ตอนที่1341 วรยุทธบ่มเพาะพลังอันน่าสะพรึง

 

“บัญญัติเทพแห่งถงเทียน?”

หวูเฉินรำพึงเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อว่า

“หรือเป็นไปได้ไหมว่า วรยุทธบ่มเพาะพลังนี้เจ้าหลอมสร้างขึ้นมาจากหุบเขาถงเทียนจำลองจริงๆ? นี่…นี่เป็นไปไม่ได้!”

 

เย่หยวนยักไหล่พลางกล่าวตอบว่า

“ใครจะไปสน จะว่าไปตอนนี้ทุกคนสบายดีหรือไม้? อืม…ท่านอาวุโส ข้าปลีกวิเวกเก็บตัวมานานเท่าใดแล้ว?”

 

“กว่าสามร้อยปีได้ในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพแห่งนี้!”

หวูเฉินยังระทึกใจไม่หายกับระยะเวลาเพียงเท่านี้ เพราะก่อนหน้าที่เย่หยวนจะเข้าเก็บตัว เขาเคยกล่าวไว้ว่า อีกฝ่ายจำต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายพันปีขึ้นไป

แต่ตอนนี้เย่หยวนกลับใช้ไปแค่สามสิบปีของโลกภายนอกเท่านั้น ก็สามารถหลอมสร้างบัญญัติเทพแห่งถงเทียนขึ้นได้สำเร็จแล้วจริงๆ!

 

“ผ่านไปสามสิบปีในโลกภายนอก? ข้าคาดว่าท่านประมุขหอหยางคงกำลังจับเข่านั่งกังวลอยู่เช่นเดิมกระมัง?”

เย่หยวนกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มสุดขมขื่น

หากไม่มีโอสถของเขา เกรงหอมหาสมบัติจำต้องตกชั้น ความนิยมลดลงเหมือนก่อนหน้าเป็นแน่

เย่หยวนที่กำลังจะออกจากโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพ ทันใดนั้นกลับถูกหวูเฉินหยุดเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อน! ระดับพลังของเจ้าตอนนี้ได้มาถึงจุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นแล้ว อีกเพียงก้าวเดียวก็สามารถทะลวงขึ้นสู่ชั้นกลางได้! เราชายชราขอดูหน่อยเสียว่า วรยุทธบ่มเพาะพลังที่เจ้าหลอมสร้างกับมือจะทรงพลังเพียงใด!”

หวูเฉินกล่าว

ในตอนนี้ตัวเขาเต็มไปด้วยความสงสัยอยากรู้อยากเห็นยิ่งว่า วรยุทธบ่มเพาะพลังที่เย่หยวนสร้างขึ้นจะมีหน้าตาเป็นแบบใดกัน

วรยุทธการบ่มเพาะนี้จะต้องวิปลาสเพียงใดกัน ถึงสามารถกระตุ้นฟ้าดินและหุบเขาถงเทียนจนเกิดภัยพิบัติได้ขนาดนี้?

 

เย่หยวนยืนแข็งทื่อเมื่อได้ยินแบบนั้นและกล่าวว่า

“ท่านอาวุโสกล่าวมีเหตุผล ข้ามิอาจล่าช้าได้อีก จำต้องเลื่อนระดับชั้นโดยเร็ว”

กล่าวจบ เย่หยวนสะบัดแขนเสื้อยาว ปรากฏเป็นกองโอสถจำนวนหนึ่งอยู่ต่อหน้าต่อตา

ซึ่งพวกมันทั้งหมดล้วนแต่เป็นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะ!

 

ด้วยความแข็งแกร่งของเย่หยวนในปัจจุบัน การจะหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะกลับมิใช่เรื่องน่าที่งใดๆอีกต่อไป

หากคนนอกเห็นเย่หยวนที่หยิบใช้โอสถฟุ่มเฟือยขนาดนี้ พวกเขาเหล่านั้นคงกรนด่าสาปแช่งเย่หยวนไปจนตาย

โอสถปราณเทวะขั้นเทวะนับเป็นของหายากมากในโลกภายนอก กล่าวได้ว่ามีแต่อุปสงค์ ทว่าปราศจากอุปทาน

 

ทว่าเย่หยวนกลับหยิบกินราวกับขนม!

 

แท้ที่จริงแล้ว เย่หยวนก็ตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้ลองใช้บัญญัติเทพแห่งถงเทียน

แม้ว่านี่จะเป็นวรยุทธบ่มเพาะพลังที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยตัวเขาเอง แต่นี่ก็เป็นแค่เศษเสี้ยวเต๋าที่ได้จากหุบเขาถงเทียนจำลองมาหลอมสร้างเท่านั้น

สำหนับผลลัพธ์ที่ออกมาจะเป็นเช่นไร กระทั่งเขาเองก็ยังไม่มั่นใจนัก

 

ดังนั้นเย่หยวนจึงเริ่มกลืนโอสถปราณเทวะลงไป และทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางโดยตรง!

ทันทีที่เม็ดโอสถตกสู่กระเพาะอาหารของเย่หยวน มันก็ได้รับการดูดซับฤทธิ์โอสถโดยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนทันที

ทันทีทันใด สีหน้าการแสดงออกของเย่หยวนพลันผันเปลี่ยนในบัดดล!

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

หวูเฉินเอ่ยถามด้วยความกังวล

 

กระทั่งตัวเย่หยวนเองยังประหลาดใจเกินพรรณนา เขาเหลียวมองหวูเฉินและกล่าวว่า

“ฤทธิ์โอสถได้รับการดูดซับโดยสมบูรณ์แล้ว!”

 

คู่ดวงตาของหวูเฉินทอประกายตื่นตระหนกสุดขีด เขาอุทานขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า

“จะ-เจ้ากล่าวอันใด? ดูดซับเสร็จแล้ว? หมาย…หมายถึงว่าดูดซับฤทธิ์โอสถปราณะเทวะขั้นเทวะหมดแล้ว?”

 

เย่หยวนผงกศีรษะด้วยความตะลึงใจไม่เปลี่ยน ขณะที่กล่าวขึ้นว่า

“ถูกต้อง ข้าเพิ่งโคจรพลังปราณเทวะด้วยวรยุทธบ่มเพาะเพียงรอบเดียวเท่านั้น ฤทธิ์โอสถปราณเทวะทั้งหมดก็ได้รับการขัดเกลา พร้อมถูกดูดซับลงสู่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์โดยสมบูรณ์ หื้ม? เดี๋ยวก่อน พลังปราณเทวะที่กักเก็บอยู่ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์จู่ๆก็ควบแน่นลดขนาดลง!”

 

ด้วยเหตุนี้ทั้งคู่ต่างสบสายตากันไปมาด้วยความมึนงงทั่งคู่

ก่อนหน้านี้ หวูเฉินยังตรวจพบว่า เย่หยวนอยู่ห่างจากอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น

แต่ในพริบตาเดียว ไฉนจากหนทางสั้นๆกลับกลายมาเป็นทางยาว!

 

 

“เจ้าหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังวิปลาสใดมา? นี่…นี่ไม่ผิดประหลาดเกินไปหน่อยรึ?”

แม้แต่หวูเฉินผู้เจนจัดผ่านประสบการณ์มาแล้วมากมาย ขอบเขตความรู้นับว่าไกลพ้น ทว่านี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่เขาต้องเผชิญกับสถานการณ์แปลกประหลาดแบบนี้

 

ทันใดนั้นเอง เย่หยวนก็กล่าวขึ้นว่า

“ท่านอาวุโส แม้พลังปราณเทวะภายในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์จะหดตัวเล็กลง แต่ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจน พลังปราณเทวะภายในกายข้าเหล่านั้นกลับบริสุทธิ์กว่าก่อนหน้ามาก!”

 

หวูเฉินครุ่นคิดเป็นการหนักเมื่อได้ยินแบบนั้นและกล่าวว่า

“ลองกลืนโอสถปราณเทวะลงอีกเม็ด แล้วดูดซับมันดู”

 

เย่หยวนพยักหน้าพร้อมทำตามที่หวูเฉินกล่าวไป

 

ทันทีที่เริ่มโคจรพลังปราณเทวะด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนอีกครั้ง โอสถปราณเทวะเม็ดนั้นก็ถูกดูดซับเข้าสู่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์แทบจะในทันที!

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็เลยก็คือ สำหรับนักสู้ทั่วไป แม้วรยุทธการบ่มเพาะพลังของพวกเขาจะท้าทายสวรรค์เพียงใด แต่อย่างน้อยที่สุดจำเป็นต้องใช้เวลาในการขีดเกลาและดูดซับโอสถปราณเทวะขั้นเทวะประมาณครึ่งถึงหนึ่งเดือนเต็ม

 

อย่างไรก็ตาม เย่หยวนสามารถขึดเกลาและดูดซับได้ทันที!

ความเร็วระดับนี้อยูเหนือจินตนาการไปแล้ว!

 

เย่หยวนพบว่าโอสถปราณเทวะขั้นเทวะที่เขากลืนลงไป ยังทันได้สัมผัสผลกระทบอันใด มันก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นคลื่นพลังปราณเทวะบริสุทธิ์ที่หลั่งไหลเข้าสู่ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ไปเสียแล้ว

เห็นดังนั้น รอบนี้เย่หยวนจจึงหยิบโอสถปราณเทวะขึ้นมาสามเม็ดพร้อมตบเข้าปากพร้อมกัน และโคจรพลังด้วยบัญญัติเทพแห่งถงเทียนอีกครั้ง

 

ทว่า…สามเม็ดยังคงน้อยเกินไป

 

ดังนั้น เย่หยวนไม่รอช้า เริ่มหยิบจั่วโอสถปราณเทวะเข้าปากมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ช้าเกินรอ กองโอสถปราณเทวะตรงหน้าก็หมดลงโดยสมบูรณ์

ประมาณหกสิบถึงเจ็ดสิบเม็ดเห็นจะได้ เย่หยวนกลืนโอสถปราณเทวะขั้นเทวะทั้งหมดไปราวกับกินถั่วกรุบกรอบเพลินปาก

 

ด้านข้างไม่ห่างกาย หวูเฉินได้แต่จับจ้องอย่างโง่งม โพล่งตาเบิกโตประดุจไข่ห่านด้วยความตกตะลึงไม่เสื่อมคลาย

เขาไม่เคยเห็นใครบ่มเพาะพลังด้วยวิธีวิปลาสแบบเย่หยวนมาก่อน

พวกหมดที่เย่หยวนกระเดือกไปล้วนเป็นโอสถปราณเทวะชั้นเทวะกว่าเจ็ดสิบเม็ด หากเป็นคนอื่นๆที่ยัดกองโอสถไปมากขนาดนี้ ทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์คงระเบิดเละไปนานแล้ว

 

“นี่…นี่มันหลุมไร้ก้นบ่อชัดๆ! เจ้าเพิ่งเป็นแค่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้น แต่กลับใช้จ่ายมหาศาลขนาดนี้ หากในอนาคตที่อาณาจักรพลังของเจ้าสูงขึ้น ปริมาณทรัพยากรที่ใช้จะยิ่งมากขนน่ากลัวเพียงใด!”

หวูเฉินถอนหายใจเฉือกใหญ่พร้อมหลากหลายอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมา

 

เย่หยวนเหลียวมองหวูเฉิน ปราศจากเล่ห์เหลี่ยมอันใด เขาคลี่ยิ้มสุดขมขื่นออกมาและกล่าวว่า

“ดูเหมือนว่า หลังจากนี้ข้าจำต้องหาเงินหาทองมาถลุงไม่รู้จบ ความอยากอาหารของข้ากลับมากผิดปกติ!”

 

หวูเฉินจู่ๆก็กล่าวขึ้นว่า

“เจ้าสัมผัสได้ไหมว่า พลังปราณเทวะของเจ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างหรือไม่?”

 

เย่หยวนพยักหน้าและกล่าวว่า

“อืม พลังปราณเทวะที่ไหลเวียนทั่วร่างกายบริสุทธิ์กว่าแต่ก่อนมาก! ยามข้าสำแดงใช้วรยุทธโจมตี น่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ประมาณสองถึงสามส่วนเลยทีเดียว!”

 

หวูเฉินพยักหน้าและกล่าวว่า

“ถูกต้อง! ไม่น่าแปลกใจที่วรยุทธการบ่มเพาะพลังของเจ้า ถึงสามารถกระตุ้นฟ้าดินให้วิปลาสได้ขนาดนี้! ข้าไม่คิดเลยว่า เจ้าเด็กหัวรั้นนี่จะมีโชคชะตาสุดท้าทายสวรรค์เพียงนี้!”

พลังปราณเทวะของเย่หยวนในตอนนี้ ทั้งบริสุทธิ์และเข้มข้นยิ่งกว่าก่อนหน้าลิบลับ

วรยุทธบ่มเพาะพลังที่แตกต่างกันไปของเหล่านักสู้ คือปัจจัยหลักที่ทำให้คุณภาพของพลังปราณเทวะไม่เหมือนกัน

หากเป็นวรยุทธบ่มเพาะพลังที่ไร้คุณภาพ พลังปราณเทวะที่ขัดเกลาได้กลับไม่สะอาดบริสุทธิ์เท่าที่ควร นั้นอาจส่งผลเสียต่อทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์ได้ในอนาคต

เมื่อเข้าสู่ช่วงปัญหาคอขวด สิ่งสกปรกที่ตกค้างอยู่ในทะเลจิตศักดิ์สิทธิ์จะเริ่มแสดงผลเสีย ระยะเวลาที่ติดอยู่จุดนี้จะขยายนานขึ้น หรือบางคนอาจไม่สามารถเลื่อนระดับชั้นได้อีกต่อไปเลยก็มี!

อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญของพลังปราณเทวะคือ ช่วยเพิ่มอนุภาพของวรยุทธต่อสู้ หากผู้ใดมีพลังปราณเทวะที่บริสุทธิ์ ขุมพลังที่ปลดปล่อยออกมาย่อมสูงกว่าตามธรรมชาติ

สรุปแล้ว การที่พลังปราณเทวะของเย่หยวนบริสุทธิ์กว่าทั่วไป นี่กลับเป็นประโยชน์มากมายเกินบรรยาย

 

กล่าวได้ว่า วรยุทธบ่มเพาะพลังคือตัวกำหนดอนาคตของนักสู้ว่าจะเดินไปไกลได้แค่ไหน!

หากเย่หยวนเลือกที่จะใช้วรยุทธบ่มเพาะพลังของจอมเทพนิรันดร์ แน่นอนว่าในช่วงแรกย่อมพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แต่สุดท้ายนี้ก็จะไม่มีทางก้าวล้ำเหนือไปกว่าอาณาจักรจักรพรรดิเทพสวรรค์ฟ้าได้เลยชั่วชีวิต

แต่สิ่งที่เย่หยวนต้องการหาใช่อาณาจักรพรรดิเทพสวรรค์หรือจักรพรรดิเทพสวรรค์ฟ้า

ไม่ว่าอย่างไร เขาจักต้องขึ้นไปถึงอาณาจักเต๋าบรรพกาลให้จงได้!

 

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเริ่มต้นความคิดที่จะหลอมสร้างวรยุทธบ่มเพาะพลังของตัวเองขึ้นมา

เมื่อพินิจมองถึงผลลัพธ์ที่ได้ในขณะนี้ นี่นับว่าคุ้มค่าแล้ว

 

“ดูเหมือนว่า หากต้องการทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลาง เกรงว่ายังต้องใช้โอสถปราณเทวะขั้นเทวะอีกประมาณหลายร้อยเม็ด! ตอนนี้โอสถปราณเทวะใกล้หมดเต็มที คงต้องออกไปหลอมกลั่นใหม่อีกรอบ”

เย่หยวนกล่าวขึ้นอย่างหมดหนทาง

ด้วยปริมาณที่ต้องการขนาดนี้ หากในอนาคตไม่มีทรัพยากรเพียงพอ กลับเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญนัก

 

 

…………………..

 

 

เมื่อเย่หยวนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในหอมหาสมบัติ เขากลับพบว่าภายในหอมหาสมบัติแห่งนี้กลับเปลี่ยวร้างว่างเปล่า คล้ายธุรกิจที่กำลังจะปิดตัวลง

สถานการณ์ที่ตกต่ำถึงขั้นนี้ทำเอาเย่หยวนประหลาดใจอย่างมาก

ก่อนหน้าที่เขาจะเข้าเก็บตัว มิใช่ว่ากำราบสามตระกูลใหญ่ไปหมดแล้ว?

 

“หงหยิน นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น? ไฉนถึงไม่มีลูกค้าเลยแม้แต่คนเดียว?”

เย่หยวนกล่าวกับหงหยินที่กำลังงีบหลับอยู่ในห้องโถง