บทที่ 185 ล้มลง อเวจีไม่ได้สนุกดั่งคิด

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 185 ล้มลง อเวจีไม่ได้สนุกดั่งคิด
อวี่เหวินหยวนฮั่วหัวเราะคิกคักออกมา และไม่ได้ไปโต้เถียงกับเฟิ่งชิงเฉินอีก เขาเพียงแค่อยากรู้ว่าในใจของเฟิ่งชิงเฉินใครสำคัญกว่ากันระหว่างเสด็จอาเก้าและหวังจิ่นหลิง เมื่อรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เอาเรื่องของเสด็จอาเก้ามาล้อเล่น ดังนั้นระหว่างนางกับหวังจิ่นหลิง อวี่เหวินหยวนฮั่วจึงไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ
เรื่องราวกำลังดำเนินไปในทิศทางที่ดี อวี่เหวินหยวนฮั่วเองก็ค่อนข้างวางใจ ก่อนจะหาวออกมาแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอพักผ่อนอยู่ที่จวนเจ้าสักคืน พรุ่งนี้ข้าจะต้องไปแต่เช้า”
ในวันนี้เขาวิ่งไปวิ่งมาหลายที่ ไม่เหนื่อยน้อยกว่าเฟิ่งชิงเฉินเลย
“ช้าก่อน เสด็จอาเก้าให้ข้ามอบสิ่งนี้แก่เจ้า” เฟิ่งชิงเฉินหยิบของสิ่งหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วส่งให้อวี่เหวินหยวนฮั่ว
“ให้ข้าหรือ?” อวี่เหวินหยวนฮั่วตกตะลึงครู่หนึ่ง อาการง่วงนอนของเขาหายไปทันที ก่อนจะรับมาด้วยท่าทางเคร่งขรึมแล้วพึมพำว่า “เจ้าสามารถเอาของออกมาจากในคุก เจ้าทำได้อย่างไร?”
เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะกล่าวบางอย่างออกมา จู่ๆ สีหน้าของอวี่เหวินหยวนฮั่วก็เปลี่ยนไปทันที ความโมโหของเขาทะยานคุณสู่ท้องฟ้า…… กระดูกที่ข้อนิ้วลั่นเสียงดังสนั่น
“เฟิ่งชิงเฉิน สิ่งของในนี้เจ้าดูมันแล้วหรือไม่?” อวี่เหวินหยวนฮั่วดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดวงตาของเขาเฉียบคมเต็มไปด้วยแรงอาฆาต
เฟิ่งชิงเฉินตกตะลึง “ไม่ เสด็จอาเก้ากำชับไว้ว่าไม่ให้ข้าเปิดดู เมื่อตอนที่ข้าให้เจ้ายังมีรอยขี้ผึ้งถ้าอยู่ อีกอย่างเมื่อตอนที่ข้าเดินทางออกจากพระราชวังก็พบเข้ากับหวังจิ่นหลิงพอดี ข้าจะเอาเวลาที่ไหนไปดู”
เมื่อเห็นท่าทางของอวี่เหวินหยวนฮั่วเป็นเช่นนั้น เฟิ่งชิงเฉินก็เดาได้ทันทีว่าของด้านในคงจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน นางจึงได้เอ่ยมากความอยู่สองสามประโยค
“ไม่ได้ดูก็ดีแล้ว” อวี่เหวินหยวนฮั่วพยักหน้าจากนั้นนำของสิ่งนั้นใส่เข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “เฟิ่งชิงเฉิน สองวันมานี้ทางที่ดีเจ้าอย่าได้ออกไปไหน และของสิ่งนี้เจ้าจงทำเหมือนไม่เคยเห็นมันมาก่อนอย่าได้กล่าวสิ่งใดกับคนอื่น”
เมื่อกล่าวจบเขาก็พุ่งตัวออกจากจวนเฟิ่งไปรวดเร็วราวกับสายลม
ในใจเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกระสับกระส่าย เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของอวี่เหวินหยวนฮั่ว นางก็รู้ดีว่าไม่อาจถามสิ่งใดจากเขาได้
เช้าวันต่อมาหลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นจากเตียง นางมองไปยังท้องฟ้าที่มืดสลัวและรู้สึกหงุดหงิด นางเป็นห่วงเสด็จอาเก้าและเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังจิ่นหลิง
การที่ฝ่าบาทลงมือกับเสด็จอาเก้า เป็นไปไม่ได้หากจะเป็นเพียงเรื่องแค่ฝูงหมาป่า แม้เรื่องฝูงหมาป่านั่นจะทำให้คุณชายจากตระกูลสูงส่งมากมายต้องสิ้นชีวิต แต่หากจะให้เสด็จอาเก้าชดใช้ด้วยชีวิต นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ถึงอย่างไรการที่ องค์ชายกับประชาชนธรรมดาทำความผิดก็ไม่อาจจะใช้กฎเกณฑ์เดียวกันในการตัดสิน
เฟิ่งชิงเฉินพยายามจะเดินทางออกไปข้างนอกอยู่หลายครั้งเพื่อสืบหาข้อมูลข่าวคราว แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่อวี่เหวินหยวนฮั่วกำชับเอาไว้ ประกอบกับซุนซือหลิงที่กล่าวว่าในวันนี้ตอนเช้าจะเดินทางมา แต่บัดนี้กลับไม่พบแม้แต่เงา จึงได้รู้ว่าข้างนอกไม่ปลอดภัย
เพื่อไม่เป็นการสร้างเรื่องให้แก่อวี่เหวินหยวนฮั่วมากขึ้น เฟิ่งชิงเฉินจึงทำได้เพียงอดทนอดกลั้น นางกระสับกระส่ายทั้งวัน นั่งไม่ติดยืนไม่ได้
มีผู้ป่วยสองสามคนเดินทางมาร้องขอให้รักษาถึงที่จวน เฟิ่งชิงเฉินพบว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา จึงให้โจวสิงเชิญพวกเขากลับไปหาหมอคนอื่น เนื่องจากสภาพของนางตอนนี้ไม่เหมาะสมที่จะตรวจอาการผู้ใด
รอจนกระทั่งตอนบ่าย หวังชีเดินทางมาที่จวนเฟิ่งด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า เฟิ่งชิงเฉินจึงเข้าใจว่าที่ด้านนอกนั้นเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ……
ในวันนี้ การประชุมราชวงศ์ตอนเช้าของราชวงศ์ตงหลิงช่างครึกครื้นกว่าปกติ แสดงให้เห็นว่าสิ่งใดคือคลื่นลูกใหม่ยังไม่สงบคลื่นอีกลูกก็ม้วนมาอีกระลอก
ซู่ชินอ๋องผู้ที่ไม่เคยเดินทางไปร่วมประชุมเช้ามาเนิ่นนาน จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้น อีกทั้งกล่าวถึงเรื่องในสวนไป๋ฉ่าวที่มีกลุ่มหมาป่าเข้าโจมตี ว่ามีข้อน่าสงสัยมากมาย ขอเชิญองค์จักรพรรดิพิจารณาสืบสวนคดีนี้อีกครั้ง หากไม่มีหลักฐานเพียงพอที่สรุปได้ก็ควรจะปล่อยตัวตงหลิงจิ่วออกมาก่อน
ขณะที่ฝ่าบาทกำลังจะพิจารณาตอบตกลง จูเจี๋ยอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ได้ยื่นหนังสือฟ้องร้องกล่าวว่า อวี่เหวินหยวนฮั่วและราชวงศ์หนานหลิงร่วมสมรู้ร่วมคิดกันตั้งใจจะก่อกบฎ
ขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นว่าการที่อวี่เหวินหยวนฮั่วเอาชนะราชวงศ์หนานหลิงได้ นั่นก็เพราะราชวงศ์หนานหลิงจงใจให้เป็นดังนั้น เพื่อให้อวี่เหวินหยวนฮั่ว มีผลงานมากขึ้น อีกทั้งนำจดหมายที่ใช้ในการติดต่อระหว่างอวี่เหวินหยวนฮั่วกับราชวงศ์หนานหลิงออกมา
อวี่เหวินหยวนฮั่วคุกเข่าลงในห้องโถงแล้วตะโกนออกมาว่าเขาถูกใส่ร้าย ฝ่าบาทพิโรธ สั่งให้ส่งทหารไปยังจวนอวี่เหวินนำจดหมายของจวนแม่ทัพออกมาตรวจสอบดู ปรากฏว่าในจวน มีชุดคลุมมังกรหนึ่งชุด และจดหมายที่ยังไม่ทันได้ทำลายลง
หน่วยราชองครักษ์นำหลักฐานมอบให้แก่องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดิพิโรธเสียจนตัวสั่นและเอ่ยถามอวี่เหวินหยวนฮั่วว่ามีสิ่งใดต้องกล่าวอีก
อวี่เหวินหยวนฮั่วได้แต่ร้องออกมาว่าเขาถูกใส่ร้าย แต่ว่ามีหลักฐานพร้อมคบ อีกทั้งอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายยังได้พาลูกน้องของอวี่เหวินหยวนฮั่วสองสามคนมา พวกเขาเหล่านั้นก็ยืนยันว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วและหนานหลิงร่วมมือกัน อีกทั้งทูลว่าตนไม่ยินยอมจะทรยศประเทศ ทว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วกล่าวว่าจะฆ่าพวกเขาทั้งตระกูล ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียง ยินยอมต่ออวี่เหวินหยวนฮั่วและรอโอกาสที่จะเปิดโปงความจริงนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็วเหลือเกิน อวี่เหวินหยวนฮั่วยังไม่ทันจะโต้ตอบกลับ จึงทำให้ต้องยินยอมอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายใช้หลักฐานและพยานออกมามัดตัว
อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายจูเจี๋ยเป็นขุนนางคนสนิทของฝ่าบาท ผู้ใดก็ตามที่มีสมองล้วนเข้าใจได้ ไม่ว่าอวี่เหวินหยวนฮั่ว จะทรยศประเทศหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือบัดนี้หุบเขาช่างแข็งแรงดุจเหล็ก ฝ่าบาทจะไม่ปล่อยอวี่เหวินหยวนฮั่วไปอย่างแน่นอน
อำนาจทางทหารในมือของอวี่เหวินหยวนฮั่วเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทกังวลใจตลอดมา เขาวางแผนจะจัดการกับอวี่เหวินหยวนฮั่ว เพียงแต่กำลังรอโอกาส จะให้จัดการแก้อวี่เหวินหยวนฮั่วเพียงคนเดียวคาดว่าเขาคงรู้สึกไม่พอใจ
ก่อนหน้านี้เรื่องของค่าตอบแทนทหารเป็นเพียงแรกเริ่ม องค์จักรพรรดิจงใจให้อวี่เหวินหยวนฮั่วเลือกเจ้านายใหม่ และอวี่เหวินหยวนฮั่วก็ไม่ทำให้องค์จักรพรรดิต้องผิดหวัง เขาหันไปเลือกเสด็จอาเก้า
การดึงหัวไชเท้าออกมาจากพื้นดิน เปรียบเสมือนกับเรื่องที่จะจัดการกับอวี่เหวินหยวนฮั่ว เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่หากจะจัดการกับเสด็จอาเก้าด้วยเรื่องนี้ไม่ใช่โอกาสที่ดีกว่าหรือ?
ฉวยโอกาสตอนที่เสด็จอาเก้าอยู่ในคุก องค์จักรพรรดิจัดการกับอวี่เหวินหยวนฮั่วและรีบทำให้คดีนี้กลายเป็นคดีเล็ก
เรื่องที่อวี่เหวินหยวนฮั่วเปลี่ยนไปร่วมมือกับเสด็จอาเก้า ทุกคนล้วนรู้แต่ไม่มีผู้ใดกล่าวออกมา การที่อวี่เหวินหยวนฮั่วจะถูกประหารเนื่องจากข้อหาก่อกบฎ แล้วเสด็จอาเก้าจะไม่มีความผิดหรือ
หากว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ถูกคุมขังอยู่ในคุก บางทีเรื่องนี้อาจจะไม่เกิดข้อผิดพลาดขึ้น แต่บังเอิญเหลือเกินที่เสด็จอาเก้ายังอยู่ในคุกเรื่องของอวี่เหวินหยวนฮั่วยังมีพยานหลักฐานพร้อมครบ นอกเสียจากว่าอวี่เหวินหยวนฮั่วสามารถพิสูจน์ได้ถึงความบริสุทธิ์ของตน ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะต้องตาย
หมากตารางนี้ฝ่าบาทคำนวณเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสม และไม่ต้องสงสัยเลยว่าบรรดาครอบครัวขุนนางที่ยื่นคำร้องมาตอนนี้ก็คือเวลาที่เหมาะสม
แต่……
ในขณะที่ฝ่าบาทกำลังดีใจคิดว่าตนกำลังกุมความชนะไว้ในมือนั้น ตั้งใจจะออกคำสั่งต่ออวี่เหวินหยวนฮั่ว อีกทั้งผู้ที่อยู่ในกองทัพซึ่งไม่ได้ถูกซื้อตัวโดยองค์จักรพรรดิ ว่าให้นำทุกคนออกไปประหาร อวี่เหวินหยวนฮั่วทำท่าทาง ‘ตื่นตระหนกตกใจ’และ ‘ตัวสั่น’ ก่อนจะรีบลุกล้มลุกคลุกคลานขึ้นมาและ ‘บังเอิญ’ ไม่ระมัดระวังทำสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าหล่นออกมา กลิ้งไปอยู่แทบเท้าของซู่ชินอ๋อง
เรื่องนี้ไม่ใช่ความบังเอิญอย่างแน่นอน แต่เป็นแผนการที่เตรียมไว้ล่วงหน้า สีหน้าของฝ่าบาทเปลี่ยนไปและกำลังจะสั่งให้ขันทีเข้าไปเก็บมา แต่ถูกซู่ชินอ๋องคว้าเอาไว้เสียก่อน “นี่คือสิ่งใด?”
ใบหน้าของซู่ชินอ๋องเปลี่ยนไปทันทีเมื่อหยิบมันขึ้นมาดู เขาหยิบจดหมายเหล่านั้นขึ้นมาอ่านภายใต้การจ้องมองขององค์จักรพรรดิ เมื่อเปิดมันอ่าน สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมไม่น่ามอง เขาก้าวไปด้านหน้าแล้วเตะจูเจี๋ยเข้าอย่างจัง “ไอ้สารเลว!”
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก คนอื่นๆ ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมาก็พบว่าซู่ชินอ๋องเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าองค์จักรพรรดิด้วย อารมณ์โมโหเต็มไปด้วยแรงอาฆาต แล้วเข้าไปสะบัดแขนขององค์จักรพรรดิ “ฝ่าบาท ขุนนางที่ซื่อสัตย์ของท่าน!”
“เสด็จลุงโปรดใจเย็นก่อน” องค์จักรพรรดิไม่รู้ว่าเกิดเรื่องสิ่งใดขึ้น จึงทำได้เพียงปลอบโยนซู่ชินอ๋อง
“ใจเย็นหรือ? เจ้าให้เข้าใจเย็นได้อย่างไร? จะให้ข้าทนมองดูไอ้ขุนนางห้าวหาญผู้นี้ไปเปิดหลุมฝังพระศพของจักรพรรดิพระองค์ก่อนออกมา แล้วขุดพระศพขึ้นมาอย่างงั้นหรือ? ให้ข้าทนมองดูไอ้ขุนนางสารเลวนี้แอบนำกองทัพเข้ามาในด่าน แล้วทำลายราชวงศ์ตงหลิงของข้าหรือ? ฝ่าบาท…… ท่านช่างสับสนเสียจริง หากราชวงศ์ตงหลิงถูกทำลายลง ท่านก็ไม่ต่างอันใดกับจักรพรรดิพระองค์ก่อน ล้วนเป็นคนบาป!” ซู่ชินอ๋องเกลียดเหลือเกินที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้ แววตาที่มองดูองค์จักรพรรดิช่างผิดหวัง ผิดหวังมากเหลือเกิน