[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 447 : ร่องรอยของศัตรู!
แต่หลิงหยุนกลับนึกไม่ถึงว่าครั้งนี้กงเสี่ยวลู่จะส่ายหน้าปฏิเสธ และดวงตาคู่สวยของเธอก็ดูเหมือนจะไม่ยินยอม
“ครูไม่ให้เธอทำการรักษา!”
หลิงหยุนถึงกับอึ้งไปและแปลกใจอย่างมาก “ไม่ยอมให้ผมรักษาเหรอ? เพราะอะไร?”
กงเสี่ยวลู่เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ก่อนจะมองหลิงหยุนด้วยแววตาที่ทั้งเก้อเขินและกล้ามากในเวลาเดียวกันพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า
“อาการครูดีขึ้นมากแล้ว! เธอไม่เห็นหรือไง.. วันนี้เธอแตะเนื้อต้องตัวครูมากกว่าเมื่อวานอีก แต่ครูก็ไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านเหมือนเมื่อวานเลย!”
หลิงหยุนได้แต่หัวเราะอย่างนึกขัน เขาย่อมรู้ดีว่าอาการของกงเสี่ยวลู่นั้นดีขึ้นหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว แต่การจากที่หลิงหยุนได้สัมผัสและใกล้ชิดกับกงเสี่ยวลู่ในวันนี้ แม้เธอจะไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านอย่างชัดเจน แต่ปฏิกิริยาต่อต้านเล็กๆน้อยๆที่เธอไม่รู้ตัวนั้น ก็ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาของหลิงหยุนได้
เพราะเมื่อทั้งคู่อยู่ใกล้ชิดกัน ทุกครั้งที่หลิงหยุนสัมผัสร่างกายของกงเสี่ยวลู่นั้น ลูกนัยน์ตาของเธอจะหดลง และร่างกายก็จะเกร็งโดยไม่รู้ตัว และนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาการของเธอยังไม่หายเป็นปกติ
อีกทั้งท่าทางที่ดูเหมือนดีขึ้นของกงเสี่ยวลู่ในวันนี้ ก็เกิดจากความรัก และความไว้วางใจในตัวหลิงหยุน ไม่เช่นนั้นแล้ว หากเป็นหลิงหยุนก่อนหน้านี้ เธอคงจะผลักเขากระเด็นไปแล้วอย่างแน่นอน
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ปฏิกิริยาอาจจะไม่รุนแรงเหมือนเมื่อวาน แต่ก็ยังไม่ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ ยังคงต้องทำการรักษาอีกสามสี่ครั้ง.. เอาล่ะ.. เชื่อฟังผม..”
แต่คิดไม่ถึงว่ากงเสี่ยวลู่ยังคงส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น และพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ครูจะไม่ยอมให้เธอใช้เข็มทองนั่นรักษาครูอีกแล้ว แต่จะใช้ความรู้สึกที่เชื่อมั่นและไว้วางใจในตัวเธอ ค่อยๆเอาชนะปัญหาทางด้านจิตใจของครูแทน! ขอเวลาให้ครูหน่อยจะได้ไม๊?”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าเขาคงต้องรอคอยอีกนานเป็นชาติแน่ แต่ในเมื่อเป็นคำขอร้องของกงเสี่ยวลู่ เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ หลิงหยุนจึงได้แต่เกาหัวพร้อมกับพยักหน้าตกลง..
จากนั้นกงเสี่ยวลู่ก็กระซิบกับเขาว่า “อาการของครูดีขึ้นมากแล้วจริงๆนะ เด็กโง่.. ความจริงแล้วเธอไม่ต้องรักษาครูด้วยเข็มทองนั่นก็ได้ แต่รักษาด้วยอย่างอื่น..”
หลังจากที่หลิงหยุนได้ฟังคำพูดของกงเสี่ยวลู่ จิตใจของเขาก็รุ่มร้อนไปหมด..
ในเวลานั้นเอง.. กงเสี่ยวลู่ก็เอื้อมแขนข้างหนึ่งมาเกาะคอของหลิงหยุนไว้ ส่วนอีกข้างก็ใช้นิ้วชี้ที่เรียวงามค่อยๆวนเป็นวงกลมอยู่ที่หน้าอกของเขา ท่าทางของกงเสี่ยวลู่นั้นเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจาก.. กำลังยั่วยวนเขา!
หัวใจของหลิงหยุนเต้นแรงจนเสียงดังตุ้บๆ แต่ก็ถามกลับไปยิ้มๆ “นักเรียนฟังแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ถ้าไม่ให้รักษาด้วยเข็มทอง แล้วจะให้ใช้อะไรในการรักษาครับครู?”
กงเสี่ยวลู่หน้าแดงเป็นลูกตำลึง ร่างที่นุ่มนิ่มเลื่อนขึ้นไปนั่งบนตักของหลิงหยุนพร้อมกับรัดแน่นไม่ต่างจากงู และพูดขึ้นว่า
“เจ้าวายร้าย.. นี่ตั้งใจถามให้ครูอับอายใช่ไม๊? ก็แล้วแต่เธอ.. อยากจะใช้อะไรรักษาก็ตามใจ!”
สิ่งที่กงเสี่ยวลู่พูดนั้น มีแต่คนโง่เท่านั้นล่ะที่จะไม่เข้าใจ!
แล้วกงเสี่ยวลู่ก็กระซิบต่อว่า “เด็กโง่.. ที่ครูยังไม่ยอมให้เธอรักษาให้หายร้อยเปอร์เซ็นต์ก็เพราะว่า เวลาที่เธอรังแกครูขึ้นมาจริงๆ ครูจะได้มีแรงดิ้นรนต่อต้านไงล่ะ.. ถึงตอนนั้นก็อยู่ที่เธอว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้แค่ใหน..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับกลืนน้ำลายพร้อมกับคิดในใจว่า ครูประจำชั้นของเขานั้นดูเหมือนจะร้ายไม่เบาเลยทีเดียว เพราะอย่างนี้นี่เองถึงไม่ยอมให้เขารักษาให้หาย..
“นี่ครูจงใจแกล้งผมเหรอ? ถ้าถึงเวลานั้นก็อย่านึกเสียใจก็แล้วกัน!”
กงเสี่ยวลู่ได้ฟังถึงกับสั่นเล็กน้อยและตอบไปว่า “สำหรับเธอครูไม่ตำหนิหรือนึกเสียใจเลยแม้แต่น้อย.. ครูเองก็คิดไม่ถึงว่าจะสามารถกลับมาเหมือนเดิมได้..”
“นี่.. ครูมีของขวัญจะให้เธอด้วย!”
กงเสี่ยวลู่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอมีของขวัญจะให้หลิงหยุน จึงรีบบิดตัวลุกขึ้นยืน
“ของขวัญอะไร?” หลิงหยุนงุนงงเล็กน้อย
กงเสี่ยวลู่ยิ้มพร้อมกับดึงแขนหลิงหยุนให้เข้าไปในห้องนอน และหยิบกล่องของขวัญออกมาส่งให้หลิงหยุน
“นี่เป็นนาฬิกาโรเล็กซ์สำหรับผู้ชาย ครูมีเงินเดือนไม่มากนัก แต่ก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง เป็นไง.. เธอชอบไม๊?”
กงเสี่ยวลู่เลี่ยงไม่พูดถึงเรื่องราคา.. เธอสอนหนังสือมาหกปี มีเงินเก็บสะสมจากเงินเดือนและโบนัสอยู่ราวสี่แสนสองหมื่นหยวน เฉพาะนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนนี้ก็ราคาสามแสนหกหมื่นหยวนเข้าไปแล้ว
เมื่อวานหลังจากจบการเรียนภาคเช้า กงเสี่ยวลู่ก็ตัดสินใจว่าจะมอบของขวัญให้กับหลิงหยุน และเธอก็สามารถซื้อได้อย่างไม่ลังเลและไม่รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย
นาฬิกาเรืองนี้สามารถกันความร้อน กันน้ำ กันแรงสั่นสะเทือน แล้วก็อื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าต่อให้ผ่านไปเป็นร้อยๆปี นาฬิกาเรือนนี้ก็จะเดินคลาดเคลื่อนไปไม่เกินหนึ่งสิบสองวินาที
ตอนนี้หลิงหยุนดูเหมือนจะไม่ขาดแคลนอะไร และกงเสี่ยวลู่ก็ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรงไปกับการหาของขวัญให้กับเขา เธอรู้ดีว่าหลิงหยุนที่อยู่หน้าเธอในตอนนี้กับหลิงหยุนคนก่อนนั้นไม่ใช่คนเดียวกัน
นาฬิกาเรือนนี้แม้ว่าจะราคาแพงมาก แต่ก็สวยมาก และเหมาะกับผู้ชายมาก แล้วก็ยากที่เมื่อได้เห็นแล้วจะสามารถวางลงได้ง่ายๆเช่นกัน
“สวยมากเลย.. ผมชอบมาก นี่ราคาเท่าไหร่เหรอครับ?” หลิงหยุนขอบคุณกงเสี่ยวลู่จากใจจริงและถามยิ้มๆ
เมื่อกงเสี่ยวลู่ได้ยินว่าหลิงหยุนชอบมาก เธอก็รู้สึกมีความสุขอย่างมาก แต่ก็ตอบหลิงหยุนไปว่า “ทำไมถามอะไรมากมายแบบนี้? เอาล่ะ.. ใส่ซะ มานี่ครูจะใส่ให้!”
หลิงหยุนเกาศรีษะและปล่อยให้กงเสี่ยวลู่ใส่นาฬิกาให้ เขายกมือขึ้นดูนาฬิกา และพบว่าเป็นเวลาสิบโมงห้าสิบแล้ว และใกล้จะเข้าเรียนคาบสามแล้ว
“มา.. มาลองเสื้อผ้าพวกนี้ดู!”
ผ่านไปสิบนาที หลิงหยุนได้กลายเป็นนายแบบชาย เขาลองเสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่หลายชุด ระหว่างที่ช่วยหลิงหยุนลองเสื้อผ้านั้น สายตาของกงเสี่ยวลู่ก็แอบสำรวจเรือนร่างของหลิงหยุนไปด้วย และใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นแล้วก็แดงขึ้น..
นั่นก็เพราะว่ารูปร่างของหลิงหยุนในตอนนี้นั้น ช่างสวยงามและสมส่วนอย่างที่สุด!
ด้วยส่วนสูงหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซ็นติเมตร น้ำหนักแปดสิบกิโลกรัม ผิวที่ใสสว่างราวกับคริสตัล กล้ามเนื้อเป็นมัดๆที่ไม่ว่าหญิงสาวคนใหนเห็นก็ต้องรู้สึกตื่นเต้น!
ยิ่งไปกว่านั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ยาว แผ่นหลังสง่างาม ร่างกายสูงตรง สัดส่วนระหว่างร่างกายส่วนบนและส่วนล่างนั้นช่างสมส่วนอย่างหาที่ติไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นรูปร่างที่มีสัดส่วนสมบูรณ์ไม่ต่างจากรูปปั้นเดวิดที่สวยงามเลย!
และนี่คือเหตุผลที่ว่าเพราะเหตุใดกงเสี่ยวลู่จึงสามารถซื้อเสื้อผ้าให้หลิงหยุนได้โดยไม่จำเป็นต้องให้เขาไปลองด้วยตัวเอง เพราะหากนายแบบสูงร้อยแปดสิบสามเซ็นติเมตรใส่ได้ ก็มั่นใจว่าหลิงหยุนต้องใส่ได้อย่างแน่นอน!
หลิงหยุนลองเสื้อผ้าทั้งห้าหกชุดที่กงเสี่ยยวลู่ซื้อให้เรียบร้อยแล้ว ก็เก็บทุกอย่างเข้าไปใว้ในแหวนพื้นที่ แต่มือของกงเสี่ยวลู่ยังคงสัมผัสอยู่ที่ร่างกายของหลิงหยุน จนเขาต้องร้องบอกว่า
“ครูครับ.. ปล่อยได้แล้ว เพราะถ้าไม่ปล่อย สงสัยจะไม่รอด..” หลิงหยุนพูดพร้อมกับชี้ไปที่ร่างกายส่วนล่างของตนเอง
สองสามวันนี้หลิงหยุนมีเรื่องมากมายที่ต้องไปสะสาง เขาไม่มีเวลาที่จะจัดการกับกงเสี่ยวลู่ได้ อีกอย่างการรักษาสถานะเช่นนี้ระหว่างเขากับกงเสี่ยวลู่ไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะเขาเองก็มีเทพธิดาหลินรออยู่ที่บ้าน ใหนจะยังนางพยาบาลอีกคน..
“วันนี้.. ผมจะอยู่ทานข้าวเที่ยงกับครู ผมซื้อเนื้อสดมาให้ครูทำอาหารเยอะแยะเลย..!”
เมื่อเห็นว่าหลิงหยุนตั้งใจที่จะอยู่ทานข้าวเที่ยงกับเธอ กงสี่ยวลู่ก็ตื่นเต้นราวกับเด็กสาว เธอพาหลิงหยุนออกไปนอกห้อง เปิดทีวีให้ดู ให้เขานั่งรอบนโซฟา ส่วนตัวเธอก็ไปล้างไม้ล้างมือและเริ่มลงมือทำอาหาร
กงเสี่ยวลู่อยู่เพียงลำพังมาตลอดหกปี หลังจากเตรียมการสอนที่น่าเบื่อหน่ายในทุกๆวัน เธอก็จะหัดเรียนรู้เรื่องการทำอาหาร ทำให้มีฝีมือในการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
หลิงหยุนได้กลิ่นหอมโชยมาจากห้องครัว หลิงหยุนได้แต่พยักหน้าพร้อมกับคิดว่า ครูประจำชั้นของเขาสวยงามหาใครเทียบได้ยาก หากผุ้อำนวยการหลิวได้ไป เขาคงจะรู้สึกเสียดายไม่น้อย..
เก่งทั้งงานนอกบ้าน ในบ้าน และเป็นแม่ศรีเรือน สมกับเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อมจริงๆ!
วันนี้เป็นวันพุธ.. ในทีวีก็มีแต่รายการที่น่าเบื่อ หลิงหยุนเปลี่ยนช่องไปมาก แต่แล้วก็ไปจดจ่ออยู่กับทีวีช่องหนึ่ง
-เช้านี้มีคนพบศพของชายคนหนึ่งในคูน้ำเมืองจิงฉู หลังจากพิสูจน์แล้ว พบว่าตายตั้งแต่คืนวันที่ 27 มีนาคม เป็นคนขับรถพ่วงชื่อหวังเล่ย-
เมือ่ได้เห็นข่าวนี้ ดวงตาของหลิงหยุนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที ลูกนัยน์ตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีดำและขาวสลับกันขึ้นมาวูบหนึ่ง!
‘คนขับรถพ่วงงั้นรึ?’
คืนวันที่ 27 มีนาคม เป็นคืนที่เขาถูกรถพ่วงทับตาย?!
หลิงหยุนรีบโทรหาถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาสั่งให้ทั้งสองคนทิ้งงานทุกอย่างในมือ และให้ทั้งคู่รีบเข้าไปดูเหตุการณ์