ภาคที่ 2 บทที่ 122 ใช้กำลังคนส่งเสริม

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 122 ใช้กำลังคนส่งเสริม

ด้วยซูเฉินควบคุมพลังตนเองอย่างระมัดระวัง ดังนั้นแม้หลงฮวนจะหมดสติไป แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง

ผู้ตัดสินลงมาตรวจสภาพหลงฮวน หลังจากยืนยันแล้วว่าหลงฮวนไม่ได้บาดเจ็บหนักก็ยกธงเหลืองขึ้น

หมายความว่าผู้เข้าแข่งขันไม่เป็นอะไรมาก เพียงแต่ไม่อาจทำการประลองต่อได้

บังเอิญนักที่หลังจากนั้นอวิ๋นเป้าก็ท้าหลงฮวนประลองต่อในทันที

และเป็นเพราะหลงฮวนไม่มาขึ้นประลอง อวิ๋นเป้าจึงชนะไปโดยปริยาย

มีหลากหลายการต่อสู้ที่ไม่อาจหลบเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บได้ เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้ทุกวัน คนอื่น ๆ จึงคิดเพียงว่าอวิ๋นเป้าคงได้โชคช่วยเท่านั้น

แต่ไม่นาน ดูท่าอวิ๋นเป้าจะโชคดีเกินไปเสียแล้ว

การประลองต่อมา คู่ต่อสู้ของเขาก็ถูกการประลองครั้งก่อนหน้าทำให้หมดสติไปอีกครา

เป็นอีกครั้งที่ซูเฉินทำให้อีกฝ่ายหมดสติไป ระเบิดเหยี่ยวเพลิงนั้นเปรียบดั่งความสำเร็จในการศึกษาวิชาโบราณอาร์คาน่าของเขา หลากหลายคนที่ต้องรับมือกับมันมองมันเป็นดั่งฝันร้าย

เดิมทีระเบิดเหยี่ยวเพลิงเป็นหนึ่งในไพ่ตายที่ซูเฉินพยายามซ่อนไว้เป็นอย่างดี หากแต่ตอนนี้กลับต้องถูกนำออกมาใช้ในการประลองทุกครั้ง

ตอนนี้เหยี่ยวเพลิงราวสิบลูกผุดขึ้นราวกับมีชีวิต พุ่งเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างดุดัน ใช้พลังมหาศาลกดดันอีกฝ่าย

แน่นอนว่าเขาไม่อาจทำให้คู่ต่อสู้สลบไปได้ทุกคน แต่ถึงจะไม่สลบก็จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีนั้น ส่วนมากจะถูกบีบให้ใช้พลังต้นกำเนิดเพื่อต้านการโจมตีไปมากพอสมควร

การประลองของอวิ๋นเป้าจบลงอย่างรวดเร็ว แม้จะมีเวลาให้คู่ต่อสู้แต่ละคนพักผ่อน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นพลังจนเต็มดังเดิม

เรื่องราวเป็นเช่นนั้นไป 5 สนาม อวิ๋นเป้าไล่ตามอันดับซูเฉินไปเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่ซูเฉินเอาชนะคนหนึ่ง ผู้ท้าประลองคนต่อไปจะเป็นอวิ๋นเป้าเสมอ

ถึงตรงนี้ไม่ว่าใครก็มองออกว่าเกิดอะไรขึ้น

“บัดซบ โกงกันเห็น ๆ! ซูเฉิน เจ้าบ้านั่น มันช่วยกรุยทางให้อวิ๋นเป้า !”

“แต่เราจะทำอะไรได้ ? เช่นนี้ไม่ได้ผิดกฎที่สถาบันมังกรซ่อนเร้นตั้งไว้ ถึงพวกเขาโกงเราก็ได้แต่นั่งมองเฉย ๆ ความผิดตัวเจ้าเองนั่นล่ะที่ไร้ผู้นำเช่นเขา”

“ใครจะรู้ว่าซูเฉินเก่งกาจเช่นนี้เล่า ? เมื่อ 7 วันก่อนมันยังเป็นไอ้ขี้ขลาดอยู่ ตอนนี้กลับกลายเป็นผู้นำไปเสียแล้วหรือ ?”

“หากข้ารู้ว่าเขาซ่อนฝีมือสูงส่งไว้เช่นนี้ ข้าก็คงจะไปแสดงความนับถือนานแล้ว”

“บ๊ะ ก็เป็นแค่การจัดอันดับไม่ใช่หรือไร ? หากไม่ได้มาด้วยกำลังตนเอง อันดับขึ้นมาแล้วอย่างไรเล่า ?”

“เจ้าผิดแล้ว การประลองสิ้นปีครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งอื่น”

“ไม่เหมือนอย่างไร ?”

“ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่แตกต่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเหตุใดซูเฉินจึงพยายามดันอันดับอวิ๋นเป้าขึ้นมาในครั้งนี้ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยเล่า ?”

“ไร้สาระสิ้นดี”

ผู้ชมการประลองได้แต่ถกเถียงกันไปมา

แต่ไม่ว่าจะคิดเห็นอย่างไร ก็ไม่อาจแย้งได้ว่าแม้ซูเฉินจะโกง แต่เขาก็ไม่ได้ขัดต่อกฎที่สถาบันมังกรซ่อนเร้นตั้งไว้

และในความเป็นจริงแล้ว แม้ซูเฉินจะช่วยดันอันดับอวิ๋นเป้า วันต่อมาคนที่ถูกเอาชนะไปในวันนี้ก็สามารถท้าประลองอวิ๋นเป้าแล้วชิงอันดับกลับมาได้เช่นกัน

ดังนั้นแม้ซูเฉินจะช่วยให้อวิ๋นเป้าไต่อันดับขึ้นมาได้ แต่การที่อวิ๋นเป้าจะสามารถรักษาอันดับไว้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ในวันที่ 8 ซูเฉินก็ยังคงท้าประลองและไต่อันดับต่อไป

ครั้งนี้ อีกฝ่ายคืออันดับที่ 20 นามว่าโหมวอู๋เจียง

โหมวอู๋เจียงนั้นมาจากมณฑลกระแสบูรพา มีสายเลือดหมาป่าลมหวนจันทร์ เขาสามารถสอบเข้าสถาบันมาได้ด้วยอันดับ 1 ของมณฑลกระแสบูรพา แม้ว่าอันดับจะลดลงเล็กน้อยหลังจากเข้าสถาบันมาแล้ว แต่ก็ยังนับว่าทรงพลังนัก

หากแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับซูเฉิน ความแข็งแกร่งของโหมวอู๋เจียงก็กลายเป็นไร้ค่า

หลังจากการต่อสู้อันหนักหน่วงผ่านไป ซูเฉินก็เอาชนะโหมวอู๋เจียงไปได้ เข้าเป็นหนึ่งใน 20 อันดับในที่สุด

ผู้ชมทั้งหลายพากันมองภาพนั้นด้วยความตกตะลึง

หากแต่เรื่องน่าตกตะลึงกว่านั้นกำลังจะเกิดขึ้น

ในตอนที่ซูเฉินกำลังไต่อันดับขึ้น อวิ๋นเป้าก็ถูกคนอันดับต่ำกว่าท้าประลอง

แม้เขาจะพยายามต่อสู้เต็มที่ แต่ก็เสียอันดับไปจนได้ ทำให้มที่็มที่อันดับที่ซูเฉินพยายามกรุยทางมาให้เริ่มร่นถอยกลับไป ก่อนที่สุดท้ายอวิ๋นเป้าก็ตกไปอยู่อันดับที่ 30

ถึงจุดนี้ เขาก็ถูกท้าประลองไปแล้ว 6 ครั้ง ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ปฏิเสธคำท้าประลอง

เป็นตอนนั้นที่อวิ๋นเป้าลงมือทำบางอย่าง

เข้าท้าประลองซูเฉิน !

หากแต่สิ่งที่เกิดลำดับต่อมายิ่งทำให้ผู้ชมยิ่งอ้าปากค้างกว่าเดิม

ซูเฉินยอมแพ้ !

ฝูงชนส่งเสียงอื้ออึงในพลัน

อย่างไหนเรียกน่าชัง ?

อย่างนี้ไงเล่า

อย่างไหนเรียกหน้าไม่อาย ?

ก็อย่างนี้ไงเล่า !

ซูเฉินยอมใช้ตนเองเป็นบันได ส่งให้อวิ๋นเป้ากลับเข้าสู่ 20 อันดับแรก ทำให้เขาตกลงไปอยู่อันดับที่ 21

แต่แน่นอนว่าอันดับนี้ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของซูเฉิน เขาทำเช่นนี้ก็เพื่อดันอันดับให้อวิ๋นเป้าเท่านั้น

ถึงตอนนี้ทุกคนจึงเข้าใจ สำหรับซูเฉินแล้ว การเข้าสู่ 20 อันดับไม่ใช่เรื่องยากเลย

สถานการณ์ทั้งหมดนี้ราวกับเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง

ยามที่ซูเฉินเข้าร่วมการประลองสิ้นปีเป็นครั้งแรก ทุกคนต่างมองดูถูกเขาเพราะเชื่อว่าเขาเป็นไอ้ขี้ขลาดอ่อนแอ

ต่อมาเมื่ออวิ๋นเป้าเดินคู่กับซูเฉิน คนอื่น ๆ ก็คิดว่าเป็นอวิ๋นเป้าต่างหากที่คอยช่วยซูเฉิน

และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ผู้คนก็เชื่อว่าความสำเร็จของซูเฉินกลายเป็นอดีตไปแล้ว หากแต่ชั่วเวลาเพียง 7 ถึง 8 ปีสถานการณ์กลับพลิกอีกครั้ง ซูเฉินฝ่าอันดับเข้าสู่การจัดอันดับมังกรผันเปลี่ยน อีกทั้งยังดึงอวิ๋นเป้าขึ้นอันดับมาด้วย

เหตุการณ์ผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนทุกคนไม่อาจเข้าใจสถานการณ์ได้ถี่ถ้วน

แต่แม้จะไม่เข้าใจ หลาย ๆ คนก็ไม่อาจทนมองอวิ๋นเป้าไต่อันดับขึ้นไปเช่นนั้นได้

ปัญหาไม่ใช่เพียงวิธีที่ซูเฉินเลือกใช้ แต่คือปัญหาเรื่องลำดับขั้นสายเลือดต่างหาก

คนไร้สายเลือดคนหนึ่งเขาสู่หนึ่งใน 20 อันดับก็นับเป็นของแสลงสำหรับคนหลายคนแล้ว

แต่ที่แย่กว่าคนไร้สายเลือดหนึ่งคนอยู่เหนือพวกเขา คือการที่คนไร้สายเลือดสองคนอยู่เหนือพวกเขา

ดังนั้นหลาย ๆ คนจึงตกลงกันว่าอย่างไรก็ต้องดึงอวิ๋นเป้าลงจาก 20 อันดับให้ได้ในการประลองวันที่ 9

หากแต่ในวันที่ 9 ซูเฉินก็ยังท้าประลองคนอันดับสูงกว่าตนต่อไป หลาย ๆ คนจึงต้องยอมแพ้กับความคิดนั้นไป

ในครั้งนี้ ซูเฉินท้าอันดับที่ 11 ห่าวหมิงหยางขึ้นประลอง

หลังจากเอาชนะเขาไป ซูเฉินก็ดึงอันดับอวิ๋นเป้าขึ้นอีกครั้ง

ตอนนี้อวิ๋นเป้าอยู่อันดับที่ 11 แม้คนส่วนมากอยากท้าประลองแต่ก็ไม่อาจทำได้

ที่น่ารำคาญใจที่สุดคือผู้ที่ถูกท้าประลองครบ 6 ครั้งแล้วสามารถปฏิเสธการประลองได้ สถาบันตั้งกฎนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกท้าประลองมากเกินจนหมดแรง แต่ไม่คาดคิดว่าซูเฉินจะสามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นเครื่องป้องกันอวิ๋นเป้าได้ ด้วยตอนนี้อวิ๋นเป้าอยู่อันดับที่ 11 แม้จะถูกท้าประลองแล้วแพ้ไปทั้งหมดจนถอยลงไปอยู่อันดับที่ 17 อย่างไรก็จะไม่ถูกดีดออกจาก 20 อันดับแรก

อวิ๋นเป้าใช้ช่องโหว่นี้เพื่อไต่ขึ้น 20 อันดับแรก

แต่อย่างไรก็ยังมีหนทางเอาชนะเขาอยู่

ในเมื่อไม่อาจท้าประลองอวิ๋นเป้าโดยตรงได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการท้าประลองคนที่มีอันดับเหนือกว่าอวิ๋นเป้า

หากมีศิษย์ที่ยอมทิ้งอันดับตนเองลงมาก็ยังสามารถเอาชนะอวิ๋นเป้าได้

แต่หากเป็นเช่นนี้ เหล่าศิษย์ชั้นสูงทั้งหลายก็ต้องยอมร่วมมือเพื่อทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ

ในคืนนั้น เหล่าศิษย์ที่ไม่พอใจก็รวมกลุ่มกัน หมายจะสั่งสอนซูเฉินและอวิ๋นเป้า

และวันที่ 10 ซึ่งนับเป็นวันสุดท้ายในการประลองสิ้นปีก็มาถึง

ในวันนี้ทุกคนต่างเตรียมการขั้นสุดท้าย ตั้งใจจะลงมือขั้นสุดท้ายให้สำเร็จเสร็จสิ้น

ไม่แปลกที่วันนี้อวิ๋นเป้าถูกท้าประลองถึง 6 ครั้งติดต่อกัน

อวิ๋นเป้าเพียงยอมแพ้ไปโดยง่าย หลุดจากอันดับ 17 ไปเป็นอันดับ 23 ส่วนซูเฉินตกไปอันดับ 24

พอถึงตอนนี้ซูเฉินก็ลงมือ เขาท้าประลองอันดับที่ 14 เอาชนะคนผู้นั้นมาได้ จากนั้นยอมแพ้ให้อวิ๋นเป้า

หากแต่หลังจากนั้นกลุ่มศิษย์ก็ลงมือเช่นกัน ท้าประลองเหล่าศิษย์อันดับสูงกว่า เหล่าศิษย์อันดับ 10 ไปจนถึงอันดับ 13 พ่ายแพ้ทั้งหมด ทำให้อันดับของซูเฉินและอวิ๋นเป้าลดลงเรื่อย ๆ

ในเมื่อศิษย์คนหนึ่งสามารถท้าประลองศิษย์คนเดิมได้เพียงวันละครั้ง ไม่ว่าซูเฉินจะไต่อันดับขึ้นไปได้สูงมากเท่าไร ก็ไม่อาจสละอันดับให้อวิ๋นเป้าได้อีก

สุดท้ายแล้วดูท่าอวิ๋นเป้าจะไม่อาจติด 20 อันดับได้

เมื่อเห็นว่าตัวรำคาญลูกตากำลังจะถูกบีบออกจาก 20 อันดับ บนใบหน้าแต่ละคนก็ปรากฏรอยยิ้มหนึ่งขึ้น

เป็นตอนนั้นเองที่อวิ๋นเป้าท้าประลองคนอีกคน

แต่ครั้งนี้เขาไม่ได้ท้าประลองซูเฉิน เป็นหวังโต้วซาน

หวังโต้วซานยอมแพ้ไป

ฟึ่บ !

อันดับของอวิ๋นเป้ากลับไปอยู่ใน 20 อันดับอีกครา

ทุกคนตะลึงค้างไป