กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 503
ซั่งกวนฉู่กล่าวเบาๆว่า “ท่านสามารถพักผ่อนก่อนได้รอให้สมองฟื้นตัวแล้วค่อยทำต่อ”

“เช่นนั้นไม่ได้ หากว่าท่านมอบปิ่นระย้าหยกขาวให้ผู้อื่นแล้วจะทำอย่างไร?” สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากว่าเสียใจภายหลังหรือทำหายไปแล้วนางจะไปหาปิ่นระย้าหยกขาวได้ที่ใดหล่ะ

“ปิ่นระย้าหยกขาวจะมอบให้กับผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้แล้วจะไม่มอบให้ผู้ใดอื่น”

“ข้าไม่สนเช่นไรข้าก็ไม่เชื่อ หากไม่ได้ปิ่นระย้าหยกขาวข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

กู้ชูหน่วนบิดพริ้วขึ้นมานางนั่งอยู่บนพื้นและกอดต้นขาของซั่งกวนฉู่เอาไว้โดยที่กล่าวทั้งน้ำมูกและน้ำตาให้น่าสงสารเพียงใดก็น่าสงสารเพียงนั้น

“อาจารย์ซั่งกวนข้ารู้ว่าข้าเป็นนักเรียนที่ไม่ดี ทุกครั้งที่เล่าเรียนก็ง่วงนอนแล้วยังไม่ฟังคำพูดของท่านอาจารย์ สิ่งเหล่านี้ในภายหน้าข้าจะเปลี่ยนแปลงให้หมด ท่านก็มอบปิ่นระย้าหยกขาวให้ข้าเถอะนะดีหรือเปล่า ข้าขอร้องท่านหล่ะ”

อาจารย์ซั่งกวนตกใจยิ่งนัก

ทุกคนก็ประหลาดใจเช่นกัน

ตอนนี้นางมีฐานะเป็นถึงพระชายาหาน

พระชายาหานผู้สง่าผ่าเผยกลับกอดต้นขาของอาจารย์เอาไว้อย่างไร้ยางอายและร้องไห้เพื่อขอสิ่งของ นี่……นี่แพร่ออกไปใช้ได้หรือ?

ส่วนนางต่อหน้าศิษย์และอาจารย์มากมายของสำนักศึกษาวังหลวงกลับกระทำเรื่องเช่นนี้…..…เป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณเช่นนี้

“คุณหนูสามกู้ ท่านลุกขึ้นก่อน”

ซั่งกวนฉู่ดึงต้นขาของตนเอง แต่ยิ่งเขาดึงเอกกู้ชูหน่วนก็ยิ่งกอดเขาแน่นขึ้นจนคนทั้งคนก็ยิ่งบิดพลิ้วขึ้นไป

ใบหน้าของเขาแดงก่ำ

นึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่ท่ามกลางหน้าผา

กู้ชูหน่วนบิดพลิ้วและกล่าวพร้อมร้องไห้ว่า “ข้าไม่ลุก ข้าชอบปิ่นระย้าหยกขาวนั้นยิ่งนัก ปิ่นระย้าอยู่ข้าอยู่ ปิ่นระย้าไม่อยู่ข้าตายไปยังดีเสียกว่า”

ฮือ……

ทุกคนตกตะลึงกันหมด

ไม่ว่าปิ่นระย้าหยกขาวของอาจารย์ซั่งกวนจะดีเพียงใดนางผู้เป็นพระชายาหานก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้

เป็นไปได้หรือว่าหานอ๋องไม่ได้มอบเครื่องประดับใดให้แก่นางหรือว่าไม่ให้เครื่องประดับใดๆแก่นางเลย

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปบนศีรษะของกู้ชูหน่วน

บนศีรษะของนางนอกจากแถบผ้าสีหยกขาวที่มัดผมครึ่งศีรษะบางๆของนางแล้ว แท้ที่จริง……ก็ไม่มีเครื่องประดับเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

มีข่าวลือว่าเทพแห่งสงครามโปรดปรานภรรยาของเขาอย่างไร้ขีดจำกัด เป็นไปได้หรือว่าจะเป็นข่าวลือเรื่อยเปื่อย? เทพแห่งสงครามยังคงเป็นเทพแห่งสงครามที่กระหายเลือดและโหดเหี้ยมดังในอดีต

หากว่าไม่ได้เห็นด้วยตาตนเองพวกเขาจะไม่มีวันเชื่อเลย

ผู้คนทั้งหลายต่างถอนหายใจ

“พระชายาหานผู้นี้ก็ช่างน่าอนาถเหลือเกิน เพื่อเครื่องประดับชิ้นหนึ่งถึงกลับทุ่มเทมากเช่นนี้”

“ก็ไม่ใช่หรอกหรือ หญิงที่บอบบางเช่นนี้หากว่าเป็นข้าก็คงจะมอบเครื่องประดับปิ่นปักให้เป็นกองไปแล้ว”

“อนาถ ช่างน่าอนาถยิ่งนัก ดูเสียจนข้าอดไม่ได้ที่จะนำปิ่นระย้าอันสวยงามในเรือนมามอบให้แก่นาง”

“ดูเหมือนจะไม่ถูกนะ พระชายาหานร่ำรวยมากไม่ใช่หรือ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าหานอ๋องให้เงินเดือนหรือเครื่องประดับแก่นางหรือไม่ ตัวพระชายาหานเองก็เป็นเศรษฐีใหญ่ผู้หนึ่งซึ่งเงินในมือของนางก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเงินของตระกูลขุนนางใดเลยนะ”

“นี่…..จะเป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีหรือเปล่าแต่ในความเป็นจริงเงินทั้งหมดของนางถูกเทพแห่งสงครามแย่งชิงไปหมดแล้ว”

ผู้คนทั้งหลายยิ่งคิดก็ยิ่งมีโอกาสที่จะเป็นไปได้

ไม่เช่นนั้นหญิงผู้หนึ่งเพื่อปิ่นระย้าอันเดียวจะไร้ยางอายถึงเพียงนี้ได้อย่างไร

สีหน้าของชิงเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นเขียวซีดไปมา

นายท่านแย่งชิงเงินของนางไปเมื่อใดกัน?

นายท่านไม่ได้มอบเครื่องประดับให้นางเมื่อใดกัน?

นายท่านแทบรอไม่ไหวที่จะนำเครื่องประดับที่สวยงามที่สุดในใต้หล้ามามอบให้ตรงหน้านางเสียมากกว่า

พระชายาก็ช่างไร้ยางอายยิ่งนักเพื่อเครื่องประดับชิ้นหนึ่งทำลายชื่อเสียงของตนเองก็ช่างเถอะ นี่ยังจะทำลายชื่อเสียงของนายท่านอีกด้วย

เมื่อเห็นว่านางยังคงกอดต้นขาของซั่งกวนฉู่เอาไว้แน่นพร้อมกับดึงเสื้อผ้าสีขาวดังหิมะของเขาและเช็ดน้ำมูกน้ำตาของตน

ชิงเฟิงตัวสั่นเทา เขาสามารถที่จะคาดเดาได้ว่านายท่านรู้ถึงเหตุการณ์นี้แล้วจะโมโหเพียงใด

“อาจารย์ซั่งกวนข้าสัญญาว่าข้าจะตั้งใจศึกษาเล่าเรียนให้พัฒนาขึ้นทุกๆวันและจะไม่ทำให้ท่านโกรธอีกแล้ว ท่านก็มอบปิ่นระย้าหยกขาวให้กับข้าเสียก่อน หากไม่มีปิ่นระย้านี้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้จริงๆ”

ซั่งกวนฉู่จ้องมองเสื้อผ้าสีขาวดังหิมะของเขา

เสื้อผ้าเปรอะเปื้อนน้ำมูกและน้ำตาของนางไม่น้อย หลังจากที่กู้ชูหน่วนเช็ดแล้วก็ดึงแขนเสื้ออีกข้างหนึ่งของเขาและเช็ดน้ำมูกของตนเองไม่หยุด

กล่าวเสียงโศกเศร้าว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอาจารย์ที่ดีที่สุดในใต้หล้า แต่ก่อนข้านั้นตาบอดที่ไม่ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน ท่านจะให้โอกาสข้าปรับปรุงตัวใหม่สักครั้งได้หรือไม่?”

ซั่งกวนฉู่ “……”

เขาเพียงแค่ต้องการบอกว่านางจะกล่าวก็กล่าวไป จะร้องไห้ก็ร้องไห้ไป อย่าได้ใช้เสื้อผ้าของเขาเป็นผ้าเช็ดหน้าได้หรือเปล่า?

เขาเป็นผู้ที่รักสะอาดนัก

ทุกคนตกตะลึงกันอีกครั้ง

อาจารย์ซั่งกวนไม่เหมือนคนทั่วไปเสมอมาและเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์น่าเคารพ

และอาจารย์ซั่งกวนก็เป็นผู้ที่รักสะอาดมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ?

เขาทนให้กู้ชูหน่วนเช็ดน้ำมูกทั่วร่างกายเขาได้อย่างไร?

หลิ่วเย่ว์อวี๋ฮุยปิดหน้า

ช่างน่าอายยิ่งนัก

พี่ใหญ่วันนี้กินยาผิดหรือ?

หลิ่วเย่ว์ขมวดคิ้วขยิบตาร้องตะโกนว่า “พี่ใหญ่ ท่านรีบลุกขึ้นเร็วเข้า ท่านจะเอาปิ่นระย้าอะไรข้ามอบให้ท่านเอง อย่าว่าแต่ปิ่นระย้าหยกขาวหนึ่งชิ้นต่อให้ร้อยชิ้นข้าก็จะมอบให้ท่าน”

อวี๋ฮุยกล่าวว่า “ถูกต้องแล้วแม้ว่าข้าจะล้มละลายก็จะมอบปิ่นระย้าที่ดีที่สุดในใต้หล้าให้ท่าน ท่านรีบลุกขึ้นเถอะนะ”

กู้ชูหน่วนอดไม่ได้ที่จะเย็บปากของพวกเขา

ปิ่นระย้าที่พวกเขามอบให้จะเหมือนกับปิ่นระย้าชิ้นนั้นที่อยู่ในมือของอาจารย์ซั่งกวนได้อย่างไร?

ยิ่งเป็นเช่นนี้กู้ชูหน่วนยิ่งกอดเขาเอาไว้แน่น เสียงร้องไห้ก็ยิ่งดังมากขึ้น “ท่านอาจารย์ท่านก็เห็นแก่ที่ข้าอดหลับอดนอนมาสามวันสองคืนแล้วและความจริงใจอันแน่วแน่ของข้าท่านก็มอบปิ่นระย้าให้ข้าก่อนเถอะนะ ท่านเป็นท่านอาจารย์ที่ดีที่สุดในใต้หล้า ข้าขอร้องท่านหล่ะ”

กู้ชูหน่วนยิ่งกอดก็ยิ่งขึ้นสูง คราวนี้ไม่ได้กอดน่องแต่กอดต้นขาและยังขึ้นสูงกว่าต้นขาอีก

ซั่งกวนฉู่ตกใจจึงรีบผลักนางออก พยายามอยู่ห่างจากนางให้มากที่สุด

ความแนบชิดสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกไม่เคยชินยิ่งนัก

แต่กู้ชูหน่วนพูดจาแฝงกลลวง ผลักเช่นไรก็ไม่สามารถผลักออกได้

ที่นี่มีผู้คนมองดูมากมาย

รวมถึงกู้ชูหน่วนก็เหน็ดเหนื่อยและรู้สึกไม่ได้รับความยุติธรรมและทั้งเศร้าเสียใจ

เขาใจอ่อน “แต่ข้าเคยบอกแล้วว่ามีเพียงผู้ที่ได้อันดับหนึ่งถึงจะสามารถได้ปิ่นระย้าหยกขาวไป”

“ท่านดูสิ นอกจากนิทานของข้าจะได้รับการยอมรับที่สุดแล้วผู้ใดจะสามารถเทียบข้าได้ อันดับหนึ่งต้องเป็นของข้าแน่นอน หากว่าภายหน้าเลือกผู้ที่ได้อันดับที่หนึ่งซึ่งไม่ใช่ข้า ข้าก็สามารถคืนปิ่นระย้าหยกขาวให้นางได้”

นางได้ปิ่นระย้าหยกขาวมาไว้ในมือแล้วยังจะคายออกมาคืนให้กับผู้อื่นได้หรือ?

คำพูดนี้ผู้ใดจะเชื่อ?

เมื่อเห็นว่ากู้ชูหน่วนจะทำท่าออดอ้อนอีกซั่งกวนฉู่ก็รีบกล่าวอย่างรวดเร็วว่า “อย่างไรก็ตามนิทานของท่านก็ยังเขียนไม่จบ”

“เรื่องนี้ง่ายนัก ท่านมอบปิ่นระย้าหยกขาวให้ข้าเสียก่อนแล้วข้าค่อยๆเขียนนิทานก็ได้ เช่นไรก็เป็นนิทานอันยาวเหยียดเขียนอีกสองวันก็เขียนไม่จบจริงหรือไม่ แต่ว่าร่างกายของข้าจะต้องทนอีกสองวันข้าเกรงว่านิทานยังไม่ทันจบข้าก็จะจบลงก่อนเสียแล้ว”

ซั่งกวนฉู่อดไม่ได้ที่จะมองดูท้องของนาง

ผู้อื่นอาจจะไม่รู้ว่านางตั้งครรภ์แล้ว

แต่เขานั้นรู้

สามารถทนมาได้จนถึงตอนนี้ก็ถึงขีดจำกัดของนางแล้ว

หากทนต่อไปเกรงว่าลูกในครรภ์ของนางก็จะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้

เยี่ยจิ่งหานได้ส่งคนมาหลายครั้งแล้วให้นางพักผ่อนห้ามเขียนต่ออีก

หากว่านางยังคงเขียนต่อไปเกรงว่าเยี่ยจิ่งหานจะพุ่งทะยานมาด้วยตนเอง

สิ่งสำคัญที่สุดคือ……

ปิ่นระย้าชิ้นนี้เดิมทีก็จะมอบให้นางอยู่แล้ว……

“ท่านอาจารย์ซั่งกวนท่านดูแววตาที่น่าสงสารของข้า ท่านอาจารย์ซั่งกวน…..…”

กู้ชูหน่วนยังคงเขย่าแขนของเขาไม่หยุด