ตอนที่ 48-2 ว่าที่พระสวามี

เขาสั่งให้ข้าเป็นราชินี [ส่วนที่ 2]

ก่อนหน้านี้นางก็เคยได้ยินชื่อเสียงเลวร้ายของเจ้าตัวนี้ เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตหลายชนิดที่จัดการยากที่สุดในเขาชีเฟิง มีความเจ้าเล่ห์ของมนุษย์ ซ้ำยังมีความดุร้ายของสัตว์ ก่อนหน้านี้นางกังวลอยู่ตลอดว่าจะเจอมนุษย์ภูเขาตอนที่อยู่ในหุบเขาหิมะ ถ้าเจอตอนที่เหยียลี่ว์ฉียังไม่หายดี นางมีความสามารถไม่มากพอ เจ้าตัวนี้จะอันตรายมาก นี่ถึงเรียกได้ว่าการทดสอบของหุบเขาหิมะ ใครจะรู้ว่าจนกระทั่งนางทำลายค่ายกล มนุษย์ภูเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัว

 

 

ตอนนี้พอคิดดูแล้ว ท่านอาจารย์จื่อเวยตั้งใจให้มนุษย์ภูเขามาทดสอบนาง แต่เจ้าตัวนี้เจ้าเล่ห์เฉลียวฉลาด ไปมาดั่งสายลม แม้แต่ท่านอาจารย์จื่อเวยก็แน่ใจไม่ได้ว่ามนุษย์ภูเขาจะปรากฏตัวหรือไม่

 

 

นางโชคดี ออกจากหุบเขาแล้วเพิ่งได้เจอมนุษย์ภูเขา แน่นอน อีกเดี๋ยวมนุษย์ภูเขาตัวนี้ก็จะโชคร้ายแล้ว

 

 

ได้ยินว่าเจ้าตัวนี้มีนิสัยของมนุษย์ รังแกคนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่ง นางแกล้งทำเป็นลนลาน มือสั่นเทิ้ม เนื้อวัวร่วงพื้น

 

 

เดิมทีนางคิดหลอกให้มนุษย์ภูเขาก้มหน้าแย่งเนื้อวัว ฉวยโอกาสใช้มีดสะบั้นตรงกะโหลกมัน นั่นคือจุดตายของมัน ถ้าในนั้นเกิดเป็นไข่มุกกระดูก ยิ่งเป็นของดีที่ใช้กลั่นยา

 

 

ใครจะรู้ว่าแขนปุกปุยของมนุษย์ภูเขานั้นเฉียดผ่าน ไม่รู้ว่าเฉียดผ่านตรงไหนของนาง ดวงตาพลันสว่างวาบ ส่งเสียงฮืดฮาดในลำคอ เนื้อวัวก็ไม่เอาแล้ว สะบั้นมือมาคว้านาง

 

 

จิ่งเหิงปัวชะงัก นางเห็นแววตาที่เมื่อก่อนแสนคุ้นเคยในสายตาของมนุษย์ภูเขาตัวนี้…ความปรารถนา

 

 

นางกลืนไม่เข้าคายไม่ออก หรือว่ามนุษย์ภูเขาก็มีความต้องการในเรื่องนี้เหมือนมนุษย์? สนใจผู้หญิงเป็นพิเศษ?

 

 

จะว่าไปแล้ว คล้ายว่าเรื่องนี้ก็เรื่องปกติ…

 

 

นางไม่อยากถูกเจ้าตัวหนึ่งที่ไม่รู้ว่านับเป็นคนหรือว่าเป็นสัตว์จู่โจมหน้าอก เรือนร่างเอนไปข้างหลัง กำลังเตรียมใช้เท้าเตะมือที่ไม่สำรวมของมนุษย์ภูเขา พลันได้ยินเสียงลมฟิ้วๆ ดังต่อเนื่องเหนือศีรษะ

 

 

เสียงนี้คุ้นเคยเหลือเกิน นางแอบร้องว่าแย่แล้ว ฝืนชักเท้าที่เตะออกไปกลับมา ล้มลงบนพื้นดังพลั่ก

 

 

“ฟิ้วๆๆ” ตรงหน้ามีแสงสีดำหลายสิบสายพลิ้วไหวทั่วท้องฟ้ากว้างใหญ่ เฉียดผ่านท้องนาง นางถึงขนาดรู้สึกว่าบนท้องเย็นวาบ จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงแทงเข้าเนื้อดังฉึกๆ ติดต่อกันและเสียงคำรามดังก้องท้องฟ้ากว้างใหญ่ของมนุษย์ภูเขา

 

 

ท่ามกลางเสียงพรวดๆ เลือดร้อนผ่าวนับไม่ถ้วนกระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนทั่วหน้าทั่วร่างนาง กลิ่นคาวทำให้กระเพาะที่ว่างเปล่าของนางเป็นตะคริวระลอกหนึ่ง เกือบจะอาเจียนออกมา

 

 

รอบด้านแว่วเสียงร้องยินดี เงาคนนับมิถ้วนกระโจนออกมาจากในป่าเขา ส่วนใหญ่ถือธนูกับศรไว้ในมือ คนเหล่านี้ท่าร่างว่องไว วรยุทธไม่ต่ำต้อย พวกเขาวิ่งมาทางมนุษย์ภูเขาที่โซเซล้มลง ไม่มีสักคนมองจิ่งเหิงปัวสักปราดเดียว บางคนเดินข้ามศีรษะนาง บางคนเหยียบแขนของนาง ยังมีบางคนร้องด่าว่า “ตัวเกะกะ!” เตะนางเล็กน้อย

 

 

จิ่งเหิงปัวค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง พอก้มหน้ามอง เสื้อผ้าตรงช่วงท้องถูกหัวลูกศรตัดขาดแล้ว

 

 

เมื่อครู่ถ้าไม่ใช่เพราะช่วงนี้ นางถูกท่านอาจารย์จื่อเวยฝึกฝนจนเกิดความสามารถในการรับมือสถานการณ์กับการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม ถ้าเปลี่ยนเป็นนางในครึ่งปีก่อนคงถูกยิงกลายเป็นเม่นแล้ว

 

 

คนเหล่านี้ยิงธนูล้อมสังหารมนุษย์ภูเขา ไม่ได้สนใจว่ายังมีคนบริสุทธิ์อยู่หน้ามนุษย์ภูเขาด้วยซ้ำ ในสายตาของพวกเขามองเห็นเพียงมนุษย์ภูเขา มองไม่เห็นชีวิตของผู้อื่น

 

 

จิ่งเหิงปัวใช้มือค้ำยันพื้น หัวเราะเยาะเล็กน้อย

 

 

หมาแมวที่ไหนมาเกเรที่เขาชีเฟิง? มาเกเรต่อหน้ามหาราชินีจิ่งเช่นนาง?

 

 

คนกลุ่มนั้นยังร้องยินดี ฉลองที่ไล่ตามมนุษย์ภูเขาสามวัน ล่าสังหารสำเร็จจนได้

 

 

จิ่งเหิงปัวมองเนื้อวัวบนพื้น ถูกเลือดย้อมเป็นสีแดง กินไม่ได้แล้ว

 

 

นางรู้สึกปวดฟันเหลือเกิน

 

 

ยามนี้กลับมีคนเจอนางแล้ว บุรุษสูงใหญ่ผู้หนึ่งเดินเข้ามา มองนางอย่างไม่สนใจไยดีปราดเดียว เอ่ยว่า “เจ้าเป็นชาวเขาชีเฟิงนี้?”

 

 

จิ่งเหิงปัวใคร่ครวญหนึ่งวินาที ตัดสินใจว่าจะไม่โกรธตอนนี้ ขณะนี้นางหิวมาก กำลังกายไม่พอ คนฝูงนี้มีมากกว่ายี่สิบถึงสามสิบคน วรยุทธไม่ต่ำต้อย นางไม่อยากประมาท

 

 

อีกทั้งนางก็อยากรู้ กลุ่มอำนาจในไต้เม่าแห่งนี้ต่างคนต่างอยู่กับเขาชีเฟิงมาตลอด ครั้งนี้ทำไมบุกเข้ายอดเขาลูกที่เจ็ดกะทันหัน วางแผนอะไรอื่นไว้ใช่ไหม

 

 

“ใช่แล้ว…” นางกล่าวอย่างหวาดกลัวว่า “ข้าเป็นลูกสาวบ้านนายพรานบริเวณนี้ ออกมาเก็บสมุนไพรไม่ระวังเจอมนุษย์ภูเขา ขอบคุณผู้กล้าทุกท่านที่ช่วยเหลือ…”

 

 

นางรู้จักวางตัวขนาดนี้ ความคิดสังหารในแววตาของคนผู้นั้นอ่อนลงไป ร้องอืมเอ่ยว่า “เจ้ารู้เรื่องยิ่งนัก…เจ้าอาศัยอยู่ที่ใด หรือไม่พวกเราส่งเจ้ากลับไป?”

 

 

จิ่งเหิงปัวรับรู้ได้ถึงสายตาสืบเสาะของเจ้าคนนั้น ในใจหัวเราะเยาะ ส่งกลับไป? ค้นหาความจริงแล้วค่อยสังหารปิดปากเหรอ?

 

 

“บ้านข้าอยู่ที่ยอดเขาหลัก” นางกระซิบ

 

 

ยอดเขาหลักคือยอดเขาลูกที่สาม เกรงว่าห่างจากเส้นทางภูเขาแห่งนี้กว่ายี่สิบลี้

 

 

“สตรีนางหนึ่งเช่นเจ้า ออกมาไกลขนาดนี้เพียงลำพัง?” คนผู้นั้นวางมือไว้บนด้ามมีด สายตาสงสัย

 

 

“ท่านพ่อข้าล่าสัตว์หกล้มขาหัก ในบ้านแทบไม่มีเสบียงแล้ว ได้ยินว่ายอดเขาลูกที่เจ็ดเต็มไปด้วยสมุนไพรล้ำค่า ข้าพกเสบียงกรัง ออกมาหลายวันแล้ว…” นางก้มหน้าท่าทางคล้ายร้องไห้สะอึกสะอื้น ฉวยมือเช็ดเลือดที่เปื้อนหน้ามั่วซั่ว ยิ่งทำให้ผู้อื่นมองหน้าตาที่แท้จริงไม่ออกยิ่งขึ้น

 

 

คนผู้นั้นร้องอืมอีกครั้ง พลันเอ่ยว่า “เจ้าอาศัยอยู่ยอดเขาหลัก เคยได้เจอผู้ใดหรือไม่?”

 

 

“ผู้ใดกัน?” จิ่งเหิงปัวมีสีหน้างงงวยอย่างให้ความร่วมมือยิ่ง

 

 

“เช่นว่า…ผู้ที่ค่อนข้างอัศจรรย์ เหาะไปเหาะมาได้ หรือว่าหมู่นี้เจ้าเคยเห็นสตรีนางหนึ่งหรือไม่ อืม นางน่าจะหน้าตางดงามยิ่งนัก”

 

 

จิ่งเหิงปัวก้มหน้าลง แสงรุ่งโรจน์กะพริบวูบในแววตา

 

 

อ้าว มาหานาง

 

 

“เคยสิ” นางกล่าวอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสาว่า “ไม่นานมานี้คนมากมายมาที่นี่ อาศัยอยู่ที่ครึ่งเขา ซ้ำยังมีพี่สาวแสนสวยท่านหนึ่ง ว้าว นางน่ะรูปโฉมเป็นที่หนึ่ง ท่วงท่าไม่มีสอง งดงามสะท้านฟ้าดิน แม่น้ำไหลย้อนศร…”

 

 

บุรุษผู้นั้นขัดจังหวะการเยินยอตัวเองน้ำไหลไฟดับของนางอย่างรำคาญ “ไม่ต้องเอ่ยมากขนาดนั้น ยามนี้นางอยู่ที่ใด?”

 

 

“ไปแล้วนะ” จิ่งเหิงปัวกะพริบตา

 

 

“ไปแล้ว?”

 

 

“ก่อนข้าออกมา นางก็ลงเขาแล้ว” จิ่งเหิงปัวกล่าวว่า “พร้อมด้วยคนมากมาย เอ่ยว่าจะไปไต้เม่าล่ะ”

 

 

คนกลุ่มหนึ่งล้อมรอบเข้ามา สีหน้าสนใจ บางคนถามว่า “รู้หรือไม่ว่าไปไต้เม่าหาผู้ใด?”

 

 

“ข้าอยู่ที่ครึ่งเขา เห็นพวกเขาลงเขา เดินไปพลางปรึกษากัน เอ่ยว่าจะไปหาสิบสามองครักษ์อะไรสักอย่าง…”

 

 

จิ่งเหิงปัวไม่แน่ใจว่าคนเหล่านี้เป็นคนของกลุ่มอำนาจไหนกันแน่ แต่นางเคยเห็นเครื่องหมายบนเสื้อผ้าของสิบสามองครักษ์ แน่ใจได้แค่ว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนของกลุ่มสิบสามองครักษ์ เช่นนี้จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด ซ้ำยังได้ยืมมือคนอื่นจัดการ

 

 

อย่างที่คิดไว้คนเหล่านั้นมีสีหน้าจริงจังยิ่งขึ้น บางคนฮึดฮัดเอ่ยว่า “ก็รู้ว่านางอยู่ที่เขาชีเฟิงนานขนาดนั้น ต้องมีเป้าหมายแอบแฝงแน่แท้ อีกทั้งสิบสามองครักษ์…ไม่เคยสำรวมตั้งแต่ไหนแต่ไรจริงด้วย!”

 

 

“หุบปาก” ผู้ที่ถามอยู่ข้างหน้าขึ้นเสียงตำหนิ คนที่เหลือไม่ส่งเสียงอีกเลย

 

 

“เจ้าสนิทกับสตรีนั้นหรือไม่?” บุรุษที่ถามอยู่ข้างหน้าส่งสายตาเปล่งประกาย ถามนาง

 

 

จิ่งเหิงปัวกำลังจะตอบ พลันได้ยินเสียงกระซิบข้างหูว่า “หัวข้อสุดท้ายแล้วนะ เล่นกับกลุ่มอำนาจไต้เม่าเหล่านี้ให้เต็มที่ ทำได้ดีเพิ่มคะแนน ถอนพิษให้เจ้า!”

 

 

จิ่งเหิงปัวแทบจะโพล่งปากร้องด่า…หัวข้อสุดท้ายกับน้องสาวแกสิ! ไอ้เวรเอ๊ยบอกว่าหัวข้อสุดท้ายตั้งกี่รอบแล้ว?

 

 

ยังจะเพิ่มคะแนน พี่น่าจะเต็มเจ็ดสิบคะแนนตั้งนานแล้ว!

 

 

ยังจะถอนพิษ ถอนพิษหมดไปตั้งนานแล้วมั้ง? หรือไม่ก็ไม่ได้ถอนให้หมดตั้งแต่ต้น ไอ้เวรเอ๊ยอาศัยเรื่องนี้มาแกล้งฉัน!

 

 

ผู้ที่รอคำตอบรู้สึกว่าคล้ายได้ยินเสียงกัดฟัน มองจิ่งเหิงปัวอย่างแปลกใจ ทว่าได้เจอใบหน้ายิ้มแย้มของจิ่งเหิงปัว

 

 

“สนิท สนิทยิ่งนัก พี่สาวแสนสวยท่านนั้นลงเขาบ่อยครั้ง ซ้ำยังเคยล่าสัตว์กับข้า บางครั้งยังพักอยู่ที่บ้านข้า นางชอบข้ามากเลยล่ะ”

 

 

คนที่กุมด้ามมีดอยู่ตลอดค่อยๆ ชักมือกลับไป พินิจนาง เอ่ยว่า “พวกเราเป็นสหายของพี่สาวท่านนั้นของเจ้า ขึ้นเขาเพื่อมาหานาง ในเมื่อนางไปแล้ว เจ้าช่วยพวกเรานำทางตามไปหานางได้หรือไม่?”

 

 

“แต่ข้าไม่รู้ว่านางไปที่ใดแล้ว…” จิ่งเหิงปัวกล่าวอย่างลำบากใจว่า “อีกทั้งข้ายังต้องเก็บสมุนไพรแลกเงิน…”

 

 

จะรับปากง่ายเกินไปไม่ได้ พวกเขาจะเกิดความสงสัย

 

 

“เรื่องนี้ไม่เป็นไร พวกเราจ่ายค่าตอบแทนให้เจ้าได้” บุรุษผู้นั้นเอ่ยว่า “แม้พวกเรามาหานาง แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอกัน กลัวนางไม่เชื่อพวกเรา ฉะนั้นจึงพาเจ้าไปด้วย เจ้าสนิทกับนาง พอถึงยามนั้นจะได้ทักทายสะดวกหน่อย”

 

 

“เช่นนั้น…” นางกล่าวอย่างลังเลว่า “ต้องไปกับพวกท่านนานมากกระมัง? ทว่าพ่อแม่ในบ้านข้าจะไม่มีกิน…”

 

 

“พวกเราส่งคนไปบ้านเจ้า ส่งเงินให้ก่อนเล็กน้อยได้” คนผู้นั้นขัดจังหวะนางอย่างรำคาญ ในใจกลับเชื่อ “ลูกสาวนายพราน” นางนี้ ความลังเลกับข้อเรียกร้องทุกอย่างของนางสอดคล้องกับสถานการณ์ปกติยิ่งนัก

 

 

“เช่นนั้นเอาเถิด” จิ่งเหิงปัวรับปากคล้ายยังไม่เต็มใจ สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่สบายใจที่ต้องไกลบ้าน แต่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวคนที่ติดอาวุธครบมือเหล่านี้ตรงหน้า

 

 

สีหน้าของนางสะบัดสะบิ้งอย่างเป็นประโยชน์ คนเหล่านั้นก็ละทิ้งความสงสัยสุดท้ายที่มีต่อนาง นางบอกที่อยู่ของบ้านกลางเขาที่ครึ่งเขา อย่างไรเสียยอดเขาหลักแห่งนั้นมีนายพรานบางส่วนอยู่กันกระจัดกระจายจริงๆ หัวหน้าบอกใบ้ผู้อ่อนวัยคนหนึ่งว่า “ไปส่งเงินให้ที่บ้านแม่นางคนนี้” เอ่ยจบส่งสายตาเป็นนัย

 

 

จิ่งเหิงปัวก้มหน้า ยิ้มแย้มไม่ปริปาก นางรู้ว่าคนพวกนี้คงไม่ไปส่งเงินจริงๆ คงไปตรวจสอบเรื่องราวที่แท้จริง แต่ขอแค่คนคนนี้ไปยอดเขาหลักจริงๆ ไม่มีทางที่จะไม่ถูกเจ็ดสังหารที่วิ่งไปวิ่งมาทั้งวันพบเจอ พวกเฮฮาเจ็ดคนอาจเดาอะไรไม่ออก แต่อิงไป๋กับเผยซูเป็นถึงคนเก่งที่มีชื่อเสียง พวกเขาจะเสาะหาเบาะแส ตามมาได้ง่ายดาย

 

 

หลายคนจูงหัวหน้าคนนั้นไปแอบกระซิบฝั่งหนึ่ง นางฟังออกว่ากำลังซักถามข้อสงสัย เหตุใดต้องพาลูกสาวนายพรานนางนี้ไปด้วย?

 

 

“พวกเจ้าเข้าใจอะไร?” หัวหน้าคนนั้นกระซิบตำหนิ “ได้ยินว่าจิ่งเหิงปัวใจอ่อนยิ่งนัก แสร้งเป็นคนมีศีลมีธรรมกับราษฎรเสมอ ฐานะเช่นพวกเรานี้อาจทำให้นางระมัดระวัง คิดอยากเข้าใกล้นาง มีชาวบ้านที่คุ้นเคยย่อมจัดการได้ง่ายกว่า”

 

 

ทางนั้นทยอยชื่นชมความเฉลียวฉลาดของหัวหน้า จิ่งเหิงปัวก้มหน้า ค่อยๆ หัวเราะเล็กน้อย