บทที่ 353 ลำบากคุณแล้ว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 353 ลำบากคุณแล้ว
จุยเฟิงพูดเสียงเคร่งขรึม:”ความคิดของผมกลับตรงกันข้าม”

“ผมคิดว่า ให้นายท่านไปที่เสินหลงกวานตามแผนก่อนหน้านั้น แล้วผมค่อยยกเลิกการท้าทายจากหาดหินกระจายกลางคัน และรีบกลับมาโดยไม่ให้เขารู้ตัว”

“มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น ถึงจะรู้ได้ว่าคนที่ลอบสังหารเป็นใครกันแน่”

“อีกทั้งยังสามารถจับหนอนบ่อนไส้ที่อยู่ข้างเราได้อีกด้วย”

หูปินรีบพูดขึ้นทันที:”แบบนี้ไม่ได้!”

“แล้วถ้านายตามกลับมาไม่ทันจะทำอย่างไร? ต่อให้นายท่านจะไปที่เสินหลงกวานจริง พวกเราก็ควรส่งคนเพิ่มความคุ้มครอง”

จุยเฟิง:”ไม่ได้!”

“ปกติที่นายท่านไปเสินหลงกวาน มีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คนเท่านั้น คุณเพิ่มคนเข้าไปกะทันหัน อีกฝ่ายจะต้องรู้ว่าแผนรั่วไหลแล้วแน่นอน”

ทั้งสองถกเถียงกันอย่างดุเดือด

อานกั๋วยิ้มและพูดขึ้น:”พอแล้ว พวกนายไม่ต้องพูดแล้ว”

“พวกเรามาฟังความคิดเห็นของคุณฉินก่อน”

ฉินเทียนครุ่นคิดสักพัก จึงพูดว่า:”ผมคิดว่าจุยเฟิงพูดมีเหตุผล”

“นี่เป็นภัยที่แอบแฝงอยู่ และถ้าไม่รีบฉวยโอกาสกำจัด เก็บไว้จะเป็นความหายนะ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ นายท่านก็เดินทางตามแผนเถอะครับ เพื่อไม่เป็นการตีหญ้าให้งูตื่น คุณหูก็ไม่ต้องเพิ่มคนคุ้มครอง”

หูปินยิ้มและพูดขึ้นว่า:”คุณฉิน จะไปกับนายท่านด้วยใช่ไหมครับ?”

“มีคุณไปด้วย อย่างนั้นพวกเราก็หายห่วงแล้ว”

“ฉินเทียนใส่หัวไปมา:”ฝั่งหยุนชวนเกลียดผมเข้ากระดูกดำ ผมเกรงว่าคงไม่เหมาะที่จะโผล่หน้าไป”

“คุณหู คุณวางใจได้ ผมจะจัดคนไปต่างหากอีก

หูปินยังไม่วางใจเท่าไหร่นัก และยังอยากพูดอะไรบางอย่าง และแล้วอานกั๋วก็ยิ้มและพูดว่า:”งั้นก็ตกลงตามนี้”

“คุณฉินจัดคนให้ ผมเชื่อใจได้”

ระหว่างการพูดคุยอย่างสนุกสนาน เขาไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองจะถูกลอบสังหาร และอาจเผชิญกับอันตรายถึงชีวิตแม้แต่น้อย”

มีชีวิตอยู่จนอายุปานนี้แล้ว และสามารถครองตำแหน่งนี้ได้ สำหรับหลายสิ่งหลายอย่างก็สามารถมองเห็นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

หูปินยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

สีหน้าจุยเฟิงเปลี่ยนไปทันที ลุกลี้ลุกลนพุ่งเข้าไปเปิดประตู

เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก เขาอึ้งไปสักพักและพูดขึ้นว่า:”คุณหนูใหญ่!”

หลิวหรูยู่ได้เปลี่ยนกระโปรงยาวและรองเท้าหรูหรา โดยเปลี่ยนเป็นเสื้อสเวตเตอร์ไหมพรมตัวเล็ก กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบพื้นเรียบ

จากดาราดาวรุ่งที่เฉิดฉาย วินาทีนี้กลายเป็นสาวไร้เดียงสาข้างบ้าน

เธอเลิกคิ้วและพูดว่า:”พวกคุณพูดคุยกันจบหรือยัง?”

“ฉันอยากไปช้อปปิ้ง ใครจะไปเป็นเพื่อนฉัน?”

ช้อปปิ้งเหรอ?

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทุกคนต่างส่งสายตาไปยังฉินเทียนโดยไม่ได้นัดหมาย

อานกั๋วยิ้มและพูดว่า:”ตาแก่อย่างฉันเดินไม่ไหวแล้ว การช้อปปิ้งเป็นเรื่องของคนหนุ่มสาว”

หูปินรีบพูดขึ้นทันที:”ผมพึ่งนึกขึ้นได้ว่า ตอนบ่ายยังมีประชุม”

“นายท่าน งั้นก็ตามแผนที่คุยกันเมื่อสักครู่นะครับ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอไปจัดการก่อน”

ฉินเทียนมองไปยังจุยเฟิง

จุยเฟิงทำหน้ากลัดกลุ้ม:”คุณคงไม่ใช่ให้ผมไปช้อปปิ้งกับคุณหนูใหญ่ใช่ไหม?”

“นายก็รู้ว่า คืนนี้เป็นการต่อสู้เพื่อชีวิตและความอยู่รอดของฉัน”

“อืม ผมจะไปนอนพักให้สบายสักตื่นก่อน เพื่อเติมพลังให้เต็มอิ่ม”

ฉินเทียนทำหน้างง ดังนั้น คนที่ต้องไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนก็คือฉันอย่างนั้นเหรอ?

หลิวหรูยู่ส่งเสียงฮื้อออกมาและพูดว่า:”ทำไม ช้อปปิ้งเป็นเพื่อนฉัน มันทำให้คุณลำบากมากเหรอ?”

“ไม่ใช่——”

“ในเมื่อไม่ใช่ แล้วยังยืนงงอยู่ทำไม?

“ถือนี่!”

หลิวหรูยู่โยนกระเป๋าหให้ฉินเทียน จากนั้นก็หันหลังเดินออกทันที

ฉัน……

ฉินเทียนยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อานกั๋วพูดด้วยเสียงต่ำว่า:”คุณฉิน คงต้องรบกวนคุณแล้ว”

“เมื่อครู่คุณยังพูดอยู่เลยว่า จะหลีกเลี่ยงความสงสัยไม่ใช่หรือ?”

ฉินเทียนคิดไปคิดมามันก็ถูก

ในเมื่อตระกูลอานมีหนอนบ่อนไส้ เช่นนั้นการที่เขาอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ว่าตระกูลจ้าวที่ยุนชวนก็ได้รับข่าวแล้วเหมือนกัน

ตอนนี้เขาต้องเสเสร้งสักหน่อย เพื่อบอกคนข้างนอกว่าเขามาที่ตระกูลอาน เพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนดาราใหญ่

แต่ไม่ใช่มาเพื่อเรื่องการลอบสังหาร

“ก็ได้”เขาหยิบกระเป๋า แล้วเดินตามหลิวหรู่ยู่ออกไปข้างนอก

หลิวหรูยู่ขึ้นรถออดี้ A8ที่เรียบง่ายไม่หรูหรา และเธอขับรถด้วยตนเอง

ฉินเทียนขึ้นนั่งข้างคนขับ และกล่าวว่า:”กลางวันแสกๆ อยู่ดีๆ มาช้อปปิ้งทำอะไร”

หลิวหรูยู่มองมาที่เขา:”ดังนั้น คุณอยากช้อปปิ้งกับฉันตอนกลางคืนอย่างนั้นเหรอ? ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

“ไม่ใช่!”

ฉินเทียนรีบพูดด้วยรอยยิ้ม:”ผมหมายถึง คุณเป็นถึงดาราดังซุปเปอร์สตาร์ เป็นไอดอลของประชาชน”

“คุณออกไป ไม่กลัวก่อความวุ่นวายเหรอ?”

หลิวหรูยู่หยิบหมวกใบหนึ่งขึ้นมาสวม และใส่แว่นกันแดดขนาดใหญ่อีกหนึ่งอัน

“ตอนนี้โอเคแล้วเหรอ?”

ฉินเทียนหมดคำจะพูด และพูดได้เพียง:”ไปเถอะ!”

หลิวหรูยู่หัวเราะและพูดอย่างไร้อารมณ์ว่า:”คุณรู้หรือไม่ว่า มีผู้ชายกี่คนในประเทศที่อยากไปช้อปปิ้งกับฉัน?”

“ช่างน่านัก ได้เปรียบแล้วยังจะมาบ่นอีก!”

พูดพลางเหยียบคันเร่ง จนA8ยกหน้าขึ้นทันที เสียงดังหึ่งๆ และแล่นออกไป

ตกใจจนฉินเทียนต้องรีบรับคว้าราวจับไว้ และพูดในใจว่าสรุปเธอมีใบขับขี่หรือเปล่า

ต่อมา หลิวหรู่ยู่ทำให้ฉินเทียนได้เห็นว่า ผู้หญิงที่เปิดน้ำขวดหนึ่งไม่ได้ มีกำลังวังชาเพียงใดในขณะช้อปปิ้ง

ราวกับว่าเธอไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

พาฉินเทียน เดินเที่ยวทั่วซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดเล็กและใหญ่ ร้านค้าหรูหรา รวมไปถึงห้างสรรพสินค้าเสื้อผ้า ในเมืองเอกของมณฑล

ของที่ซื้อมาถึงแม้จะไม่ใช่ของที่แพงเป็นพิเศษนัก แต่ก็รับเยอะไม่ได้เช่นกัน

ร่างกายทั้งบนและล่างของฉินเทียนแขวนเต็มไปด้วยถุงต่างๆ ซึ่งเหมือนกับโดนัลด์ ดั๊ก ที่เดินได้

อย่างไรก็ตาม ฉินเทียนใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย

ในห้างห้างสรรพสินค้าเหล่านี้ที่มีลูกค้าหลั่งไหลอย่างหนาแน่น และทำเลที่ที่ดีสุดในใจกลางเมือง เขามองเห็นโชว์รูมผลิตภัณฑ์ของซูยู่กรุ๊ป

โดยมีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ของหลิวหรู่ยู่และมู่เฟยเฟยที่เป็นพรีเซนเตอร์แขวนอยู่ในตำแหน่งที่สะดุดตาที่สุด

และนี่เป็นงานชิ้นเอกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

ภายใต้กระแสความนิยมแบบนี้ กิจการโชว์รูมต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่นอน

ทั้งสาวใหญ่สาวเล็ก ศรีภรรยาต่างๆ ต้องมาอย่างไม่ขาดสายเป็นแน่

ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ซูยู่กรุ๊ป นอกจากครีมซูยู่แล้ว ยังมีแชมพูสระผมสมุนไพรจีน ยาสีฟันสมุนไพรจีน มาร์คหน้าสมุนไรจีน……และผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกสิบกว่ารายการ

แพคเกจจิ้งหรูหรา วางอยู่ให้เห็นทั่วกัน

พนักงานขายได้รับการฝึกฝนอย่างมีลำดับขั้นตอน ซึ่งต้อนรับลูกค้าทุกคนย่างมีมารยาทมารยาทและอบอุ่น

ที่สำคัญคือ พวกเขาจะบอกลูกค้าทุกท่านว่า ต่อไปถ้าไม่มีเวลาก็สามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้

เทียนโก่ว ออนไลน์มอลล์ เป็นตัวแทนแต่เพียงเจ้าเดียวของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในเครือซูยู่กรุ๊ป

ราคา คุณภาพ เหมือนกับออฟไลน์ทุกประการ

เมื่อได้สัมผัสคุณภาพออฟไลน์ หลายคนก็เริ่มไว้วางในผลิตภัณฑ์ออนไลน์

การผลมผสานการค้าออนไลน์และออฟไลน์ สามารถฟื้นฟูซูยู่กรุ๊ปได้โดยสิ้นเชิง

นอกจากนี้ ทั้งสองกุลยุทธ์ ล้วนอยู่ในกำมือของฉินเทียน ไม่ว่าคนอื่นอยากทำลายแค่ไหนก็ไม่มีโอกาส

เมื่อตลาดพื้นฐานมีเสถียรภาพแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ ขยายธุรกิจไปในอนาคต

จนกระทั่งห้าโมงเย็น ในที่สุดหลิวหรูยู่ก็ถอนหายใจด้วยความพึงพอใจ และแสดงความเหนื่อยล้าเล็กน้อย

เธอมองไปยังฉินเทียนอย่างไรเดียงสาและพูดว่า:”ฉันเจ็บเท้า และเดินไม่ไหวแล้ว จะทำอย่างไรดี?”

“สมน้ำหน้า!”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับบ้านเถอะ!”ฉินเทียนมุ่งหน้าเดินไปที่รถ

คืนนี้เขามีเรื่องที่ต้องทำอีก

ถึงแม้วางแผนว่าจะไม่ปรากฏตัว แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะไม่สังเกตการณ์อยู่เบื่องหลัง

หลิวหรูยู่ไม่ยอมทำตาม นี่มันไม่ง่ายเลยที่เธอจะจับฉินเทียนได้สักครั้ง เธอต้อง”ทรมาน”ให้ถึงที่สุด

ด้วยความจนใจ ฉินเทียนจึงต้องจำยอมไปกินหม้อไฟเป็นเพื่อนเธออีก แบบนี้เธอถึงจะพอใจ

หลังจากที่เกลี่ยมกล่อมหลิวหรูยู่กลับบ้านแล้ว ฉินเทียนก็หลบจากสายตาของทุกคนและจากไปอย่างเงียบๆ โดยรีบตามมุ่งหน้าไปยังนอกเมือง

เพราะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว

ท้องฟ้ามืดเลยมืดเร็ว

ช่วงหัวค่ำก็มีลมหนาวพัดกระหน่ำ

ผู้คนที่สัญจรบนท้องถนนลดลงเป็นอย่างมาก

นอกเมือง มีแม่น้ำขนาดใหญ่ไหลเชี่ยวผ่าน ยามค่ำคืนราวกับมังกรพิฆาตตัวดำที่ดุร้ายตนหนึ่ง

ฝั่งตรงข้าม ก็คือเมืองเป่ยเจียง

เดิมทีเมืองเป่ยเจียงและหนานเจียงเป็นเมืองเดียวกัน เพราะเหตุทางประวัติศาตร์ จึงแบ่งแยกแม่น้ำเพื่อการปกครอง

และนี่ก็คือเหตุผลที่ เมืองหนานเจียงมีขนาดเพียงแค่ครึ่งเดียวของเมืองหยุนชวนที่อยู่ติดกัน

ถ้าหากสามารถรวมกับเป่ยเจียงได้ อย่างนั้นขนาดพื้นที่ก็จะเท่ากันพอดี

ในขณะนี้ หาดหินกระจายที่อยู่เขตหนานเจียงฝั่งโน้น มีเงาตั้งตระหง่านอยู่บนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง

เขาคลุมด้วยชุดดำทั้งตัว และแบกดาบยาวด้ามหนึ่งไว้บนหลัง

ปล่อยให้ลมแห่งลำธารพัดผ่าน กระทบลมหนาวเพียงใดก็ไม่หวั่น

เหมือนกับว่าทั้งร่างของเขาได้หลอมรวมไปกับสภาพการณ์ที่หยาบคายและโหดร้ายนี้ไปเสียแล้ว