ตอนที่ 235 ปะทะหน้ากัน

ว่าอย่างไรนะ ยังจะให้คนขึ้นมาอยู่อีกเหรอ หากเป็นเช่นนั้นนางจะถูกพบตัวได้น่ะสิ!

ซูหวานหว่านเกิดอาการกระวนกระวายขึ้นมา นางจะทำอย่างไรดีเพื่อไม่ให้โดนพบ?

เมื่อคนใช้ปีนขึ้นมาก็เห็นแมวตัวอ้วนสีขาวกระโดดไปมาราวกับว่ากำลังหาบางสิ่ง เขาจึงจับมันเอาไว้และนำมันลงไปด้านล่างทันที เฉียวหน่วนอวี้จึงถามออกมาอย่างร้อนรนว่า “ข้างบนนี้มีเพียงแค่เสี่ยวทวนงั้นหรือ?”

“ขอรับคุณหนู มีเพียงแค่เสี่ยวทวนกำลังกระโดดเล่นไปมาบนหลังคาเท่านั้น!” คนใช้พูดออกมา

เฉียวหน่วนอวี้ดูเหมือนจะไม่เชื่อ นางต้องการที่จะปีนขึ้นไปดูเอง แต่เนื่องจากองค์ชายรองยังแอบอยู่ที่ห้องนางจึงพูดออกมาว่า “เอาล่ะ พาเสี่ยวทวนไปเข้านอนเสีย แล้วเฝ้ามันเอาไว้อย่าปล่อยให้มันหนีไปเดินเพ่นพ่านอีก”

เป็นแค่แมวตัวหนึ่งแต่กลับมารบกวนความสุขของข้า! เมื่อคิดดังนั้นจึงพูดออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “ดูแลแมวของเจ้าให้ดี!”

หลังจากนั้นชายคนนั้นก็จากไป

หากซูหวานหว่านเห็นชายคนนั้นจะต้องจำได้แน่ว่าชายคนนี้ก็คือซงจิน คนที่นำเทียบเชิญมาให้นางนั่นเอง!

เฉียวหน่วนอวี้นั่งพักผ่อนขณะที่มองดูชายคนนั้นจากไป เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางดึกจู่ ๆ ก็มีบุคคลหนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนหลังคา และนั่นคือซูหวานหว่าน!

ปรากฏว่าก่อนหน้านี้ซูหวานหว่านคิดวิธีการดี ๆ ออกมาได้ นางจึงแลกคะแนนเพื่อซ่อนตัว ทำให้คนใช้มองไม่เห็นหญิงสาว

เมื่อนางกำลังจะจากไป ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องของเฉียวหน่วนอวี้ และเสียงกระซิบดังออกมา “คุณหนู แย่แล้ว คนรับใช้ที่คุณหนูส่งให้ไปทำงานตอนนี้ถูกจับได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขายังมีชีวิตหรือไม่! ไม่รู้ว่าเขาเปิดปากไปหมดแล้วหรือยัง ถ้าเขาพูดออกไป พวกเราต้องแย่แน่ ๆ”

เสียงหัวเราะอันเย็นชาของเฉียวหน่วนอวี้ดังออกมาในทันที “นางยังไม่ตายอีกหรอกเหรอ ถือว่านางมีบุญนัก! แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ถ้าครั้งนี้มันยังไม่ตาย ข้าจะคิดหาวิธีที่มันดีกว่านี้ อีกทั้งยังไม่มีผลใด ๆ ตามสาวมาถึงเรา!”

เมื่อได้ยินแบบนี้ซูหวานหว่านที่ยืนอยู่บนหลังคาก็ตกใจทันที งั้นแปลว่าคนที่ลอบฆ่าฮูหยินเฉียวก็คือเฉียวหน่วนอวี้อย่างงั้นหรือ? นางอยากให้ฮูหยินเฉียวตายอีกงั้นเหรอ?

หรือว่านางไม่ได้เป็นลูกแท้ ๆ ของฮูหยินเฉียว? ความสงสัยเกิดขึ้นในความคิดของซูหวานหว่าน

ตอนนี้ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว นางควรจะรีบออกจากที่นี่เสียที มิฉะนั้นนางอาจจะถูกพบเห็น

ซูหวานหว่านรีบพาตัวเองออกจากที่นี่ทันที เดินตรงไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมยาและอาหารเช้าให้กับฮูหยินเฉียว

ทันใดนั้นก็เห็นเหล่าคนใช้กำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาด เมื่อเดินเข้าไป ก็พบว่าเป็นห้องครัวห้องใหม่ที่นางเป็นคนเอ่ยขอ และมันก็สร้างเสร็จภายในชั่วเวลาข้ามคืนเท่านั้น!

กิจการค้าเกลือต้องมีเงินมากขนาดไหนกัน!

ซูหวานหว่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หลังจากคนใช้ได้ทำความสะอาดห้องครัวเสร็จก็พากันเดินออกไป นางจึงเริ่มก่อไฟและต้มยา ในขณะที่กำลังเตรียมทำอาหารอยู่ จู่ ๆ ก็มีคนใช้เดินเข้ามาพูดว่า “แม่นางซู! องค์ชายสามกำลังจะเสด็จมาที่นี่ ฮูหยินให้ข้ามาบอกให้เจ้าทำขนมหรือของหวานเพื่อต้อนรับองค์ชายสามเสีย”

“เข้าใจแล้ว” ซูหวานหว่านพยักหน้าตอบรับ แต่เมื่อนางได้ยินคำว่า ‘องค์ชายสาม’ นางก็ส่ายหัวไปมา พร้อมกับฮัมเพลง เมื่อคนใช้คนเดินออกไปแล้วนางก็แอบหยิบพริกออกมาจากในมิติฟาร์มเพื่อใส่ลงไปในขนม แล้วพูดออกมาว่า “สั่งให้ข้าทำอาหารให้เจ้าทานอย่างงั้นเหรอ เจ้าจะต้องเผ็ดจนทนไม่ไหวแน่คอยดู!”

แต่ว่าหลังจากใส่พริกลงไปในชามขนมหวานแล้ว นางก็พลันยกเข้าไปเก็บในมิติฟาร์มทันที เพราะนางไม่สามารถที่จะเอาไปให้ฉีเฉิงเฟิงกินได้ มันคงไม่เป็นผลดีนัก และอาจจะทำให้ฮูหยินเฉียวเดือดร้อน

เมื่อทำขนมหวานเสร็จ ซูหวานหว่านก็เรียกให้คนใช้ยกมันออกไปได้ทันที หลังจากนั้นนางก็ต้มยาต่อ คนใช้ที่ยกขนมหวานออกไปได้ไม่นานก็เดินกลับมาบอกกับซูหวานหว่านว่า “แม่นางซูองค์ชายสามชื่นชมขนมหวานของเจ้ามาก อีกทั้งคุณหนูใหญ่ให้มาเชิญเจ้าออกไป นางมีเรื่องที่อยากจะรบกวนเจ้า”

เป็นไปได้หรือไม่ที่เฉียวหน่วนอวี้ต้องการให้นางทำอาหารให้กับฉีเฉิงเฟิง? ซูหวานหว่านเดินออกไป พร้อมกับครุ่นคิดอยู่ในใจ

เมื่อนางเดินตามคนใช้ไป นางก็เห็นเฉียวหน่วนอวี้และฉีเฉิงเฟิงนั่งอยู่ในศาลาริมแม่น้ำ เมื่อเฉียวหน่วนอวี้เห็นซูหวานหว่านเดินเข้ามาก็ได้พูดออกมาว่า “แม่นางซู เจ้ามาแล้ว ช่วงนี้องค์ชายสามอ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง และเขาก็ยังกินอาหารไม่ค่อยลง เจ้ามีทักษะในการทำอาหารดีเยี่ยม เหตุใดเจ้าถึงไม่ไปอยู่ที่วังขององค์ชายสามและทำอาหารให้องค์ชายสามสักสองสามวันล่ะ?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ แววตาของฉีเฉิงเฟิงที่ตื่นตะลึงเนื่องจากได้เห็นซูหวานหว่านอีกครั้งก็พลันเปล่งประกายขึ้น หากว่าซูหวานหว่านอยู่ข้าง ๆ เขา เขาก็จะสามารถปกป้องนางได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก!

คนรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกตื่นเต้นแทนเมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวหน่วนอวี้ เขามองไปที่ซูหวานหว่านด้วยสายตาอิจฉาริษยา “ได้เข้าไปในอยู่ในวังกับองค์ชายสาม อีกทั้งยังได้ทำอาหารให้กับองค์ชายสามเสวยอีก ถือว่าเป็นความโชคดีอย่างมากเชียวนะ!”

“ใช่แล้ว! น่าอิจฉานัก หากเป็นข้า ข้าจะตอบตกลงทันที พร้อมรีบคุกเข่าลงแล้วกล่าวขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”

“…”

แต่เมื่อซูหวานหว่านมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง หัวใจของนางก็พลันเย็นวาบขึ้นมา ต้องการให้นางไปทำอาหารให้กับฉีเฉิงเฟิงอย่างงั้นหรือ? ไม่มีวัน!

ซูหวานหว่านตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่ไป”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” เฉียวหน่วนอวี้จ้องมองไปซูหวานหว่าน “เขาเป็นถึงองค์ชายสาม! เจ้ากล้าปฏิเสธออกมาได้อย่างไรกัน?”

คนใช้ที่ยืนอยู่ก็พากันมองไปที่ซูหวานหว่านอย่างเป็นกังวล หากนางไม่มีข้อแก้ต่างที่ดี เป็นไปได้มากที่นางอาจจะถูกองค์ชายสามจับตัวไปทำโทษ!

“ประการแรก ข้าไม่ใช่คนรับใช้ในบ้านของเจ้า และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งให้ข้าไปไหนตามอำเภอใจ ประการที่สอง อาจารย์ของข้ามาที่นี่ก็เพื่อช่วยรักษาฮูหยินเฉียว หากตอนที่ข้าไม่อยู่เกิดมีผู้ใดลอบวางยาพิษฮูหยินเฉียว แล้วใส่ร้ายว่าเป็นยาของอาจารย์ข้า แบบนี้มันจะไม่ทำลายชื่อเสียงและป้ายความผิดให้กับอาจารย์ของข้าอย่างงั้นรึ?” เมื่อซูหวานหว่านพูดถึงยาพิษ นางก็หันไปมองไปที่เฉียวหน่วนอวี้ทันที ทำให้มือของเฉียวหน่วนอวี้ที่ถือตะเกียบอยู่สั่นขึ้นมาเล็กน้อย!

ซูหวานหว่านเสียสติไปแล้ว! แต่ในตอนนี้นางจะเถียงออกมาไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉียวหน่วนอวี้นั้นรู้สึกไร้อำนาจ เมื่อนางเห็นฉีเฉิงเฟิงมองมาที่ตน นางก็ปรับสีหน้าแล้วพูดออกมาว่า “องค์ชายสาม ท่านดูนางสิเพคะ…นางช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย!”

ก่อนที่เฉียวหน่วนอวี้จะพูดจบประโยค ฉีเฉิงเฟิงก็พูดขัดจังหวะขึ้นมาว่า “นิสัยของลูกศิษย์ฮวงอวี๋อีช่างไม่แตกต่างจากอาจารย์ของเขา หากแต่เต็มไปด้วยความจริงใจ เห็นความสำคัญของอาการป่วยฮูหยินเฉียวมาก่อนสิ่งใด! ตระกูลเฉียวของเจ้าน่าจะเจอหมอที่ดีแล้ว!”

คำพูดของฉีเฉิงเฟิงกำลังหมายความว่านางไม่คิดถึงแม่ตัวเองอย่างงั้นหรือ? ใบหน้าของเฉียวหน่วนอวี้พลันซีดลง และเมื่อนางมองไปที่ซูหวานหว่าน แววตาของนางก็พลันเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและดุร้าย พร้อมกับพูดออกมาว่า “องค์ชายสามเพคะ ที่จริงแล้วข้าจะดูแลท่านแม่เอง เพียงแต่ว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว ข้าเลยยุ่งมาก…”

ปึง!

ฉีเฉิงเฟิงวางตะเกียบลง “คุณหนูเฉียว เจ้าจะใจร้อนเกินไปหรือเปล่า ที่ข้ามาที่นี่ในครั้งนี้ก็เพื่อพาแม่นมมาที่นี่”

พาแม่นมมา?

ทุกคนตกใจ ดูเหมือนนายท่านเฉียวจะรับรู้ถึงสถานการณ์บางอย่างได้ เขาส่งสัญญาณให้คนใช้ทุกคนเดินออกไป แล้วเรียกซูหวานหว่านออกมาด้วย แต่อย่างไรก็ตามด้วยหูวิเศษของซูหวานหว่าน นางยังคงได้ยินเสียงที่พูดขึ้นอย่างชัดเจน

หลังจากนั้นไม่นาน เฉียวหน่วนอวี้ก็ได้เดินออกมาใช้หูแนบกำแพง แต่พอเห็นซูหวานหว่านจึงรู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา

ซูหวานหว่านจ้องมองสบตากับเฉียวหน่วนอวี้พร้อมกับคิดหาวิธีหาเงิน จึงเดินเข้าไปหานางช้า ๆ และกระซิบแผ่วเบา “คุณหนูใหญ่ ข้ามีวิธีทำให้ท่านกลับมามีเลือดตกใส่ที่นอนอย่างสาวบริสุทธิ์ในคืนเข้าหอได้ ขอแค่มีเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเท่านั้น ท่านสนใจหรือไม่?”

วิธีการเช่นนี้จะมีอยู่ได้อย่างไรกัน และ…นางก็ยังไม่โดนจับได้ หากไม่มีองค์ชายสามอยู่ที่นี่ นางจะฆ่าซูหวานหว่านให้ตายคามืออย่างแน่นอน!

เฉียวหน่วนอวี้กัดฟันพร้อมกับพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “เจ้ากำลังพูดจาไร้สาระอะไรอยู่ ข้าคนนี้เป็นสาวพรหมจารี!”

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาและตอบบ่ายเบี่ยงว่า “คุณหนูใหญ่ ถ้าท่านกลับมาถามข้าในเรื่องนี้อีกรอบ ครานี้อาจจะไม่ใช่ในราคาหนึ่งหมื่นตำลึงแล้วนะ!”

“ข้าไม่ถามเจ้าแน่!” อย่างไรก็ตามหลังจากพูดจบ เฉียวหน่วนอวี้ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ หญิงสาวยกมือขึ้นบีบคางของซูหวานหว่าน เป็นไปได้ไหมว่า… ซูหวานหว่านเข้ามาในเรือนของนางเมื่อคืนนี้

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เฉียวหน่วนอวี้ก็ตื่นตระหนกขึ้นมา นางดึงตัวซูหวานหว่านไปที่อื่นแล้วเรียกคนใช้ให้เดินตามออกมา “ข้าจะให้เงินเจ้า จับนางมัดเอาไว้ดี ๆ และไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม นางจะต้องกลายเป็นอาหารหมาป่าภายในคืนนี้!”