[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 448 : สืบหาร่องรอยของศัตรู!

หากหลิงหยุนคาดไม่ผิด.. หวังเล่ยที่ตายไปนี้น่าจะเป็นฆาตกรที่ขับรถพ่วงทับเจ้าของร่างนี้ตาย และเมื่อหวังเล่ยเองก็มาตายในคืนเดียวกันด้วยแล้ว ก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นการฆ่าปิดปาก และต้องมีผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้

หลิงหยุนสั่งถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ให้ไปยังที่เกิดเหตุ และสั่งการพวกเขาทางโทรศัพท์อย่างละเอียด ให้ทั้งคู่หาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับหวังเล่ยมาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม!

ตอนนี้หลิงหยุนไม่ต่างจากผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองจิงฉูแห่งนี้  เขาควบคุมทั้งทางด้านสว่างและด้านมืดของเมืองนี้ไว้ในกำมือ ดังนั้น.. เพียงแค่ข้อมูลของคนขับรถพ่วงธรรมดาๆคนหนึ่ง จึงเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเข้าปาก!

หลิงหยุนจึงไม่รีบร้อนมากนัก ใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มที่ดูลึกลับในขณะที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวีซึ่งกำลังรายงานสถานการณ์ในเรื่องนี้..

สมาชิกในครอบครัวของหวังเล่ยที่ปรากฏอยู่ในหน้าจอทีวีตอนนี้มีเพียงแค่คนเดียว ซึ่งก็คือภรรยาของเขาเอง เธอเป็นหญิงอายุราวสามสิบปี รูปร่างหน้าตาก็ธรรมดา แต่การแต่งตัวนั้นค่อนข้างทันสมัยจนดูเกินฐานะไปมาก

หลิงหยุนยิ้มหยันพร้อมกับคิดในใจว่า ‘ดูท่าหวังเล่ยมันคงจะได้เงินมากมายสินะ แต่โชคร้ายที่ยังไม่ได้ทันได้ใช้เงินก็ต้องมาตายซะแล้ว..’

เมื่อเห็นหญิงสาวที่กำลังร้องห่มร้องไห้อยู่หน้ากล้อง หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกสงสารเลยแม้แต่น้อย เพราะสำหรับภรรยาของศัตรูแล้ว ไม่มีอะไรที่น่าเห็นใจสำหรับหลิงหยุน!

ในเวลาเดียวกันนั้น จู่ๆหลิงหยุนก็มั่นใจขึ้นมาทันทีว่า.. เจ้าของร่างที่เขากำลังครอบครองอยู่นี้จะต้องถูกฆาตกรรมอย่างแน่นอน!

คนที่ลงมือครั้งแรกคือหวังเล่ย ครั้งที่สองก็คือหลี่ยี่และเจียวเฟย ครั้งที่สามคือฉวนจี๋กับบฉวนจิ่ว ครั้งที่สี่คือตี้ปา และครั้งที่ห้าก็คือมือสังหารระดับสวรรค์ทั้งสามคน..!

และแน่นอนว่า.. การสังหารเจ้าของร่างนี้ได้ทำสำเร็จตั้งแต่หวังเล่ยลงมือแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครคาดคิดว่า ‘เขา’ จะมาเกิดอีกครั้งในร่างของหลิงหยุน แม้แต่ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึง..

มันเป็นใครกัน?! ใครกันที่ส่งนักฆ่ามาเอาชีวิตของเด็ผู้ชายคนนี้ติดต่อกันถึงห้าครั้ง!?

เด็กผู้ชายอ้วนๆธรรมดาๆคนหนึ่ง แถมเส้นลมปราณหยางเจี๋วยก็ถูกทำลาย เหตุใดจึงได้มีศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้!?

ยิ่งไปกว่านั้น.. ดูเหมือนผู้ที่ส่งมือสังหารมาฆ่าเด็กผู้ชายคนนี้ ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเส้นลมปราณหยางเจี๋วยของเขาได้ถูกทำลายไปแล้ว เพราะฉะนั้นศัตรูของเด็กผู้ชายคนนี้จึงไม่น่าจะมีเพียงแค่คนเดียว แต่ยังมีคนอื่นอีก!

“นี่เจ้า.. ไม่ใช่สิ! นี่ข้าไปสร้างความเกลียดชังอะไรให้กับศัตรูนักหนา แล้วศัตรูของข้าทุกคนก็ดูเหมือนจะน่ากลัวไม่น้อย นี่ถ้าหากข้าไม่สามารถพัฒนาฝีมือให้ก้าวหน้าได้รวดเร็วเช่นนี้ มีหวังคงต้องถูกฆ่าตายไปแล้วแน่ๆ”

เมื่อคิดได้เช่นนั้นหลิงหยุนก็ถึงกับอึ้งไปชั่วชณะ และแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความดุร้าย!

ในขั้นปรับร่างกาย-5 นั้น หลิงหยุนก็สามารถสังสารซันเทียนเปียวซึ่งอยู่ในระดับกลางของขั้นเซียงเทียน-1 ได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้เขาอยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นปรับร่างกาย-6 ซึ่งมีกำลังภายในเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า และหากเขาปะทะกับซันเทียนเปียวในเวลานี้ แน่นอนว่าเขาย่อมสังหารซันเทียนเปียวได้ด้วยมือเปล่า โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยกระบี่โลหิตแดนใต้เลยแม้แต่น้อย!

เพราะฉะนั้น.. ในเวลานี้หลิงหยุนจึงมีความสามารถในการปกป้องตัวเองสูง เขาจึงไม่ได้วิตกกังวลเลยแม้แต่น้อย

ตอนนี้ข่าวในโทรทัศน์ก็ได้ตัดไปรายงานข่าวอื่นๆแล้ว แต่หลิงหยุนยังคงนั่งจ้องจอทีวี แต่ในใจกลับครุ่นคิดเรื่องของหวังเล่ยอยู่

หวังเล่ยต้องจะต้องได้รับเงินค่าจ้างไปแล้วจำนวนหนึ่ง และหลิงหยุนก็กำลังคิดจะตรวจสอบเส้นทางของเงินจำนวนนั้น!

หลิงหยุนนั่งครุ่นคิดเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ และไม่สนใจรายการทีวีที่น่าเบื่ออีก เขานั่งรอกงเสี่ยวลู่ทำอาหารอย่างอดทน และตอนนี้ทั้งโต๊ะก็เต็มไปด้วยเป็ด ไก่ ปลา แล้วก็อาหารอื่นๆอีกมากมายเต็มโต๊ะไปหมด!

“โอ้โห.. กลิ่นหอมมาก แล้วหน้าตาก็ดูดีกว่าอาหารในภัตตาคารที่ปรุงโดยเชฟใหญ่อีก! ครูครับ.. กว่าผมจะลดน้ำหนักจนหล่อขนาดนี้ได้ ครูทำอาหารอร่อยมากมายแบบนี้ อย่าบอกนะว่าจงใจจะทำให้ผมกลับไปอ้วนเหมือนเดิม?”

หลิงหยุนตลกกลบเกลื่อนอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเอง เพราะไม่ต้องการให้กงเสี่ยวลู่ผิดสังเกตุ!

เมื่อได้ฟังคำชมของหลิงหยุน กงเสี่ยวลู่ก็รู้สึกภูมิใจอย่างมาก “เรามายื่นหมูยื่นแมวกันดีกว่า.. ครูจะทำของอร่อยๆให้เธอทานแบบนี้ แลกกับการที่เธอต้องมาเล่าเรื่องของเธอให้ครูฟัง..! ที่ผ่านมาครูให้การบ้านเธอไป แต่เธอไม่เคยทำมาส่งครูเลย.. เพราะอะไร?”

ดวงตาคู่สวยของกงเสี่ยวลู่จับจ้องอยู่ที่หลิงหยุน และดูเหมือนเธอกำลังรอให้เขาบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้เธอฟัง

นี่คือความเฉลียวฉลาดของกงเสี่ยวลู่ เพราะความสามารถที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเมืองของหลิงหยุนนั้น มีใครบ้างที่จะไม่ประหลาดใจ!?

ความสามารถของหลิงหยุนนั้นอยู่เหนือความเข้าใจของคนทั่วไป แต่กงเสี่ยวลู่กลับสามารถยอมรับได้อย่างรวดเร็ว และหลิงหยุนก็คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้าถามเขาตรงๆ

หลิงหยุนเหมือนถูกหมัดของกงเสี่ยวลู่ชกเข้าให้ จึงได้แต่ยิ้มและเล่าให้เธอฟังด้วยท่วงท่าสบายๆ

“ครูครับ.. สองสามปีที่ผ่านมานี้ ผมมัวไปหมกมุ่นอยู่กับการฝึกวรยุทธ และอาจารย์ที่สอนให้ผมก็ทั้งดุแล้วก็โหดมาก ไม่ได้ใจดีแล้วก็อ่อนโยนเป็นนางฟ้าเหมือนครู.. ในเมื่อผมไม่สามารถทำสองอย่างในเวลาเดียวกันได้ ผมก็ต้องเลือกที่จะฝึกวรยุทธก่อน แล้วมีเวลาก็ค่อยมาทำการบ้านที่ครูสั่ง..!”

เมื่อได้ยินหลิงหยุนเปรียบเทียบว่าเธอใจดีอ่อนโยนเหมือนนางฟ้า กงเสี่ยวลู่ก็รู้สึกเขินเอาย “อย่ามาแกล้งชมเลย! แต่ดูเหมือนทุกคนจะเดากันได้ถูกต้องจริงๆ ว่าเธอต้องมีอาจารย์ที่เก่งกาจสอนเรื่องพวกนี้ให้..”

หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองกงเสี่ยวลู่พร้อมถามอย่างงุนงง “ทุกคน.. หมายความว่ายังไงครับ?”

กงเสี่ยวลู่มองหลิงหยุนแล้วตอบว่า “ใช่..ทุกคน! ตอนนี้ทุกคนในโรงเรียนต่างก็พูดกันว่าเธอคงจะได้พบกับคนที่มีฝีมือทางด้านศิลปะการต่อสู้ที่เก่งมาก แล้วเขาก็คงสอนทักษะต่างๆที่เหนือธรรมดาให้กับเธอ แล้วที่ผ่านมากเธอเองก็คงแอบฝึกฝนอยู่เงียบๆ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเธอก็ถูกรังแกให้ได้รับความอับอายอยู่ตลอด แต่ตอนนี้กำลังจะจบการศึกษาแล้ว เธอก็เลยแสดงความสามารถให้ทุกคนได้เห็น”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กงเสี่ยวลู่ก็ยิ้มและพูดต่อว่า “ครูเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ มันเหมือนกับในหนังที่เคยดู เพียงแต่นี่มันคือเรื่องจริง..!”

หลิงหยุนได้แต่แอบยิ้มแล้วก็คิดในใจว่า หวังว่าคนอื่นๆจะคิดเช่นนั้น เพราะเขาจะได้ไม่ต้องไปตามอธิบายให้ใครฟังอีก แล้วหลิงหยุนก็เพียงแค่พยักหน้า..

“เฮ้อ.. ช่วยไม่ได้สินะที่คนเก่งเข้าขั้นอัจฉริยะอย่างผมจะกลายเป็นคนดังไปซะแล้ว! ความจริงผมอยากทำตัวเงียบๆ ไม่ได้อยากเด่นดังอะไรเลย แต่ผมเป็นเพชรนี่นะ.. ไม่ว่าจะพยายามปิดบังแค่ใหน ยังไงก็ต้องเปล่งประกายอยู่ดี!”

กงเสี่ยวลู่ยื่นนิ้วชี้ที่เรียวงามออกไปจิ้มหน้าผากของหลิงหยุนพร้อมกับหัวเราะคิกคัก “ขี้โม้..! เอาล่ะ.. รีบกินได้แล้ว เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะหมด มาเร็ว.. มาดื่มซุปก่อน..”

อาหารที่กงเสี่ยวลู่ทำหนั้นกลิ่นหอมมาก และหลิงหยุนก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม เขาจัดการอาหารที่กงเสี่ยวลู่ทำจนอิ่มแป้ และยิ้มอย่างพออกพอใจ..

หลังจากทานอาหารเสร็จ กงเสี่ยวลู่ก็นำเครื่องดื่มมาเสริฟให้ จนกระทั่งเที่ยงครึ่ง หลิงหยุนก็ได้รับสายจากถังเมิ่ง เขาจึงรีบลุกขึ้นและขอตัวกลับ..

กงเสี่ยวลู่รู้สึกเสียใจมาก เธออยากจะอยู่กับหลิงหยุนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะเขาทำให้เธอรู้สึกเบิกบานแจ่มใส

หลิงหยุนจับกงเสี่ยวลู่ให้ลุกขึ้นพร้อมกับพูดว่า “ครูครับ.. ช่วงนี้ผมยุ่งมากเลย แต่รับรองว่าผมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอน ครูไม่ต้องเป็นห่วง! หลังจากนั้นผมจะพาครูไปเที่ยวให้ทั่วประเทศเลย แต่ถ้ายังไม่พอใจ.. ผมจะพาไปสวิตเซอร์แลนด์ดีไม๊ครับ?”

เสี่ยวเม่ยเม่ยเคยบอกเขาไว้ว่าบัญชีธนาคารในประเทศนั้นไม่มั่นคง และเขาก็เพิ่งประสบกับตัวเองในช่วงที่ลงไปสำรวจก้นหลุมยักษ์ เพราะหลัวจ้งได้สั่งอายัดบัญชีธนาคารของเขาทั้งหมด หลิงหยุนจึงเริ่มใส่ใจในเรื่องนี้มากขึ้น!

สำหรับการเดินทางไปทั่วประเทศจีนนั้น สถานที่แรกที่หลิงหยุนจะเริ่มไปก็คือมณฑลเหอหนาน.. ซึ่งเป็นสถานที่ที่พู่กันจักรพรรดิถูกค้นพบ และเขาก็อยากจะไปดูสุสานขนาดยักษ์ที่นั่นด้วย

กงเสี่ยวลู่เกาะแขนหลิงหยุนแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เธอพูดแล้วต้องรักษาคำพูด้วยนะ?”

หลิงหยุนมองตากงเสี่ยวลู่พร้อมกับพยักหน้า “แน่นอนครับ.. ผมพูดคำใหนคำนั้น! จากนี้ไปครูต้องพักผ่อนร่างกายบ้าง อย่าเอาแต่หมกมุ่นกับการทำงาน ไม่อย่างนั้นจะแก่ไว..!”

หลิงหยุนรู้ดีว่ากงเสี่ยวลู่นั้นเป็นคนที่มีสำนึกรับผิดชอบในหน้าที่การงานสูงมาก อีกทั้งตอนนี้ยังต้องรักษาการแทนผู้อำนวยการหลิวด้วย หลิงหยุนเป็นห่วงว่าเธอจะไม่ได้พักผ่อน

“แล้วเธอจะให้ครูรักษาการแทนทำไมก็ไม่รู้? หน้าที่นี้ไม่มีใครอยากได้หรอก..” กงเสี่ยวลู่บ่นพึมพำขณะที่เกาะแขนหลิงหยุน

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับบีบจมูกของเธอพร้อมกับปลอบโยนว่า “ให้ครูฝึกไว้ก่อนไงครับ.. ต่อไปผมจะให้ครูเป็นผู้อำนวยการหน่วยงานการศึกษาของจิงฉู!”

สำหรับอนาคตของกงเสี่ยวลู่นั้น หลิงหยุนได้วางแผนไว้แล้ว ตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยงานการศึกษาที่พ่อของหลู่เจ้งเทียนดำรงอยู่ในตอนนี้ จะต้องตกเป็นของกงเสี่ยวลู่ในอีกไม่ช้า..

“อะไรนะ?!”

กงเสี่ยวลู่นับว่ายังอยู่ห่างไกลกับตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยงานการศึกษาของจิงฉูอยู่มาก เพราะนั่นเป็นถึงระดับหัวหน้าของระบบการศึกษาในเมืองจิงฉูทั้งหมด  เรียกว่าเป็นระดับผู้บริหารจริงๆ!

ตอนนี้เธอเป็นเพียงแค่ครูธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่จู่ๆจะกระโดดไปเป็นผู้อำนวยการหน่วยงานการศึกษาของจิงฉู นี่ไม่เท่ากับว่าเธอต้องกระโดดข้ามขั้นไปไม่รู้กี่ขั้นงั้นหรือ?!

หลิงหยุนไม่สนใจ เขาพูดพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้เป็นผู้อำนวยการยังเหนื่อยแค่เล็กน้อย แต่ต่อไปล่ะจะเหนื่อยกว่านี้..”

พูดจบหลิงหยุนก็ก้าวเดินออกไปจากห้อง ในขณะที่กงเสี่ยวลู่มองตามหลิงหยุนไปด้วยสายตางุนงงและประหลาดใจ..

หลิงหยุนลงไปด้านล่าง และค่อยๆขับรถแลนด์โรเวอร์ตรงไปยังหน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาถังเมิ่ง

“เล่ามาซิว่าหวังเล่ยตายเพราะอะไร?”

ถังเมิ่งตอบไปว่า “พี่หยุน.. ศพของหวังเล่ยจมอยู่ในน้ำนานถึงยี่สิบวัน แล้วกว่าจะพบก็ถูกพัดไปไกลมาก ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างชันสูตร..”

หลังจากนิ่งไปครู่หนึ่งถังเมิ่งก็พูดต่อว่า “แต่จากที่ฉันกับตี้เสี่ยวอู๋เข้าไปสังเกตุดูใกล้ๆ ตามร่างกายก็ไม่มีบาดแผลอะไรที่เด่นชัด พวกเราสองคนเลยเดาว่าน่าจะตกน้ำตายเอง..”

หลิงหยุนยิ้มยะเยือกพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้.. ตัวใหญ่ขนาดนั้นจะเดินตกลงไปในน้ำตายเอง แล้วตอนนี้ศพของมันอยู่ที่ใหน?”

ถังเมิ่งตอบกลับไปว่า “ศพน่าจะถูกนำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเพื่อรอกันชันสูตร”

หลิงหยุนครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วจึงรีบสั่งถังเมิ่งว่า “เรื่องนี้สำคัญสำหรับฉันมาก! นายต้องไปขอความช่วยเหลือจากพ่อของนาย ต้องไปหาข้อมูลของมันมาให้ฉันให้ได้มากที่สุด เข้าใจไม๊?”

ถังเมิ่งพยักหน้า “พี่หยุน.. ฉันจัดการเรียบร้อยแล้ว ฉันโทรไปบอกพ่อแล้ว และตอนนี้กังหลิวหย่งก็กำลังนำทีมไปตรวจสอบด้วยตัวะอง”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “นายทำได้ดีมาก! แต่จะอาศัยตำรวจทางเดียวคงไม่ได้ นายให้ตี้เสี่ยวอู๋พาคนไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับหวังเล่ยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วมาพบฉันคืนนี้!”

หลังจากวางสายไป รถของหลิงหยุนก็กำลังจะวิ่งออกจากหน้าประตูโรงเรียน และเขาก็สังเกตเห็นหญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวยกำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้ และกำลังจ้องมองมาทางเขาอยู่

เหมี่ยวเสี่ยวเหมา!