ตงเจี่ยเกิดความสงสัย ปกติอนุสองเป็นคนหัวดีและไม่มีนิสัยดื้อรั้น แต่ครั้งนี้ทำไมนางถึงมั่นใจว่านางตั้งท้องได้ เชื่อว่าเป็นนายท่านต่างหากที่ทำไม่ได้
เหลียนเหนียงกลัวมีคนแอบฟัง นางจึงไม่อยากพูดตรงนี้อีก นางพาตงเจี่ยไปหอสกาวจันทร์โดยใช้ทางเดินระเบียงตรงท้ายเรือน อารมณ์ของนางพลุ่งพล่านตลอดทาง ฝ่ามือนั้นกำหมัดแน่นแล้วคลาย ทำซ้ำอยู่อย่างนั้น
ณ อารามฉางชิง
เที่ยงวัน อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นว่าวันนี้อากาศดี นานทีจะมีแดด นางใช้รถเข็นขนาดเล็กคันหนึ่ง เข็นผ้าห่มและเสื้อตัวนอกของทั้งอารามมายังด้านหลัง และทำการตากไว้ตรงลานกว้าง
ผ้าห่มและเสื้อตัวนอกสำหรับฤดูหนาวมีน้ำหนักเยอะ มีทั้งของแม่ชีและมอมอ งานนี้หนักไม่น้อย
นางเริ่มจากนำเชือกป่านเส้นหนาผูกไว้กับต้นไม้สองต้น กางผ้าห่มและเสื้อตัวนอกออกทีละตัว นำไปแขวนโดยเหยียบขึ้นบนเก้าอี้ ใช้ที่หนีบทำจากไม้หนีบเอาไว้ แล้วจึงใช้แปรงคลี่ผ้าห่มออก
การนำสิ่งที่อยู่บนรถเข็นขึ้นไปตากทั้งหมด ทำให้นางเหนื่อยจนเหงื่อไหลโชกไปทั้งตัว ไม่เหมือนว่าอยู่ในฤดูหนาวเลยสักนิด
อวิ๋นหว่านชิ่นคลายเสื้อออกเล็กน้อย ตอนที่นางกำลังพัดตัวอยู่ เสียงของแม่ชีก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังว่า “เจิ้งกูกูมาหา”
เจิ้งหวาชิวมองดูผ้าห่มกับเสื้อตัวนอกที่มีน้ำหนักไม่เบาตรงหน้าแล้วถึงกับขมวดคิ้ว นางสั่งให้แม่ชีน้อยออกไปก่อน จากนั้นเดินตรงเข้าไปหาและกล่าวว่า “แม่ชีจิ้งอี้ใช้งานคุ้มเชียวนะ คงกลัวพระชายาเอกจะมีชีวิตสุขสบายเกินไป ข้าว่า แม้แต่ไทเฮาก็ยังไม่คิดจะลงโทษท่านขนาดนี้เลยเจ้าค่ะ” นางพลิกฝ่ามือของอวิ๋นหว่านชิ่น นี่มาไม่กี่วัน นิ้วมือแช่จนเริ่มบวม บริเวณที่ออกแรงยังมีตุ่มใสขึ้น สีหน้าของนางแย่ยิ่งกว่า
อวิ๋นหว่านชิ่นดึงมือกลับ นางยิ้มและกล่าวว่า “ตุ่มใสไม่กี่จุดเท่านั้น กลับไปทายาเสียหน่อยเดี๋ยวก็หาย”
เจิ้งหวาชิวกำลังจะกลับไปคุยกับแม่ชีจิ้งอี้ แต่กลับถูกอวิ๋นหว่านชิ่นดึงกลับมาและให้นั่งลงที่เก้าอี้หินอ่อนแทน
“เหตุการณ์ในจวนเว่ยอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง” นางเอ่ยถาม
เมื่อหลายวันก่อน เมื่อตอนที่ขันทีในกองกิจการภายในนำฟืนมาส่ง นางพอได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นในจวนเว่ยอ๋องมาบ้าง
วันนั้น นางฝากเจิ้งหวาชิวไปบอกกับอาจารย์อู้เต๋อ ให้เขาบอกคำพยากรณ์แก่อวิ๋นหว่านถง
แต่คิดไม่ถึงว่าผลสุดท้ายจะรุนแรงกว่าที่ตนคิดไว้
ในชาติก่อน หลังจากเจาจงขึ้นครองราชย์ นอกจากขุนนางแล้ว พี่น้องที่ไม่ถูกกับเขา ล้วนถูกกำจัดไปทีละคน เว่ยอ๋องก็เป็นหนึ่งในนั้น
เรื่องที่เว่ยอ๋องชอบผู้ชาย หลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ คนทั่วแผ่นดินรู้กันหมด เห็นว่าเกิดจากข่าวฉาวเรื่องหนึ่ง
เดิมทีเว่ยอ๋องเป็นคนระมัดระวังตัว เลี้ยงดูคนเหล่านั้นในนามของนักร้องนักแสดงเพื่อตบตาผู้อื่น เขาไม่เคยอนุญาตให้คนพวกนั้นปรากฏต่อหน้าสายตาคนนอก ภายหลัง เขารับคู่เวรคู่กรรมมาคนหนึ่ง รักและเอ็นดูเขามากที่สุด มีครั้งหนึ่ง คนนั้นดื้อรั้นอยากจะออกไปเที่ยวเล่นด้านนอกจวน เว่ยอ๋องทนความออดอ้อนไม่ไหวจึงได้อนุญาต
ทั้งสองคนเที่ยวเล่นอยู่สักพัก ระหว่างที่พักผ่อนอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านอาหาร มีเจ้าหน้าที่นำทหารกลุ่มหนึ่ง ใช้ข้ออ้างการจับโจรพุ่งเข้ามายังห้องพัก และได้พบกับเขาสองคนกำลังทำเรื่องบัดสี ด้วยเหตุนี้เรื่องของเว่ยอ๋องจึงถูกเปิดเผยในที่สุด
หากย้อนคิดไปถึงตอนนั้น การที่เจ้าหน้าที่นำทหารพุ่งเข้าไปข้างใน ทำให้เว่ยอ๋องขายหน้าต่อคนทั้งเมืองหลวง จะเรียกว่าจับโจรได้อย่างไรกัน
บางทีอาจจะเป็นความตั้งใจของเจาจง หาข้ออ้างเพื่อให้เรื่องของเว่ยอ๋องถูกเปิดโปงมากกว่า
เมื่อเทียบกับตอนจบขององค์รัชทายาทที่ไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนแล้ว เรื่องของเว่ยอ๋องในชาติก่อนนั้น นางจำได้ชัดเจน
หลังจากถูกจับในห้องพัก เจงจงประกาศพระราชโองการทันที เว่ยอ๋องประพฤติตัวผิด ซุกซ่อนชายหนุ่ม ปิดบังให้การเท็จแก่ปฐมกษัตริย์ น่าผิดหวังยิ่งนัก สร้างความอัปยศแก่ราชวงศ์ สมควรย้ายออกจากเมืองหลวงไปยังเขตแดนไกล ห้ามกลับเข้าเมืองหลวงจวบจนสิ้นชีวิต
ครั้งนั้นนางคุยกับเฟิ่งจิ่วหลัง นางรู้มาว่าคำพยากรณ์ที่อู้เต๋อให้อวิ๋นหว่านถงน่าจะเขียนว่าหาใช่ชายและหญิง นายแอบสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว
คนที่ชายก็มิใช่หญิงก็มิใช่ หากเป็นคนธรรมดา ก็คงนึกว่าเป็นขันที
หากแต่อยู่บนพื้นฐานความชอบของเว่ยอ๋องแล้ว กลับน่าจะเป็นคนข้างกายของเขามากกว่า
เมื่อเทียบกับขันที คนข้างกายของเว่ยอ๋องมีความขัดแย้งกับอวิ๋นหว่านถงอย่างเห็นได้ชัด มันยิ่งเป็นไปตามที่ว่าชะตาของสองคนนั้นชงกัน
จึงได้ทำแผนซ้อนแผน ส่งคำพยากรณ์ให้อวิ๋นหว่านถงรับรู้
อวิ๋นหว่านถงให้ความสำคัญกับครรภ์นี้มาก หากนางรู้เข้า จะต้องทำอะไรสักอย่างเป็นแน่
ไม่ว่านางจะใช้วิธีไหน ก็คงเป็นวิธีที่สามารถทำให้จวนเว่ยอ๋องลุกเป็นไฟ
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ข่าวฉาวของเว่ยอ๋องถูกเปิดเผย แม้ว่าเรื่องราวในชาติก่อนจะแตกต่างออกไป และเรื่องราวก็เกิดขึ้นเร็วกว่า ล้วนแต่เป็นเพราะคนคนหนึ่ง ที่ทำให้จวนเว่ยอ๋องต้องสิ้นสุดลง
เพลานี้ เจิ้งหวาชิวฟังคำถามของนางเสร็จ นางจึงเล่าเรื่องราวภายนอกให้นางฟังโดยย่อหนึ่งรอบ แล้วยังพูดอีกว่า “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เรื่องแอบซ่อนหญิงตั้งครรภ์ สับเปลี่ยนเชื้อพระวงศ์นี่สิเรื่องใหญ่ ตอนนี้เว่ยอ๋องกับพระชายารองอวิ๋นยังรอการตัดสินอยู่ในคุกเจ้าค่ะ”
เมื่อครั้งก่อน อวิ๋นหว่านชิ่นสั่งให้เจินจูกับฉิงเสวี่ยจับตาอนุฟางเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่านางจะเป็นคนช่วยลูกสาวเรื่องแมวดาวสับเปลี่ยนองค์ชาย ดูตอนนี้สิ เรื่องในจวนเว่ยอ๋องใหญ่กว่าชาติก่อนอีก สีหน้าของนางตึงเครียดทันที นางเอ่ยถามว่า “แล้วตอนนี้ฟางซื่อเป็นอย่างไรบ้าง”
เจิ้งหวาชิวมองไปทางอื่นและส่ายหัว ตั้งแต่รับใช้สนมม่อ นางได้ยินเรื่องร้ายๆ ของอนุฟางมาไม่น้อย แต่ก็ไม่สงสารเท่าไหร่
“ได้ข่าวว่าถูกเจ้ากรมมัดตัวนำส่งให้สำนักพระราชวัง และขอการยกโทษ หลังจากถูกขัง นางถูกสอบสวนอยู่หลายวัน วิธีจัดการเชื้อพระวงศ์ญาติสนิทของสำนักพระราชวัง พระชายาน่าจะเคยได้ยินนะเจ้าคะ…ทุกครั้งที่สอบสวน จะถูกทุบตีจนผิวหนังฉีกขาด ไม่มีบริเวณไหนดีเลย อยากฆ่าตัวตายยังทำไม่ได้เลยเจ้าค่ะ พอสอบสวนไปหลายวัน อนุฟางก็ถูกลงโทษให้นำตัวไปหน่วยงานเลี้ยงรับรอง ทำงานหนักอยู่ไม่กี่วัน นางทนไม่ไหว นางจึงใช้โอกาสช่วงที่ไม่มีคนเฝ้าคุม หาเชือกมาเส้นหนึ่งแล้วแขวนคอฆ่าตัวตายเจ้าค่ะ”
“ฟางซื่อลงโทษตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย แล้วงานศพของนางจัดการอย่างไร” อวิ๋นหว่านชิ่นถามพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
หากส่งผลถึงตระกูลอวิ๋น นางไม่กลัวสิ่งใด กลัวก็แต่อนาคตของน้องชายเท่านั้น
“หน่วยงานเลี้ยงรับรองนำศพของฟางซื่อกลับไปยังสำนักพระราชวัง ทางสำนักเรียกเจ้ากรมนำศพกลับไปฝังเจ้าค่ะ แต่ว่า…” เจิ้งหวาชิวมองอวิ๋นหว่านชิ่นหนึ่งที และพูดต่อ “เจ้ากรมกลัวว่าจะกระทบมาถึงท่าน ท่านจึงแสดงความจริงใจ ด้วยการบอกว่าตัดสัมพันธ์กับนักโทษหญิงผู้นี้ไปแล้ว นางไม่ใช่คนของตระกูลอวิ๋นอีก ท่านจึงไม่ยอมรับศพของนาง ทางสำนักพระราชวังจึงนำนางฟางซื่อไปฝังไว้ที่สุสานไร้ระเบียบ ฝังทั้งตัว ได้ยินว่าไม่มีแม้แต่โลงศพเจ้าค่ะ”
เจิ้งหวาชิวเข้าใจว่าอวิ๋นหว่านชิ่นเป็นห่วงจวนอวิ๋น นางขยับเข้าไปใกล้และพูดว่า “พระชายาวางใจได้ แผนร้ายได้แดงออกมาตั้งหลายวันแล้ว เว่ยอ๋อง พระชายารองอวิ๋นต่างก็ถูกคุมขังหมดแล้ว หากฝ่าบาทคิดจะลงโทษตระกูลอวิ๋นจริง คงมีการเคลื่อนไหวนานแล้วเจ้าค่ะ แต่ดูจากสถานการณ์ในเวลานี้ ตระกูลอวิ๋นไม่น่าเข้าไปติดพันกับเรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ”
นางฟางซื่อเป็นนายหญิงในท้ายเรือนของจวนอวิ๋น อวิ๋นหว่านถงก็เป็นลูกสาวในตระกูลอวิ๋น สับเปลี่ยนเชื้อพระวงศ์ หาใช่เรื่องเล็กไม่ จะไม่มีผลกระทบต่อตระกูลอวิ๋นได้อย่างไร
อวิ๋นหว่านชิ่นถามต่ออย่างไม่เชื่อนัก “จริงหรือ”
เจิ้งหวาชิวเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้ นางพูดเสียงเบา “สนมม่อมีความเหมือนเหนี่ยงเหนียงอยู่เรื่องหนึ่ง นางกลัวคุณชายจิ่นจ้งกับพี่ชายพ่อบ้านม่อจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ สนมจึงส่งคนไปสืบข่าวที่สำนักพระราชวัง ได้ยินคนด้านล่างพูดว่า เหยาฝูโซ่วกำชับข้าหลวงว่า ให้ไปแจ้งเจ้ากรมว่าวางใจเถิด ไม่มีอะไรแน่นอนเจ้าค่ะ”
หมายความว่า ฝ่าบาทฝากมาอีกทีสินะ
ถ้าหากฮ่องเต้ทรงรับปากและหมายความอย่างนั้นจริง ก็คงไม่มีอะไรจริงๆ
ฮ่องเต้ช่วยเหลือตระกูลอวิ๋นครั้งแล้วครั้งเล่าเช่นนี้ เป็นเพราะความรักที่มีต่อท่านแม่จวบจนทุกวันนี้อย่างนั้นหรือ อวิ๋นหว่านชิ่นคิดได้เช่นนั้น แต่นางไม่ได้คิดมาก จะไปสนใจขนาดนั้นทำไมกัน ขอแค่น้องชายไม่เป็นอะไรก็เพียงพอแล้ว
ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ ตรงประตูที่อยู่ไม่ไกล มีเสียงแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น “ไม่ทราบเลยว่าเจิ้งกูกูส่งของมายังอารามฉางชิงอีกครั้ง แม่ชีต้องขออภัยที่ไม่ได้ไปต้อนรับ เหตุใดถึงมาอยู่ด้านหลังไม่ไปห้องโถงด้านหน้าล่ะ”