บทที่ 1028 ห้าสิบเมตรแห่งความเป็นความตาย

แฟนผมกลายเป็นซอมบี้

ปังๆๆ—

เสียงดังสนั่นเลื่อนลั่น เคล้าเสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิง “เป็นไงบ้าง แผนใหม่ของฉันไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ? แต่ว่าเพิ่งจะฟังได้ครึ่งเดียวเอง พี่จะรีบหนีไปไหนกันล่ะ? พี่สาว…”

เคร้ง!

เย่เลี่ยนกระโดดถอยหลังสองครั้งติดกัน จากนั้นก็ทิ้งเท้าสัมผัสพื้นท่ามกลางฝุ่นคลุ้ง เธอหอบหายใจเบาๆ พลางมองออกไปที่ไกลๆ โดยไม่รู้ตัว แต่ในเสี้ยววินาทีที่เธอเบนสายตาออกไป ลมแรงสายหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาทางเธอดัง “วูบ”

ทว่าในเสี้ยววินาทีที่หางตาเหลือบไปเห็น เย่เลี่ยนเอียงหัวหลบ เศษกระจกชิ้นนั้นพุ่งเฉียดใบหูเธอไป และปักอยู่บนผนังที่อยู่ไม่ไกล เส้นผมไม่กี่เส้นถูกตัดขาดลอยพลิ้วกลางอากาศ และร่วงลงข้างเท้าเย่เลี่ยน

“คิกๆ ระวังหน่อยสิ เมื่อกี้อีกแค่นิดเดียว ฉันก็จะจับพี่ได้แล้วนะ” เด็กผู้หญิงถือสุดแกว่งไปมา พลางเดินเข้ามาใกล้ “ดูเหมือนว่าพี่จะไม่ได้มีดีแค่เรื่องการตอบสนองที่รวดเร็วสินะ…แต่ว่าไม่เป็นไร พวกเราค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ประเด็นสำคัญคือแผนการของฉัน…เรื่องนี้ เหมือนพี่จะเข้าใจแล้วสินะ…พอรู้ว่าพวกเขาอยู่แถวนี้ๆ พี่ก็เลยรู้สึกร้อนรนมากใช่ไหมล่ะ?

ปัง—

เด็กผู้หญิงเอียงหัวไปด้านข้าง แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ กระสุนยังคงยิงโดนใบหูของเธอ เมื่อเลือดสาดกระเซ็นกลางอากาศ รอยยิ้มบนใบหน้าของเด็กสาวก็ดูแปลกไปในที่สุด มันยกมือลูบ จากนั้นก็เลียเลือดบนนิ้วมืออย่างระมัดระวัง บอกว่า “เหมือนว่าพี่จะมีบางอย่างเปลี่ยนไปจริงๆ กำลังพยายามทำอะไรอีกงั้นหรอ ไม่มีประโยชน์หรอก…”

เย่เลี่ยนลดปากกระบอกปืนที่ยังมีควันลอยออกมาอยู่ ม่านตาทั้งสองข้างหดตัวลงอย่างรวดเร็ว บวกกับลวดลายเส้นเลือดที่หดขยายซ้ำไปซ้ำมาพวกนั้น ดวงตาของเธอจึงดูเหมือนกล้องสลับลายที่มีสีสันงดงามพร่างพราว…

“พี่สาวโกรธแล้วหรอ?” เด็กผู้หญิงทำปากเบะ แล้วถาม ทว่าไม่นานมันก็หัวเราะขึ้นเอง “ก็น่าจะโกรธอยู่หรอก…แต่ถ้าพี่ไม่ยอมฟังแผนการฉันให้จบ ฉันก็จะโกรธแล้วเหมือนกันนะ? อ้อ ใช่สิ….จะว่าไปแล้ว พวกเขาน่าจะขึ้นมาถึงชั้นนี้แล้วนะ ใช่ไหม?”

ปัง—

ครั้งนี้ เด็กผู้หญิงไม่หลบ มันยกมือขึ้น และกางฝ่ามือไปทางกระสุนลูกนั้นตรงๆ แต่ทว่า…กระสุนลูกนั้นยังคงพุ่งเฉียดข้อมือมันไป และยิงโดนไหล่ของมันเต็มๆ มันหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็ใช้มือล้วงเข้าไปควักกระสุนออกมา และทิ้งลงบนพื้นอย่างไม่ยี่หระ “ถึงจะไม่รู้ว่าพี่ยิงโดนฉันได้ยังไง แต่ฉันบอกแล้วไง ว่ามันไม่มีประโยชน์” มันยังคงเดินเข้าไปหาเย่เลี่ยนเรื่อยๆ ปากก็พูดต่อว่า “และตั้งแต่วินาทีที่พวกเขาขึ้นมาบนชั้นนี้ เกมใหม่ก็ได้เริ่มแล้ว พี่หยุดมันไม่ได้แล้วล่ะ”

เธอยกมือขึ้นแล้วปรบมือ หัวเราะบอกว่า “พี่ไม่รู้สึกบ้างหรอว่าที่นี่มีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป?”

เย่เลี่ยนมองเธออย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เหลือบมองรอบข้างด้วยหางตา มีอะไรเปลี่ยนไปงั้นหรอ? เธอครุ่นคิดอย่างไม่ค่อยเข้าใจ ทว่าไม่นาน เธอก็เบิกตากว้าง

“ดูเหมือนว่าในที่สุดพี่จะรู้สึกได้ซักทีนะ” เด็กผู้หญิงปรบมือ พร้อมกับพูดว่า “ใช่แล้ว ฉันลงมือทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ กับอาคารชั้นนี้แล้วล่ะ พี่สาวลองดาสิ ว่านี่เอาไว้ทำอะไร?”

สิ่งที่เด็กสาวชี้ คือไอหมอกเลือนรางชั้นหนึ่ง…เนื่องจากเมื่อกี้เย่เลี่ยนอยู่ท่ามกลางฝุ่นคลุ้ง เธอจึงไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้…แต่เธอเพิ่งมาค้นพบตอนนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายเธอ กระทั่งแม้แต่ตัวเธอเอง ก็ราวกับได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของไอหมอกสีเทาชั้นนี้แล้ว…

“คิกๆ รู้แล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้าทำอย่างนี้ พวกเขาก็จะมองไม่เห็นเรา พี่ลองเดาดูสิ ว่าฉันจะฆ่าพี่ได้ก่อน หรือว่าเขาจะเจอพี่ก่อน? ใช่สิ ขอบอกกติกาไว้ก่อนล่ะ…ถ้าหากพี่ออกห่างจากฉันเกินห้าสิบเมตรเมื่อไหร่ ฉันจะหันไปฆ่าหนึ่งในพวกเขาทันที ด้วยพลังของฉัน พี่รู้ว่าฉันต้องลอบโจมตีสำเร็จแน่ๆ เป็นไงล่ะ ยุติธรรมใช่ไหม?” เด็กผู้หญิงพูดอย่างมั่นใจ

ถึงแม้น้ำเสียงของเธอยังคงฟังดูไร้เดียงสามาก แต่สำหรับเย่เลี่ยน มันกลับเป็นเสียงพูดที่เสียดแทงอย่างที่สุด

“เธอรู้ไหมว่าฉันไม่ชอบตรงไหนของเธอมากที่สุด?” อยู่ๆ เย่เลี่ยนก็พูดขึ้น

“ในที่สุดพี่ก็ยอมพูดแล้ว…” เด็กผู้หญิงปรบมืออย่างปลื้มปริ่ม “เสียงพี่เพราะจัง ฉันชอบมากเลย พี่บอกมาสิ พี่ไม่ชอบตรงไหนของฉันงั้นหรอ? ถ้าหากว่าเป็นเรื่องรูปลักษณ์ภายนอก…” เธอดึงใบหูที่เป็นแผลเหวอะหวะจนเกือบหายไปทั้งอัน หลังจากเนื้อหนังส่วนนั้นขยับยุกยิก ติ่งเนื้อสีชมพูก้อนหนึ่งพลันงอกออกมา กลายเป็นติ่งหูรูปร่างแปลกๆ ทันที “ฉันเปลี่ยนได้นะ แน่นอนว่าเปลี่ยนเป็นบางส่วน พี่ดูออกไหมว่านี่เป็นหูของอะไร? ฉันบอกใบ้ให้ มันเป็นหูของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ดิน…”

“ฉันไม่ชอบให้เธอเรียกฉันว่าพี่สาว” เย่เลี่ยนพูดอย่างจริงจัง เธอยกปากปืนขึ้นอีกครั้ง “มีแค่สองคนในกลุ่มนั้นที่เรียกฉันว่าพี่สาวได้ เหมือนกับที่ฉันจะไม่เรียกคนอื่นว่าพี่ชายส่งเดช”

“…คิกๆ พี่นี่ยึดติดอะไรแปลกๆ เนอะ…พี่รู้ไหม ความจริงพฤติกรรมแบบนี้เหมือนมนุษย์มากเลยนะ…”

ปัง—

“อีกอย่าง เธอพูดมากเกินไป พูดมากกว่าพี่หลิงเยอะเลย”

…………

“หัวหน้า ที่นี่ไม่เหมือนมีคนอยู่เลยนะ…” กู่ซวงซวงพยายามใช้พลังสัมผัสรู้กับพื้นที่รอบข้างอย่างสุดความสามารถ พลางพูดขึ้น

หลิงม่อกลับขมวดคิ้ว พูดโดยไม่หันไปมองว่า “ไม่…ที่นี่มีพลังก่อกวนที่แรงขึ้น ซึ่งมันกลับบ่งบอกถึงบางอย่าง…”

“พี่เย่เลี่ยนกับร่างแม่ตัวนั้น อยู่ที่นี่แน่นอน” ซย่าน่าบอก

“น่าแปลก…” หลี่ย่าหลินยกมือป้องหู พลางมองไปรอบๆ

“มีอะไรหรอๆ?” อวี่เหวินซวนรีบชะโงกหน้าเข้าไปหา แล้วถาม

หลี่ย่าหลินรีบตัวกายหลบ วิ่งไปอยู่ข้างหลิงม่อทันที แต่กลับยังคงยืนอยู่ในท่าเงี่ยหูฟังเหมือนเดิม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น “หลิงม่อ ฉันได้ยินเสียงเลือนรางตลอดเลย แต่กลับไม่สามารถบอกทิศทางได้…”

“จำตอนที่พวกเราอยู่ใต้ดินได้ไหม? ที่นั่นก็เก็บเสียงได้เหมือนกัน ไม่แน่ว่า พลังของร่างแม่ตัวนั้นอาจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ก็ได้ ส่วนอวี่เหวินซวน นายยังจำตอนที่ร่างแม่ตัวนั้นโจมตีนายได้ไหม? ตอนนั้น นายรู้สึกอะไรบ้างไหม?” หลิงม่อหันมาถามอวี่เหวินซวน

“จำได้อยู่แล้ว…” ตอนแรกอวี่เหวินซวนยังทำหน้าบึ้งตึงอยู่ แต่พอได้ยินหลิงม่อถามสีหน้าเขาก็ตึงเครียดขึ้นมา เขาพูดเสียงเบาว่า “มันแข็งแกร่งกว่าสัตว์ประหลาดทั้งหมดที่ฉันเคยเจอมา…” ทว่าพอพูดถึงตรงนี้ อยู่ๆ เขาก็เปลี่ยนโทนเสียงสูงขึ้น “แต่ว่าฉันก็ไม่ได้เจอสัตว์ประหลาดมาหมดทุกตัวหรอกนะ อุวะฮ่าฮ่าฮ่า…อั๊ก! ใครเตะฉัน?”

“เวลาอย่างนี้ยังมีหน้ามาหัวเราะ…ถูกเตะก็สมควรแล้ว” มู่เฉินเห็นอวี่เหวินซวนมองมา จึงรีบทำหน้าเหมือนจะบอกว่า “ไม่เกี่ยวกับฉัน แต่ความจริงฉันก็อยากเตะนายมากเหมือนกัน” พลางพูดอย่างเย็นชา

“ไม่ ฉันไม่ได้หมายถึงความรู้สึกเลือนรางแบบนั้น…” หลิงม่อขมวดคิ้วแน่น “หมายถึงวิธีการโจมตีและป้องกันของมัน…ถึงแม้จะแค่เสี้ยววินาที แต่ฉันสัมผัสได้จริงๆ ว่ามันต้องใช้พลังพิเศษอะไรแน่ๆ…และพลังนั้น จะต้องเกี่ยวข้องกับการแปลงร่างแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออกว่ามันเกี่ยวกันยังไง…”

ถ้าหากสามารถรู้ก่อนจะตามหาร่างแม่ตัวนั้นเจอ อัตราการชนะของพวกเขาก็จะสูงขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองอยู่ไม่ไกลจากคำตอบแล้ว แต่กลับมีอะไรบางอย่างมากั้นไว้ บางทีอาจต้องรอให้เจอร่างแม่ตัวนั้นเท่านั้น เขาถึงจะคิดออก

“ก็จริง…พี่ว่า พวกมันแปลงร่างด้วยวิธีไหนกันแน่?” ซย่าน่าถาม

“เรื่องนี้น่ะ…”

…ในขณะที่พวกหลิงม่อกำลังค้นหาบนอาคารชั้นนี้อย่างละเอียด ณ จุดที่อยู่ห่างจากพวกเขาไม่มาก เย่เลี่ยนกำลังอยู่ในระหว่างการแข่งไล่ล่าอย่างดุเดือดกับเด็กผู้หญิงนั่น วิธีการโจมตีของเด็กผู้หญิงรุนแรงรวดเร็ว แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมา เย่เลี่ยนอาศัยการตอบสนองอันว่องไวของตัวเอง เพื่อพยายามยื้อเวลาแข่งกับเด็กผู้หญิง

การโจมตีของเธอพลาดเป้าน้อยครั้งมาก แต่สิ่งที่ทำให้เธอค่อยๆ ขมวดคิ้วก็คือ เด็กผู้หญิงนั่นไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะถูกโจมตีหรือไม่…ไม่ว่าจะถูกยิงกี่ครั้ง มันก็ยังเดินหน้าเข้ามาใกล้ต่อเรื่อยๆ…ความรู้สึกที่อันตรายกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้โดยที่ไม่อาจหยุดยั้งได้นี้ ทำให้เย่เลี่ยนรู้สึกกดดันอย่างเห็นได้ชัด

แต่การที่เด็กผู้หญิงเยื้องย่างเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่มากนักกลับเป็นการบอกใบ้ให้เธอว่า เธอจะหนีก็ได้…แต่ทันทีที่ออกนอกรัศมีห้าสิบเมตร มันก็จะหันไปโจมตีพวกหลิงม่อแทน…

“ไม่ได้” เย่เลี่ยนเม้มปากแน่น ลอบส่ายหัวกับตัวเอง ขณะเดียวกัน ระยะห่างระหว่างเธอกับเด็กผู้หญิง ได้สั้นลงจนเหลือสามสิบเมตรแล้ว…

———————————–