ตอนที่330 กลับเมืองตงไห่ชำระแค้น

ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี [นิยายแปล]

ตอนที่330 กลับเมืองตงไห่ชำระแค้น

วันต่อมา ข่าวร้อนทันเหตุการณ์ที่สุดในวันนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องจางหมิง พ่อของจางเห่อ

“จางหมิง เทศมนตรีเขตซุยอวี่แทบล้มทั้งยืน ตอนนี้ถูกทางตำรวจนำตัวไปสอบสวนคดีทุจริตและติดสินบนนายตำรวจระดับสูงรายอื่นๆ ตอนนี้ทางกรมตำรวจแห่งชาติได้ขยายกำลังสืบสวนโดยด่วน”

สามวันต่อมา ก็มีข่าวร้อนประเด็นดังผุดขึ้นมาใหม่อีกว่า

“เหอหมิน ประธานบริษัทเภสัชกรรมเป่ยหัว นัดสวาทกับชู้หนุ่มหลังจากที่ศาลตัดสินจำคุกจางหมิงรอลงอาญา เธอและชู้หนุ่มบังเอิญเล่นรักหน้าระเบียงก่อนพลัดตกจากตึกสูง เสียชีวิตคาที่”

ห้าวันต่อมา ข่าวร้อนเรื่องที่สามก็มาต่อเนื่องไม่มีหยุด

“พบชายวัยกลางคนบริเวณคูเมือง เจ้าหน้าที่สันนิฐานว่า อีกฝ่ายอาจเมาหนักจนพลัดตกแม่น้ำเสียชีวิต ทางตำรวจกำลังสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จริงต่อไป”

………..

เมื่อได้ดูข่าวพวกนี้ จ้าวเฉียนก็คลี่ยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจยิ่ง หน่วยปักษาทมิฬของตระกูลจ้าวนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ

หยานจิ้งตอนนี้สงบสุขดีดั่งเดิมแล้ว คงถึงเวลากลับไปเมืองตงไห่เพื่อสะสางบัญชีแค้นเก่าทั้งหมดสักที

เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จสรรพ จ้าวเฉียนก็กล่าวกับพ่อและแม่ของตนว่า

“พ่อครับ แม่ครับ พรุ่งนี้ผมจะกลับไปเมืองตงไห่ ยังมีธุระที่ต้องสะสางอยู่”

“อืม รีบจัดการแล้วกลับมาแล้วกัน สำหรับเรื่องธุรกิจของแกก็ลองผิดลองพูดไปดู แต่ก็อย่าลืมว่าอาณาจักรธุรกิจของตระกูลจ้าวก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ที่แกต้องรับผิดชอบเช่นกัน เข้าใจไหม?”

จ้าวฝู่ไม่ค่อยจะสนใจเรื่องธุรกิจของตัวจ้าวเฉียนเท่าไหร่นัก จึงกล่าวย้ำเตือนลูกชายอีกรอบหนึ่ง

จ้าวเฉียนไม่คิดที่จะสนทนาประเด็นนี้กับพ่อของเขาเท่าไหร่นัก จึงตอบตัดบทไปว่า

“พ่อ ตอนนี้พ่อยังแข็งแกร่งแถมหล่ออย่างกับหนุ่มอายุสามสิบ จัดการเรื่องธุรกิจคริบครัวได้สบายๆ อีกสักห้าสิบปีข้างหน้า รอพ่ออายุเก้าสิบก่อนเดี๋ยวผมกลับมารับช่วงต่อเอง”

ทั้งจ้าวฝู่และอวี่กุ้ยเฟิงต่างระเบิดหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

จ้าวฝู่ตอนนี้ก็ยังแข็งแกร่งดีอยู่ ดังนั้นจ้าวเฉียนจึงยังไม่อยากเข้ามารับช่วงต่อกิจการของครอบครัว ซึ่งคนเป็นพ่อเองก็เข้าใจ ตราบใดที่เห็นลูกตัวเองมีความสุข เขาก็ไม่อยากบังคับอะไรมากเช่นกัน

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น จ้าวเฉียนก็กลับไปจัดกระเป๋าเดินทางและเข้านอนทันที

รุ่งสาง อวี่กุ้ยเฟิงทำอาหารเช้าให้จ้าวเฉียนด้วยตัวเธอเอง และขอให้เขากินรองท้องก่อนไปสนามบิน

ประมาณบ่ายโมง เครื่อบบินเที่ยวที่จ้าวเฉียนขึ้นนั่งลงจอดที่ท่าอากาศยานตงไห่อย่างปลอดภัย และเป็นหวู่เสี่ยวหัวที่ขับรถมารับเขา

“คุณชายจ้าว กลับบ้านคราวนี้สนุกไหมค่ะ?”

หวู่เสี่ยวหัวเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม

จ้าวเฉียนพยักหน้าและตอบกลับไปว่า

“อืมสนุกมากเลย คุณช่วยจัดการเรื่องที่ขอไปให้รึยัง?”

“เรียบร้อยแล้วค่ะ เราออกเดินทางกันเลยไหม?”

“อืม ไปกันเถอะ”

หวู่เสี่ยวหัวพยักหน้าและขับรถพาจ้าวเฉียนเดินทางไปที่บริษัทเฟยอวี่กรุ๊ป ในขณะนี้หยางหมิงและบรรดาผู้ถือหุ้นทั้งหมดกำลังรออยู่ในห้องประชุมกันพร้อมหน้าแล้ว

“นายน้อยหยางได้ตรวจเช็คประวัติของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่เข้ามาซื้อกิจการเรารึยังครับ? ภูมิหลังของอีกฝ่ายเป็นมายังไงกันแน่ถึงทุนหนากว้านซื้อหุ้นพวกเขาทั้งหมดในคราเดียวได้แบบนี้! แต่จะว่าไปนี่มันก็บ่ายสองแล้วนะ ทำไมอีกฝ่ายยังไม่มาอีก?”

“นั้นสิ หรืออีกฝ่ายไม่เห็นเราในสายตาเลย”

“นายน้อยหยาง ประวัติของอีกฝ่ายเป็นมายังไงกันแน่ครับ? นายน้อยตรวจสอบมารึยัง?”

………..

หยางหมิงยกมือส่งสัญญาณให้ทุกคนในห้แงประชุมเงียบก่อนและตอบไปว่า

“หึหึ…ฉันตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ฟู่ไห่ อินเวสเม้นท์ยังไงล่ะ! ด้วยเงินทุนของพวกเขา เราทั้งหมดไม่เพียงแต่จะสารารถแก้วิกฤตการล้มละลายของบริษัทได้เท่านั้น แต่ราจะพึ่งพาความสามารถของพวกเขาเพื่อยกระดับเฟยอวี่กรุ๊ปของเราไประดับประเทศ!”

“ฮ่าฮ่า…นายน้อยหยางเป็นคนมองการณ์ไกลจริงๆครับ”

“นายน้อยหยางของเราฉลาดหลักแหล่มจริงๆ อาศัยเงินลงทุนของฟู่ไห่ พวกเราจะกลายมาเป็นผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรมในอีกไม่ช้าแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า….”

หมางหมิงระเบิดหัวเราะอย่างมีความสุขยิ่งกับบรรดาผู้ถือหุ้นลิ่วล้อทั้งหลาย ในที่สุดฝันของเขาก็กำลังจะเป็นจริง เขาจะกลายมาเป็นมหาเศรษฐีกับเขาบ้างเสียที! เงินนับหลายพันล้านจะหลั่งไหลเข้ากระเป๋าของเขาอย่างไม่ขาดสาย เตรียมรับมือกับความสุขสบายไปทั้งชาติ!

ในเวลานี้เอง อวู่เสี่ยวหัวก็ผลักประตูห้องประชุมเข้ามา หยางหมิงรีบลุกขึ้นและโค้งทักทายอย่างรวดเร็ว

“คุณอวู่ ในที่สุดก็มาแล้วนะครับ เอ่อ…แล้วผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่อยู่ไหนงั้นเหรอครับ?”

ทุกคนรีบลุกขึ้นและโค้งศีรษะให้เช่นกัน และรีบวิ่งไปรอต้อนรับกันหน้าประตูด้วยความตื่นเต้นกันใหญ่

แต่ทันใดนั้นเอง สีหน้าของหยางหมิงถึงกับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ นี่หมายความว่ายังไงกัน? ทำไมถึงเป็นจ้าวเฉียนที่เดินเข้ามาล่ะ?

หยางหมิงขมวดคิ้วย่นตะคอกใส่เสียงดังลั่นด้วยความเดือดดาลว่า

“มึง! มึงมาทำอะไรที่นี่! กูขอเตือนมึงไว้ก่อนเลยนะ การประชุมในวันนี้มันสำคัญมาก อย่าเสือกมาสร้างปัญหาไอ้โง่!”

อวู่เสี่ยวหัวหันไปตะคอกสวนเสียงดังว่า

“คุณหยาง! กรุณาใช้คำพูดที่สุภาพด้วยค่ะ! ท่านผู้นี้คือผู้ถือหุ้นรายใหญ่คนใหม่ของเฟยอวี่กรุ๊ป และยังเป็นเจ้าของคนใหม่ของเฟยอวี่กรุ๊ปอีกด้วยค่ะ”

“อะไร?! มันนี่นะ?”

หยางหมิงประหลาดใจอย่างมากจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปครู่ใหญ่

จ้าวเฉียนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าหยางหมิง ยื่นมือไปจัดเนคไทให้อีกฝ่ายเล็กน้อยและกล่าวว่า

“วันนี้คุณแต่งตัวดูดีทีเดียว ชอบไหมที่ได้เจอผมอีกครั้ง?”

หลังจากกล่าวจบ จ้าวเฉียนก็เดินไปนั่งตำแหน่งหัวประธาน

หยางหมิงรีบหันควับเอ่ยถามหวู่เสี่ยวหัวทันทีว่า

“คุณหวู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เอาไอ้ขยะนี่เข้ามาในการประชุมของเราได้ยังไง!”

หวู่เสี่ยวหัวไม่เอ่ยตอบอันใด เพียงหยิบเอกสารฉบับหนึ่งขึ้นมาและส่งไปให้หยางหมิงได้อ่าน

หยางหมิงรับเปิดหน้าเอกสารอ่านโดยไว หลังจากนั้นใบหน้าของเขาถึงกับบิดเบี้ยวดูน่าเกียจยิ่ง โยนเอกสารในมือทิ้งลงกับพื้น หันไปชี้หน้าด่าหวู่เสี่ยวหัวทันทีว่า

“คุณหลอกผมงั้นเหรอ!?”

จากนั้นหยางหมิงก็หันกลับมาชี้หน้าจ้าวเฉียนและสบถด่าขึ้นว่า

“มึง…ทั้งหมดเป็นแผนของมึงใช่ไหม!? เช็คที่ส่งมาคงเป็นของปลอมสินะ! น้ำหน้าอย่างแกจะมีปัญญาซื้อบริษัทนี้ได้ยังไง!!”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มมองหยางหมิงสีหน้าดูแคลนยิ่ง เขายิ้มตอบไปว่า

“ผมซื้อหุ้นด้วยเงินจริงมีสัญญาลายลักษณ์อักษรเป็นหลักฐานยืนยันพร้อม ทั้งหมดดำเนินการตามกฎหมาย ดังนั้นแล้วตอนนี้…ผมมีสิทธิ์ไม่อนุมัติให้คุณซื้อหุ้นของเฟยอวี่เพิ่มได้อีก”

“ถ้าอย่างนั้น…มึงกำลังจะบอกว่าตัวเองเป็นคนของฟู่ไห่และอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดงั้นใช่ไหม? ได้! ถ้าอย่างนั้นสัญญาความร่วมมือของเราเป็นอันโมฆะ! กูไม่อนุมัติการเข้าซื้อหุ้นของมึง!”

หยางหมิงชี้หน้ายังพล่ามต่อไม่หยุดหย่อน

จ้าวเฉียนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาราวกับคร้านจะใส่ใจ

“นี่คุณคิดว่าตัวเองอยู่เหนือกฎหมายรึยังไง? ในสัญญาก็มีลายเซ็นของคุณลงนามสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าคุณจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม…คุณไม่มีสิทธิ์เลือกแล้ว”

หยางหมิงกวาดสายตามองผู้ถือหุ้นรายอื่นๆทันที และกล่าวว่า

“แต่กูยังถือเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นอยู่! กูและผู้ถือหุ้นรายอื่นๆมีสิทธิ์ในการลงความเห็นเพื่อขับไล่มึงออกไปได้! มึงอย่าวันจะมีอำนาจเหนือกูไปได้ไอ้สวะ!”

ท่าทางการแสดงออกของจ้าวเฉียนไม่ดูตื่นตระหนกเลยแม้สักนิด เขาเอ่ยถามกลับไปแทนว่า

“จริงเหรอ? รู้สึกกลัวจังครับ แต่ลองถามผู้ถือหุ้นพวกนั้นดูรึยังว่า…วันนี้พวกเขามาทำอะไร?”

ผู้ถือหุ้นเหล่านั้นรีบแสดงความเห็นกล่าวขึ้นมาทันที

“นายน้อยหยาง หุ้นที่เหลือทั้งหมดของผมถูกขายให้กับฟู่ไห่หมดแล้ว วันนี้ที่ผมมาประชุมก็เพื่อแจ้งเรื่องนี้ให้ทราบครับ”

“หุ้นในมือของผมก็ขายให้ทางฟู่ไห่แล้วเหมือนกัน…”

ผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งหมดต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขาขายหุ้นที่เหลืออยู่ในมือทั้งหมดให้แก่ฟู่ไห่ไปหมดแล้ว นี่ถึงกับทำให้หยางหมิงยืนแข็งค้างไม่ได้สติโดยสมบูรณ์ ปรากฏว่าทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมนี้ล้วนถูกจ้าวเฉียนซื้อไปหมดแล้ว และวันนี่ที่มากันก็เพื่อประหารเขาชัดๆ

หยางหมิไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้แค่นี้แน่นอน เขารีบกลับขึ้นทันทีว่า

“ไอ้สวะนี่จ่ายเงินให้พวกแกไปเท่าไหร่ ฉันขอเพิ่มเป็นสองเท่าเลย!”

ทว่าผู้ถือหุ้นเหล่านั้นกลับระเบิดหัวเราะเยาะออกมาแทน

“นายน้อยหยาง ผมไม่ได้ดูถูกคุณหรอกนะ แต่คุณไม่มีปัญญาจ่ายแน่นอน หุ้นทั้งหมดที่พวกเราขายให้เขา รวมแล้วเป็นเงินกว่าพันล้านหยวน นายน้อยหยางสู้ราคาไหวเหรอครับ?”

“ถูกต้องแล้ว ถ้าจะซื้อเป็นสองเท่าของราคานี้ก็เฉียดหมื่นล้านอยู่นะครับ ผมว่าคุณจ่ายไม่ไหวหรอกครับ”

“กลับกันเถอะ ธุระของพวกเราเสร็จสิ้นแล้ว”

บรรดาผู้ถือหุ้นระเบิดหัวเราะเยาะเสียงดังลั่นอีกครั้ง ทุกสายตาของพวกเขาในขณะนี้จับจ้องหยางหมิงราบกับคนโง่ ทั้งหมดเดินไปกล่าวอำลากับจ้าวเฉียนและอวู่เสี่ยวหัวและก็จากกันออกไป

ตอนนี้ในห้องประชุมเหลือเพียงจ้าวเฉียน, อวู่เสี่ยวหัวและหยางหมิงเท่านั้น

อวู่เสี่ยวหัววางสัญญาปรับเปลี่ยนข้อกำหนดการซื้อขายหุ้นของหยางหมิงตรงหน้า และกล่าวว่า

“ช่วยเซ็นด้วยค่ะ คุณไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”

หยางหมิงหยิบมันขึ้นมาอ่านก่อนจะกรนเสียงหัวเราะเยาะ และฉีกสัญญาฉบับนั้นเป็นชิ้นๆทันที ชี้หน้าด่าทั้งสองต่อว่า

“คิดจะกดดันให้กูเทขายหุ้นในส่วนที่เหลืองั้นเหรอ! ฝันไปเถอะ! อย่าลืมไปนะว่า หุ้นทั้งหมดที่แกถืออยู่ตอนนี้มีเพียง55% กูยังสามารถขยายส่วนผู้ถือหุ้นเพื่อเจือจางมูลค่าหุ้นในมือมึงได้!”

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มอย่างดูถูกและกล่าวตอบไปว่า

“คุณยังไม่แม้แต่เข้าใจจุดยืนของตัวเองในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ ใครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในปัจจุบัน? ถ้ามีเงินมากพอคุณก็สามารถเพิ่มทุนได้นะครับ ผมยอมอนุมัติให้ด้วย แต่…ตัวคุณมีเงินมากพอรึเปล่าครับ? มูลค่าหุ้นสุทธิในมือผมรวมแล้วเกือบหมื่นล้าน ฮ่าฮ่า…อย่าฝันอะไรโง่ๆเลยดีกว่าครับ สู้ขายหุ้นแลกค่าขนมตั้งแต่ตอนนี้แล้วกลับบ้านไปนอนดีกว่าครับ”

หยางหมิงถึงกับเซถอยออกไปด้วยความสิ้นหวัง ถ้าขายหุ้นในมือทิ้งไปตอนนี้ก็เท่ากับว่าบริษัทเฟยอวี่กรุ๊ปก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกต่อไป และถ้ายังรั้นที่จะอยู่ต่อ สักวันเขาจะต้องถูกจ้าวเฉียนค่อยๆบีบให้ออกไปอยู่ดี

ยังไงก็ตามแต่ ตอนนี้จ้าวเฉียนไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ปัจจุบันเขามีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และถ้าหยางหมิงยังไม่ยอมขายหุ้นทิ้งก็ถือเป็นเรื่องดี เขาจะได้เล่นกับอีกฝ่ายต่อให้ทรมานอย่างช้าๆต่อไปจนกว่าจะตาย

“ตอนนี้ผมขอถอดถอนตำแหน่งประธานของหยางหมิงออกอย่างเป็นทางการนะครับ ส่วนผมจะเข้ามารับตำแหน่งแทนเอง จบการประชุม!”

จ้าวเฉียนลุกขึ้นและเดินจากไปทันทีที่พูดจบ ไม่ว่าหยางหมิงจะตะโกนด่าไล่หลังต่อยังไง สุดท้ายแล้วก็ไร้ประโยชน์ กฎหมายก็คือกฎหมายวันยังค่ำ ไม่ว่าในอนาคตหยางหมิงจะมาไม้ไหนย่อมไม่สามารถหนีอำนาจของกฎหมายพ้น

หวู่เสี่ยวหัวรีบเดินติดตามจ้าวเฉียนเข้ามา และเอ่ยถามขึ้นว่า

“คุณชายจ้าว เราจะไปที่ไหนกันต่อดีค่ะ? ตอนนี้ยังเหลือเคลียร์กับทางบริษัทเกมฟางนี่และอสังหาริมทรัพย์หวัง ให้โทรติดต่อไปหาเลยดีไหมค่ะ?”

“โทรเรียกพวกนั้นมาเข้าร่วมการประชุมที่ตึกฟู่ไห่กันให้หมด ฉันจะได้แจ้งทุกอย่างทีเดียวไปเลย ทุกคนต้องมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง”

“เข้าใจแล้วค่ะ ดิฉันจะรีบติดต่อไปหาพวกเขาทันที”

หวู่เสี่ยวหัวรีบหยิบมือถือโทรหาฟางนี่และคนอื่นๆโดยบอกให้พวกเขารีบเดินทางไปยังตึกสำนักใหญ่ฟู่ไห่เพื่อเข้าประชุมด่วนในอีกหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า