ตอนที่ 230 เงาดำไม่สลาย / ตอนที่ 231 หายนะ

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 230 เงาดำไม่สลาย

 

 

ลมตะวันออกแตกสลาย พัดมาอย่างอ่อนแรง ชุยหังรู้สึกว่าตัวเองเหมือนฝุ่นบนเชิงเทียนเย็นๆ

 

 

ไร้ทิศทาง ไร้ที่อยู่ ไร้ที่มา

 

 

“หลูจื้อ” สองคำนี้เป็นคาถาที่พระถังซำจั๋งใช้กับสายรัดหัวหงอคงของเขา ใครก็ไม่สามารถบรรเลงเพลงแห่งตวามเจ็บปวดนี้ได้

 

 

ชุยหังไม่ได้เปิดมือถือมาหลายวันแล้วเพราะต้องการหลีกเลี่ยงหลูจื้อ เขาตัดสินใจแล้ว่าหากต้องการให้หลูจื้อกลับไปใช้ชีวิตปกติก็ต้องใจร้ายกับตัวบ้าง

 

 

เมื่อนึกถึงตัวเองในอีกหลายปีต่อมา หลูจื้ออาจจะเกลียดตัวเองไปแล้วมีเพียงความรู้สึกโกรธแค้นและสีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร

 

 

ตราบใดที่เขายังเป็นลูกกตัญญูในสายตาของคนในครอบครัวและเป็นทหารที่ซื่อตรงในสายตาของเพื่อนในกองทัพ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร

 

 

เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนเสียสละแบบนั้น

 

 

คำนั้นควรพูดกับคนที่ยิ่งใหญ่จะดีกว่า เขาก็แค่ช่วยให้สมหวัง

 

 

เขาไม่ควรปรากฏตัวตั้งแต่แรก

 

 

เมื่อเขาเปิดมือถืออีกครั้งก็ผ่านมาแล้วสองสามวัน

 

 

หลูจื้อยังคงส่งคำขอยืนยันเป็นเพื่อนมาอีกหลายครั้ง แต่ไม่มีคำพูดรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้

 

 

ยิ่งเป็นข้อความหลังๆ ยิ่งทำให้ชุยหังรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น

 

 

เนื้อหาของข้อความนั้นจริงใจและแทงใจมาก

 

 

[ฉันเคยบอกแล้วว่าให้นายรอ ถ้านายวิ่งหนี ฉันจะหักขานาย]

 

 

ชุยหังไม่กล้านึกถึงภาพนั้นและไม่อยากนึกถึงถ้าหลูจื้อคว้าตัวเขาได้จริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น

 

 

ซ่งไข่ก็โทรมาหาเขาและส่งข้อความมาเหมือนกัน

 

 

[นายกับหลูจื้อเกิดอะไรขึ้น ทำไมปิดเครื่องตลอดเลย พวกเราเป็นห่วงนายนะ มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่โรงเรียนหรือเปล่า]

 

 

[นายก็รู้เรื่องของครอบครัวเขาอยู่แล้ว ถ้าเลือกแล้วก็ต้องกล้าเผชิญหน้า อย่าหนีไป]

 

 

[เขาชอบนายจริงๆ นะ นายลองสู้หน่อยสิ]

 

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ตอบกลับไปเพราะไม่มีอะไรจะพูดแล้ว

 

 

ปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นคนทรยศในสายตาพวกเขา

 

 

สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจที่สุดคือการปรากฏตัวอีกครั้งของหลิวเฮ่อ

 

 

นอกจากนี้ยังส่งข้อความมาถึงเขาโดยตรง

 

 

แม้ว่าตัวเองจะบล็อกเขาไปแล้ว แต่ยังเห็นข้อความได้ในข้อความสแปม

 

 

[นายกลับมาได้ไหม]

 

 

ความเศร้าโศกและความโกรธแค้นอย่างไม่มีวันสิ้นสุดในใจของเขา ไม่มีอะไรจะแก้ไขได้ คนกากเดน แบบนี้กำลังจะรบกวนชีวิตของเขาอีกครั้ง

 

 

ชุยหังปลดบล็อกเขาและส่งข้อความกลับไป [นายเดินทางหยางกวนของนาย ฉันเดินสะพานไม้เดี่ยวของฉัน ถนนกว้างขนาดนั้นยังรองรับนายไม่ได้ นายก็เลยวิ่งกลับมาเบียดฉันที่นี่เหรอ]

 

 

[ใครจะรับประกันได้ว่าตัวเองจะไม่ทำผิด ฉันทำไปแล้วครั้งนึงไม่ใช่เหรอ ครั้งนี้ฉันคิดดีแล้ว ถ้านายยอมให้อภัยฉัน พวกเราก็อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต นายกล้าไหม] หลิวเฮ่อตอบกลับอย่างเร็ว

 

 

ชุยหังหัวเราะเยาะแล้วรีบพิมพ์ลงแป้นพิมพ์อย่างเร็ว

 

 

[ฉันจะกล้าแม่นายสิ เก็บคำพูดหวานๆ ของนายไว้หลอกสมองกลวงๆ เถอะ นายอวัยวะสืบพันธุ์เดินได้]

 

 

หลิวเฮ่อไม่ได้ตอบกลับมาเป็นเวลานานแล้ว ชุยหังคิดว่าเขาคว่ำธงลงและหยุดลั่นกลองรบไปแล้ว แต่ไม่คิดว่า ผ่านไปสักพักเขาก็ส่งข้อความกลับมา [นายพูดแบบนี้ อย่ามาโทษฉันก็แล้วกัน]

 

 

[เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรต่อกันแล้ว โทษยายนายเถอะ อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง]

 

 

หลังจากที่ชุยหังส่งกลับไป เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

 

 

คำพูดของหลิวเฮ่อเมื่อสักครู่เหมือนว่ากำลังคุกคามเขาอยู่หรือเปล่า

 

 

‘เขาคิดจะทำอะไรกันแน่ ไม่ต้องโทษเขา?’

 

 

เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ช่วงที่ผ่านมาตัวเองไม่เคยติดต่อกับเขาเลยและไม่มีเพื่อนร่วมกัน แม้ว่าเขาจะติดต่อกับเพื่อนเก่าของตัวเอง พวกเขาไม่รู้เรื่องระหว่างตัวเองกับหลูจื้ออย่างแน่นอน แล้วเขาคิดจะทำอะไรกันแน่

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 231 หายนะ

 

 

ช่วงสองวันที่ผ่านมาหลิวเฮ่อติดต่อกับชุยหังก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ชุยหังยังคงกังวลและไม่สามารถวางใจได้

 

 

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าจะต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

 

 

สองวันมานี้ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรจากหลูจื้อเหมือนกัน

 

 

อย่างไรก็ตามชุยหังก็ไม่โทษหลูจื้อ เพราะทั้งหมดนี้เขาเป็นคนทำเอง

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ติดต่อมา แต่ตัวเขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นและไม่ตอบกลับเลย

 

 

แม้ว่าทหารทุกคนจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ตัวเองทิ้งเขาไว้แบบนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำก็จะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

 

อย่างไรก็ตามเขายังคงคิดว่าหลิวเฮ่อน่าจะกำลังขู่ตัวเองให้ระวังตัวเมื่อกลับไปตงเป่ยครั้งหน้า แต่เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีความสามารถแค่ไหนกัน

 

 

คำตอบถูกประกาศในสองสองวันต่อมา

 

 

ชุยหังไปฝึกซ้อมทีมเต้นเป็นปกติ แต่พบว่าคนเหล่านั้นมองตัวเองด้วยสายตาแปลกๆ

 

 

ความจริงมีคนมาชี้ตัวเองตอนที่กำลังอยู่บนถนน พวกเขายังคิดว่าตัวเองคือคนที่ตีลังกาในงานเลี้ยงคณะคนนั้น

 

 

ตอนที่เขาอยู่มัธยมปลายมักจะมีคนมาชี้ที่เขา และแนะนำนักเรียนข้างๆ ให้รู้จักว่าเขาคือคนที่ได้ที่หนึ่ง ในรายการใหญ่

 

 

แต่ครั้งนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกัน

 

 

เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ทำให้เขากลายเป็นคนดังในชั่วพริบตา

 

 

“ชุยหัง นายเปิดเวยปั๋วแล้วเหรอ” กัปตันทีมเต้นมองชุยหังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเอ่ยถามขึ้นมาหนึ่งประโยค

 

 

ชุยหังเอ่ยตอบ “ใช่ แต่หลังจากที่เปิดก็โพสต์ไปแค่ครั้งเดียวเอง ไม่ค่อยได้เล่น”

 

 

“โอ้ แล้วปกตินายก็ไม่ได้ดูเวยปั๋วของตัวเองเหรอว่ามีคนส่งข้อความให้นายไหม” กัปตันถามอย่างมีความหมายโดยนัย

 

 

ชุยหังชะงักไปพร้อมเอ่ย “ฉันไม่ใช่คนดัง ใครจะส่งข้อความมาให้ล่ะ”

 

 

สีหน้าของกัปตันเปลี่ยนไปเป็นครุ่นคิดพลางพูดขึ้นว่า “วันนี้นายไม่ต้องซ้อมแล้ว กลับไปจัดการเรื่องส่วนตัวของนายเถอะ”

 

 

แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมายของกัปตัน แต่ชุยหังเห็นคนอื่นในทีมมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม เขาจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ค่อยปกติจึงทำได้เพียงตอบตกลง

 

 

ด้วยความสงสัยและสังเกตอย่างจริงจังว่าทำไมคนอื่นถึงมองตัวเองแบบนี้ ชุยหังรู้สึกเหมือนมีหลายคนมองเขาด้วยสายตาแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

 

สำหรับเหตุผลที่มองนั้นอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งที่กัปตันเพิ่งจะเตือนเขาเกี่ยวกับเวยปั๋ว

 

 

เขารีบกลับไปที่ห้องพักของตัวเอง จากนั้นก็นอนบนเตียงชั้นบนและเปิดเวยปั๋วของตัวเองขึ้นมา

 

 

[ออกไปจากโพลี]

 

 

นี่เป็นข่าวแรกที่ชุยหังเห็นและทำให้เขาตกใจมาก

 

 

‘ประโยคนี้หมายถึงตัวเองเหรอ’

 

 

เขาถูกทำให้ดูแปลกประหลาดด้วยห้าคำนี้ ขณะเดียวกันนั้นใจของเขาก็หนักอึ้ง

 

 

เขาดึงความกล้าขึ้นมาและเลื่อนอ่านต่อ จากนั้นก็ยิ่งรู้สึกทนกับคำพูดเหล่านั้นไม่ได้

 

 

[เดิมทีอีหนูชาเขียวก็ไม่ได้ไม่แบ่งแยกเพศนะ พระเจ้าสร้างนายมาให้เป็นผู้ชาย แต่นายกลับชอบผู้ชาย ขอโทษบรรพบุรุษของนายด้วย]

 

 

[น่าขยะแขยง มิน่าล่ะไปอยู่ทีมเต้น ที่แท้ก็เป็นเพศกำกวม]

 

 

[ถ้าชอบที่จะเป็นผู้หญิงก็ไปผ่าตัดที่เมืองไทยเลยไม่ดีกว่าเหรอ เป็นแบบนี้มันน่ารังเกียจ อยู่คณะขนส่งมีผู้ชายเยอะที่สุดด้วย นายชอบไปแอบมองคนอื่นในห้องน้ำทุกวันเลยใช่ไหม]

 

 

ความคิดเห็นแบบนี้เพิ่มขึ้นมาทีละคนทีละคน บางคนก็โจมตีส่วนตัวและยังด่าไปถึงการสั่งสอนและพ่อแม่ของเขา

 

 

ชุยหังมองไปที่ความเห็นที่น่าตกใจเหล่านั้นก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ

 

 

‘เกิดอะไรขึ้น ตัวเองทำอะไร’

 

 

[เกย์ตายไปซะ เป็นผู้ชายดีๆ ไม่ชอบแต่อยากจะเป็นขันที ตอนพ่อแม่นายให้เกิดมาแอบตัดตรงนั้นไปเหรอ]

 

 

ชุยหังรู้สึกมึนงง เห็นได้ชัดเลยว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ทำไมพวกเขาถึงรู้รสนิยมทางเพศของเขา

 

 

‘ในเมื่อรู้แล้ว แต่ตัวเองไม่ได้ไปทำร้ายใคร แล้วทำไมพวกเขาต้องมาด่าตัวเองแบบนี้’