ทำไมคุณหนูรองยังไม่มา ?

วันแต่งงานของเฟิงจินหยวนและคังอี้เป็นช่วงเวลาที่หนาวเย็นเป็นพิเศษ แม้ว่าสิ้นเดือนหนึ่งแล้วแต่ก็ยังมีหิมะตกหนัก

ทุกคนบอกว่านี่เป็นการที่สวรรค์แสดงความยินดีต่อองค์หญิงใหญ่จากเฉียนโจว เพราะเฉียนโจวถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะมานานกว่า 1,000 ปี หิมะตกหนักเช่นนี้ถือคำอวยพรสำหรับคังอี้

สิ่งแรกในตอนเช้าที่ฮูหยินผู้เฒ่าทำคือการสวดอ้อนวอนขอให้โชคดีและจุดธูป นับตั้งแต่วินาทีที่นางลืมตา เปลือกตาขวาของนางกระตุกไม่หยุด ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน นางหวังว่างานแต่งงานในวันนี้จะราบรื่นและไม่มีอะไรผิดพลาด

เฟิงจินหยวนนอนในห้องนอนของเขาที่เรือนไผ่หยกเมื่อคืนก่อน เขาตื่นแต่เช้าแล้วก็ล้างหน้า จากนั้นแต่งตัวด้วยความช่วยเหลือจากบ่าวรับใช้ของเขา เมื่อเขาสวมชุดแต่งงาน เขาก็พร้อมที่จะไปรับนางจากพระราชวัง

เนื่องจากบ้านของคังอี้นั้นอยู่ไกล ฮ่องเต้จึงอนุญาตให้นางออกไปจากพระราชวังของฮ่องเต้ เมื่อองค์หญิงต่างแคว้นมาที่ราชวงศ์ต้าชุน พวกเขาสามารถปฏิบัติต่อนางได้เช่นเดียวกับองค์หญิง แม้ในกรณีเช่นนี้มันเป็นเกียรติสูงสุดที่เป็นไปได้สำหรับองค์หญิงต่างแคว้น

เฟิงจินหยวนหน้าตาสดชื่น เขารู้สึกดีขึ้นกว่าเวลาที่เขาแต่งงานกับเหย้าซื่อ บ่าวรับใช้ที่ดูแลเขาพูดประจบว่า “หลังจากงานแต่งงานของท่านใต้เท้าจะมีการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่กว่า ข้าเชื่อว่าหลังจากองค์หญิงใหญ่เข้ามาในคฤหาสน์ นางจะสามารถให้กำเนิดเด็กน้อยตัวอ้วนท้วนอย่างรวดเร็วแน่นอนเจ้าค่ะ ในเวลานั้นคฤหาสน์จะมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น”

เฟิงจินหยวนยิ้มและลูบหัวเขา “เจ้าพูดถูกใจจริง ๆ”

“เจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้บอกเฟิงจินหยวน “คุณหนูใหญ่มาเช้านี้ ในเวลานั้นท่านใต้เท้ายังไม่ตื่น คุณหนูใหญ่ที่รออยู่ในห้องโถง ท่านใต้เท้าจะไปพบคุณหนูหรือให้คุณหนูเข้ามาเจ้าค่ะ”

เฟิงจินหยวนไตร่ตรองเล็กน้อย “ให้นางเข้ามา”

บ่าวใช้ออกไปและกลับเข้ามาพร้อมกับเฟิงเฉินหยู เฟิงจินหยวนสวมชุดแต่งงานสีแดงและนั่งเก้าอี้ในห้องด้านนอกของห้องนอนของเขา เมื่อมองไปที่เฟิงเฉินหยูด้วยรอยยิ้ม เขาอนุญาตให้เฟิงเฉินหยูรู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยจากฉากนี้

เป็นเวลานานแล้วที่เฟิงจินหยวนไม่ได้มองนางด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้นางรู้สึกงุนงงอยู่ครู่หนึ่งเพราะนางรู้สึกว่าเขากลับมาเป็นบิดาที่ทุ่มเทความพยายามทั้งหมดเพื่อเลี้ยงดูนาง เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ในพริบตาเสื้อผ้าสีแดงเตือนนางอีกครั้งว่าสิ่งต่าง ๆ ในตอนนี้เปลี่ยนไป วันนี้บิดาของนางจะแต่งงานกับองค์หญิงใหญ่จากต่างแคว้น และนาง… “ท่านพ่อ” เฟิงเฉินหยูเอ่ยออกมาแล้วไปคำนับ “ข้ามาแสดงความยินดีกับท่านพ่อเจ้าค่ะ”

เฟิงจินหยวนหัวเราะ “ข้าได้ยินว่าเจ้ามาแต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือ ? ”

เฟิงเฉินหยูพยักหน้าแล้วก้าวไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว เมื่อมาถึงเฟิงจินหยวน นางถือบางอย่างไว้ในมือของนาง “ข้ารู้ว่าท่านพ่อใช้เงินจำนวนมากจากคลังเพื่อจัดหาเครื่องเรือนให้องค์หญิงใหญ่ งานแต่งงานในวันนี้ก็มีค่าใช้จ่ายอีกมากมาย นี่เป็นของที่ข้ามอบให้ท่านพ่อในวันนี้แต่งงานเจ้าค่ะ”

เฟิงจินหยวนรับของจากมือแล้วมอง จริง ๆ แล้วมันคือตั๋วแลกเงิน 4 ใบ แต่ละใบมีมูลค่า 5,000 เหรียญเงิน รวมเป็น 20,000 เหรียญเงิน

เขาประหลาดใจมาก “เจ้ายังมีเงินอยู่อีกหรือ ? ”

เฟิงเฉินหยูกล่าวว่า “นั่นคือทั้งหมดที่เหลืออยู่ แต่ข้าก็ยังคงเก็บไว้เพื่อใช้ ไม่กี่วันที่ผ่านมาข้าให้ท่านย่า 10,000 เหรียญเงิน และส่วนนี้จะมอบให้ท่านพ่อ ข้าไม่เหลือเงินแล้วจ้าค่ะ”

“จริงหรือ ? ” เฟิงจินหยวนรู้สึกลังเลเล็กน้อยที่จะเชื่อนาง

เฟิงเฉินหยูบอกเขาว่า “ตระกูลเฉินกำลังประสบปัญหาในตอนนี้ ข้าต้องดูแลตัวเอง เงินจำนวนนี้เป็นขีดจำกัดแล้วเจ้าค่ะ”

“อืม” เฟิงจินหยวนพยักหน้า ตระกูลเฉินประสบปัญหาอย่างกะทันหัน เฟิงเฉินหยูไม่สามารถเตรียมการล่วงหน้าได้ย่อมเป็นเรื่องปกติ “ค่าใช้จ่ายในวันนี้ค่อนข้างสูง ข้าจะคิดถึงเจ้าเสมอ ไม่ต้องกังวล องค์หญิงใหญ่ก็พูดแล้วว่านางจะไม่เพิกเฉยต่ออนาคตของเจ้าอย่างแน่นอน”

เฟิงเฉินหยูกำลังรอสิ่งนี้อยู่ขณะที่นางคุกเข่าบนพื้น “ลูกมีร่างกายที่บริสุทธิ์ และหวังว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะมีความเห็นอกเห็นใจข้าเจ้าค่ะ”

นางพูดอีกครั้งว่าร่างกายของนางบริสุทธิ์เพื่อแจ้งให้เฟิงจินหยวนทราบว่านางได้รับการรักษาจากเฟิงหยูเฮงแล้ว เฟิงจินหยวนก็อารมณ์ดีเล็กน้อย เขายื่นมือออกไปตบไหล่นางกล่าวว่า “เจ้าเป็นทุกข์ ข้ารู้เรื่องนี้ เฉินหยู เจ้าเป็นเด็กที่มีความเข้าใจที่ดีมาก เมื่อมารดาของเจ้าแต่งเข้ามา ครอบครัวนี้ยังต้องการให้เจ้าช่วยเหลือในการเข้าสังคมมากขึ้น”

“นี่คือสิ่งที่เฉินหยูควรทำเจ้าค่ะ”

บทสนทนาระหว่างบิดากับบุตรสาว เห็นได้ชัดว่าบิดารับเงินและบุตรสาวได้รับสัญญา ทั้งสองหัวเราะและเดินไปที่เรือนด้านหน้าด้วยกัน ในเวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่านำทุกคนในตระกูลเฟิงนั่งอยู่ในห้องโถงของเรือนโบตั๋น พวกเขาแค่รอให้เฟิงจินหยวนมาถึง

หลังจากเฟิงจินหยวนเข้ามาในห้องโถง เขาได้คารวะฮูหยินผู้เฒ่าก่อนจากนั้นก็ไปคุยกับอนุและบุตรสาวของเขาครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็จากไปอย่างมีความสุข ขึ้นไปบนม้าของเขา เขานำหน้าเกี้ยวแต่งงานและมุ่งหน้าไปยังพระราชวังเพื่อรับฮูหยินของเขา

หลังจากที่เขาจากไป ทุกคนในคฤหาสน์เฟิงก็เริ่มทำงานทันที พวกเขาเตรียมงานเลี้ยงและตกแต่ง เฮ่อจงนำบ่าวรับใช้ชายที่มีทักษะในการพูดคุยและบ่าวรับใช้หญิงที่เรียบร้อยมาต้อนรับแขก

ฮูหยินผู้เฒ่าให้ทุกคนนั่งที่เรือนโบตั๋น และให้คำแนะนำซ้ำ ๆ ว่า “ฮูหยินใหญ่เข้ามาในคฤหาสน์ อนุไม่ต้องไปที่หน้าบ้านเพื่อต้อนรับนาง อีกสักครู่เจ้าจะไปรอที่เรือนเทียนเซียง หลังจากที่พวกเขาได้ทำพิธี และนางถูกส่งไปยังห้องเจ้าสาว เจ้าสามารถเข้าไปคารวะฮูหยินใหญ่ได้”

ใบหน้าของฮันชิไม่มีความสุข และจินเฉินดูเหมือนจะเสียใจ ฮูหยินผู้เฒ่ามองดูพวกเขาอย่างว่างเปล่า “พวกเจ้าต้องชัดเจนในสถานะของตัวเอง เป็นไปได้หรือไม่ที่เจ้าทั้งสองคนยังหวังว่าจะได้เป็นฮูหยินใหญ่ ? ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่มีใครออกไปทำธุระในวันนี้ แม้ว่าเจ้าจะต้องเสแสร้ง พวกเจ้าก็ต้องทำ พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่ ? “

อันชิคนหนึ่งเป็นผู้นำ และกล่าวว่า “อนุผู้นี้จะจำไว้เจ้าค่ะ”

ฮันชิและจินเฉินทำตาม และกล่าวว่า “อนุผู้นี้จะจำไว้เจ้าค่ะ”

ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ จากนั้นนางก็มองดูหลานสาวของนาง “ในอีกสักครู่เจ้าจะไปที่ลานหน้าบ้านพร้อมกับข้า” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นางมองที่เฟิงเฉินหยูว่า “อืม เจ้าแต่งหน้าได้งดงามในวันนี้ มันเบาบางและสวยงาม ไม่สามารถแย่งความสง่าราศีจากฮูหยินใหญ่ได้ รอยแผลเป็นบนหน้าผากของเจ้าก็ปิดไว้อย่างดี… ทำไมอาเฮงยังไม่มา ? ” หลังจากที่ให้คำแนะนำไป ในที่สุดนางก็มาถึงเรื่องที่สำคัญที่สุด เช้านี้ทุกคนมาที่เรือนโบตั๋น ตอนนี้ขาดเพียงเฟิงหยูเฮงคนเดียว มีเฟิงหยูเฮงเพียงคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ที่นั่น

อันชิกล่าวว่า “เรือนตงเซิงอยู่ไกลและวันนี้มีหิมะตกหนัก มีความเป็นไปได้ที่คุณหนูรองอยู่ระหว่างการเดินทางมาที่นี่เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่พอใจ อย่างไรก็ตามนางไม่สามารถพูดอะไรได้ นางได้แต่ทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจอย่างเงียบ ๆ

ไม่นานแขกเริ่มมาถึงคฤหาสน์ ผู้คนจากคลังขนโต๊ะและเก้าอี้ไปที่ทางเข้าเพื่อวางของกำนัลงานแต่งงาน ไม่ว่าแขกจะคิดอะไรอยู่ พวกเขาทุกคนก็ทำท่าประจบประแจง เมื่อพวกเขามาถึง ของกำนัลงานแต่งงานพวกเขาทั้งหมดดูดี ท้ายที่สุดแล้วเฟิงจินหยวนเป็นเสนาบดีของราชสำนัก และเขาได้แต่งงานกับองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจว ยิ่งกว่านั้นบุตรสาวของเขาคือองค์หญิงแห่งมณฑลจี่อัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดของกำนัลก็ควรมีค่า

งานแต่งงานของเฟิงจินหยวนจะทำพิธีโดยองค์ชายใหญ่, ซวนเทียนฉี ซวนเทียนฉีย่อมมาถึงเป็นคนแรก หลังจากนั้นองค์ชายองค์อื่น ๆ ก็มาถึง พวกเขาเป็นองค์ชายสอง,ซวนเทียนหลิง องค์ชายสาม,ซวนเทียนเย่ องค์ชายสี่, ซวนเทียนยี่ และองค์ชายห้า,ซวนเทียนหยาน สำหรับคนอื่น ๆ พวกเขายังไม่ได้ปรากฏตัว

หลังจากการมาถึงขององค์ชาย อ๋องเหวินซวนมาถึงกับซวนเทียนเก้อ แม่ทัพปิงหนานพาซีเฟิง และเสนาบดีเฟิงมาถึงพร้อมกับเทียนหยู ช่างฝีมือเป่ยยังมาพร้อมกับฟู่หรง

ด้วยองค์ชาย อ๋องและองค์หญิงมาถึง ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมต้องออกไปข้างนอกและทักทายพวกเขาโดยนำกลุ่มหลานสาวไปด้วย สักพักคฤหาสน์เฟิงก็มีชีวิตชีวามาก

แต่เฟิงหยูเฮงยังไม่มาถึง เปลือกตาขวาของฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มกระตุกอีกครั้งเพราะนางรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น หัวใจของนางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เมื่อมองไปรอบ ๆ นางพบว่าพระชายาเหวินซวนไม่มา และนางก็อดไม่ได้ที่จะถามยายจาว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพระชายาเหวินซวนถึงไม่มา ? ”

ยายยายจ้าวกล่าวว่า “ข้าได้ถามไปแล้ว พวกเขาบอกว่าพระชายาเหวินซวนมาพร้อมกับท่านอ๋องแล้ว แต่หลังจากลงจากรถม้า พระชายาไปที่คฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑลเจ้าค่ะ ข้ากำลังคิดว่าพระชายามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเหยาซื่อ บางทีพระชายาอาจเป็นห่วงว่าเหยาซื่อจะเสียใจ พระชายาเหวินซวนอาจจะไปปลอบใจนางเจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่านิ่งเงียบไปก่อนจะกล่าวว่า “หากนางไม่ยืนยันที่จะหย่าร้างกับเฟิงจินหยวน นางจะรู้สึกเสียใจในวันนี้ได้อย่างไร”

เช่นเดียวกับที่นางพูดสิ่งนี้ เฮ่อจงคุกเข่าคลานเข้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “รายงานฮูหยินผู้เฒ่า เกี้ยวแต่งงานมาถึงทางเข้าแล้วขอรับ รีบไปนั่งในห้องโถงหน้าเพื่อรอฮูหยินใหญ่คนใหม่มาคำนับท่านขอรับ ! ”

เมื่อได้ยินว่าพวกเขากลับมาอย่างรวดเร็ว ฮูหยินผ็เฒ่ารีบบอกยายจาว “รีบพาไปที่โถงหน้า”

หลังจากฮูหยินผู้เฒ่านั่งลงในห้องโถง เฟิงจินหยวนก็เข้ามาในคฤหาสน์พร้อมกับฮูหยินคนใหม่ของเขา

คังอี้สวมชุดแต่งงานสีแดงมีลวดลายหงซึ่งเย็บด้วยด้ายสีทอง มันดูหรูหราและมันเหมาะกับสถานะของนางในฐานะองค์หญิงใหญ่ของต่างแคว้น เมื่อมองไปที่ผ้าคลุมเจ้าสาวบนหัวของนางดูเหมือนว่าจะทำจากผ้าไหมตำหนักจันทราและมันก็มีสีอ่อนกว่าชุดแต่งงานเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมันมีความสง่างามแตกต่างกัน

ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มาร่วมในพิธีนี้ล้วนแต่มาที่พระราชวัง สำหรับพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นผ้าไหมตำหนักจันทรา และพวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจและยกย่องว่าดีที่สุด

ฮูหยินผู้เฒ่ามองดูทั้งสองเดินผ่านหน้าบ้านและเดินไปที่ห้องโถง ขณะที่นางเริ่มรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ในช่วงเวลาของการแต่งงานครั้งแรกของเฟิงจินหยวน เขาเพิ่งได้อันดับหนึ่งในการสอบจอหงวนและนางเพิ่งย้ายจากบ้านเก่า ตระกูลเฟิงเป็นผู้มาใหม่ในเมืองหลวง ไม่มีรากฐานหรืออำนาจ พวกเขาไม่มีเวลาที่จะทำให้คฤหาสน์ที่ฮ่องเต้ทรงมอบให้เขาเป็นระเบียบ สำหรับตระกูลเหยาเป็นตระกูลที่รุ่งเรืองในเมืองหลวง อย่างไรก็ตามพวกเขาบอกว่าบุตรสาวของหมอไม่คู่ควรกับบัณฑิตซึ่งสอบจอหงวนได้ แต่ตระกูลเฟิงเข้าใจว่าด้วยความสามารถในการแต่งงานกับเหยาซื่อ ตระกูลเฟิงจะสามารถตั้งหลักในเมืองหลวงได้อย่างแท้จริง

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสำหรับงานแต่งงานครั้งแรก ความโดดเด่นของตระกูลเฟิงถูกตระกูลเหยาบดบังรัศมี แขกเกือบทั้งหมดมาเพื่อตระกูลเหยา ขุนนางที่มาไม่ได้ใส่ใจแม้แต่กับมารดาของจอหงวน

แต่วันนี้แตกต่าง แม้ว่ารากฐานของตระกูลเฟิงจะไม่ลึก แต่ก็ไม่สามารถเทียบได้กับเมื่อ 20 ปีก่อน นอกจากนี้เฟิงจินหยวนเป็นเสนาบดีมาหลายปีแล้ว เขาไม่ได้เป็นเด็กหนุ่มที่บ้าบิ่นอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าคังอี้จะเป็นองค์หญิงใหญ่ของเฉียนโจว และถึงแม้ว่านางจะมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ทำจากผ้าไหมตำหนักจันทรา นางก็ทำให้ตระกูลเฟิงดูดียิ่งขึ้น นางจะไม่บดบังรัศมีของตระกูลเฟิง

เมื่อได้ยินถึงความประหลาดใจของทุกคน อารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่าก็ดีขึ้นอย่างมาก เปลือกตาขวาของนางหยุดกระตุกและนางสามารถยิ้มได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเห็นรอยยิ้มที่จริงใจของบุตรชายนาง ราวกับว่านางได้เห็นอนาคตที่สดใสของตระกูลเฟิง เฉพาะกับเฟิงจินหยวนและฮูหยินใหญ่มีความสุขเท่านั้น ที่จะทำให้คฤหาสน์สงบสุข !

นางยิ้มและนับฝีเท้าของพวกเขา นางคาดว่าพวกเขาจะมาถึงห้องโถงด้านหน้าภายใน 5 ก้าว ดังนั้นนางจึงมียายจาวช่วยนางปรับท่าทางในเก้าอี้ของนาง ขณะที่นางรอให้ทั้งสองเข้ามาและทำพิธีแต่งงาน

แต่นางไม่ได้คิดว่าในเวลานี้เสียงของฝูงชนจะดังขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่าทะเลอันสงบสุขเริ่มปั่นป่วนขึ้นอย่างกะทันหัน ขณะที่ทุกคนเปล่งเสียง “อ่า” จากนั้นทุกคนก็นิ่งเงียบเมื่อมองไปในทิศทางหนึ่งด้วยความแปลกใจ