เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียน ห่าวเหรินก็ส่ายหัวอย่างขมขื่น
อย่าว่าเขาเป็นคนใจกว้างเลย ความจริงแล้วการที่จะรักผู้หญิงคนหนึ่งมาสี่หน้าปี และสุดท้ายยังถูกทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานีด้วย แค่คิดก็เจ็บใจแทนเขาแล้ว
“ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว เรามาดื่มของเราต่อกันเถอะ”
ห่าวเหรินพูดกับตัวเองและหยิบขวดขึ้นมาดื่ม
“ห่าวเหริน?”
ในขณะนั้นเอง หยูเสี่ยวเหวินที่อยู่ไม่ไกลก็เหลือบมองมาที่พวกเขาโดยไม่ตั้งใจ และทันทีที่เธอเห็นเย่เทียนกับห่าวเหรินนั่งดื่มอยู่ข้างโต๊ะ สายตาของเธอเปลี่ยนเป็นความรังเกียจทันที
ผู้ชายที่มากับเธอก็มองมาทางนี้และถามด้วยความสนใจว่า “มีอะไรเหรอ คุณรู้จักพวกเขาเหรอ?”
“ฮิฮิ รู้จักสิ ไอ้อ้วนคนนั้น ตอนเรียนอยู่ในมหาลัย เขาตามจีบฉันมาสามสี่ปีเลยล่ะ”
หยูเสี่ยวเหวินควงแขนของผู้ชายคนนั้นและพูดด้วยมั่นใจ
“อย่างนี้นี่เอง?”
ผู้ชายคนนั้นหัวเราะออกมา ทันใดนั้นก็เกิดไอเดียขึ้น และเขาก็กอดหยูเสี่ยวเหวินแล้วเดินไปหาพวกเขา
“สองท่านครับ ได้ยินเสี่ยวเหวินบอกว่าพวกคุณเป็นเพื่อนของเธอเหรอครับ? ผมเลยอยากเข้ามาทำความรู้จักกับพวกคุณหน่อย ผมชื่อหวางจื้อเฟย! ทางบ้านเปิดกิจการเครือโรงแรมครับ โรงแรมเบ่งบานโฟร์ซีซั่นส์ห้าดาวในเจียงหนันก็คือกิจการของครอบครัวผมเองครับ”
เขาแสร้งทำเป็นพูดคร่าวๆ แต่ความเย่อหยิ่งบนใบหน้าของเขานั้นก็ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาตั้งใจเข้ามาโอ้อวดเท่านั้น
จากนั้นเขาจงใจมองไปที่ห่าวเหรินและพูดว่า “แล้วไม่ทราบว่า ครอบครัวของคุณทำงานเกี่ยวกับอะไรครับ?”
ห่าวเหรินขมวดคิ้ว ซึ่งเขารู้ดีกว่าอีกฝ่ายกำลังตั้งใจดูถูกเขาอยู่ แต่เมื่อแอลกอฮอล์ขึ้นสมอง เขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวว่า “ผมเป็นผู้บริหารของบริษัทบริษัทรับเหมาฮุยหวง!”
“บริษัทก่อสร้างเลยเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หวางจื้อเฟยก็รู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที การที่จะเปิดบริษัทก่อสร้างได้ อย่างน้อยเขาต้องเป็นบุรุษอันดับหนึ่งในเจียงหนันแล้ว
แต่ที่ไหนได้ หยูเสี่ยวเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็หัวเราะเยาะแล้วพูดว่า “คุณชายหวาง คุณอย่าไปเชื่อมันนะคะ อย่างมันเหรอจะเปิดบริษัทก่อสร้างได้ เป็นผู้รับเหมามากกว่า!”
ขณะที่พูดอยู่ เธอตั้งใจควงแขนหวางจื้อเฟยอย่างภาคภูมิใจและมองห่าวเหรินเหมือนเป็นคนต่ำต้อยคนหนึ่ง “ห่าวเหริน นี่คุณยังไม่เลิกนิสัยแย่ๆ แบบนี้อีกเหรอ ตอแหลเอาโล่ ขี้โม้เอาเหรียญ ตอนคุณตามจีบฉันคุณก็พูดแบบนี้เหมือนกัน ฉันก็โดนคุณหลอกมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว! ตั้งแต่ที่ฉันทิ้งคุณไป คุณก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ? วันๆ เอาแต่ดับทุกข์ด้วยสุรากับพวกคนไร้ประโยชน์! ฉันก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดไหนมาพูดกับคุณแล้วเหมือนกัน!”
เย่เทียนถึงกับขมวดคิ้ว เพราะหยูเสี่ยวเหวินคนนี้ด่าเหมารวมเขาไปด้วยแล้ว
“ฮ่า ฮ่า ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง! ดอกฟ้ากับหมาวัด ทั้ง ๆ ที่เป็นหมาวัด แต่กลับมาผลาญเงินในไนต์คลับแบบนี้ ถามจริง แค่ผู้รับเหมาเล็กๆ คนหนึ่ง คุณมีกำลังจ่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือว่ามื้อนี้ให้ผมเลี้ยงคุณดีไหมครับ?”
ดวงตาของหวางจื้อเฟยเต็มไปด้วยความรังเกียจ และรอยยิ้มอันเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นในมุมปาก
ห่าวเหรินรู้สึกโกรธจนหน้าแดงและสั่นไปทั้งตัวเพราะหมาสองตัวที่กำลังเห่าอย่างไม่หยุด
แม้เขาจะโกรธมาก แต่สิ่งที่หยูเสี่ยวเหวินพูดนั้นก็เป็นความจริง และเขาก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ!
“ประธานห่าวครับ ไอ้หมอนี่เป็นใครเหรอ? มากับผู้หญิงหน้าเงินแต่ยังกล้าคุยโวจังนะครับ?”
ในขณะที่ห่าวเหรินกำลังรู้สึกจนปัญญาอยู่นั้น เสียงที่เสียดสีอย่างรุนแรงก็ดังขึ้น
หยูเสี่ยวเหวินหันมองไปทันทีและเพ่งมองไปที่เย่เทียนด้วยความโกรธ “นี่คุณว่าใครหน้าเงิน!”
“ประธานห่าวครับ ผมจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยอยู่กับคุณมาหลายเดือนเลยไม่ใช่เหรอครับ? ก่อนหน้านี้คุณยังเคยบอกผมอยู่เลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่มีทักษะในเรื่องนั้นเลย คุณก็เลยทิ้งเธอไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะหาไอ้หน้าหม้อที่เหมาะสมกับเธอได้แล้วนะครับ!”
เย่เทียนไม่แม้แต่จะเหลือบมองเธอเลยด้วยซ้ำ ได้แต่พูดกับห่าวเหรินด้วยรอยยิ้ม
ห่าวเหรินผงะไปครู่หนึ่ง แต่เมื่อฟังเย่เทียนพูดจนจบ เขาก็รู้ทันเย่เทียนและเล่นตามน้ำไปด้วยเสียงฮึดฮัดไม่พอใจ
หวางจื้อเฟยโกรธขึ้นมาทันที และสองตาที่ลุกเป็นไฟก็จ้องเขม็งไปที่เย่เทียน “คุณว่าใครหน้าหม้อนะ!”
“นี่คุณก็แปลกดีนะ ผมยังไม่ได้เอ่ยชื่อใครเลย ทำไมต้องรีบร้อนตัวด้วย?”
เย่เทียนเหลือบมองไปที่พวกเขาและถามด้วยความสงสัย
หวางจื้อเฟยแทบจะกระอักเลือดออกมา ในขณะที่เขากำลังจะเถียง แต่เย่เทียนก็ยิ้มพูดต่อ
“แต่……สิ่งที่คุณคิดก็ถูกเหมือนกันนะ เพราะไอ้หน้าหม้อที่ผมพูดถึงก็คือคุณจริงๆ คนหนึ่งหน้าเงิน ส่วนอีกคนหน้าหม้อ ดูแล้วก็เหมาะสมกันดีนะ!”
“แมร้งเอ๊ย!”
หวางจื้อเฟยกระโดดเหมือนแมวที่เหยียบหาง เขาชี้ไปที่เย่เทียนแล้วตะโกนด่าไปว่า “นี่แกยังมีมารยาทอยู่ไหม!”
“มารยาทเหรอ? ของแบบนี้ต้องมีอยู่แล้วสิ แต่มีสิ่งหนึ่ง ผมไม่รู้ว่าคุณจะมีหรือไม่นะ”
เย่เทียนยักไหล่และตอบอย่างใจเย็น
“อะไร?”
หวางจื้อเฟยขมวดคิ้วและถามโดยไม่ทันตั้งตัว
“สมองไง! สมองเป็นสิ่งที่ดี แต่เห็นได้ชัดเลยว่าคุณไม่มีแน่นอน”
เย่เทียนส่ายหัวอย่างเห็นใจและพูดต่อ “ถ้าคุณมีสมอง คุณจะพาไอ้หน้าเงินมาอวดต่อหน้าประธานห่าวของเราได้ยังไงล่ะ? หรือว่าคุณมีความชอบส่วนตัว ชอบกินของเหลือจากคนอื่นเขา?”
“นี่แก……”
หวางจื้อเฟยถูกเย่เทียนด่าโดยไม่มีคำหยาบเลยสักคำ ซึ่งก็ทำให้เขาโกรธจนสุดคำบรรยาย!
ห่าวเหรินก็ตะลึงกับสิ่งที่เย่เทียนพูด จากเดิมที่เขารู้สึกไม่สบายใจ แต่ตอนนี้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก จากนั้นเขาชำเลืองมองไปที่เย่เทียนโดยไม่ตั้งใจ ในใจคิดว่าเพื่อนซี้ของเขาคนนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก
หยูเสี่ยวเหวินอับอายและรู้สึกถึงความอัปยศอดสูมาก เธอแทบจะร้องไห้ออกมากและอธิบายอย่างหงุดหงิดว่า “คุณชายหวาง คุณอย่าไปเชื่อมันนะ ครั้งแรกของฉันคือคุณนะคะ!”
หวางจื้อเฟยกำลังจะพยักหน้าตอบ เพราะในคืนนั้นเขาได้เห็นเลือดของเธอแล้ว
“ใช่เหรอ?”
เย่เทียนถึงกับอดขำไม่ได้ จากนั้นพูดอย่างแผ่วเบาว่า “แต่เสาไฟฟ้าข้างถนนมีป้ายโฆษณาเล็กๆ ติดไว้ว่า ใบละห้ารอย ซื้อสามแถมหนึ่งนะ!”
“คุณ คุณพูดมั่วอะไรของคุณ!”
หยูเสี่ยวเหวินเริ่มกระวนกระวายและเริ่มพูดจาติดขัด
“ผมจะมั่วหรือไม่ ผมว่าคุณรู้อยู่แก่ใจนะ!”
เย่เทียนมุ่ยปากเบาๆ สำหรับผู้หญิงอย่างหยูเสี่ยวเหวินนั้นเขาเจอมาเยอะแล้ว ต่อให้ห่าวเหรินไม่เคยมีอะไรกับเธอ ก็ใช่ว่าเธอจะเป็นสาวซิง!
หยูเสี่ยวเหวินรู้ตัวว่าเถียงไม่ไหวเย่เทียน เธอจึงไม่คิดจะเถียงกับเขาอีก จากนั้นเธอเลือกใช้ไม้อ่อนแล้วกระซิบข้างหูหวางจื้อเฟยอย่างออดอ้อนว่า
“คุณชายหวางคะ มันดูถูกเค้าอยู่นะ ตัวเองก็รู้ว่าครั้งแรกของเค้าคือตัวเอง! ตัวเองบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านบาร์นี้ไม่ใช่เหรอคะ ให้คนมาไล่ไอ้สองคนนี้ออกไปเลยสิ!”
สายตาที่เฉียบคมประกายผ่านดวงตาของหวางจื้อเฟย และตอนนี้เขาค่อยๆ ใจเย็นลงแล้ว
หยูเสี่ยวเหวินจะใช่ของมือสองหรือไม่ เขาไม่สนใจ เพราะเขาไม่เคยคิดจริงจังกับเธออยู่แล้ว
แต่ไอ้สวะที่อยู่ตรงหน้าคนนี้มันทำให้เขาโกรธมาก และเขาจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยกมือขึ้นแล้วตะโกนออกไปว่า “รปภ. รปภ. มานี่หน่อย!”
ทันทีที่พูดจบ รปภ. สี่คนก็เดินเข้ามา
เมื่อเห็นฉากนี้ห่าวเหรินก็ตื่นตระหนกมาก ร้านดรุณียั่วรักแห่งนี้มีเบื้องหลังที่เส้นใหญ่ขนาดไหน ซึ่งไม่ใช่คนอย่างเขาสามารถต่อกรได้อย่างแน่นอน!
หลังจากที่ไตร่ตรองแล้ว ถ้าถูกลากตัวออกไปจริงๆ เขากับเย่เทียนต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาลแน่นอน!
หวางจื้อเฟยหัวเราะเยาะแล้วชี้ไปที่เย่เทียนกับห่าวเหรินและออกคำสั่งว่า “ผมหวางจื้อเฟย ถูกพวกมันสองคนดูถูก ช่วยลากพวกมันออกไปแล้วกระทืบให้เละไปซะ! เกิดอะไรขึ้นผมรับผิดชอบเอง!”
หยูเสี่ยวเหวินกอดอกไว้แน่นๆ เธอเกลียดเย่เทียนจนเข้าไส้ เธออยากเห็นเย่เทียนต้องลำบาก และตอนนี้เธอสดชื่นเหมือนกับเอาไอศกรีมมาเทใส่ตัว
แต่รปภ. ทั้งสี่คนไม่ได้สนใจพวกเขาเลย และหนึ่งในสี่คนนั้นก็เดินไปหาเย่เทียน และถามว่า “พี่เทียนครับ เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับ?”
“ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่สองคนนี้มาขัดจัดหวะผมกับประธานห่าวคุยธุระ และประธานห่าวรู้สึกว่าไม่อยากเห็นหน้าสองคนนี้ในร้านนี้อีก!”
เย่เทียนยักไหล่และออกคำสั่งอย่างอ้อมค้อม
“ครับ!”
รปภ.ทั้งสี่คนรับทราบและเข้าใจตรงกัน จากนั้นกระโจนเข้าหาหวางจื้อเฟยและผู้หญิงของเขาเหมือนฝูงหมาป่า