หนึ่งในภาพเขียนโบราณมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเงินออมทั้งหมดของนาง และพวกเขาอนุญาตให้ชายชราประเมินมูลค่าของหยกบางชิ้น จากนั้นพวกเขาก็รวมรวมเงินจนครบ 120,000 เหรียญเงินเพื่อให้พวกเขาไป
เมื่อเห็นชายชราเดินออกไปพร้อมกับตั๋วแลกเงินจำนวนมหาศาล ฮูหยินผู้เฒ่าอยากจะให้คนไปแอบปล้นเขาในภายหลัง เงินที่นางสะสมไว้ในชีวิตนี้ถูกนำไปเพราะภาพวาดบัดซบนั่น นางรู้สึกไม่พอใจเลย! นางไม่พอใจสักนิดเดียว !
ใครจะรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ขณะที่นางเริ่มโกรธเฟิงหยูเฮง นางจ้องมองเฟิงหยูเฮง นางแอบก่อนด่าในใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่าคิดว่านางไม่รู้ แม้ว่าร้านค้าจะเป็นของเหยาซื่อ แต่ก็ยังคงเป็นเฟิงหยูเฮงที่เป็นผู้จัดการร้านค้าเหล่านั้น ตราบใดที่เฟิงหยูเฮงเอ่ยปากออกมา นางก็ไม่ต้องจ่ายเงิน 120,000 เหรียญเงิน
น่าเสียดายเมื่อเฟิงหยูเฮงเอ่ยปากออกมา อย่างไรก็ตามนางกับพูดในทิศทางที่ตรงกันข้าม ตระกูลเฟิงอาจจะปฏิเสธการจ่ายเงินไปเรื่อย ๆ แต่หากนางพูดออกไป ใครยังมีใบหน้าหลงเหลืออีกบ้าง ?
เจ้ากำลังจะแต่งงานกับฮูหยินคนใหม่ แต่เจ้ายังคงต้องการเงินจากฮูหยินคนเก่าของเจ้าอีกหรือ ? เจ้าช่างไร้ยางอายสิ้นดี
เฟิงหยูเฮงเฝ้าดูฮูหยินผู้เฒ่าที่จ้องมองนางอย่างต่อเนื่อง และนางก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ท่านย่าอย่าได้ทุกข์ใจไปเลย โดยปกติแล้วมารดาควรให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยสำหรับงานแต่งที่ใหญ่โตของบุตรชาย นี่คือความรักระหว่างมารดากับบุตรเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธและไม่ต้องการที่จะนั่งในห้องต่อไป นางกุมมือของยายจาวไว้เพื่อให้ช่วยประคองนางลุกยืนขึ้น “กลับเรือน ! ”
ยายจาวช่วยประคองนางกลับไปที่เรือนซูหยาอย่างรวดเร็วโดยทิ้งห้องที่เต็มไปด้วยอนุและบุตรไว้อย่างนั้น
เมื่อมองไปที่ห้องที่เต็มไปด้วยเครื่องเรือนทองคำและหยก ใบหน้าของทุกคนดูหม่นหมอง แม้แต่เฟิงเฉินหยูก็ไม่มีความสุข นี่คือวิธีที่หัวหน้าครอบครัวทำหรือ ? หลังจากได้รับผลประโยชน์บางอย่าง นางก็ยังคงปรารถนามันต่อไป หลังจากได้รับตำแหน่งฮูหยินขั้นหนึ่ง คนอื่น ๆ ไม่ได้แสดงออกมากนัก แต่นางส่งของมีค่าและเงินจำนวนมากให้ย่าของนาง อย่างไรก็ตามนางยังคงขอเพิ่มในวันนี้ ! นางเป็นหมาป่าจริง ๆ ที่เอาแต่ได้
อย่างไรก็ตามฮันชิมองดูห้องที่เต็มไปด้วยสิ่งต่าง ๆ และไม่มีความสุข นางคิดว่านางเคยได้รับความโปรดปรานมากแค่ไหน อย่างไรก็ตามเฟิงจินหยวนไม่เคยให้อะไรกับนางเลย ห้องของนางโทรมมาก
ทุกคนครุ่นคิดเรื่องของตนเอง ระหว่างทางกลับไปที่เรือนตงเซิง หวงซวนก็ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของนางได้อีกต่อไป “คุณหนูเก่งจริง ๆ คุณหนูเห็นใบหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าหรือไม่เจ้าคะ ? นางโกรธมากจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีม่วง”
เฟิงหยูเฮงยักไหล่ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นใครซักคนไร้ยางอายเช่นนี้ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริง ๆ ”
“แน่นอนเจ้าค่ะ” หวงซวนกล่าว “ข้าได้ยินมาว่าสิ่งที่ถูกส่งไปให้ฮูหยินผู้เฒ่าเฟิงเข้าไปในห้องเก็บของและไม่เคยนำออกมา คราวนี้นางต้องจ่ายด้วยตัวเอง บางทีนางอาจจะล้มป่วย แต่สิ่งที่คุณหนูพูดเป็นความจริงมากเจ้าค่ะ เพียงแค่มีคนพูดว่าองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจวชอบภาพวาดของฟานจงเทียน เสนาบดีเฟิงก็ไปซื้อของจริงให้ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาเป็นเสนาบดีได้อย่างไรด้วยหัวสมองเช่นนั้น ข้าได้ยินมาว่าเขาอยู่ในอันดับต้น ๆ เมื่อเขาเข้าสอบจอหงวน ฮ่า มันเป็นปาฏิหาริย์อย่างแท้จริง”
เฟิงหยูเฮงยิ้มแย้มและพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าเฟิงจินหยวนไม่เคยเลินเล่อในเรื่องราชสำนักแม้แต่เล็กน้อย รวมไปถึงการบรรเทาภัยพิบัติในภาคเหนือ หากเขาทำงานได้ไม่ดี ฮ่องเต้จะไม่ทรงตรัสชมเชยมากนัก หากเขายังไม่ได้ขึ้นสู่ขั้นหนึ่ง บางทีการเลื่อนตำแหน่งของเขาอาจจะไม่ไกล นี่เป็นการพิสูจน์ว่าไม่ใช่สมองของเขาที่ผิดปกติ มันแสดงให้เห็นว่าเขามีข้อบกพร่องเมื่อจัดการกับเรื่องภายในเรือนของเขา เมื่อมันเต็มไปด้วยอุบายและเล่ห์กล ผู้ชายก็ทำได้ไม่ดีนัก ประกอบกับความจริงที่ว่าไม่มีฮูหยินใหญ่คอยจัดการเรื่องครอบครัวในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา และความจริงที่ว่าเขามีมารดาที่โลภมาก มันคงจะแปลกสำหรับเขาที่จะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”
เมื่อเฟิงจินหยวนกลับมาที่คฤหาสน์ในคืนนั้น เขาก็ถูกเรียกไปที่เรือนซูหยาของฮูหยินผู้เฒ่า ระหว่างทางเฮ่อจงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างวัน และเฟิงจินหยวนรู้สึกว่าศีรษะของเขาพองโต
เขาไม่เคยจัดการเรื่องการเงินของคฤหาสน์ ดังนั้นเขาจึงไม่คิดเมื่อใช้เงิน นอกจากนี้ยังมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในช่วงเวลาที่ผ่านมา นอกจากนี้เขาไม่รู้ว่าเขาใช้เงินไปเท่าไหร่ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจริง ๆ แล้ว เขาจะไม่สามารถจ่ายได้ !
เมื่อเข้าสู่เรือนซูหยา เขาสามารถบอกได้ว่าบรรยากาศนั้นย่ำแย่เพียงใด แม้ว่าบ่าวรับใช้ทุกคนจะโค้งคำนับเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นผลทางจิตวิทยาหรืออะไรบางอย่าง แต่มันดูราวกับว่าบ่าวรับใช้และยายมองเขาด้วยความดูถูก เมื่อนึกได้ว่าเขาเสียหน้าเพราะร้านสมบัติที่ยอดเยี่ยมเป็นของเหยาซื่อ เฟิงจินหยวนกัดฟัน เขาเต็มไปด้วยความโกรธ เขาพร้อมที่จะไปที่เรือนตงเซิงในภายหลังเพื่อเอาเรื่อง
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นเขาในห้องนอนของนาง เพราะนางใช้เงินไปมาก นางจึงล้มป่วยและนอนอยู่บนเตียง ผ้าขนหนูอุ่นวางอยู่บนหัวของนางขณะที่นางยังส่งเสียงครวญคราง
เฟิงจินหยวนรีบไปที่ด้านข้างฮูหยินผู้เฒ่า ก่อนที่เขาจะพูดอะไรก็ได้ เขาได้ยินเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนว่า “ลูกชายไม่เอาถ่าน ! คุกเข่า ! “
เขาตกตะลึงแล้วจ้องมองยายจาวที่อยู่ด้านข้างและรู้สึกว่ามันน่าขายหน้า เขาจึงไม่คุกเข่า
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธ นางกระแทกไม้เท้าบนเตียงของนาง นางร้องไห้และกรีดร้อง “ฮูหยินยังไม่ได้แต่งเข้าคฤหาสน์ เจ้าก็ไม่สนใจข้า ชีวิตของข้าช่างน่าสังเวช ! ฮูหยินขั้นหนึ่งอย่างข้าถูกบุตรชายของตัวเองทอดทิ้ง ยายจาว ! พรุ่งนี้ข้าจะคุกเข่าที่ประตูพระราชวัง ข้าจะไปร้องเรียนกับฮ่องเต้ ! ไม่ ! ไม่ใช่พรุ่งนี้ ข้าจะไปตอนนี้ ! ”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยายามดิ้นรนและลุกขึ้นยืนคร่ำครวญ ยายจาวจับนางไว้และพูดอย่างรวดเร็วว่า “ตอนนี้ค่ำแล้วเจ้าค่ะ ประตูของพระราชวังปิดไปแล้ว แม้ว่าท่านจะคุกเข่าจนกระทั่งถึงรุ่งสางก็ไม่มีประโยชน์อะไร ! ” ยายจาวเก่งมากในการอธิบายสถานการณ์ เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเฟิงจินหยวน นางรู้ว่ามันเป็นเพราะนางอยู่ด้วย ดังนั้นนางจึงพูดว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า ถ้าท่านมีบางอย่างที่จะพูด ท่านก็คุยแบบมารดาและบุตรชายนะเจ้าคะ ไม่มีความขัดแย้งที่ไม่สามารถแก้ไขได้ บ่าวรับใช้จะออกไปรอข้างนอกเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าหยุด ยายจาวรีบออกจากห้องและปิดประตูจากด้านนอก
เมื่อนั้นเฟิงจินหยวนหยวนก็เริ่มคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ในขณะที่เขาคุกเข่าอยู่หน้าเตียงของฮูหยินผู้เฒ่า “ข้าสร้างปัญหาให้ท่านแม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธมากจนแทบหายใจไม่ออก “สิ่งที่ข้าเป็นห่วงคือไม่มีปัญหา ! ” ถ้าเป็นปัญหาก็คงจะดี สิ่งที่นางเสียใจก็คือเงิน !
“ยังไม่มีสิ่งใดที่ข้าทำได้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ฮ่องเต้ต้องการเห็น ! ” เฟิงจินหยวนกลัวว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะทำสิ่งที่ไม่ดีดังนั้นเขาจึงแอบอ้างชื่อของฮ่องเต้
ใครจะรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะตกหลุมพรางเหมือนคราวก่อน “ทำไมฮ่องเต้ถึงต้องสนพระทัยถ้าเจ้าซื้อของดี ๆ สำหรับฮูหยินคนใหม่ของเจ้า”
เฟิงจินหยวนหมดข้อแก้ตัว “ฮ่องเต้ไม่สนพระทัย แต่คนที่ลูกกำลังจะแต่งงานด้วยเป็นถึงองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจว บางทีท่านแม่ไม่รู้ว่าสถานะของคังอี้เทียบเท่าผู้ปกครองของเฉียนโจว มารดาของผู้ปกครองคนนั้นล่วงลับไปแล้ว และก็เป็นคังอี้ที่เลี้ยงเขาอย่างดี พี่สาวคนโตของเขาเป็นเหมือนมารดา ยิ่งกว่านั้นพี่สาวคนโตผู้นี้ก็ช่วยให้เขาขึ้นครองบัลลังก์ของฮ่องเต้ ! เป็นไปได้หรือไม่ที่ฮ่องเต้จะไม่สนพระทัยการแต่งงานครั้งนี้”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ท่าทีของฮูหยินผู้เฒ่าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เฟิงจินหยวนจึงพูดอย่างรวดเร็ว “เพราะองค์ชายแห่งกูซูมาขอแต่งงาน ฮ่องเต้นอนไม่หลับหลายคืน หากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกี่ยวกับการแต่งงาน ความเป็นไปได้ของการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างเฉียนโจวและกูซูคงจะไม่ดีอย่างยิ่งสำหรับราชวงศ์ต้าชุนของเรา ข้าจึงจัดให้มีการแต่งงานในช่วงเดือนแรกเท่านั้น เฉียนโจวอยู่ไกลจากราชวงศ์ต้าชุนมาก โดยปกติเราควรส่งขันหมากไป แต่ไม่มีสถานที่ส่งพวกมันไป ข้าทำได้เพียงซื้อของมาตกแต่งที่เรือนเทียนเซียงให้ดีที่สุด ไม่ว่าในกรณีใดมันเป็นการแสดงท่าทีของเรา”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าเจ้าซื้อของเหล่านี้เพื่อเป็นขันหมากหรือ ? ” ฮูหยินผ็เฒ่าไตร่ตรองเล็กน้อยแล้วพูดว่า “โดยปกติเมื่อแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ การใช้จ่ายไม่กี่แสนเหรียญเงินก็ไม่มากนัก แต่ขันหมากควรส่งไปยังครอบครัวมารดา แต่เจ้าวางพวกมันทั้งหมดในเรือนของนาง ถ้าผู้คนจากเฉียนโจวมา เราจะทำอย่างไร ?”
“ท่านแม่ไม่ต้องห่วง คังอี้ได้กล่าวแล้วว่าเฉียนโจวไม่ต้องการขันหมากใด ๆ ยิ่งกว่านั้นระยะทางห่างกันมาก ถ้าเราส่งมันจะไม่ถึงในเวลานี้ และพวกเขาจะส่งกลับมาก็เป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “นั่นก็เรื่องจริง แต่ถ้าเจ้าให้ขันหมาก แล้วสินเดิมของนางล่ะ ? ”
เฟิงจินหยวนรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่เขาพูดอย่างรวดเร็ว “ฮ่องเต้ได้ทรงอักษรถึงผู้ปกครองของเฉียนโจวด้วยพระองค์เอง ข้าคิดว่าเขาคงส่งสินเดิมมาไม่ทันงานแต่งงาน นับตั้งแต่เวลาที่จดหมายไปถึงพวกเขา อย่างเร็วที่สุดก็ต้องต้องใช้เวลาอีก 3 เดือนกว่าจดหมายจะไปถึง คังอี้กล่าวว่าผู้ปกครองของเฉียนโจวให้ความสำคัญกับนางมากที่สุด เขาได้พูดไปแล้วว่าถ้าพี่สาวของเขาแต่งงานอีกครั้ง โดยไม่คำนึงว่านางแต่งงานกับใคร พวกเขาจะไม่ขอขันหมาก และสินเดิมก็มีมากมาย”
ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าดีใจ ขณะที่นางลุกขึ้นนั่งบนเตียงและถามเฟิงจินหยวน “เจ้าทำให้มันฟังดูค่อนข้างดี แต่เจ้าเคยคิดบ้างไหมว่าครอบครัวควรทำอย่างไรถ้าเจ้าใช้เงินทั้งหมดในคลัง ? นอกจากนี้ข้าจ่ายค่าภาพวาดโบราณที่มีราคาถึง 120,000 เหรียญเงิน” นางหลีกเลี่ยงการพูดถึงว่านางฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เฟิงจินหยวนปลอบโยนนางแล้วพูดว่า “ท่านแม่ไม่ต้องห่วงขอรับ เราจะจัดการด้านการเงิน เรือนแต่ละแห่งมีเงินออมของตัวเอง และบ่าวรับใช้ได้รับเงินเดือนของพวกเขาแล้วในตอนสิ้นปี ส่วนที่ท่านแม่จ่ายเงินไป 120,000 เหรียญเงิน ข้าจะจ่ายคืนให้ 2 เท่าเมื่อสินเดิมของคังอี้มาถึงคฤหาสน์”
“2 เท่าหรือ ? ” ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาคึกคักอีกครั้ง “เจ้าสามารถตัดสินใจเรื่องนี้แทนคังอี้ได้หรือ ? ”
“ข้าตัดสินใจกันแล้ว คังอี้และรุ่ยเจียยังมองท่านแม่ด้วยความเคารพ แม้ว่าท่านแม่ไม่ต้องการมัน พวกเขาก็จะมอบให้ท่านแม่อยู่ดี”
“ดีแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ดี” ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็สงบลง เมื่อคิดอีกเล็กน้อย นางถามว่า “สำหรับเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ ฮ่องเต้จะมาร่วมงานด้วยพระองค์เองหรือไม่ ? อ่า ! ไม่ดี ! ข้าต้องสั่งตัดชุดใหม่หรือไม่ ? ”
เฟิงจินหยวนกล่าวว่า “สุขภาพของพระองค์ไม่ดี พระองค์ไม่ได้ออกจากพระราชวังมาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าฮ่องเต้จะไม่สามารถมาถึงได้ แต่พระองค์ได้ส่งองค์ชายใหญ่มาทำหน้าที่แทนพระองค์ ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องเตรียมเสื้อผ้าอะไรเลย อย่างที่ข้าเห็นชุดราชสำนักของท่านแม่จะเหมาะสมที่สุดแล้วขอรับ”
เมื่อเขาพูดอย่างนี้ฮูหยินผู้เฒ่าก็จำได้ ถูกต้อง ! ไม่ว่าเสื้อผ้าราคาแพงแค่ไหนมันก็แค่ผ้า แต่ชุดราชสำนักแสดงถึงสถานะของนางในฐานะฮูหยินขั้นหนึ่งอย่างแท้จริง “ข้าจะสวมชุดราชสำนัก ! ” ใบหน้าของนางยิ้ม แต่เมื่อนางได้ยินว่าองค์ชายใหญ่กำลังจะมาทำพิธีแต่งงาน นางเป็นกังวลเล็กน้อย “จินหยวน ! เจ้าต้องจับตาดูสถานการณ์ปัจจุบัน ให้ความสนใจมากขึ้นและคิดให้หนักขึ้น แม้ว่าเจ้าจะได้เลือกองค์ชายสามแล้ว แต่เจ้าก็ยังสามารถเปลี่ยนใจได้ ! เมื่อเร็ว ๆ นี้ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานองค์ชายใหญ่ คิดให้รอบคอบ เป็นองค์ชายสามหรือไม่ที่ควรค่าแก่การสนับสนุน”
เฟิงจินหยวนพยักหน้า และพูดว่า “ลูกเข้าใจ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ “ไม่มีความจำเป็นที่หญิงชราอย่างข้าจะพูดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องของราชสำนัก แต่เจ้าต้องจำไว้ การตัดสินใจของเจ้าเพียงอย่างเดียวนั้นเกี่ยวข้องกับความเจริญรุ่งเรืองหรือความตกต่ำของตระกูลเฟิง ไม่เป็นไร สิ่งสำคัญคือควรดูว่าเจ้าสามารถแก้ไขได้ทันเวลาหรือไม่ ตอนนี้คังอี้กำลังจะแต่งเข้าคฤหาสน์ เนื่องจากเจ้าบอกว่านางมีความสามารถที่ดีในการสนับสนุนน้องชายของนางให้อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจ มันจะดีสำหรับพวกเจ้าสองคนที่จะพูดคุยกัน ดูว่านางจะมีความคิดอะไรดี ๆ สำหรับเจ้าหรือไม่”
เฟิงจินหยวนคำนับ “ท่านแม่พูดถูก ลูกชายจะจดจำคำสอนนี้ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้พูดมากเพราะนางไม่รู้ว่าบุตรชายของนางคิดอะไรอยู่ เฟิงจินหยวนยืนขึ้นแล้วรินน้ำชาให้นาง เมื่อเขานำมันมาให้ฮูหยินผู้เฒ่า ในที่สุดนางก็พูดว่า “งานแต่งงานจะมีค่าใช้จ่ายมาก เจ้าเป็นเสนาบดี และองค์ชายใหญ่จะมาทำหน้าที่แทนฮ่องเต้ แม้แต่ขุนนางที่ไม่เป็นพวกของเจ้าในอดีตก็จะมา เจ้าต้องคิดแผนเตรียมตัว จะหาเงินจำนวนมากมาจากที่ไหน ! ”
คำพูดเหล่านี้ทำให้เฟิงจินหยวนตกใจ ถูกต้อง ! งานเลี้ยงงานแต่งงานและความบันเทิงมีค่าใช้จ่ายสูง
แต่มันก็ไม่เหมือนว่าเขาจะหมดหนทาง แต่เขาก็ยังเป็นเสนาบดี การหาคนมาช่วยเขาไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ในพริบตาวันที่ 26 ในคฤหาสน์ตระกูลเฟิงมีผู้คนพลุกพล่าน งานแต่งงานมาถึงอย่างรวดเร็ว…