กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 501
ก็แค่ไม่ซักถามอะไรอีก

ทุกคนต่างเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็เห็นเพียงซั่งกวนฉู่นั่งอ่านหนังสือตำราอย่างสงบ ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องราวของกู้ชูหน่วนเลยสักนิด เขายังคงทำตัวตามสบายและไม่สนใจต่อสิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้น

แต่หากสังเกตดูอย่างละเอียด ก็สามารถมองออกว่านิ้วมือที่พลิกหน้าหนังสือของเขานั้นดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

หลังจากการพยายามพูดเกลี้ยกล่อมของทุกคน กู้ชูหน่วนผู้ซึ่งไม่แยแสต่อทุกสิ่งก็ตอบตกลงทำการเขียนต่อไป

เพียงแต่ นางไม่ได้เขียนขึ้นด้วยตัวเอง แต่กลับเรียกชิงเฟิงเข้ามาเขียนแทนนาง

ชิงเฟิงตกตะลึง “พระชายา เหตุใดถึงเป็นข้าน้อย ข้าน้อยเขียนหนังสือไม่สวยงามเอาเสียเลยขอรับ”

“เป็นเพราะเจ้าเขียนไม่สวย ข้าจึงให้เจ้าฝึกเขียนเยอะๆ อีกอย่างเยี่ยจิ่งหานก็อยากอ่านต่อไปอีกไม่ใช่หรือ? เจ้าเป็นลูกน้องก็ควรจะแบ่งเบาภาระหน้าที่ของเจ้านายไม่ใช่หรือ?”

ชิงเฟิงหมดคำพูดอย่างสิ้นเชิง

เห็นได้ชัดว่าพระชายากลั่นแกล้งเขา ยังจะดึงเหตุผลร้อยแปดขึ้นมาอีก

“พระชายา ข้าน้อยยังมีเรื่องต้องจัดการ ข้าน้อยขอตัวลาก่อนขอรับ”

“หากเจ้าไปตอนนี้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ ข้าไม่อยากเขียนต่อไปแล้ว”

เมื่อคำนี้ถูกพูดออกมา ทุกคนในสำนักศึกษามีหรือจะยอมให้ชิงเฟิงออกไปได้ง่ายๆ ทุกคนล้วนไปปิดกั้นขัดขวางเขาไม่ให้ออกไปไหน

หากไม่เห็นแก่ที่เขาเป็นลูกน้องคนสนิทของเทพแห่งสงคราม พวกเขาคงบีบคอของชิงเฟิงและบีบบังคับเขาไปนานแล้ว

ชิงเฟิงรู้สึกโกรธเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนกินผลไม้และหัวเราะเยาะ “ช่วยไม่ได้เพราะเยี่ยจิ่งหานรีบร้อนเอง”

“ฝ่าบาทก็สั่งให้เสี่ยวหลีจื่อมาเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด อีกทั้งฝ่าบาทยังสั่งให้เสี่ยวหลีจื่อมาบอกให้เจ้าเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง”

“แต่คนแรกที่มาก็คือเจ้า หากท่านอ๋องของเจ้าไม่นำ เช่นนั้นแล้วจักรพรรดิเยี่ยจะส่งเสี่ยวหลีจื่อมาบอกข่าวได้อย่างไร”

เสี่ยวหลีจื่อเหงื่อไหลไม่หยุด

โชคดีอย่างมาก โชคดีที่เขาเกิดเรื่องขึ้นระหว่างทางที่มา จึงทำให้การเดินทางล่าช้าลง ไม่เช่นนั้นวันนี้เขาคงถูกเรียกไปเขียนแทนอย่างแน่นอน

หากสอดคล้องกับความชอบของนายท่านก็ดี แต่หากพระชายาเขียนขึ้นมาและนายท่านไม่ชอบไม่ถูกใจ เช่นนั้นแล้วคนที่โชคร้ายที่สุดก็เป็นพวกเขาที่เป็นคนใช้

คำพูดของกู้ชูหน่วนเพียงคำเดียว กลับทำให้ชิงเฟิงพูดไม่ออกและทำได้เพียงเก็บอารมณ์ความโกรธเอาไว้

แต่กลับเห็นสีหน้าของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปทันที “ให้เจ้าเขียนเจ้าก็เขียนสิ พูดอะไรมากมาย เสียเวลาเหลือเกิน”

“ขอรับ” ชิงเฟิงฝืนใจทำ

ให้เขาไปสู้รบยังจะดีเสียกว่า แต่ให้เขามานั่งเขียนหนังสือเช่นนี้ช่างเป็นเรื่องน่าทรมานเสียเหลือเกิน

กู้ชูหน่วนนั่งไขว่ห้างและบ่นพึมพำไม่หยุด

ชิงเฟิงพูดขึ้นมาด้วยความรีบร้อน “พระชายาช้าหน่อยขอรับ ข้าน้อยเขียนตามไม่ทันขอรับ”

“ตามไม่ทันนั่นก็เป็นเรื่องของเจ้า อย่างไรเสียเนื้อเรื่องต่อจากนั้นข้าก็พูดออกไปหมดแล้ว”

ซังกวนฉู่ลูบคลำปิ่นระย้าและยกมุมปากยิ้มโดยที่ไม่มีใครสังเกตได้

เรื่องราวหลังจากนั้น ถึงแม้เขาจะไม่ชอบนัก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อหน่ายเลย

หากสามารถทำให้หยางฉู่รั่วและเฟิงหลิงครองคู่กัน ก็คงจะดีกว่านี้

ภายในวังหลวง

จักรพรรดิเยี่ยโมโหจนพังข้าวของระเนระนาด

“ข้าบอกให้เจ้าไปบอกกู้ชูหน่วนว่าจะต้องให้เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อจบอย่างสวยงามไม่ใช่หรือ เหตุใดเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อต้องจบอย่างไร้สิ้นแผ่นดิน แถมยังแขนหักและถูกต้องทุกข์ทรมานอยู่ในคุกหลวงเหมือนตายทั้งเป็น?”

เสี่ยวหลีจื่อไม่กล้าพูดและทำได้เพียงยื่นตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

เนื้อเรื่องเป็นพระชายาเป็นคนเขียน คำพูดที่ให้ไปบอกนั้นก็ไปบอกแล้ว ส่วนพระชายาจะเขียนอย่างไรนั้น เขาจะมีสิทธิ์อะไร

“กู้ชูหน่วนต้องการอะไรกันแน่ นางต้องการต่อต้านข้าอย่างนั้นหรือ? ในเนื้อเรื่องนางเขียนให้เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อต้องไร้สิ้นแผ่นดินอยู่ หรือนางต้องการแอบเสียดสีว่ารัฐเยี่ยของข้าก็จะต้องล่มสลายและเป็นเช่นนั้น นางทำเยี่ยงนี้เท่ากับคิดกบฏและต้องถูกตัดศีรษะเก้าชั่วโคตร”

“ฝ่าบาททรงเย็นพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ไม่ว่าพระชายาหานจะมีความคิดเยี่ยงนี้หรือไม่ แต่เราก็ยังไม่มีหลักฐาน เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพียงนิยายเรื่องหนึ่งเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

“นิยายเป็นสิ่งที่สะท้อนความคิดของมนุษย์มากที่สุด เพียงแค่นี้ยังไม่ถือว่าเป็นหลักฐานได้อีกหรือ?”

“ฝ่าบาท……พระชายาหานคงไม่คิดใจกล้าและอุกอาจเช่นนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ บางทีนางอาจแค่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยความไม่รู้ก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”

“ใครจะเชื่อ เห็นได้ชัดว่านางหลอกด่าข้า นางกำลังโกรธแค้นข้า โกรธแค้นที่ข้าให้นางแต่งงานกับหานอ๋อง”

“หากรุนแรงเช่นนี้จริงละก็ เช่นนั้นเราควรควบคุมตัวพระชายาหานเอาไว้เสียก่อน”

“ปัง……”

จักรพรรดิเยี่ยคว้าฎีกาจำนวนหนึ่งขึ้นมาและโยนไปยังเสี่ยวหลีจื่อ

จากนั้นตะโกนด่าด้วยความโมโห “เจ้าโง่ คนที่อยู่เบื้องหลังของนางคือเทพแห่งสงคราม หากจะจับกุมตัวนางไว้ เทพแห่งสงครามต้องมีเรื่องกับข้าอย่างแน่นอน จะยังลงโทษตัดศีรษะเก้าชั่วโคตรได้อีกหรือ ข้าเกรงว่ายังไม่ทันที่จะจัดการเยี่ยจิ่งหาน แต่กลับกลายเป็นว่าข้าจะถูกเขาจัดการเสียก่อนน่ะสิ”

“เช่นนั้นแล้วตอนนี้เราควรทำเช่นไรดีพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าออกไป ทำอย่างไรก็ได้ให้นางแก้ไขตอนจบของเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อ ถึงอย่างไรก็ห้ามปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นจะดูว่าข้าไร้เกียรติเกินไป”

“เอ่อ……”

เสี่ยวหลีจื่อทำสีหน้าขมขื่น

เขามีหรือจะกล้าไปบอกอีก

ทุกครั้งที่เขาไปบอก พระชายาหานก็มักเขียนบทของตัวละครนั้นให้แย่ลงไปอีก

ตอนนี้ก็แย่มากเช่นนี้แล้ว หากเขาไปพูดอีกครั้ง เขาเกรงว่าพระชายาหานจะเขียนให้ตัวละครเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อมีอันเป็นไปอย่างแน่นอน

แต่คำสั่งของฝ่าบาทก็ไม่อาจฝืนได้ เขาทำได้เพียงไปขอร้องกู้ชูหน่วนอีกครั้ง

กู้ชูหน่วนเปลี่ยนเนื้อเรื่องของนางและยอมแก้ไขตอนจบของเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อ

เพียงแต่……

นางจงใจเขียนให้เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อต้องมีอันเป็นไป

จักรพรรดิเยี่ยถือต้นฉบับไว้ในมือและสีหน้าของพระองค์ก็ซีดลง

“ตาย……ตายแล้ว? นี่เป็นการหลอกแช่งข้าหรือ? ไป รีบไปให้นางแก้ไขอีกครั้ง ต้องแก้ไขก็ดีด้วย”

“ฝ่าบาท พระชายาหานกล่าวว่า ตัวละครตัวนี้ตายไปแล้ว ตายไปแล้วก็จะไม่มีแล้วและไม่สามารถแก้ไขได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“เนื้อเรื่องก็เป็นเนื้อเรื่องที่นางเขียนขึ้นไม่ใช่หรือ ให้นางแก้ไขใหม่เสียหน่อย ให้เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อฟื้นจากความตายขึ้นมาใหม่อีกครั้งก็ได้”

“ฝ่าบาท ข้าน้อยได้เคยพูดไปแล้ว แต่พระชายาหานกล่าวว่า เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อตายไปแล้วและไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นมาได้อีก”

จักรพรรดิเยี่ย “……”

จักรพรรดิเยี่ยโกรธมากจนหายใจติดขัดและอดไม่ได้ที่จะออกไปบอกด้วยตัวเอง และเฝ้าให้นางเขียนใหม่อีกครั้ง

เขาพระองค์เป็นถึงจักรพรรดิ หากพระองค์ทำเช่นนั้นจริง วันรุ่งขึ้นคงต้องตกเป็นเรื่องที่พูดกันให้ทั่วราชสำนักอย่างแน่นอน

พระองค์จึงทำได้เพียงเดินวนเวียนอยู่ในห้องตำราหลวงด้วยความโมโห

หากรู้เช่นนี้แต่แรกพระองค์ก็คงไม่ดูต้นฉบับของพระองค์แล้ว ยิ่งอ่านยิ่งทำให้จิตใจว้าวุ่น

ภายในจวนของหานอ๋อง

สีหน้าของหานอ๋องก็ไม่ต่างไปจากจักรพรรดิเยี่ยเท่าไรนัก

เขาโมโหอย่างมาก “ข้าบอกให้ชิงเฟิงบอกนางให้แก้ไขเนื้อเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดนางถึงยังไม่แก้ไข แต่กลับเขียนให้สองสามีภรรยาหยางฉู่รั่วและฉู่อวี่เฉินต้องตัดขาดจากกัน นางหมายความว่าอย่างไร? นางต้องการตัดขาดจากข้าอย่างนั้นหรือ?”

เจี้ยงเสวี่ยเช็ดหน้าผาก “เรื่องนี้……พระชายาคงเขียนขึ้นมาด้วยความบังเอิญเท่านั้นขอรับ นายท่านดีต่อพระชายามากเช่นนี้ พระชายาจะยอมตัดขาดจากนายท่านได้อย่างไร”

เยี่ยจิ่งหานพลิกไปอีกหน้าและสีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลง

“ในหนังสือลูกของหยางฉู่รั่วกลับไม่มีแล้ว ผู้หญิงคนนี้ต้องการทำอะไร หรือนางไม่ต้องการเด็กที่อยู่ในท้องแล้วอย่างนั้นหรือ? เจี้ยงเสวี่ย ออกคำสั่งออกไปให้เฝ้าจับตาดูพระชายาให้ดีและปกป้องพระชายาให้ดี ห้ามให้เกิดเรื่องอะไรกับพระชายาและเด็กในท้องโดยเด็ดขาด”

“ขอรับ……”

“และยังมีอีก……หลังจากที่นางเขียนให้หยางฉู่รั่วและฉู่อวี่เฉินต้องแยกจากกันแล้ว นางยังต้องการจากข้าไปด้วยหรือ ฮึ นางเป็นคนของข้า หากนางจะตาย วิญญาณของนางก็จะยังเป็นของข้า”

เจี้ยงเสวี่ย “……”

“หลังจากแยกจากสามี กลับหาสามีใหม่ แถมยังหาคนที่อายุน้อยกว่าและจงใจเมินเฉยต่อฉู่อวี่เฉิน เจี้ยงเสวี่ย เจ้าไปตรวจสอบดูว่าข้างกายของนางมีผู้ชายอายุน้อยกว่าคนไหนบ้าง”

บทที่ 500