ตอนที่ 232 ใส่ร้ายป้ายสี / ตอนที่ 233 โหดร้าย

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 232 ใส่ร้ายป้ายสี 

 

 

เพื่อความแน่ใจว่าทำไมพวกเขาถึงด่าตัวเองแบบนี้ ชุยหังจึงเลื่อนอ่านต่อ 

 

 

จากนั้นก็มีการแสดงความคิดเห็นเพิ่มมากขึ้นทั้งหมดต่างเป็นคำดูถูกตัวเอง 

 

 

ในที่สุดเขาก็เห็นโพสต์ยาวมากอยู่ด้านบนสุดของหน้าไทม์ไลน์ตัวเอง 

 

 

[ชุยหังจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิค นายต้องขอโทษฉัน แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเส้นทางความรักของร่วมเพศนั้นไม่ง่าย แต่เพื่อที่จะได้อยู่กับนาย ฉันก็เลยหย่า แม้แต่ลูกในท้องของภรรยาฉันก็ไม่ต้องการด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงปล่อยเธอไป เราอยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ฉันเสียเงินไปกับนายตั้งเท่าไหร่แล้ว ค่าเทอมมอปลายของนายฉันก็จ่ายให้ แต่ตั้งแต่นายสอบเข้ามหา’ ลัยก็แยกกันไปไม่อยากยอมรับความสัมพันธ์ของเรา ฉันรู้ว่านายอยากมีคนใหม่ ตอนนี้ก็เจอคนที่มีเงินมากกว่าฉันแล้ว วันก่อนคนนั้นก็โทรมาขู่ไม่ให้ฉันยุ่งกับนายอีก ฉันมองนายผิดไป ฉันมันคนไร้ยางอาย นายทำลายครอบครัวของฉัน ทำให้ลูกของฉันตาย ตอนนี้นายกลับมีความสุขในชีวิตมหา’ ลัย นายมีสิทธิอะไรมาทำแบบบนี้ คนอย่างนายต้องได้รับผลกรรม] 

 

 

คนที่โพสต์ข้อความนี้ไม่ได้ใช้ชื่อจริงของตัวเอง แต่คนแรกที่ชุยหังนึกถึงและมีเพียงคนเดียวก็คือหลิวเฮ่อ 

 

 

‘ไอ้คนเลวทรามใช้วิธีนี้มาใส่ร้ายตัวเอง’ 

 

 

วันนั้นเขาบอกกับตัวว่าไม่ต้องเสียใจ แค่ต้องเตรียมจัดการกับเรื่องนี้ 

 

 

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ทุกประโยคทำให้คนอื่นคิดว่าตัวเขาเป็นคนขี้โกงและหลอกความรู้สึกของคนอื่น อีกทั้งยังหลอกเอาเงินของคนอื่นไปอีกด้วย 

 

 

ตอนนั้นชุยหังอยากจะโยนมือถือใส่แล้วพุ่งเข้าไปฆ่าหลิวเฮ่อ 

 

 

‘ตัวเองไม่เคยทำเรื่องพวกนั้นมาก่อน เขามีสิทธิอะไรมาพูดแบบนี้’ 

 

 

สิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือคนที่ติดตามไม่ได้เข้าใจความจริงของเรื่องนี้เลย แต่กลับพากันเข้ามาวิจารณ์ 

 

 

[คนแบบนี้ไร้ศีลธรรมจริงๆ ถ้าเขาเป็นผู้หญิงควรให้ไปเกิดในยุคสงคราม แล้วส่งเขาไปสนามรบ] 

 

 

[ฉันเคยเห็นคนหน้าด้านนะ แต่ก็ไม่เคยเห็นคนหน้าด้านขนาดนี้] 

 

 

ทุกครั้งที่เห็นข้อความ เขารู้สึกเหมือนตัวเองโดนคนอื่นตบหน้า 

 

 

[รีบไปตายซะ เลิกกันไปแล้วคืนเงินด้วย เลิกแสร้งทำตัวสูงส่ง] 

 

 

[เขาเป็นขยะของโพลีเทคนิคจริงๆ เลวยิ่งกว่าเฉินซื่อเหม่ยอีก น่าขยะแขยะแขยงจริงๆ ให้เขาชดใช้ด้วยชีวิตก็ยังน้อยไป ยังจะเข้ามหา’ ลัยอีก ตอนนี้เกณฑ์ของมหา’ ลัยต่ำขนาดนี้เลยเหรอ] 

 

 

‘หลิวเฮ่อไปเอาลูกมาจากไหน ตัวเองยังไม่รู้เรื่องเลย’ 

 

 

ความคับแค้นใจของเขาที่แท้ก็ไม่มีที่ให้ระบาย 

 

 

ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนดังของโรงเรียนโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย 

 

 

‘อีกทั้งยังดังในทางที่ไม่ดี?’ 

 

 

หลังจากที่คิดเรื่องนี้สักพักเขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาแคปหน้าจอที่หลิวเฮ่อพิมพ์ไว้ จากนั้นก็โพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตให้คนเหล่านั้นถกเถียงกัน 

 

 

หลังจากนั้นเขาก็ปิดเวยปั๋ว และยื่นคำร้องยกเลิกบัญชีเวยปั๋ว 

 

 

เขาตัวคนเดียวไม่สามารถเอาชนะปากคนมากมายได้ 

 

 

โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนที่คิดว่าตัวเองมีความยุติธรรมอยู่ในมือและพยายามตัดสินคนอื่น 

 

 

แม้ว่าตัวเขาจะตายไป พวกเขาก็จะรู้สึกว่าตัวเขาสมควรได้รับบาป แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าคำพูดของพวกเขาเป็นสาเหตุที่ผลักดันตัวเขาไปสู่ความตาย 

 

 

หากวันหนึ่งความจริงของเรื่องถูกเปิดเผย คนเหล่านี้จะไม่ออกมาขอโทษ แต่จะเถียงว่าตอนนั้นพวกเขาแค่คุยกัน อีกอย่างใครจะไปรู้ว่าตัวเองไปติดสินบทใครมาหรือเปล่า ให้คนมาล้างมลทินให้ตัวเอง 

 

 

โลกออนไลน์แบบนี้ทำให้เขารับไม่ได้จริงๆ 

 

 

ความโกรธในใจกำลังเอ่อล้น 

 

 

ชุยหังตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่ไม่รู้ว่าจะระบายออกมาอย่างไร 

 

 

ความรู้สึกที่ถูกแผดเผาด้วยไฟของความไม่รู้ ความรู้สึกที่อยากให้คนเหล่านั้นหุบปากและไปตาย ใครจะเข้าใจ 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 233 โหดร้าย 

 

 

เมื่อคนอื่นในห้องพักกลับมา พวกเขาเห็นชุยหังนอนนิ่งอยู่บนเตียงจึงคิดว่าเขากำลังหลับอยู่ 

 

 

เมื่อได้ยินสันสะอื้นของชุยหัง พวกเขาจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ 

 

 

“เหลาอู่ เป็นอะไรเหรอ” ถังเฉิงเอ่ยถามพลางก้าวขึ้นบันได 

 

 

ชุยหังไม่ได้เงยหน้าขึ้นเพียงแค่โบกมือพร้อมเอ่ยบอก “ไม่มีอะไร” 

 

 

“ไม่มีแล้วร้องไห้ทำไมล่ะ ทีมเต้นของนายซ้อมละครเหรอ” ถังเฉิงเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังไม่ไหวติง จากนั้นจึงเอ่ยถาม “พวกนายมีเวยปั๋วไหม” 

 

 

“มีนะ ทำไมเหรอ” วังเฉียงเอ่ยถาม 

 

 

“พวกนายดูเวยปั๋วของฉันหรือยัง” ชุยหังเอ่ยถามอีกครั้ง 

 

 

วังเฉียงเอ่ยตอบ “นายมีเวยปั๋วด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เลย” 

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “เวยปั๋วของฉันก็คือชื่อของฉัน ข้างหน้าเติมคำว่าคณะขนส่ง นายลองกดค้นหาดูว่าเจออะไร” 

 

 

หลังจากที่วังเฉียงได้ยิน เขาก็เปิดเวยปั๋วของตัวเองขึ้นมาจากนั้นก็กดค้นหาทันที 

 

 

เขาเอ่ยบอก “ไม่มีอ่ะ ไม่มีชื่อผู้ใช้อันนี้นะ” 

 

 

ชุยหังคิดว่าบัญชีผู้ใช้ของเขาดูเหมือนจะถูกยกเลิกเรียบร้อยแล้ว 

 

 

ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้นมา ทันใดนั้นเมื่อนัยน์ตาลูกท้อของเขาปรากฏต่อหน้าของทุกคน ทั้งห้าคนในห้องพักก็ตกตะลึง 

 

 

“เหลาอู่ นายเจอเรื่องอะไรมา ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้” จ้าวหลินเอ่ยถาม 

 

 

ปกติชุยหังเป็นผลไม้แห่งความสุขของห้องพักและชอบทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย 

 

 

ตอนนี้เห็นเขาร้องไห้แบบนี้ พวกเขาปรับตัวไม่ทันจริงๆ 

 

 

ชุยหังคิดอยู่พักก็หยิบมือถือของเขาออกมา จากนั้นเปิดอัลบั้มรูปและส่งให้จ้าวหลินดูภาพที่เขาบันทึกไว้ 

 

 

จ้าวหลินรับมาดู ยิ่งเลื่อนอ่านก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี 

 

 

“เห้ย แบบนี้ไม่ใช่ความรุนแรงบนโลกโซเชียลเหรอ เกิดอะไรขึ้นเหลาอู่” เขาอุทานออกมาทันที 

 

 

ถังเฉิงก็ดูจะไม่เข้าใจ จึงคว้ามือถือมาดูอีกครั้ง 

 

 

หลังจากดูจบเขาก็ส่ายหัวและไม่รู้จะพูดอะไรออกมา 

 

 

“เห็นหมดแล้วใช่ไหม” ชุยหังเอ่ยถาม 

 

 

จ้าวหลินและถังเฉิงต่างก็ไม่รู้ว่าจะปลอบใจชุยหังอย่างไรดี 

 

 

ชุยหังที่พวกเขารู้จักไม่ใช่คนอย่างที่คนนั้นพูดอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะโกงเงินหรือหลอกความรู้สึกของคนอื่น และยังทำให้ครอบครัวคนอื่นหย่าร้างกันและทำแท้ง 

 

 

ข้อกล่าวหาแบบนี้ร้ายแรงเกินไปจริงๆ 

 

 

คนที่ตามกระแสเหล่านั้นก็น่ารังเกียจเหมือนกัน พวกเขาไม่รู้อะไรเลยแต่ก็ยังวิจารณ์อยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน 

 

 

ชุยหังเห็นความเห็นเหล่านี้ ไม่รู้สึกอกแตกตายก็แปลกแล้ว 

 

 

“เหล่าอู่ นายทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือเปล่า” ถังเฉิงคิดสักพักแล้วเอ่ยถาม 

 

 

ชุยหังเช็ดจมูกพร้อมเอ่ยตอบ “อาจจะเป็นได้ แต่คนนั้นไม่เรียกว่าคนแล้ว ใส่ร้ายคนอื่นแบบนี้กลัวไม่ได้ตายดีเหรอ” 

 

 

แม้ว่าเขาจะบ่นและสาปแช่งแบบนี้ แต่ความสียหายที่เกิดจากหลิวเฮ่อก็ไม่ได้ลดลงแม้แต่จุดเดียว 

 

 

มือถือไม่ได้ถูกส่งให้ในมือของคนที่สาม แต่ถังเฉิงกลับวางมือถือไว้ในมือของชุยหัง 

 

 

ชุยหังรู้ดีว่าเป็นวิธีที่ถังเฉิงปกป้องเขา 

 

 

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันเกินครึ่งปีแล้ว แต่จังเผิงและวังเจิ้นเฉียงต่างก็เป็นคนไม่ทุกข์ร้อนอะไร อีกทั้งวังเฉียงก็ยังเด็ก ไม่จำเป็นต้องให้เขามาให้เขามาเผชิญหน้ากับเรื่องเหล่านี้ 

 

 

คนที่สามารถแบ่งเบาปัญหาให้ชุยหังได้มีเพียงพี่ชายอย่างพวกทั้งสองคน 

 

 

“ไม่เป็นไรนะ เวยปั๋วปิดทิ้งไปแล้วไม่ใช่เหรอ คนอื่นมองไม่เห็นแล้ว ทุกวันที่โรงเรียนมีเรื่องมากกว่าแปดร้อยเรื่องเลยนะ เดี๋ยวเรื่องนี้ก็ค่อยๆ หายไป” จ้าวหลินเอ่ยบอก 

 

 

ถังเฉิงพูดไป “นายจะสนใจคนปากร้ายพวกนั้นไปทำไม พวกเขาพูดจบก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ชื่อยังไม่กล้าใช้ชื่อจริงเลย รูปโปรไฟล์ก็ต้องใช้รูปสัตว์กับรูปวิว แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี คิดว่าตัวเองเป็นคนมีคุณธรรมมาพูดเพ้อเจ้อ ไม่กล้าทำบาป แล้วก็ไม่รับผิดชอบ นายมาสู้รบปรบมือกับคนพวกนี้ นี่มันบ้าไปแล้วไม่ใช่เหรอ” 

 

 

ขณะที่พวกเขากำลังพูดกัน เสียงมือถือของชุยหังก็ดังขึ้น 

 

 

ซย่าอวี้ชิวโทรเข้ามาและเอ่ยถามทันที “เรื่องในเวยปั๋วเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”