เหรียญทองแดงยังคงหมุนอยู่ในอากาศ

เมื่อตกลงมา มันถูกมือข้างหนึ่งคว้าเอาไว้

เป็นมือของมนุษย์แสง

มนุษย์แสงถือเหรียญไว้ขณะสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ข้างใน

“เป็นอย่างไรบ้าง” เทพจินเยี่ยนถามจากด้านข้าง

“เหรียญกลับมามีความสามารถจนนำมาใช้งานได้แล้ว” มนุษย์แสงพยักหน้าเล็กน้อย

“ยังจะมัวรออะไรอีก ออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้เลย”

เทพจินเยี่ยนไม่อาจทนรอได้

มนุษย์แสงถือเหรียญโบราณไว้ก่อนกล่าวอย่างจริงจังว่า “อย่าสนใจทุกสิ่งที่พวกมารทำเลย จุดประสงค์ของพวกเราเพียงหนึ่งเดียวคือตามหาคนคนนั้น จับเป็นหรือไม่ก็จับตาย”

“ย่อมได้”

เทพจินเยี่ยนโคจรพลัง

มนุษย์แสงพยักหน้าก่อนใช้งานเหรียญ

พลังงานแผ่ออกมาจากเหรียญขณะถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเทพจินเยี่ยน

ภายใต้การชี้นำของเหรียญ เทพจินเยี่ยนและมนุษย์แสงเคลื่อนผ่านหมอกแห่งมิติและเวลา ก้าวข้ามชั้นเศษเสี้ยวอันหนักอึ้งนับไม่ถ้วนของยุคโบราณ ท้ายที่สุดจึงจมดิ่งสู่ภาพซ้อนทับของยุคหนึ่ง

สวรรค์ดึกดำบรรพ์

ลำแสงสองสายปรากฏขึ้นที่ใดสักแห่งบนโลกโดยไม่มีการกล่าวเตือน

เทพจินเยี่ยน

และมนุษย์แสง

ทั้งสองตกลงไปในซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง

“นี่มันยุคไหนกัน”

เทพจินเยี่ยนมองรอบข้างขณะถาม

“มองหาตำหนักก่อน หากท่านไปถามที่นั่นก็จะรู้คำตอบเอง” มนุษย์แสงกล่าว

ทั้งสองทะยานขึ้นสู่ท้องนภาขณะบินอยู่เหนือเมฆ มุ่งสู่ความว่างเปล่าโปร่งแสงในส่วนลึกที่สุดของท้องนภา

ร่างของพวกเขาค่อยๆ กลายเป็นความว่างเปล่าราวกับทะลุเข้าไปในมิติอื่น

ผ่านไปสักพัก

มนุษย์แสงและเทพจินเยี่ยนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

“ตำหนักว่างเปล่า ตามประวัติศาสตร์แล้ว ช่วงเวลาเช่นนี้มีไม่มากนัก” เทพจินเยี่ยนกล่าว

“ใช่ ตามหาเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วสอบถามสถานการณ์กันเถอะ” มนุษย์แสงกล่าว

พวกเขานิ่งอยู่บนท้องนภาสักพัก จากนั้นจึงดิ่งลงมา

“ทางตะวันออกเฉียงใต้ มีพลังวิญญาณก่อตัวขึ้นเป็นค่ายกลจำนวนมาก น่าจะเป็นค่ายกลวิเศษที่ถูกติดตั้งโดยนักพรตมนุษย์สักคน”

“ไปดูกัน”

เทพจินเยี่ยนมองนักพรตมนุษย์ที่อยู่เบื้องล่างก่อนถามว่า “พูดมา ตำหนักเซียนธารจันทราถูกทำลายแล้วงั้นหรือ”

“ขอรับ ท่านเทพ” นักพรตมนุษย์ตอบด้วยความเคารพ

มนุษย์แสงถามว่า “มีข่าวอะไรมาจากแนวหน้าบ้าง”

นักพรตมนุษย์ตอบว่า “วันนี้เป็นการต่อสู้อันดุเดือด เทพทุกองค์ไปอยู่ที่แนวหน้า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ล้วนอยู่ด้วยเช่นกัน”

เทพจินเยี่ยนและมนุษย์แสงมองหน้ากัน

พวกเขารู้แล้วว่าช่วงเวลาของประวัติศาสตร์นี้เป็นช่วงไหน

“ดีมาก เจ้าไปได้แล้ว” มนุษย์แสงกล่าว

นักพรตมนุษย์คำนับด้วยความเคารพก่อนเตรียมจะจากไป

“ช้าก่อน!” นักพรตจินเยี่ยนเรียกอีกฝ่าย

“ข้าขอถามเจ้าอีกหน่อย ช่วงนี้มีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นหรือไม่” เขาถาม

“อะไรแปลกๆ หรือ ท่านหมายถึงอะไร…” นักพรตถามด้วยความสับสน

หลังจากนั้นเทพจินเยี่ยนถึงเข้าใจว่าตัวเองวิตกเกินไป

“ไม่มีอะไร เจ้าไปได้แล้ว” เขาโบกมือ

นักพรตมนุษย์คำนับอีกครั้งก่อนบินขึ้นสู่ท้องนภา

มนุษย์แสงส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ทำไมถึงมาถามคนเหล่านี้ที่อยู่ในภาพซ้อนทับแห่งเวลาในเมื่ออยากหาว่ามีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นบ้าง พวกเรารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในประวัติศาสตร์ ถ้ามีอะไรผิดแปลกไปจากประวัติศาสตร์ มันก็ต้องมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแน่นอน”

“อ่า ข้าแค่หงุดหงิดน่ะ พวกเราสามารถสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้” เทพจินเยี่ยนกล่าว

“ท่านคิดว่าหลังจากนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี ไปแนวหน้าเลยหรือไม่” มนุษย์แสงถาม

“อ่า แต่พวกเราต้องระวังตัวด้วย”

“ทำไมล่ะ”

“ถึงแม้จะอยู่ในเงามืดของยุคหนึ่ง แต่ครั้งนี้อันตรายมาก” เสียงของเทพจินเยี่ยนไม่สบายใจเล็กน้อย

มนุษย์แสงถามว่า “ท่านหมายถึง… ผู้ปกครองโลกบรรพกาลหรือ”

เทพจินเยี่ยนเสริมเพิ่มเติม “แถมยังมีหอกนั่นอยู่ด้วย”

เขากล่าวต่ออีกว่า “ตอนนี้ ข้าคือเทพที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน เจ้าคือผู้รวบรวมเจตจำนงของเทพผู้ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนเช่นกัน ลองเดาสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผู้ปกครองโลกบรรพกาลมาพบตัวเข้า”

มนุษย์แสงนิ่งไป

เขาพึมพำว่า “ใช่ ลำพังผู้ปกครองโลกบรรพกาลย่อมสังเกตเห็นแผนที่เผ่าพันธุ์ข้าสร้างขึ้นมาแน่ แต่พวกเราไม่รู้ว่าเขาจะพบหวนคืนชาติภพหกวิถีได้อย่างไร”

เทพจินเยี่ยนกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นสำหรับพวกเราถือว่าอันตรายมากหากจะไปที่นั่นสินะ”

ถึงตรงนี้ ความเงียบเข้ามาแทนที่

นี่คือประวัติศาสตร์ที่บันทึกร่วมกันโดยนักรบเผ่าพันธุ์เทพและเผ่าพันธุ์บรรพกาล

แค่วันนี้ ผู้ปกครองโลกบรรพกาลจะถือหอกหลากสีสันเพื่อสังหารราชาเทพเพราะความไม่เข้าใจ

นี่คือความกลัวที่ฝังรากลึกของเทพทุกองค์

ต่อให้ผ่านไปหลายหมื่นปี เทพจินเยี่ยนก็ไม่รู้สึกว่าจะสามารถเผชิญหน้ากับผู้ปกครองโลกบรรพกาลได้

ผ่านไปสักพัก

เทพจินเยี่ยนกล่าวว่า “แต่พวกเรามาที่นี่เพื่อจับตัวคนคนหนึ่ง ยังไงก็ต้องไปอยู่ดี”

มนุษย์แสงเห็นด้วย “ในกรณีที่เด็กนั่นไปโลกมารอีกครั้ง พวกเรายังต้องการกำลังคนเพื่อโจมตีโลกมารอีก”

เทพจินเยี่ยนกล่าวว่า “หลังจากพวกเราไปแล้วจะต้องอยู่ใกล้แนวหน้าเอาไว้ ซ่อนตัวให้มิดแล้วยืนยันให้ได้ว่าโลกบรรพกาลจะแยกจากสวรรค์เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยไปรวมกับเทพองค์อื่น”

“ทำไมท่านถึงรีบร้อนเช่นนั้น” มนุษย์แสงถาม

“เด็กคนนั้นมันกลับกลอกเก่งนัก ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ลางๆ” เทพจินเยี่ยนกล่าว “ทุกอย่างเหมือนดังที่เจ้ากล่าวก่อนหน้านี้ พวกเราไม่ต้องสนเงามืดของประวัติศาสตร์นี้ พวกเราแค่ต้องร่วมมือกับเทพทุกองค์อย่างสุดกำลังแล้วตามหาเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้”

มนุษย์แสงคร่ำครวญออกมา “นี่ท่านอยาก…”

“ใช่ ข้าอยากให้เทพทุกองค์รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต ข้าอยากให้พวกเขาสนับสนุนการจับคนคนนั้นในทันที!” เทพจินเยี่ยนกล่าวเสียงดัง

“พวกเราจะออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้แหละ” มนุษย์แสงกล่าว

เพียงแค่ขยับ พวกเขาทะยานขึ้นสู่ท้องนภา มุ่งตรงสู่ทิศที่นำไปยังแนวหน้า

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

การต่อสู้ระหว่างสองโลกกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

เสียงของผู้ปกครองโลกบรรพกาลดังก้องไปทั่วสองโลก

“เจ้าพวกโง่เขลา จำบทเรียนครั้งนี้ไว้ให้ดี!”

‘ครืน!’

ปฐพีสั่นไหว

สองโลกเริ่มแยกจากกัน

ตอนนี้เอง ณ สถานที่ซ่อนตัวบริเวณแนวหน้า

เทพจินเยี่ยนและมนุษย์แสงกำลังรออย่างอดทน

เมื่อสัมผัสได้ถึงการจากไปอย่างสมบูรณ์ของโลกบรรพกาลแล้ว พวกเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกโดยไม่รู้ตัว

ใกล้ถึงเวลาลงมือแล้ว

“ท่านจะทำอย่างไรต่อ” มนุษย์แสงถาม

“ตรงไปยังที่ที่ราชาเทพล่วงลับ ข้าเกรงว่าพวกเราทั้งหมดจะอยู่ที่นั่นแล้ว” เทพจินเยี่ยนกล่าว

“อา ช่วงเวลานี้ การตายของราชาเทพเพิ่งถูกค้นพบ ทุกคนน่าจะรีบไปที่นั่นกัน”

“ถ้าข้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นป่าหยกเย็นเยือกหรือเปล่า”

“ถูกต้อง”

พวกเขาหายไปจากสถานที่ซ่อนตัว

หลังจากผ่านไปหลายสิบอึดใจ

ณ ป่าหยกเย็นเยือก

เทพทุกองค์รวมตัวที่นี่

เทพแห่งความเย็นยะเยือกกองอยู่ในแอ่งโลหิตโดยมีเทพอีกสององค์ช่วยดูแล

ไม่ไกลกันนัก ราชาเทพยังคุกเข่าอยู่กับพื้นดิน ศีรษะหามีไม่

เทพแห่งความเย็นยะเยือกพูดถึงความตายของราชาเทพเป็นพักๆ

“ผู้ปกครองโลกบรรพกาลโทษพวกเราที่นำหวนคืนชาติภพหกวิถีออกมา”

“อย่างที่เจ้าเห็น ผู้ปกครองโลกบรรพกาลฆ่าราชาเทพด้วยหอกของเขา”

เทพองค์หนึ่งอดที่จะถามไม่ได้ว่า “การต่อสู้มันตึงเครียดไม่ใช่หรือ ทำไมพวกเราถึงไม่รู้สึกถึงอะไรเลยล่ะ”

เทพแห่งความเย็นยะเยือกพยายามอ้าปากอย่างยากลำบาก

เขากำลังจะตอบคำถามนี้ แต่แล้วมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากท้องนภา

“ไม่ การต่อสู้ไม่ได้ตึงเครียดขนาดนั้น ผู้ปกครองโลกบรรพกาลเพียงแทงราชาเทพด้วยหอกเท่านั้น ความจริง ลงมือครั้งเดียวน่าจะพอแล้ว แต่เพราะเทพแห่งความเย็นยะเยือกเข้าไปขัดขวาง ผู้ปกครองโลกบรรพกาลจึงต้องสลัดเขาออกไปก่อนจะแทงราชาเทพอีกครั้ง”

เทพจินเยี่ยนและมนุษย์แสงลอยอยู่ตรงนั้น

เทพทุกองค์มองมาที่พวกเขา

สองตัวตนนี้คือสิ่งที่ไม่เคยถูกพบเห็นมาก่อน แต่จากที่ดู พวกเทพรู้สึกถึงบรรยากาศแบบเดียวกันในอีกครา

บรรยากาศเช่นนี้ไม่ใช่ของปลอม

ดังนั้น พวกเทพจึงไม่ลงมือทำอะไรในตอนแรก

“พวกเจ้าเป็นใคร” เทพองค์หนึ่งถาม

เทพจินเยี่ยนกล่าวว่า “ผู้ที่อยู่ข้างข้ามาจากอนาคตในช่วงอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ส่วนข้ามาจากอนาคตในอีกหลายหมื่นปีนับจากนี้”

พวกเทพนิ่งงัน

“ดูท่าข้ายังเข้าใจความลับเรื่องเวลาไม่มากพอสินะ” เทพองค์หนึ่งถามกับตัวเอง

มนุษย์แสงโยนเหรียญขึ้นไปในอากาศ

นั่นคือเหรียญโบราณเก่าคร่ำครึ!

พวกเทพล้วนมองเหรียญนั่น

เป็นเวลานานยิ่งที่พวกเทพเงียบงัน

พลังมิติและเวลาที่ยังหลงเหลืออยู่ห่อหุ้มเหรียญเอาไว้ มันค่อยๆ เด่นชัดขึ้นราวกับมีแก่นสารให้จับต้องได้

“เหรียญนี่เพียงพอที่จะพิสูจน์ตัวตนของพวกข้าควบคู่กับเจตจำนงที่ข้าเก็บรวบรวมมา พวกท่านน่าจะรู้วิธีการสร้างดีอยู่แล้ว” มนุษย์แสงกล่าว

เหล่าเทพมองหน้ากัน

เทพบางองค์เริ่มพยักหน้าเล็กน้อย

ตอนนี้เอง เทพแห่งความเย็นยะเยือกพลันเมินบาดแผลตัวเองแล้วถามว่า “นี่มันไม่ถูกต้อง ทำไมพวกเจ้าปรากฏตัวหลังจากราชาเทพตายไปแล้วล่ะ”

มนุษย์แสงสบตากับเทพจินเยี่ยน

นี่เป็นคำถามที่น่าอายนัก

สหายจากอนาคต

ฟังดูลึกลับและน่าสนใจ แต่ปัญหาคือตรงนั้นนี่แหละ

ทั้งที่มาจากอนาคต ทำไมถึงไม่หยุดการตายของราชาเทพล่ะ

เทพจินเยี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “ฟังนะ แม้แต่ข้าก็ไม่มีหนทางที่จะรับมือกับผู้ปกครองโลกบรรพกาล ข้าสามารถทำได้เพียงเลือกปรากฏตัวในช่วงเวลานี้เท่านั้น”

เขาอธิบายต่อว่า “อีกอย่าง ข้าบอกกระบวนการที่ราชาเทพตายให้พวกเจ้าแล้ว นี่มากเกินพอจะพิสูจน์ตัวตนของข้า”

“ไม่ นี่ยังไม่มากพอ” เทพแห่งความเย็นยะเยือกยืนกราน “ความตายของราชาเทพ นอกจากข้าแล้ว ผู้ปกครองโลกบรรพกาลก็รู้กระบวนการทั้งหมด เจ้าอาจจะเป็นคนของเขาก็ได้”

“ข้ายังมีทาง…”

เทพจินเยี่ยนกำลังจะอธิบาย แต่กลับถูกเทพแห่งความเย็นยะเยือกขัดอย่างไม่ไว้หน้า “เว้นแต่เจ้าจะสามารถบอกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากวันนี้และพวกข้าสามารถยืนยันได้ว่ามันถูกต้องเท่านั้นเจ้าถึงจะเชื่อใจได้”

เทพจินเยี่ยนยิ้ม “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”

เขาชี้ไปเทพลี่ กล่าวว่า “เทพองค์นั้น หลังจากเทพแห่งความเย็นยะเยือกรักษาบาดแผลเสร็จแล้ว เจ้าพยายามจะสู้กับเขาเพื่อชิงตำแหน่งราชาเทพ แต่ท้ายที่สุดก็พ่าย”

“เหตุผลที่แพ้เพราะเจ้าไม่รู้ว่าเขามีวิชาพิเศษที่พันธนาการเจ้าได้”

“วิชาของเทพแห่งความเย็นยะเยือกคือวิถีน้ำแข็งพิเศษที่เขาเลียนแบบมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ทรงพลังในยุคโบราณ”

เทพจินเยี่ยนหันศีรษะไปมองเทพแห่งความเย็นยะเยือก “ถ้าข้าพูดไม่ผิด ท่าของเจ้ามีชื่อว่าผนึกแห่งความเงียบงัน เป็นวิถีลี้ลับที่สุดในบรรดาเทพแห่งความเย็นยะเยือก”

เทพแห่งความเย็นยะเยือกเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา น้ำเสียงขาดห้วง “เจ้ารู้ได้ยังไง”

เทพจินเยี่ยนจ้องมองเทพแห่งความเย็นยะเยือกด้วยแววตาเหยียดหยัน

สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องเก่าแก่จากยุคโบราณ ถึงแม้พวกเขาจะมีกำลัง แต่ก็ดื้อรั้นเกินไป แถมสมองยังไม่ดีอีกด้วย

“ทำไมงั้นหรือ นี่ยังต้องให้ข้าบอกคุณลักษณะพิเศษและจุดอ่อนของผนึกแห่งความเงียบงันเพิ่มหรือเปล่า”

เทพจินเยี่ยนพูดให้ดังมากขึ้นอีกนิด

เทพแห่งความเย็นยะเยือกรีบส่ายหน้าเพื่อห้ามปราม

ในใจของเทพจินเยี่ยนยิ่งมีความดูแคลนเหล่าเทพมากยิ่งขึ้น

แต่เรื่องเก่าแก่พรรค์นี้ก็มักนำมาซึ่งราชาเทพยุคใหม่ เขาต้องการความช่วยเหลือจากเทพแห่งความเย็นยะเยือกเพื่อตามหาเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่อ

เมื่อคิดได้ดังนี้ วิญญาณของเทพจินเยี่ยนจึงสงบลงเล็กน้อย

“ข้าบอกแล้วว่าข้ามาจากอนาคต”

………………………………