ภาคที่ 2 บทที่ 123 ถูกลมพาไป

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 123 ถูกลมพาไป

 

 

เหนือสนามประลองคือที่นั่งสองแถว

 

 

เป็นที่นั่งสำหรับศิษย์ 20 อันดับแรก

 

 

คนที่นั่งอยู่บนที่นั่งสองแถวนั้นเปลี่ยนไปตลอด ไม่อาจรู้ได้ว่าตนเองจะถูกปลดจากที่นั่งเมื่อไร

 

 

บางที่นั่งก็ถูกสับเปลี่ยนไปว่องไวนัก อย่างเช่นที่นั่งของอวิ๋นเป้า ทุกครั้งที่อันดับเขาพุ่งสูงขึ้น ก็จะถูกคนอื่น ๆ ดีดออกไปตลอด เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเขาจึงไม่มานั่งตรงนี้อีก

 

 

หากแต่บางที่นั่งกลับไม่เคยเปลี่ยนมือเลย

 

 

อาทิเช่น 5 อันดับแรก

 

 

ชายหนุ่ม 3 คน หญิงสาว 2 คน นั่งอยู่บนที่นั่งยกระดับสูงสุด

 

 

คนหน้าสุดคือชายหนุ่มผมยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเกียจคร้าน ดูท่าไม่ใส่ใจสิ่งใด

 

 

เพราะอย่างไรเขาก็ไร้กังวล ตั้งแต่การประลองสิ้นปีเริ่มขึ้นเขาก็นั่งอยู่บนที่นั่งนี้มาโดยตลอด ไม่มีใครกล้าท้าประลองเขา อีกทั้งยังไม่อาจมีผู้ใดมาสั่นสะเทือนอันดับของเขาได้

 

 

เขามีนามว่าเหอนิ่วหลิว

 

 

อีกสองคนนั่งอยู่ด้านล่างคือชายหนุ่มถือดาบยักษ์ ต้วนเจียงซาน และคุณชายชุดม่วงเจียงซีสุ่ยที่ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้า

 

 

ชายหนุ่ม 3 คน รวมกับจีหานเยี่ยนและเยว่หลงซาคือกลุ่มคนที่มีรายชื่ออยู่อันดับต้น ๆ ในห้องโถงกลั่นร้อยวิชา

 

 

เหอนิ่วหลิวนั้นเป็นอันดับแรก ต้วนเจียงซานเป็นอันดับที่สอง แม้คนทั้งคู่จะไม่เปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามของตนที่ห้องโถงกลั่นร้อยวิชาแต่ก็ไม่ได้ถ่อมตัวแม้แต่น้อย พวกเขายังครอบครองอันดับที่ 1 และ 2 ของการจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยนตั้งแต่การประลองสิ้นปีในปีแรก การปิดชื่อในห้องโถงกลั่นร้อยวิชาเป็นเพียงวิธีการโอ้อวดรูปแบบหนึ่ง แม้แต่คนโง่ยังเดาได้ว่าสองรายชื่อนั้นต้องเป็นของพวกเขาแน่

 

 

พวกเขาเชื่อว่าตนเองทำตัวธรรมดาไม่โอ้อวดมากแล้ว จนกระทั่งถึงตอนนี้ ชื่อในห้องโถงกลั่นร้อยวิชาของพวกเขาก็ยังคงปิดเป็นความลับอยู่

 

 

ส่วนเบื้องล่างสามอันดับแรกคือจีหานเยี่ยนและกู่ชิงลั่ว

 

 

จีหานเยี่ยนและกู่ชิงลั่วนั้นเข้ากันไม่ได้ ไม่เหมือนกับคนสามอันดับแรกที่ดูจะร่วมมือกันเป็นอย่างดี

 

 

ทุกครั้งที่จีหานเยี่ยนหันกลับไป สายตาก็จะมองไปที่หัวกู่ชิงลั่ว กู่ชิงลั่วที่มีสีหน้ายิ้มแย้มอยู่ตลอดก็ไม่มองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ เช่นกัน

 

 

แม้แม่นางทั้งสองจะไม่ทำอะไรกันตรง ๆ แต่ก็มีวิธีดูถูกอีกฝ่ายเป็นของตนเอง

 

 

ที่นั่งของคนทั้งห้านี้มั่นคงกว่าศิษย์คนอื่น ๆ ในชั้นปีเดียวกัน แทบจะไม่มีใครกล้าท้าพวกเขาประลอง หรือหากมี ส่วนมากก็เพียงแต่ “อยากรู้ว่าความแข็งแกร่งห่างกันขนาดไหน” เท่านั้น

 

 

หวังโต้วซานนั้นนับได้ว่าเป็นอันดับที่ 6 รักษาอันดับได้ดีไม่สั่นคลอนเช่นเดียวกัน ไม่อาจมีใครเอาชนะเขาได้ง่าย

 

 

แต่ 2-3 วันก่อนหน้านี้ เขากลับหยุดไต่อันดับแล้ววนเวียนอยู่แถวอันดับที่ 10 แทนด้วยเหตุผลที่ไม่อาจรู้ได้

 

 

จนกระทั่งถึงตอนนี้

 

 

เมื่อหวังโต้วซานยอมแพ้ในทันทีเช่นนี้ ทุกคนจึงเข้าใจเรื่องราวในพลัน

 

 

เจ้าบ้านั่นร่วมมือกับซูเฉินเพื่อช่วยอวิ๋นเป้า

 

 

หลังจากหวังโต้วซานยอมแพ้ไปแล้ว อันดับของอวิ๋นเป้าจึงขึ้นไปเป็นลำดับที่ 10 หากไม่รวม 5 อันดับแรก ก็มีเพียงเยว่หลงซา หวังเสวียนอัน โจวตงไหล และหยวนเมิ่งซื่อที่มีอันดับเหนือเขา

 

 

เมื่อเห็นว่าหวังโต้วซานยอมแพ้ไป ฝูงผู้ชมก็เริ่มส่งเสียงฮือฮาขึ้นอีกครา

 

 

“เจ้าหวังโต้วซานบัดซบมันทำอะไรของมัน ?” หวังเสวียนอันส่งหมัดกระแทกเก้าอี้ตนด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

 

“เจ้าก็เห็นแล้ว พวกนั้นกำลังดันอันดับให้เขา” โจวตงไหลเอ่ยเสียงขรึม “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าเขาไปไหนมาไหนกับเจ้าไร้สายเลือดสองคนนั่น ดังนั้นจึงไม่แปลกใจนัก คนไร้สายเลือดหนึ่งคนฝ่าขึ้นมาถึง 20 อันดับได้นับว่าน่าอายมากแล้ว แต่ตอนนี้มีถึงสองคนที่กล้าใช้วิธีเช่นนี้ลักลอบเข้ามา”

 

 

“หากพวกมันดึงกันขึ้นมาได้ แล้วพวกเราจะดันมันลงไปไม่ได้หรือไร ?” หยวนเมิ่งซื่อพลันเอ่ย

 

 

คนทั้งสามมองหน้ากัน จากนั้นเปล่งเสียงหัวเราะชั่วร้ายออกมา

 

 

ไม่นาน เหล่าศิษย์ที่อันดับต่ำกว่าอวิ๋นเป้าก็พลันท้าประลองหวังเสวียนอัน

 

 

ไม่แปลกที่หวังเสวียนอันแพ้ไปโดยเร็ว อันดับของอวิ๋นเป้าจึงร่วงลง

 

 

ต่อมาก็มีคนท้าประลองโจวตงไหล หยวนเมิ่งซื่อ และคนอื่น ๆ ทำให้อันดับของอวิ๋นเป้าลดลงอย่างต่อเนื่อง หวังเสวียนอันและคนอื่น ๆ สามารถท้าประลองและชิงอันดับตนเองกลับมาได้อีกครั้ง

 

 

ผลที่ออกมาคืออันดับของอวิ๋นเป้าร่วงลงจนต่ำกว่าอันดับที่ 15 อีกครา

 

 

ในตอนที่ทุกคนคิดว่าอวิ๋นเป้ากำลังจะถูกบีบออกไปนั้นเอง เขาก็ท้าประลองคนอีกคนหนึ่ง

 

 

ครั้งนี้เขาท้าเยว่หลงซา

 

 

เยว่หลงซายอมแพ้

 

 

“เยว่หลงซา เจ้า……!” ทุกคนจ้องเยว่หลงซาด้วยสายตาตกตะลึง

 

 

สตรีผู้นี้ไปร่วมมือกับพวกมันเมื่อไร ?

 

 

เยว่หลงซายังคงท่าทางนิ่งสงบงดงามไว้ไม่คลาย จากนั้นเอ่ยขึ้น “กำลังที่แท้จริงของอวิ๋นเป้าก็ไม่ได้ด้อยอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่เหมาะกับการประลองในสนามเช่นนี้ก็เท่านั้น ดังนั้นยอมแพ้ให้เขาไม่นับว่าเป็นเรื่องน่าอายอันใด เหตุใดไม่ใจกว้าง ปล่อยเขาไปเสียเล่า”

 

 

“หึ พอเจ้าพูดแบบนั้นก็ฟังดูดีอยู่ แต่ข้าไม่ชอบเห็นมันมารวมกลุ่มกับพวกเรา ไม่อยากให้มันไต่อันดับขึ้นมา” หวังเสวียนอันคำรามต่ำ “เยว่หลงซา เจ้ามามันขึ้นมาได้ พวกข้าก็กดมันลงไปใหม่ได้ ! ข้าอยากรู้นักว่าฝั่งใครจะมีคนมากกว่ากัน”

 

 

เยว่หลงซาขมวดคิ้วแน่น ทำท่ากำลังจะเอ่ยขึ้นอีกประโยค เป็นจีหานเยี่ยนที่หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา “จะทำเช่นนั้นต้องขออนุญาตข้าผู้นี้เสียก่อน”

 

 

เดิมทีเยว่หลงซาอยู่อันดับที่ 6 เมื่ออวิ๋นเป้าชนะนางไปได้จึงชิงเอาอันดับที่ 6 จากนางมา และด้วยวันนี้เขาถูกท้าประลองไป 6 ครั้งแล้ว ดังนั้นหากคิดจะดึงอันดับอวิ๋นเป้าลง อีกฝ่ายจะต้องเอาชนะจีหานเยี่ยนให้ได้

 

 

หรือก็คือหากจะทำได้ย่อมต้องได้รับความร่วมมือจากจีหานเยี่ยน

 

 

หวังเสวียนอันได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป จ้องจีหานเยี่ยนนิ่ง “หานยี่ยน เจ้าคงไม่คิดจะให้เจ้าคนไร้สายเลือดนี่มารวมกลุ่มกับหรอกหรอกกระมัง ?”

 

 

จีหานเยี่ยนไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ “ข้าทำแล้วมีความสุข ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเจ้า”

 

 

เมื่อหวังเสวียนอันและคนอื่น ๆ ได้ยินเพียงเท่านี้ก็เข้าใจ

 

 

จีหานเยี่ยนสตรีบัดซบผู้นี้เองก็เลือกข้างซูเฉิน

 

 

แม้พวกเขาจะกดอันดับอวิ๋นเป้าลง จีหานเยี่ยนก็อาจยอมแพ้ให้เขาเหมือนกับเยว่หลงซาและดึกอีกฝ่ายกลับขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

จากนั้นคนทั้งหมดจึงหันไปมองกู่ชิงลั่ว

 

 

กู่ชิงลั่วยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนเอ่ยเสียงเบา “กำลังข้าไม่ได้แข็งแกร่งมาก ที่ได้อันดับมาได้เป็นเพราะมีทุกคนคอยช่วยเหลือ ข้าไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้ แม้จะอยากช่วยพวกเจ้า แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้ตำแหน่งกลับคืนมาหรือไม่ ขออภัยด้วย……”

 

 

หมายความว่านางไม่เต็มใจช่วยพวกเขากดอันดับอวิ๋นเป้า

 

 

ทุกคนต่างตกตะลึงไป พวกเขามองไปยังเจียงซีสุ่ย ต้วนเจียงซาน และเหอนิ่วหลิว

 

 

แม้ทั้งสามคนจะยังไม่ได้ให้คำตอบ แต่ทุกคนก็รู้คำตอบดี

 

 

เจียงซีสุ่ยโบกพัดในมือแผ่วเบา จากนั้นมองไปทางจีหานเยี่ยนแล้วหัวเราะ “ในเมื่อหานเยี่ยนไม่เต็มใจ งั้นแล้วข้าจะทำเรื่องที่หานเยี่ยนไม่ชอบได้อย่างไร ?”

 

 

คนผู้นี้ก็เหมือนกับไป๋อี่หงที่ชื่นชอบจีหานเยี่ยน ทว่าโชคร้ายที่จีหานเยี่ยนกลับไม่เคยสนใจเขาเลย

 

 

แต่ถึงกระนั้น เจียงซีสุ่ยก็ไม่อาจทำสิ่งที่จีหานเยี่ยนไม่ชอบได้

 

 

ต้วนเจียงซานเพียงกลอกตาตนแล้วเงยหน้ามองฟ้าเท่านั้น “อย่าเอาเรื่องทะเลาะไร้สาระมายุ่งวุ่นวายกับข้า”

 

 

เหอนิ่วหลิวไม่หันมอง เพียงเอ่ยเสียงเกียจคร้านขึ้นเท่านั้น “เปลี่ยนที่นั่งไปมา…… น่ารำคาญนัก”

 

 

“……”

 

 

ใน 5 อันดับแรกไม่มีใครเต็มใจสละอันดับตนเอง เช่นนี้หมายถึงไม่อาจกดอันดับอวิ๋นเป้าลงได้อีก

 

 

ศิษย์กลุ่มนั้นจ้องหน้ากันไปมา หน้าตาสับสนยิ่ง

 

 

ไม่เพียงแค่พวกเขาที่สับสน แต่คนที่นั่งชมการประลองอยู่ด้านล่างก็สับสนเช่นเดียวกัน

 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่าอวิ๋นเป้าจะมีคนช่วยสนับสนุนมากถึงเพียงนี้

 

 

ซูเฉิน หวังโต้วซาน เยว่หลงซา จีหานเยี่ยน กู่ชิงลั่ว……

 

 

มีคนมากมายช่วยเขาเช่นนี้ ไม่ใช่การใช้กลยุทธ์ใช้กำลังคนส่งเสริมอีกต่อไป แต่อวิ๋นเป้านั้นคล้ายกับถูกลมพาไปแล้วต่างหาก !

 

 

การประลองสิ้นปีวันที่สิบใกล้จะจบลงเต็มที

 

 

ในที่สุดอวิ๋นเป้าก็สามารถรักษาอันดับตนให้อยู่ใน 20 อันดับแรกได้ โดยอยู่อันดับที่ 6 ดังนั้นจึงมีสิทธิ์เข้าร่วมการต่อสู้ที่กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้านี้