ตอนที่ 244 จิตใจของการเปรียบเทียบกับคนที่สูงกว่า
พี่สะใภ้สามจ้าวขี้เกียจจะคิดหยุมหยิมกับเขาแล้ว จึงพูดอย่างขอไปที “งั้นปีนี้ข้ามปีก็ต้องซื้ออะไรสักหน่อยสิ?”
พี่สามจ้าวได้ยินก็แอบไม่มีความสุข “ได้เงินมาก็คิดแต่จะซื้อ ๆ ๆ มีให้กินมีให้ดื่มยังจะซื้ออะไรอีก? คุณใช้เงินแบบนี้ ต้องหาเงินเท่าไรถึงจะพอให้คุณใช้!”
พี่สะใภ้สามจ้าวฝึกฝนให้จิตใจแข็งแกร่งมานานแล้ว ครั้นได้ยินแบบนี้หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร ตอบกลับเสียงเรียบไปว่า “ถึงเวลาข้ามปี ลูกบ้านอื่นมีชุดใหม่ให้ใส่ ลูกบ้านเราไม่มี คุณก็อย่ากลัวว่าจะขายหน้าก็แล้วกัน บ้านอื่นมีเนื้อมีผักให้กิน บ้านเราไม่มี ทำให้คนอื่นพูดว่าบ้านเราจนกรอบ คุณก็อย่าโกรธก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นคนอื่นได้ข้ามปีกันแบบร่ำรวยอู่ฟู่ มีลางดีสำหรับปีหน้า ส่วนพวกเรา…”
“หุบปาก!” พี่สามจ้าวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ผู้หญิงฟุ่มเฟือยแบบคุณยังไม่จบไม่สิ้นสักทีสินะ บ้านอื่นก็คือบ้านอื่น ทำไมคุณไม่ดูบ้านอื่นที่ถูกชกจนหน้าบวมเป่งบ้าง? ทำไมคุณไม่มองบ้างว่าบ้านอื่นไม่ได้หาเงินได้มากขนาดนี้? เอาแต่ดูคนอื่นอยู่นั่นแหละ คุณคิดว่าคนอื่นดีมากก็ไปข้ามปีกับบ้านอื่นเสียเลยสิ!”
พี่สะใภ้สามจ้าวพูดเสียงเรียบ “ฉันก็แค่เตือนคุณเท่านั้นแหละ คนอื่นเป็นหนี้หัวโต แต่เขาก็ยังได้กินได้ดื่มของอร่อย ใครจะไปเหมือนกับบ้านเรา มีภูเขาเงินภูเขาทองก็ยังต้องกินแกลบ เทียบกันไม่ได้จริง ๆ” พูดจบหล่อนก็เก็บเสื้อกันหนาวเตรียมตัวเข้านอน
บ้านอื่นยากจนแร้นแค้นแต่ก็ยังมีของกินและเครื่องดื่มดี ๆ ให้รับประทาน นี่พูดถึงใครกันล่ะ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพูดถึงจ้าวเหวินเทา!
ใครจะไปสู้จ้าวเหวินเทาที่ติดหนี้เยอะแยะนั้นได้ อีกอย่างใครจะไปสู้ชีวิตดี ๆ ของจ้าวเหวินเทาได้ อีกฝ่ายได้กินได้ดื่มของดี ๆ แล้วจะทำไมล่ะ แม้แต่ลิงที่บ้านยังได้กินได้ดื่มของดีเลย ครั้งก่อนตอนที่เขาไปบ้านจ้าวเหวินเทาก็เห็นสัตว์น้อยตัวนั้นกำลังนอนกินกล้วยอยู่ อย่าว่าแต่ตอนนี้เป็นฤดูหนาวเลย ต่อให้เป็นฤดูร้อนกล้วยก็ไม่ใช่สิ่งที่คิดจะกินก็หาได้ พอถาม น้องสะใภ้หกก็บอกว่า สัตว์ตัวน้อยชอบกินกล้วย เขาเองก็อยากพูดเหมือนกันว่าเขาก็ชอบเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูด
พูดไปแล้วก็รู้สึกเจ็บปวด! ตอนนี้ยังถูกภรรยาคิดจะให้ถอนเงินแบบนี้อีก ยิ่งทำให้เจ็บลึกเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นว่าภรรยาเก็บเสื้อแจกเกตบุนวมแล้ว จึงเปลี่ยนบทสนทนาถามว่า “คุณทำเสื้อแจ็คเก็ตของแม่เสร็จแล้วเหรอ?”
“ยังไม่เสร็จ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาน้องสะใภ้หก ให้หล่อนช่วยทำให้” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “ฉันนอนแล้วนะ”
“คุณจะไปหาน้องสะใภ้หกทำไม? ยัยนั่นทำของพวกนี้เป็นด้วยเหรอ?” พี่สามจ้าวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเมื่อได้ยินแล้วถึงได้รู้สึกโกรธมาก
พี่สะใภ้สามจ้าวเหล่ตามองเขา “เรื่องของผู้หญิงคุณที่เป็นผู้ชายจะสนใจทำไม?”
พี่สามจ้าวไม่ได้พูดอะไร เขาเก็บสมุดบัญชี หลังจากเงียบไปพักใหญ่จึงพูดว่า “คุณไปหาน้องสะใภ้หกพอดี งั้นก็ช่วยซื้อผักใบเขียวมาสักหน่อยด้วยก็แล้วกัน คุณดูให้ดีแล้วค่อยซื้อ ต่อราคาด้วย อีกฝ่ายพูดอะไรก็ตามนั้น น้องสะใภ้คนนี้เป็นคนฉลาด คุณอย่าคิดว่าคนคนนี้เป็นคนดี!”
“มีแต่คุณสินะที่เป็นคนดี!” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดย้อนกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนจะถามต่อไปว่า “คุณจะซื้อเท่าไร จะซื้อผักอะไร คุณก็กำหนดราคามา ถึงเวลานั้นเดี๋ยวฉันซื้อกลับมาก็ถูกคุณบ่นฉอด ๆ เรื่องซื้อมาเยอะซื้อมาแพงอีก”
“ซื้อมาสิบหยวน” พี่สามจ้าวครุ่นคิดก่อนจะกัดฟันตอบ
“ตกลง คุณพูดเท่าไรก็เท่านั้น” พี่สะใภ้สามจ้าวถอดเสื้อคลุมและเข้านอน
พี่สามจ้าวเก็บของแล้วก็นอนลงเช่นกัน เขานึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นได้จึงพูดกับพี่สามจ้าวว่า “คุณช่วยถามน้องสะใภ้หกให้ด้วย บ้านของพวกเขามีกล้วยไหม ถ้ามีก็ซื้อกลับมาหน่อย”
“กล้วย?” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดด้วยท่าทางสะลึมสะลือ “ของแบบนั้นแพงจะตาย คุณซื้อกล้วยสู้ไปซื้อเนื้อให้มากหน่อยยังจะดีเสียกว่า”
พี่สามจ้าวก็คิดแบบนี้ แต่ในสมองของเขากลับหนีไม่พ้นฉากที่ลิงน้อยกินกล้วย หรือว่าเขาที่เป็นมนุษย์มีชีวิตยังสู้สัตว์ตัวหนึ่งไม่ได้? เขาเป็นมนุษย์ที่หาเงินได้สองร้อยกว่าหยวนเลยนะ สัตว์ตัวเล็กนั่นหาเงินได้มากขนาดนี้เหรอ? เงินแม้แต่เฟินเดียวยังหาไม่ได้เลยมั้ง? ซื้อ ยังไงก็ต้องซื้อ! ถ้าไม่ซื้อปีนี้เขาคงไม่สามารถข้ามไปได้อย่างมีความสุข
“คุณเอาเงินสิบหยวนไปซื้อกล้วยด้วย” พี่สามจ้าวรีบพูด
พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงกับตกตะลึง นี่มันอะไรกัน เอาเงินสิบหยวนไปซื้อกล้วย? ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วมั้งเนี่ย?
ครอบครัวพี่สี่จ้าวในตอนนี้ก็เพิ่งจะเอนตัวนอนลงบนเตียง เป็นเพราะพวกเขาทำเต้าหู้และเตรียมน้ำเต้าหู้ให้พี่สามจ้าวเสร็จแล้ว จึงเข้านอนดึกขนาดนี้
เป็นเพราะต้องการหาเงิน ปีนี้พวกเขาจึงไม่ว่างเลย ฟองเต้าหู้ก็ต้มไว้สองหม้อแล้ว เป็นเพราะเตาที่ต้มน้ำเต้าหู้ร้อนมาก จึงไม่ได้รู้สึกหนาวแม้แต่น้อย แต่กลับรู้สึกเหนื่อยมากกว่า
ฤดูหนาวหนึ่งฤดู ทำให้พี่สะใภ้สี่จ้าวผอมลงไปห้าชั่ง ผอมบางกว่าตอนที่ยังไม่คลอดลูกเสียอีก เพียงแต่ร่างกายของหล่อนมองเห็นได้ว่าเกิดความเหนื่อยล้า
“งานทำเต้าหู้ไม่ใช่งานของคนเลย!” พี่สะใภ้สี่จ้าวเก็บกวาดแบบง่าย ๆ จากนั้นก็ขึ้นไปนอนบนเตียงโดยไม่ได้ถอดเสื้อคลุม
วันพรุ่งนี้เช้าพี่สามจ้าวก็จะมาสั่งเต้าหู้ ยังต้องตื่นตั้งแต่เช้า เสื้อผ้าถอดเข้าถอดออกยุ่งยากเกินไป ตั้งแต่ทำเต้าหู้ หล่อนแทบจะหลับสนิทตลอด ลูก ๆ ก็เช่นกัน
พี่สี่จ้าวก็ไม่ได้ถอด เขานอนอยู่บนเตียงขณะกล่าวว่า “ใครใช้ให้คุณทำล่ะ? คุณไม่ทำก็ไม่มีใครบังคับเธอสักหน่อย”
พี่สะใภ้สี่จ้าวเหนื่อยจนไม่อยากจะทะเลาะแล้ว “ใกล้จะข้ามปีแล้ว คุณจะไปซื้อของที่ตลาดหรือซื้อกับน้องหกล่ะ?”
“ค่อยว่ากัน” พี่สี่จ้าวง่วงจะตายแล้ว ตอนนี้เขาแค่อยากนอนหลับเท่านั้น
“ฉันอยากตัดชุดใหม่” พี่สะใภ้สี่จ้าวพูดด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ “นี่ฉันไม่ได้ตัดมาหลายปีแล้วนะ ข้ามปีทั้งทียังไงก็ต้องตัดชุดใหม่สักตัว”
เสียงตอบรับของพี่สี่จ้าวก็คือเสียงกรน เพียงไม่นานพี่สะใภ้สี่จ้าวก็หลับเช่นกัน
ไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน หลังจากได้นอนแล้วสิ่งที่ควรทำก็ยังต้องทำ ตอนนี้มีแค่เย่ฉูฉู่ที่ว่าง
พี่สะใภ้สามจ้าวนำเสื้อกันหนาวที่ทำให้แม่ของหล่อนมาให้เย่ฉูฉู่ช่วยตั้งแต่เช้า หล่อนช่วยกล่อมเสี่ยวไป๋หยาง ส่วนเย่ฉูฉู่ก็นำเสื้อกันหนาวไปแก้
พี่สะใภ้สามจ้าวเอ็นดูเสี่ยวไป๋หยางมาก เด็กคนนี้ไม่ร้องไม่โวยวาย ทั้งยังรู้จักขับถ่ายเป็นเวลา ที่สำคัญคือสะอาดด้วย หล่อนไม่เคยเห็นเด็กคนไหนสะอาดขนาดนี้มาก่อนเลย
“เสี่ยวไป๋หยาง หนูดูสินี่อะไรเอ่ย?” พี่สะใภ้สามจ้าวยื่นนิ้วมาแหย่เสี่ยวไป๋หยาง
เสี่ยวไป๋หยางจับนิ้วมือของหล่อนแล้วเขย่าอย่างมีความสุข
“เด็กคนนี้น่าเอ็นดูเกินไปแล้ว” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดกับเย่ฉูฉู่
เย่ฉูฉู่หันไปยิ้มให้ลูกชาย “เด็กเล็กตอนยังเล็ก ๆ ก็เป็นแบบนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวพูด “ไม่ใช่สักหน่อย ลูกสองคนนั้นของฉันยังไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ตอนเด็กน่ารำคาญจะตายไป!”
เย่ฉูฉู่หัวเราะแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มือของเธอยังคงขยับไม่หยุด เธอถอดปกคอเสื้อแจ็คเกตออกพลางถาม “พี่สะใภ้สาม คอเสื้ออันนี้ไม่เข้ากันเลย แต่อย่างอื่นทำไว้ดีมากเลยนะ”
พี่สะใภ้สามจ้าวพูดด้วยท่าทางรู้สึกไม่ดี “ฉันซุ่มซ่ามเกินไปแล้ว แค่ปกคอเสื้อก็เย็บซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ยังไม่เหมาะ แม่ของฉันก็เหมือนกัน บอกว่าจะเอาแบบคอตั้งให้ได้ นี่ก็แก่แล้ว ยังเรื่องเยอะอีก!”
“คนแก่เหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว ได้ฉลองปีเกิดอยากได้เสื้อกันหนาวสักตัวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่พูดพลางถอดปกคอเสื้อออก จากนั้นก็เริ่มเย็บ
ระหว่างที่ทำอยู่นั้นพี่สะใภ้สี่จ้าวก็มาหาพร้อมอุ้มอู่หยามาด้วย ทั้งสองคนห่อตัวราวกับเป็นบ๊ะจ่าง แม้ว่าเย่ฉูฉู่จะไม่ชอบพี่สะใภ้สี่จ้าว แต่ก็ไม่สามารถไล่อีกฝ่ายได้ จึงพูดว่า “พี่สะใภ้สี่มาแล้วเหรอ อู่หยา หนาวเปล่าคะ?”
พี่สะใภ้สี่จ้าวดูเหมือนว่าจะลืมเรื่องที่คิดจะมาสะสางกับเย่ฉูฉู่ไปนานแล้ว หล่อนตอบแทนอู่หยา “อู่หยาตอบอาสะใภ้หกไปสิลูก ไม่หนาว ไม่หนาวเลยสักนิด”
ผลลัพธ์ที่ได้คืออู่หยากลับร้องไห้ออกมา
“เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย?” เย่ฉูฉู่รีบถาม
พี่สะใภ้สี่จ้าวรีบปลอบพลางกล่าว “ไม่รู้สิ ช่วงนี้ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้องไห้”
เสี่ยวไป๋หยางที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่สะใภ้สามจ้าวใช้ดวงตากลมโตมองด้วยความสงสัย
เย่ฉูฉู่ยื่นมือออกไปรับอู่ยา จากนั้นก็เริ่มปลอบเด็กน้อย “มา มาหาอาสะใภ้หกนะ อู่หยาเด็กดี ไม่ร้องนะ”
น่าเสียดายที่อู่หยายังคงร้องไห้ไม่ยอมหยุด
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
งงกับพี่สามแท้ ภรรยาจะซื้อของห้ามสารพัด พอตัวเองจะซื้อของกลับใช้เขาใหญ่
อู่หยาร้องไห้ทำไมกันนะ
ไหหม่า(海馬)