ตอนที่ 322

The Divine Nine Dragon Cauldron

ทิ้งข้ออ้าง

จางซือยี่หยุดเดิน เขาหัวเราะ

 

“มีอะไรรึ?”

 

“ข้าสนิทกับเจ้ารึอย่างไร?”

 

ซือหยูยืนมือไพล่หลัง

 

รอยยิ้มของจางซือยี่หายไป

 

“ไม่หรอก แต่ข้าคือหนึ่งในบุตรทั้งส….”

 

เขาไม่คิดว่าซือหยูจะพูดแทรก

 

“ถ้าเจ้าไม่รู้จักกับข้า ข้าจะเชื่อใจเจ้าไปทำไมกัน? เจ้าเกี่ยวอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่รึ? ถ้าเจ้าไม่เกี่ยวอะไรแล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องของคนอื่นกัน?”

 

จางซือยี่ตัวแข็งทื่อ เขาไม่พอใจเล็กน้อย

 

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบซือหยูมาจนถึงตอนนี้ ซือหยูทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก

 

แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าเป็นเขาเองที่มาหาเรื่องในทั้งสองครา

 

จางซือยี่ข่มความไม่พอใจ เขาฝืนยิ้ม

 

“ข้าคือหนึ่งในบุตรทั้งสี่ เจ้าไม่เชื่อในชื่อเสียงของข้ารึ?”

 

“ส่วนการยุ่งเรื่องของเจ้า หึหึ ข้าก็แค่มาช่วยเหลือเมื่อเห็นเรื่องไม่เป็นธรรมเท่านั้น นี่มิใช่หน้าที่ของผู้บ่มเพาะพลังหรอกรึ?”

 

ซือหยูส่ายหัว

 

“บุตรทั้งสี่ดังมากนักรึ? ขออภัย ข้าไม่เคยได้ยินชื่อพวกเจ้าเลย! ถึงจะเคยได้ยินก็ค่อยให้ข้าเชื่อใจเจ้าตอนที่เจ้าแห่งหอสดับหิมะมาเองเสียยังดีกว่า!”

 

“ส่วนเรื่องความไม่ยุติธรรม เจ้าช่วยหนูให้รอดจากสุนัขที่วิ่งไล่จับก็เป็นการช่วยเหลือในความไม่เป็นธรรมเหมือนกัน เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า”

 

ซือหยูพูดโดยไม่เกรงใจ

 

จางซือยี่มิอาจข่มความโกรธได้อีก หลังจากที่ถูกปฏิเสธหลายครั้งหลายหน เขาพูดด้วยรอยยิ้มที่หายไป สีหน้าของเขาไม่เป็นมิตรอีกแล้ว

 

“ฮื่ม! ข้าหวังดีและพยายามจะช่วยคลี่คลายเรื่องผิดใจของพวกเจ้า แต่เจ้ายังไม่ยินดี เจ้ากลับดูหมิ่นข้า!”

 

“ข้าจะต้องจัดการเรื่องนี้!”

 

จางซือยี่สะบัดพัดในมือ

 

ซือหยูหัวเราะเยาะ

 

“หวังดีรึ? เจ้าปลิ้นปล้อนเก่งนัก จริงๆเจ้าก็แค่หวังอยากได้ธนูมังกรฟ้าดินของข้า”

 

“ข้าต้องพูดให้ชัดก่อนเจ้าจะหยุดใช่หรือไม่?”

 

จางซือยี่หัวเราะ

 

“คนที่เป็นแค่รองเจ้าตำหนักอย่างเจ้าคิดจะใส่ร้ายข้าด้วยลมปากพล่อยๆรึ?”

 

“จางซือยี่ผู้นี้จะกระทำการชั้นต่ำอย่างนั้นรึ? ข้าก็แค่ทนเห็นเจ้ารังแกเขาไม่ได้ เจ้าจำนวนเยอะกว่ายิ่งนัก ข้าพูดแทนความไม่ยุติธรรมที่เขาได้รับก็เท่านั้น”

 

จางซือยี่อยากจะได้ธนูมังกรฟ้าดินอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะพูดว่าเขาเข้ามาเพื่อความยุติธรรม การโกหกคำโตเช่นนี้ทำให้ซือหยูหัวเราะ

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่หน้าประตูเมือง ซือหยูก็อาจจะเชื่อสักหนึ่งในสิบส่วนว่าเขาคิดอย่างที่พูดจริงๆ

 

แต่เมื่อตัดสินจากเรื่องในอดีต คนที่หยาบคายเช่นนี้จะออกรับหน้าปกป้องคนอื่นได้อย่างไร?

 

“ย่อมได้ บอกข้ามาว่าเจ้าจะแก้สถานการณ์ยังไง?”

 

ซือหยูยิ้มเบาๆ

 

ฉีหยุนเซี่ยงแอบเป็นกังวล ทำไมเขาถึงปล่อยให้คนอื่นจัดการกับเรื่องนี้กัน?

 

อีกฝ่ายพยายามจะปกป้องเกาคังอย่างเห็นได้ชัด!

 

ฮั่วฉีหลานเลิกคิ้ว การเปลี่ยนแปลงความคิดของซือหยูนั้นเหนือความคาดหมาย

 

ตู่หลงก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ในสายตาของเขา หยินหยูจะไม่ยอมรามือ เหตุใดเขาถึงยอมรับกับคำขออันไร้สาระเช่นนี้?

 

จางซือยี่ยิ้มกว้าง

 

“หึหึ ดูเหมือนเจ้าจะคิดดีแล้วสินะ!”

 

“ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเข้ามาแทรกเพื่อคลี่คลายความบาดหมางของพวกเจ้า!”

 

จางซือยี่พูดช้าๆ

 

“ข้าคิดว่าพวกเราต้องย้อนกลับไปมองตั้งแต่แรกเริ่ม เพื่อไขข้อบาดหมางของพวกเจ้า!”

 

“เจ้าตำหนักหยินหยู เจ้าเป็นคนที่ทำร้ายเกาคังและขโมยธนูของเขาไป นี่เป็นเหตุที่เกิดปัญหาขึ้น”

 

ซือหยูกำลังฟังอยู่หัวเราะออกมา

 

“ถ้าข้าจำไม่ผิด เจ้าก็อยู่ที่นั่นด้วย ใครกันที่จ่ายสมุนไพรเทพไปเพื่อการประมูล? ทำไมเจ้าถึงพูดว่าธนูนั่นเป็นของเขา? ข้าผิดรึที่ทำร้ายเขาเพื่อเอาธนูของข้าคืนมา?”

 

จางซือยี่หัวเราะและส่ายหัว

 

“ขออภัย ข้าแค่เห็นตอนที่เจ้าส่งสมุนไพรเทพออกไปเท่านั้น ข้าไม่แน่ใจว่าธนูเงินนั่นเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์! แต่ตระกูลตู่ที่จัดงานส่งธนูให้กับเกาคัง นั่นก็หมายความว่าธนูนั่นเป็นของเกาคัง แล้วเจ้ามีเหตุผลอะไรไปทำร้ายเขาแล้วชิงของของเขามา?”

 

จางซือยี่พูดบิดเบือนความจริง เขาพลิกผิดเป็นถูก มันช่างน่าขันนัก

 

ซือหยูไม่คิดจะพูดต่อ เขายักไหล่

 

“เอาล่ะ แล้วเจ้าจะคลี่คลายเรื่องของพวกข้ายังไงรึ?”

 

จางซือยี่หัวเราะ

 

“ง่ายดายนัก ถ้าเจ้ายอมรับแล้วว่าเจ้าทำผิด!”

 

“เพื่อคลี่คลายเรื่องระหว่างพวกเจ้า อย่างแรก เจ้าจะต้องคืนธนูที่ชิงมาให้เขาไป! อย่างที่สอง เจ้าจะต้องขอโทษที่ทำร้ายเขา!”

 

“เจ้าจะต้องทำอย่างแรกซะ ส่วนอย่างที่สอง…”

 

จางซือยี่มองเกาคัง

 

“เจ้าจะเห็นแก่ข้าแล้วให้อภัยอีกฝ่ายได้หรือไม่? เพราะเจ้าไม่ทำเรื่องให้ชัดเจนและทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดเช่นนี้ เจ้าก็มีส่วนผิดเหมือนกัน เจ้าจะให้อภัยอีกฝ่ายหรือไม่?”

 

เกาคังจะไม่ยอมรับได้อย่างไร? เขาพยักหน้าอย่างงุนงง

 

“ก็ได้ก็ได้ ข้าให้อภัยเขา เขาไม่ต้องขอโทษ!”

 

ซือหยูนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากก้มหัวให้กับยอดฝีมืออย่างหนึ่งในบุตรทั้งสี่ของหอสดับหิมะงั้นรึ?

 

จางซือหยูยิ้มและมองซือหยูอีกครั้ง

 

“หึหึ เป็นยังไงเล่า? เจ้าไม่ต้องขอโทษเลย แค่คืนธนูให้เขาก็พอ”

 

ซือหยูพูด

 

“เจ้าไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วใช่หรือไม่?”

 

“ไม่ แค่นี้ก็พอ! เรื่องบาดหมางระหว่างเจ้าจะได้จบลงเสียที่นี่!”

 

จางซือยี่หัวเราะอย่างใจเย็น

 

ซือหยูพยักหน้า

 

“อืม!”

 

ซือหยูพูดจบและก้าวไปข้างหน้า

 

ฉั่วะ–

 

โลหิตสดๆกระจายไปทุกหนแห่ง ชิ้นเนื้อลอยขึ้นกลางอากาศ

 

หัวของเกาคังที่ถูกเหยียบระเบิดกลายเป็นซาก

 

เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้กรีดร้องก่อนที่จะถูกเหยียบตาย!

 

คนรอบๆเงียบกริบ พวกเขาตกตะลึงกับการกระทำของซือหยู

 

โลหิตกระจายทั่วชุดของจางซือยี่ ตรงกันข้ามกับใบหน้าที่ซีดเผือดของเขายิ่งนัก

 

จางซือยี่ที่ตกตะลึงชักสีหน้าทันที เขาตะโกน

 

“ทำอะไรของเจ้า?”

 

ซือหยูยกขาขึ้น เขาสะบัดโลหิตเบาๆ

 

“ข้าก็ฆ่ามันน่ะสิ เจ้าไม่เห็นรึ?”

 

จางซือยี่ใบหน้าดุร้ายยิ่งกว่าเดิม

 

“ข้าถามเจ้าว่าทำไมเจ้าไม่ทำตามที่ข้าบอก? ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่นะ!”

 

ซือหยูกอดอก

 

“ช่วยรึ? ข้าไม่เคยคิดถึงเรื่องสะสางความบาดหมางอะไรนั้นเลย การฆ่าเขามิใช่ทางออกหรอกรึ?”

 

“แปลกนัก เจ้าก็เห็นอยู่ว่าแค่ข้าเหยียบมันไปเรื่องก็จบแล้ว แต่เจ้ากลับเสนอวิธีที่ข้าต้องเสียสมบัติเทพและยังต้องขอโทษอีก”

 

“ตั้งแต่แรกที่ข้าเจอเจ้า ข้าคิดว่าเจ้ามันเยิ่นเย้อ เจ้าถึงกับคิดวิธีอ้อมโลกซะได้!”

 

ซือหยูส่ายหัวและหันไปมองฉีหยุนเซี่ยง

 

“ขอโทษนะ จริงๆข้าอยากจะให้เจ้าเป็นคนได้ฆ่าเขา”

 

ฉีหยุนเซี่ยงตัวแข็งทื่อไปชั่วครู่ ก่อนจะยิ้ม

 

“ไม่เป็นไรหรอก เจ้าก็เป็นศิษย์ตำหนักเฉินเทียนเหมือนกัน แม้จะไม่นาน เจ้าก็นับว่าเป็นศิษย์ของพ่อข้า นี่นับว่าเป็นการชำระล้างตำหนัก”

 

“หึหึ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องกังวลแล้ว ไปกันเถอะ”

 

ซือหยูมองท้องนภา นี่ก็ถึงกลางคืนแล้ว พวกเขาต้องรีบไปบ่มเพาะพลังในที่ของอาณาจักรทมิฬ

 

ฮั่วฉีหลานมองซือหยู นางเคยคิดว่าซือหยูจะยอมจำนนจริงๆ…เมื่อคิดเช่นนั้น…

 

ครืน—-

 

รังสีรพลังอันน่ากลัวระเบิดมาจากด้านหลัง

 

จางซือยี่โกรธแค้น ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

 

“หยินหยู! เจ้าปั่นหัวข้าเรอะ!”

 

ในตอนนี้ จะมีคำอื่นใดอธิบายเรื่องนี้ได้อีก?

 

เขาพูดโดยตั้งใจว่าจะให้โอกาสจางซือยี่ในการไกล่เกลี่ยเรื่องราว แต่ท้ายสุดเขาก็สังหารคนที่จางซือยี่เข้ามาปกป้องต่อหน้าต่อตาจางซือยี่

 

ซือหยูหันไปมองและยิ้มเยาะ

 

“ปั่นหัวรึ? ก็เจ้ามันดึงดันนัก ข้าจะไปทำอะไรได้?”

 

“ไม่มีใครขอให้เจ้าเข้ามายุ่งเรื่องของข้า เจ้าก็ยังเอาตัวเองมาให้ถูกดูหมิ่น เจ้าจะไปโทษใครกันเล่า?”

 

จิตสังหารฉาบแววตาจางซือยี่

 

“เจ้า หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

 

ซือหยูไม่สนใจ เขาหันหลังเตรียมจะเดินทาง

 

“ข้าบอกให้หยุด!”

 

เสียงคำรามลั่นดังมาจากข้างหลัง

 

ฟึ่บ–

 

จางซือยี่เร็วปานสายฟ้า เขาเข้ามาขวางทางด้วยความดุดัน

 

“ส่งธนูมังกรฟ้าดินมา!”

 

จางซือยี่ฝืนข่มจิตสังหาร

 

ในที่สุดเขาก็ทิ้งข้ออ้างไปและเผยธาตุแท้ออกมา

 

ซือหยูหัวเราะอย่างดูถูก

 

“โอ้? เกาคังก็ตายไปแล้ว เจ้ายังอยากจะช่วยเกาคังให้ได้ธนูอีกรึ?”