กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 502
“นายท่าน เมื่อสักครู่ท่านได้สั่งให้ข้าน้อยไปตรวจสอบแล้วขอรับ”

หากทำได้ เจี้ยงเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะหนีไปจากนายท่านของเขาตอนนี้เสียให้ได้

เมื่อก่อนนายท่านของเขาก็ดูเฉลียวฉลาดดี เหตุใดเมื่อเจอกับเรื่องของพระชายาสติปัญญาของนายท่านก็ลดลงถึงเพียงนี้นะ

เพี๊ยะ……

สติปัญญาของนายท่านจะลดลงได้อย่างไร

เขาพูดผิดไปๆ

“เจ้าไปด้วยตัวเองและให้พระชายาแก้ไขเนื้อเรื่องเดี๋ยวนี้”

“นายท่าน เราส่งคนไปบอกพระชายาหลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็ไม่ได้ผล อีกอย่าง……”

อีกอย่างนายท่านจะโมโหอะไร ไม่ว่านางจะเขียนอะไร เห็นได้ชัดว่านางทำเพื่อขัดขวางนายท่าน

หากนายท่านทำเป็นไม่สนใจและปล่อยให้พระชายาเขียนไป บางทีตอนจบอาจจะจบลงอย่างดีสักหน่อยก็ได้

เยี่ยจิ่งหานกำผนึกในมือแน่น สีหน้าของเขาน่าหวาดกลัวอย่างมาก ถึงขั้นที่พิษเหมันต์ในร่างกายสามารถกำเริบขึ้นได้

เผ่าปีศาจ

จอมมารหัวเราะไม่ออก มือที่เขียวชอุ่ม นุ่มนวลและอ่อนโยนของเขาพลิกหน้าแล้วหน้าเล่าและในหัวของเขาก็เต็มไปด้วยความสงสัย

เขาถามขึ้นมา “นักล่าโลหิต ท่านพี่หญิงบอกว่านางชอบข้า แต่เหตุใดนางถึงเขียนให้ข้าและนางต้องแยกจากกัน แถมยังตัดขาดความเป็นสามีภรรยากับข้าด้วยล่ะ?”

นักล่าโลหิต “เรื่องนี้……”

นายท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวละครฉู่อวี่เฉินในเนื้อเรื่องคือนายท่าน?

เกรงว่านายท่านจะคิดมากไปเสียแล้วกระมัง

แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น นักฆ่าโลหิตก็ตอบกลับไปด้วยความระมัดระวัง “นายท่าน ตามรายงานของข้าน้อยนั้น หานอ๋องคิดว่าฉู่อวี่เฉินคือเขา และพยายามส่งคนไปบอกให้แม่นางกู้แก้ไขเนื้อเรื่อง คงเป็นเพราะแม่นางกู้เกิดความรำคาญขึ้น เรื่องนี้จึง……จงใจเขียนให้เนื้อเรื่องต้องแยกจากกันกับฉู่อวี่เฉิน”

จอมมารตระหนักขึ้นได้ในทันที “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ข้าก็ว่าแล้วว่าท่านพี่หญิงจะใจร้ายใจดำตัดขาดกับข้าได้อย่างไร”

“ขอรับ……”

“ท่านพี่หญิงบอกกับซั่งกวนฉู่ว่า หยางฉู่รั่วตกหลุมรักฉู่อวี่เฉิน คำนี้จะต้องพูดกับข้าแน่ๆ นักล่าโลหิต เจ้าคิดว่าอย่างไรบ้าง”

“ใช่เลยขอรับ……”

นายท่านพูดอะไรก็ถูกไปเสียหมด

ความคิดของนายท่าน เขาไม่มีทางเข้าใจได้เลยและไม่สามารถทำความเข้าใจได้เลย

“แต่เนื้อหาตอนหลังของเรื่องนี้ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน ต้องโทษเยี่ยจิ่งหานเจ้าคนหยาบคายไร้มารยาทคนนั้น เรื่องราวดำเนินไปด้วยดี แต่กลับถูกเขาทำให้กลับตาลปัตรเช่นนี้”

“เช่นนั้นเราควรส่งคนไปบอกแม่นางกู้ให้แก้ไขเนื้อเรื่องเสียหน่อยดีหรือไม่”

“เจ้าซื่อบื้อหรืออย่างไร จักรพรรดิเยี่ยสั่งให้คนไปบอกให้นางแก้ไขตัวละครเซวียนหยวนจิ่นเจ๋อ แต่สุดท้ายดูสิว่าแก้ไขออกมาเป็นเช่นไร เซวียนหยวนจิ่นเจ๋อตายไปแล้ว และยังมีเยี่ยจิ่งหาน หากไม่ใช่เป็นเพราะเขา เนื้อเรื่องจะดำเนินไปอย่างนี้หรือ? ตอนท่านพี่หญิงประพันธ์ขึ้นมาจำเป็นต้องใช้แรงบันดาลใจ เราต้องทำความเข้าใจและห้ามไปรบกวนนาง”

“ขอรับ……”

เช่นนี้ก็ยิ่งดี เขาจะได้ไม่ต้องทำอะไร

“เจ้าคิดว่า หลังจากนี้ท่านพี่หญิงจะเขียนให้เนื้อหาจบลงอย่างสวยงามหรือไม่”

“จบลงอย่างสวยงาม……คือตอนไหนหรือขอรับ?”

“ยังจะมีตอนไหนอีก แน่นอนว่าเป็นตอนที่พระเอกและนางเอกกลับมารักใคร่คืนดีกันอย่างไรล่ะ เหมือนกับที่ข้าและท่านพี่หญิงรักกันอย่างไรล่ะ”

“เรื่องนี้…….ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอนขอรับ โดยปกติแล้วตอบจบของนิยายก็ล้วนแล้วแต่เป็นพระเอกและนางเอกครองรักกันอย่างมีความสุขไม่ใช่หรือขอรับ?”

ใบหน้าของจอมมารเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างมีความสุข “ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ถึงอย่างไรเสียเสี่ยวจิ้วจื่อของข้าก็ยอมรับแล้วว่าข้าเป็นพี่เขยของเขา ฐานะเช่นนี้ เยี่ยจิ่งหานไม่มีทางได้ครอบครองหรอก”

นักฆ่าโลหิตตกตะลึง

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเสี่ยวจิ้วจื่อที่นายท่านของเขามักอวดอ้างและคุยโวนั้นเป็นใครกัน

“ข้าเห็นเยี่ยจิ่งหานและจักรพรรดิเยี่ยแล้วรู้สึกรำคาญเหลือเกิน ไป สั่งให้คนไปจัดการเขาเสียหน่อย”

“นายท่าน นับว่าจักรพรรดิเยี่ยยังพอจัดการได้ง่าย แต่เยี่ยจิ่งหาน……”

“พวกเจ้าจัดการไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะไปจัดการด้วยตัวเอง”

“อ๋า……”

นายท่านจะลงมือจัดการด้วยตัวเอง?

นี่เป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่หรือไม่

“ข้าไม่ถูกชะตากับเยี่ยจิ่งหานมานานแล้ว ครั้งนี้ยังมาส่งผลกระทบต่อการอ่านหนังสือของข้าอีก เช่นนั้นแล้วข้าจะจัดการคิดบัญชีกับเขาเสียทั้งหมดเลย”

“ขอรับ……”

นักฆ่าโลหิตอยากบอกว่า อะไรคือไม่ถูกชะตากับเขาตั้งนานแล้ว

เห็นได้ชัดว่านายท่านเกิดความหึงหวงและอิจฉา ในใจจึงคิดว่าเยี่ยจิ่งหานทำให้เขาเสียอารมณ์ในการอ่านหนังสือ

ภายในเมืองหลวง ทั้งประชาชนคนธรรมดาไปจนถึงจักรพรรดิ ทุกคนล้วนพูดถึงเรื่องนางพญาหวนคืนเมื่อมีทรราช

และต่างเฝ้ารอคอยเนื้อเรื่องตอนใหม่

มีขุนนางและเหล่าผู้รากมากดีจำนวนไม่น้อยที่ยอมใช้เงินจำนวนมากติดสินบนเพื่อให้ตัวเองได้อ่านเนื้อเรื่องตอนใหม่ก่อนใครโดยให้ส่งหนังสือไปที่จวนของพวกเขาทันทีที่มีตอนใหม่ออกมา

และมีบางคนที่คิดอยากจะทำเงินจากสิ่งนี้ หลังจากที่พวกเขาได้รับต้นฉบับมาก็ได้จ้างให้คนคัดลอกเป็นจำนวนมากและขายออกไปในราคาสูง

ในเมืองหลวงเกิดปรากฏการณ์การไล่ล่าหนังสืออย่างบ้าคลั่ง

ภายในสำนักศึกษาหลวง

เมื่อกู้ชูหน่วนได้ข่าวนี้เข้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

นางเพียงแค่ต้องการรีบเขียนให้เสร็จ เพื่อจะให้อันดับที่หนึ่งและจะได้ครอบครองปิ่นระย้าหยกขาว แต่นางกลับลืมไปว่ายังมีวิธีการหาเงินที่ดีเช่นนี้อยู่

นางรู้สึกว่านางพลาดโอกาสการทำเงินไปเป็นจำนวนหลายร้อยหลายพันตำลึง

สำนักศึกษาหลวงยังคงเหมือนเดิมมีคนเข้ามารายล้อมเป็นจำนวนมาก ล้วนมาเพื่อรอต้นฉบับตอนใหม่

ที่ตรงนั้น นอกจากชิงเฟิงที่กำลังคัดลอกคำพูดของกู้ชูหน่วนออกมาเป็นตัวหนังสือแล้วนั้น ยังมีคนอีกเก้าคนแบ่งกันทำการบันทึก

เพราะกู้ชูหน่วนพูดเร็วมาก เขาคนเดียวไม่สามารถทำสำเร็จได้

จากนั้นจึงเพิ่มคนอีกเก้าคน แต่เขาก็ยังคงเหน็ดเหนื่อยแทบไม่ไหว มือขวาของเขาราวกับไม่ใช่ของเขาอีกต่อไปแล้ว มันช่างไร้ความรู้สึก เขามีชีวิตอยู่มานานเช่นนี้ ที่เคยเขียนมาทั้งชีวิตก็ดูเหมือนจะไม่มากเช่นตอนนี้เลย

กู้ชูหน่วนพูดจนคอแห้งและนางขึ้นเสียง “ข้ายุ่งอยู่ที่นี่ตลอดสองวันสองคืน สองวันสองคืนมานี้ข้าไม่แม้แต่จะหลับตานอน แต่พวกเจ้าที่รอดูความสนุก กลับไม่คิดทำอะไรขึ้นมาบ้างเลยหรือ?”

“กู้ชูหน่วนต้องการอะไรพูดออกมาได้เลย”

“ก็ดี ข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเอาเนื้อเรื่องของข้าไปขายต่อหรือทำเงินหรือไม่ ข้าขอให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่จ่ายเงินให้กับข้าคนละห้าพันตำลึง”

“ห้าพันตำลึง เยอะเช่นนั้นเลยหรือ?”

“หากไม่ยอมจ่ายก็กลับไปเสีย”

คนที่สามารถเข้ามายังสำนักศึกษาหลวงได้ มีหรือจะไม่ใช่คนที่มีฐานะดี

อันที่จริงห้าพันตำลึงก็เป็นเงินที่เยอะมาก แต่พวกเขาก็สามารถจ่ายได้

หลังจากไตร่ตรองชั่งน้ำหนักดูแล้ว ทุกคนต่างพากันควักเงินห้าพันตำลึงออกมา และคิดว่าจะจ้างให้คนนำไปคัดลอกและนำไปขายเพื่อจะได้มีกำไรกลับมาบ้างเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนมองดูเงินที่กองรวมกันเป็นภูเขาด้วยความพอใจ จากนั้นจึงเก็บเข้าไปในกระเป๋าของนาง

ของๆ นางเยอะเหลือเกิน และกระเป๋าของนางก็อัดแน่นเกินไปและแทบจะไม่พอใช้

ตรงนั้นมีเพียงซั่งกวนฉู่เท่านั้นที่ไม่ได้จ่ายเงิน

กู้ชูหน่วนยื่นมือออกไป

ซั่งกวนฉู่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “จะเอาเงินของข้าก็ได้ เช่นนั้นแล้วปิ่นระย้าหยกขาวนี่ก็ไม่ถือเป็นของรางวัลแล้ว”

“เพราะเหตุใด”

“เพราะเนื้อเรื่องของเจ้าเดิมทีก็เป็นแบบทดสอบ หากข้าจ่ายเงินไป เช่นนั้นมันก็จะเปลี่ยนไป ในเมื่อไม่ใช่แบบทดสอบ เช่นนั้นแล้วเหตุใดข้ายังต้องมอบรางวัลให้ด้วยล่ะ”

กู้ชูหน่วนกัดฟัน “ได้ ท่านเก่งมาก แต่สถานการณ์ในตอนนี้ท่านก็เห็นแล้ว อันดับหนึ่งต้องเป็นของข้าอย่างแน่นอน เช่นนั้นท่านก็ควรนำปิ่นระย้าหยกขาวมามอบให้ข้าเสียตอนนี้เลย”

“เรื่องราวยังไม่ถึงตอนจบ ผลการสอบก็ยังไม่ออก”

“สายตาของทุกคนนั้นเฉียบแหลม เจ้าดูคนที่มายืนรายล้อมที่นี่และมองดูผลตอบรับของทุกคนในเมืองหลวงสิ”

ซั่งกวนฉู่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร

แต่นั่นก็ชัดเจนแล้วว่า หากเนื้อเรื่องยังเขียนไม่จบและผลการสอบยังไม่ออกมา เขาไม่มีทางนำออกมาอย่างแน่นอน

กู้ชูหน่วนทำได้เพียงกัดฟันกรอด และบ่นพึมพำขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยามอีกครั้ง กู้ชูหน่วนฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว

นางไปหาซั่งกวนฉู่ด้วยความเหนื่อยล้าและชี้ไปที่รอยคล้ำใต้ดวงตาของนาง “อาจารย์ซั่งกวน ท่านดูสิข้าไม่ได้นอนมาสามวันสองคืนแล้ว ดวงตาคู่นี้ได้กลายเป็นหมีแพนด้าไปเสียแล้ว อีกอย่างดวงตาของข้าก็แดงก่ำแทบลืมตาไม่ขึ้นแล้ว ท่านเห็นแก่ที่ข้าพยายามตั้งใจเถอะนะ มอบปิ่นระย้าหยกขาวให้ข้าก่อนเถอะนะ”

นางเหนื่อยล้าและอ่อนแรงมากจริงๆ แม้แต่เสียงที่พูดออกมานั้นก็แหบแห้ง

ซั่งกวนฉู่รู้สึกสงสารเล็กน้อย

คนของสำนักศึกษาหลวงก็รู้สึกสงสารเช่นกัน

แต่……