรับอิงอู๋เซี่ย เขายังอยู่ในร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง เขายังใช้วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ การบ่มเพาะของเขาต่ำที่สุด แต่พลังการต่อสู้ของเขากลับสูงสุดหรืออาจอยู่ในอันดับสอง

หากฟางหยวนมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เขาจะออกไล่ล่าทันที

แต่ตอนนี้อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดกลายเป็นไข่ไปแล้ว

ฟางหยวนอาจมีวิญญาณอมตะมากมาย แต่เมื่อการต่อสู้ปะทุขึ้น มันยังเป็นเรื่องยากที่จะทำนายได้ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ

‘ความแข็งแกร่งของพวกเขาพุ่งสูงขึ้นตามความคาดหมายของข้าจริงๆ’

การเติบโตของฟางหยวนทำให้อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆตกใจ แต่ความแข็งแกร่งที่เพิ่มสูงขึ้นของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆก็ทำให้ฟางหยวนตกใจเช่นกัน

เพียงไม่นานหลังจากประสบความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ ความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆกลับฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว

นิกายเงาร่วงลงสู่จุดต่ำสุดแต่ก็ยังไม่สามารถมองข้าม

อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆยังเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่สำหรับฟางหยวน

ร่างทารกอมตะทำให้ความขัดแย้งระหว่างนิกายเงากับฟางหยวนไม่สามารถแก้ไข

อิงอู๋เซี่ยยังไม่สนใจฟางหยวนในเวลานี้เพราะเขาต้องการช่วยเหลือร่างหลักเป็นอันดับแรก นี่เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด

ฟางหยวนไม่ได้จัดการอิงอู๋เซี่ยก่อนหน้านี้เพราะเขามีพละกำลังไม่เพียงพอ เขายังต้องรับมือกับภัยพิบัติและพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ

แต่ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานและมีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ดังนั้นเขาจึงออกไล่ล่าอิงอู๋เซี่ย

หากอิงอู๋เซี่ยสามารถช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ ฟางหยวนรู้ว่าโอกาสของเขาจะหมดไปเพราะอีกฝ่ายคือเทพปีศาจ แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่ฟางหยวนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา

ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องกล่าวถึงอีกประการ

นั่นคือวิญญาณสติปัญญา

วิญญาณสติปัญญาไม่ได้หายไป ปัจจุบันมันอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ฟางหยวนได้รับร่างเดิมไปแล้ว แต่เขายังเกรงว่าร่างเดิมของเขาจะมีกับดักที่ถูกจัดตั้งไว้โดยอิงอู๋เซี่ย

ฟางหยวนไม่กล้ากระทำการผลีผลาม

เขาเคยคิดที่จะทดลองนำดวงวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นใส่เข้าไปในร่างเดิมของเขา

แต่วิธีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากมาย

ประการแรก เขาต้องกระทำการอย่างลับๆโดยไม่ให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาล่วงรู้

ประการที่สอง แม้เขาจะใช้ดวงวิญญาณของผู้อมตะคนอื่นเพื่อทดสอบ แต่มันยังไม่น่าเชื่อถือ ฟางหยวนเข้าใจอย่างชัดเจนว่าอิงอู๋เซี่ยวางกับดักโดยเล็งเป้าหมายที่ดวงวิญญาณของเขาซึ่งอาจมีการระบุว่าเป็นปีศาจต่างโลกหรืออื่นๆที่เฉพาะเจาะจง

ปัญหาในการใช้วิญญาณสติปัญญาจำกัดการเติบโตของฟางหยวน

ดังนั้นเขาจึงต้องเดินทางมายังทะเลตะวันออก

เป้าหมายหลักของเขาก็คือจัดการอิงอู๋เซี่ย!

หากเขาทำสำเร็จ เขาจะสามารถตรวจสอบว่าอิงอู๋เซี่ยวางกับดักไว้หรือไม่ หากเขาวางกับดักเอาไว้จริงๆ มันจะแก้ไขได้อย่างไร?

อิงอู๋เซี่ยกลัวว่าฟางหยวนจะเติบโตเร็วเกินไปขณะที่ฟางหยวนก็กลัวว่าความแข็งแกร่งของอิงอู๋เซี่ยจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถช่วยร่างหลักของเขาได้ในที่สุด

ด้วยเหตุนี้การรับสืบทอมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งข้อมูลจึงเป็นเพียงเรื่องรอง

สิ่งสำคัญที่สุดในการเดินทางครั้งนี้ก็คืออิงอู๋เซี่ย!