“พี่ใหญ่ ไหนพี่บอกฉันว่า พี่พาเสี่ยวหลัวมาที่มหาลัยเพื่อปกป้องลูกสาวของพี่ หรือพี่พาเขามาเพื่อเอาชนะนักศึกษาของฉันกันแน่ ตอนนี้นักศึกษาของฉันบาดเจ็บหนึ่งร้อยยี่สิบสามคน และบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งคน ตอนนี้ทั่วทั้งหัวเย่ รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว และผู้นำสำนักการศึกษาก็โทรมาถามเรื่องนี้กับฉัน ว่าฉันที่อยู่ในตำแหน่งครูใหญ่อยากจะอยู่ในต่ำแหน่งนี้ต่อไปไหม เขาถามว่าทำไมฉันถึงยังไม่จัดการอะไรในเรื่องนี้เลย ฉันยังไม่ได้ตอบคำถามของเขากลับไปเลย พี่คิดว่าฉันควรตอบคำถามกับเขาไปว่าอย่างไร?”
ในสำนักงานใหญ่ของครูใหญ่ ชายในวัยห้าสิบเขากำลังคุยโทรศัพท์อยู่ ตอนนี้เขาในอารมณ์ที่รุนแรงและเคาะโต๊ะขณะพูด
“ฮ่าฮ่าฮ่า อย่าเพิ่งหงุดหงิดไปเลย เฒ่าต้ง สิ่งต่างๆมันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แล้วนอกจากนี้ฉันก็ได้ตรวจสอบนักศึกษาที่ชื่อ ซ่ง เจียหนาน ไปแล้วด้วย เขาเป็นหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงแกไม่ใช่เหรอ เขาชอบรังแกเพื่อนร่วมชั้นของเขาตลอดทั้งวัน ฉันได้ยินมาว่าเมื่อ ซ่ง เจียหนาน เป็นฝ่ายพ่ายแพ้พวกนักศึกษาในหัวเย่ต่างก็รู้สึกดีใจกันถ้วนหน้า ” ชู หยุนเชียง หัวเราะที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์
“ดีใจอะไร! ไร้สาระ!” อาจารย์ใหญ่ต้งตวาด“แกอยากจะพูดอะไรก็พูดได้หนิ เพราะแกไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของฉัน! งั้นฉันขอตำแหน่งทางการค้าของแก และแกลองมาเป็นอาจารย์ใหญ่ของหัวเย่ ดูบ้างไหมหละ?”
ชู หยุนเชียง ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดังนั้นเขาจึงตอบว่า“ฉันไม่สามารถเป็นอาจารย์ใหญ่ได้หรอก ฉันไม่มีความสามารถเท่ากับแก เฒ่าต้ง”
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว!”
อาจารย์ใหญ่ต้ง โกรธจนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้นุ่ม เขานวดขมับเพื่อบรรเทาความปวดจากไมเกรน
“อาจารย์ใหญ่เราจะแก้ไขสถานการณ์นี้อย่างไรดี”เลขานุการชายถามด้วยความระมัดระวัง “ผู้ปกครองนักเรียนที่บาดเจ็บ” ขอให้เราลงโทษผู้กระทำผิดอย่างรุนแรง”
“เราสามารถทำอะไรได้อีก? เราก็ได้แต่ต้องเอาใจพวกเขาด้วยเงิน ฉันจะให้ ชู หยุนเชียง ชดใช้คืนให้ฉันสำหรับเงินที่หายไปในอนาคต” อาจารย์ใหญ่ต้งตอบ
เลขานุการชายพูดอย่างไม่สบายใจ“ถ้าพ่อแม่ของพวกเขาไม่พอใจและรายงานเรื่องนี้ต่อสื่อ ผมกลัวว่าเราจะอยู่ในตำแหน่งที่ลำบาก”
“อยากจะพูดก็พูดไป” อาจารย์ใหญ่ต้ง ตอนนี้อารมณ์ของเขาถึงจุดเดือดแล้ว “หากไม่มีวีดีโอเป็นข้อพิสูจน์ คุณคิดว่าพวกเขาสามารถทำให้หัวเย่ ของเราเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ด้วยคำแถลงที่ไม่มีมูลความจริงได้งั้นเหรอ? ตลกหละ ฉันสามารถพูดได้เลยว่า ลูกชายของพวกเขาได้รับบาดเจ็บก็เพราะพวกเขาฝึกหนักเกินไป ลองดูสิว่าคนทั่วไปจะเชื่อใคร”
เลขานุการชายไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่เช็ดเหงื่อของเขา เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าอาจารย์ใหญ่ของเขาเคยเป็นพวกมาเฟีย มาก่อนหรือเปล่า ราวกับว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องถนัดสำหรับอาจารย์ใหญ่มาก ถึงขั้นเขาไม่สนคำเรียกร้องจากพวกพ่อแม่พวกนั้น เขาปกปิดการถูกซ้อมโดยบอกว่าอาการบาดเจ็บพวกนั้นมาจากการฝึกฝน!
“นักศึกษาที่ชื่อ ซ่ง เจียหนาน เป็นอย่างไรบ้าง” อาจารย์ใหญ่ต้ง เงยหัวขึ้นมาถาม
“เนื่องจากผู้บาดเจ็บถูกส่งมาทันเวลา มือของเขาจึงได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที และใช้เวลาสองถึงสามเดือน มือของเขาก็พอที่จะตอบสนองกลับมาเป็นเหมือนเดิมสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวันได้แล้ว แต่มันก็ยังไม่มากพอที่กลับมาฝึกซ้อมหรือใช้ต่อสู้ได้อีก” เลขานุการชายตอบ
“นั่นเป็นเรื่องดี” อาจารย์ใหญ่ต้งถอนหายใจอย่างโล่งอก “แล้วพ่อแม่ของเขาล่ะ?”
“ซ่ง เจียหนาน ปฏิเสธหัวชนฝาที่จะแจ้งให้ผู้ปกครองของเขาทราบ และหมายเลขติดต่อที่อยู่ในบันทึกของมหาลัย หมายเลขมันก็ปิดบริการไปแล้ว”
“หึ เด็กคนนั้นยังพอเป็นลูกผู้ชายอยู่บ้าง ฉันจะหาเวลาสักหน่อยเพื่อไปเยี่ยมเขา!”
อาจารย์ใหญ่ต้ง แสดงความชมเชยอยู่เล็กน้อย สมาชิกทั้งหมดของชมรมศิลปะการต่อสู้ ซานต้า เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว พวกเขารู้ว่าพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วควรรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง ลึกลงไปเขารู้สึกดูหมิ่นเด็กๆ ที่มีอะไรก็เรียกหาแต่พ่อแม่ แม้ว่ามันจะเป็นแค่เรื่องเล็กๆก็ตาม ตัวอย่างก็เช่นการหกล้มจนถลอก แค่นี้ก็เรียกหาพ่อแม่แล้ว
“อาจารย์ใหญ่ แล้ว เสี่ยวหลัว … ”
“เรียกเขาเข้ามาหาฉัน ฉันจะดูว่าสัตว์ร้ายตัวนี้มีสามหัวและหกแขนจริงอย่างที่เขาพูดกันไหม” อาจารย์ใหญ่ต้ง พูดอย่างโกรธแค้น
“ครับ” เลขานุการชายรับทราบแล้วเดินออกไปจากสำนักงาน
ไม่นาน เสี่ยวหลัว ก็มาถึง เขามาพร้อมกับอาจารย์ของเขา ฉิน หนานหยู่
ฉิน หนานอยู่ รู้สึกวิตกกังวล เธอก้มหัวลงและกลัวที่จะสบตากับอาจารย์ใหญ่ต้ง เธอพูดออกมาอย่างรู้สึกผิดว่า“อาจารย์ใหญ่ นี่เป็นความผิดทั้งหมดของฉันเอง ที่จัดการกับนักศึกษาได้ไม่ดี ฉันขอรับผิดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เอง ฉัน…….-”
อาจารย์ใหญ่ต้ง ขัดคำพูดเธอ “พอแล้ว” จากนั้นอาจารย์ใหญ่ก็กล่าวต่อ “เราไม่สามารถตำหนิคุณได้ในเรื่องนี้ หากเป็นใครที่จะโดนตำหนิ ก็เป็นคนที่อยู่ถัดจากคุณ เสี่ยวหลัว!”
ขณะที่พูดเขาก็นั่งจิบชาร้อน ไปด้วย
“ใช่แล้ว สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับอาจารย์ฉิน ผมยอมรับผิดสำหรับการกระทำของผม” เสี่ยวหลัวเห็นด้วย พร้อมกับยืดตัวตรง
“เธอตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆเหรอ?” อาจารย์ใหญ่ต้ง โกรธเกรี้ยว อารมณ์ของเขาขึ้นในทันทีเขาะตบโต๊ะและตะโกนว่า“หัวหน้าสำนักการศึกษา และพวกสื่อสำคัญต่างๆ กับพวกผู้ปกครองของนักศึกษาที่ได้รับบาดเจ็บ ล้วนกำลังจับตามองสถานการณ์นี้ ถ้าฉันปล่อยเธอออกไป พวกเขาจะต้องกลืนเธอจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกแน่ๆ เธอยังบอกว่าเธอต้องการที่จะรับผิดชอบอยู่อีกไหม ถ้ามันไม่ได้เป็นเพราะชู …” เมื่อพูดมาถึงปรพโยคนี้ อาจารย์ใหญ่ก็หยุดคำพูดของตัวเอง เขาตระหนักได้ว่า ฉิน หนานหยู่ กำลังฟังอยู่ เขาจึงกลืนคำพูดที่เหลือลงไป เขาไอสองสามครั้งแล้วพูดต่อว่า “… ฉันไม่สนว่าเธอจะผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบ และฉันก็จะไม่ส่งเธอไปให้ตำรวจ”
เสี่ยวหลัว เข้าใจความสัมพันธ์ของ อาจารย์ใหญ่ กับ ชู หยุนเชียง ดี และความสัมพันธ์นี้ ฉิน หนานหยู่ ก็ยังไม่รู้ เพราะความสัมพันธ์นี้มันจึงทำให้เสี่ยวหลัว เข้ามาเรียนที่มหาลัยหัวเย่ นี้ได้อย่างง่ายดาย
“ผมรู้ว่าการกระทำของผมค่อนข้างหยาบคายอยู่บ้าง ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมอยู่ในกองทัพผมก็เป็นนักเลงอยู่พอตัว แต่เมื่อผมคิดได้ ผมก็เริ่มให้ความสนใจกับอนาคตมากขึ้น ผมจะยอมรับการลงโทษที่คุณตัดสินใจอาจารย์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการ ตักเตือน หรือการลงโทษทางวินัยไม่ว่าจะเป็นอะไร ผมก็ยอมรับมัน”
เสี่ยวหลัวพูดอย่างสงบและลื่นไหล เสี่ยวหลัวสร้างเรื่องไร้สาระขึ้นมาพร้อมกับสร้างพื้นหลังของตัวละครของเขา และเขาก็ได้จัดเตรียมตัวเลือกง่ายๆ ไว้สองสามอย่าง
ตักเตือน? การลงโทษทางวินัย? คิดว่าการลงโทษแค่นั้น มันพอกับการกระทำทั้งหมดพวกนั้นหรือไง?
ต้ง เจิ่นอู๋ โกรธเกรี้ยว การทะเลาะกันแบบนี้เกิดขึ้นภายในขอบเขตของการแทรกแซงของตำรวจ แต่ถึงกระนั้นเด็กคนนี้ก็จัดการทุกอย่างให้อยู่ในขอบเขตของมหาลัย ซึ่งทางมหาลัยสามารถลงโทษได้เองเรื่องนี้มันจะได้ไม่ไปถึงตำรวจ อย่างไรก็ตามเสี่ยวหลัวก็ไม่ได้เป็นนักศึกษาจริงๆ ! การลงโทษจากมหาลัย จะทำอะไรกับเขาได้
เมื่อมาถึงจุดนี้ ฉิน หนานหยู่ก็พูดว่า“ใช่แล้ว อาจารย์ใหญ่ เสี่ยวหลัวนั้นทำเกินไปเล็กน้อย แล้วเขาก็…..-”
“เล็กน้อยเหรอ? เขาคนเดียวต่อสู้กับคนกว่าร้อยคน นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าเล็กน้อยเหรอ”
ต้ง เจิ่นอู๋ ทำเสียงฮึดฮัดและหันไปมองเสี่ยวหลัว “เธอเป็นเด็กที่ดื้อรั้นมาก ต้องขอบคุณ เพื่อนเก่าของเธอ มันจึงทำให้ฉันประสบความสำเร็จในการสร้างความประทับใจที่ดีต่อหน้าผู้นำของสำนักการศึกษา ฉันต้องการขอบคุณเธอมาก!”
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกอาจารย์ใหญ่ แค่อาจารย์ใหญ่มีความสุข ผมก็ยินดี” เสี่ยวหลัวกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
ต้ง เจิ่นอู๋ กระโดดยืนขึ้นในทันทีและจ้องมองไปที่ เสี่ยวหลัว เขม็ง“ไอเด็กเหม็นเน่า เธอคิดว่าฉันจะขอบคุณเธอจริงๆเหรอ?”
“คุณไม่ได้จะขอบคุณเหรอ?” เสี่ยวหลังตอบกลับอย่างเฉยเมย เขาคิดว่าเนื่องจากคำแนะนำของ ชู หยุนเชียง มันทำให้ ต้ง เจิ่นอู๋ นั้นต้องเก็บทุกอย่างไว้ภายใน ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่มีอะไรที่จะต้องกังวล
“เธอ!@ ¥ * !”
ต้ง เจิ่นอู๋ เกือบจะสถบออกมาแล้ว เขาพยายามกลืนคำหยาบคายของเขาลงไป และโบกมืออย่างหงุดหงิดในขณะที่พูดว่า“เขียนรายงานสำนึกผิด แล้วเอามาส่งให้ฉันภายในสามวัน และห้ามน้อยกว่า 5,000 คำ ออกไปได้แล้ว!”
หากเสี่ยวหลัวยังอยู่ที่นี่ต่อไปอีกหละก็ เขากลัวว่าเขาจะโกรธจนหัวใจวายตาย
เสี่ยวหลัวหันกลับแล้วเดินออกไปพร้อมกับ ฉิน หนานหยู่ ก่อนที่จะออกไป ฉิน หนานหยู่ ก็หันมามองที่อาจารย์ใหญ่ด้วยความลำบากใจ ราวกับว่าเธอเพิ่งจะได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่
“อาจารย์ใหญ่ทำไมคุณ ถึงปล่อยเขาไปอย่างง่ายดายแบบนั้น” เลขานุการชาย ถามด้วยความงุนงง
“นักศึกษาใน หัวเย่ ทุกคนก็เปรียบเสมือนลูกๆของฉัน ฉันปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียม และฉันก็หวังว่า พวกเขาจะเติบโตขึ้นกลายเป็นดวงดาวที่ส่งประกายสดใส และกลายเป็นเสาหลักของประเทศในอนาคต ถึงแม้ครั้งนี้เสี่ยวหลัวจะทำผิด แต่ในอนาคตใครจะบอกได้ว่า เขาจะไม่ทำตัวมีประโยชน์?”
ต้ง เจิ่นอู๋ พูดโกหกพร้อมกับขบฟันของเขาแน่น อาจารย์ใหย่พูดออกมาอย่างยุติธรรมและสง่างาม เขาคิดกับตัวเองว่า ถ้าเสี่ยวหลัวไม่ได้เป็นลูกน้องของ ชู หยุนเชียง เขาคงจะถลกหนังเสี่ยวหลัวไปแล้ว