[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 446 : โอกาส!

กงเสี่ยวลู่ยืนพิงขอบประตูในสภาพที่ผมยาวสีดำนั้นยังชื้นอยู่ เห็นได้ชัดว่าเธอเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสามส่วนกระโปรงสั้น ชายกระโปรงเป็นลูกไม้เผยให้เห็นท่อนขาที่เรียวสวยงามสะดุดตา

“วันนี้ครูสวยมากเลยครับ!” หลิงหยุนเดินออกจากลิฟท์ถึงกับต้องถอนหายใจ

ชุดที่กงเสี่ยวลู่สวมอยู่นั้นเป็นชุดที่เธอเพิ่งซื้อมาเมื่อวาน ชุดนี้ไม่เพียงอวดเรือนร่างที่สมส่วนของเธอ แต่ยังเผยให้เห็นผิวที่ขาวเนียนดั่งหิมะของเธออีกด้วย แล้วก็ช่างล่อหูล่อตาและน่าค้นหามากเสียเหลือเกิน!

และแน่นอนว่ากระโปรงที่กงเสี่ยวลู่สวมอยู่นั้น เธอไม่มีทางสวมออกไปข้างนอกอย่างแน่นอน เธอเพียงแค่ต้องการใส่ให้หลิงหยุนดูเพียงคนเดียว

กงเสี่ยวลู่สังเกตเห็นสายตาที่เร่าร้อนของหลิงหยุน เธอจึงได้แต่ยิ้มหวานแล้วก็เขินอาย “ครูรอเธออยู่ตั้งนานแล้วล่ะ ยังจะยืนมองอะไรอีก.. ไม่อยากเข้ามาหรือยังไง?”

หลิงหยุนพ่นลมหายใจออกจากปาก แล้วเดินเข้าไปโอบร่างของกงเสี่ยวลู่เข้าไปในห้องพร้อมกับใช้เท้าถีบประตูห้องให้ปิดลง

หลิงหยุนนั่งลงบนโซฟาพร้อมกงเสี่ยวลู่ จากนั้นจึงโน้มหน้าเข้าไปใกล้และพูดขึ้นว่า “เป็นไงบ้าง.. ตอนนี้ไม่มีใครกล้าซุบซิบเรื่องคุณครูคนสวยของผมอีกแล้วใช่ไม๊?”

กงเสี่ยวลู่หน้าแดงพร้อมตอบกลับไปว่า “ร้ายกาจนักนะเธอนี่..! แล้วนี่ยังจะกล้ามานั่งกอดครูอยู่อีกเหรอ ไม่อายบ้างหรือยังไง?”

หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า “ก็ครูของผมแต่งตัวเซ็กซี่มีเสน่หน์มากนี่ครับ ใครจะอดใจไหว?”

มือคู่สวยของกงเสี่ยวลู่โอบรัดรอบคอของหลิงหยุนไว้ พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เขินอาย “นี่เธอกล้าพูดแบบนี้ได้ยังไงกัน?”

ตอนนี้ร่างอ่อนนุ่มของเธออยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของหลิงหยุน ราวกับว่านี่จะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ในหัวใจของหลิงหยุนมีแต่เธอ

“ครูเพิ่งกลับมาจากห้องทำงานของครูใหญ่..” กงเสี่ยวลู่เริ่มคุยกับหลิงหยุนเกี่ยวกับเหตุการณ์ในโรงเรียนเมื่อวานนี้

เมื่อบ่ายวานนี้กงเสี่ยวลู่ไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้า แล้วก็ซื้อของกลับมามากมาย เธอยังเรียกนักเรียนหญิงให้ไปช่วยกันถือของกลับขึ้นมาที่ห้อง

หลังจากที่นำของขึ้นมาเก็บที่หอพักเรียบร้อยแล้ว เธอก็รีบไปสอนต่อ และเป็นเวลาที่นักเรียนมัธยมปลายห้องหกอยู่ในคาบแรกของการทบทวนด้วยตัวเอง และเมื่อทุกคนเห็นกงเสี่ยวลู่เดินเข้าไปในห้องเรียน นักเรียนทุกคนต่างก็พากันปรบมือเสียงสนั่นไปทั่วทั้งห้อง

กงเสี่ยวลู่รู้สึกเหนื่อยมาก แต่หน้าตากลับมีความสุข และแจ่มใสอย่างมาก ซึ่งผิดกับเมื่อเช้าอย่างชัดเจน

หลิงหยุนไม่อยู่เรียนในชั่วโมงทบทวนด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องปกติ และเว่ยเถียนอันก็ไม่อยู่แล้วเช่นกัน ในเวลานั้นทางโรงเรียนก็ได้ประกาศให้นักเรียนทุกคนทราบว่า เว่ยเถียนอันนั้นได้สิ้นสภาพของการเป็นนักเรียนโรงเรียนมัธยมจิงฉูแล้ว

กงเสี่ยวลู่ขอให้นักเรียนทุกคนหยุดการปรบมือต้อนรับเธออย่างอบอุ่นนั้น จากนั้นก็พูดกับนักเรียนในห้องเพียงไม่กี่คำ ส่วนใหญ่ก็เป็นการแสดงความซาบซึ้งใจต่อนักเรียนทุกคนในห้อง และขอให้ทุกคนตั้งใจทบทวนบทเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้

จากนั้นกงเสี่ยวลู่ก็เรียกฉางหลิงให้ตามเธอออกไปที่ระเบียงนอกห้อง และขอให้ฉางหลิงช่วยเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เธอฟัง

เมื่อกงเสี่ยวลู่ได้ฟังว่าหลิงหยุนตบหน้าผู้อำนวยการหลิวกับรองครูใหญ่หวังเหว่ยเฉิง แล้วยังสร้างความอับอายให้กับรองครูใหญ่เจี้ยวเฟิ่งหัวอีกด้วย ในใจรู้สึกดีใจและอบอุ่น แต่ก็อดที่จะกังวลใจไม่ได้ เพราะคนหนึ่งก็เป็นถึงผู้อำนวยการ ส่วนอีกคนก็เป็นถึงรองครูใหญ่ กงเสี่ยวลู่อดคิดไม่ได้ว่าหลิงหยุนออกจะทำเกินเลยไป!

จากนั้น.. เมื่อได้รู้ว่าหลิงหยุนไม่เพียงเรียกร้องให้ครูใหญ่จางคืนตำแหน่งเดิมให้ และยังให้เขารับปากว่าจะช่วยกู้ชื่อเสียงของเธอกลับคืนอย่างไม่มีเงือนไขแล้ว ยังให้เธอรักษาการหน้าที่ในการตัดเกรดของนักเรียนแทนผู้อำนวยการหลิวด้วย ความกังวลใจต่างๆ และความเป็นห่วงหลิงหยุนก็มลายหายไปในทันที เหลือเพียงความรู้สึกอบอุ่นและภาคภูมิใจ

แต่เมื่อได้ยินว่าครูใหญ่จางจะจ่ายเงินชดเชยค่าเสียหายให้เธอกับหลิงหยุนเป็นจำนวนเงินถึงหนึ่งล้านหยวน เธอก็ถึงกับตกใจสุดขีด!

คิดไม่ถึงว่าเธอใช้เงินเก็บตลอดหลายปีเป็นจำนวนกว่าสี่แสนหยวนนี้ ไปซื้อของขวัญให้หลิงหยุน แต่กลับกลายเป็นว่าเขากลับทำให้เธอได้รับเงินกลับมาเป็นล้าน!

ในเวลานั้นจิตใจของกงเสี่ยวลู่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย ใบหน้าสวยงามของเธอสลับกันไปมาระหว่างความรู้สึกเขินอาย ภูมิใจ แล้วก็มีเสน่ห์ แม้แต่ฉางหลิงที่ได้เห็นสีหน้าเหล่านี้ของกงเสี่ยวลู่ ก็ยังได้แต่ยืนอึ้ง..

เพราะในสายตาของฉางหลิงนั้น ครูประจำชั้นของเธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตาเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา และตลอดสามปีมานี้ เธอก็ไม่เคยเห็นกงเสี่ยวลู่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาทางสีหน้าให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่ากงเสี่ยวลู่จะอ่อนโยนกับนักเรียน แต่ก็เป็นคนที่เคร่งครัดมาก แต่เพราะเหตุใดวันนี้จึงแสดงอารมณ์ออกทางสีหน้ามากมายเช่นนี้?

กงเสี่ยวลู่มองสีหน้าที่ตกตะลึงของฉางหลิง และด้วยความกลัวว่าฉางหลิงจะล่วงรู้ความลับที่น่าอายของเธอ หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงสั่งให้ฉางหลิงกลับไปนั่งเรียนตามเดิม จากนั้นตัวเธอเองก็กลับไปที่หอพัก..

ในคืนนั้น.. กงเสี่ยวลู่ทั้งตื่นเต้น ทั้งภูมิอกภูมิใจ และในจิตใจของเธอก็มีเพียงเรื่องของหลิงหยุนอย่างเดียว จนเธอเองก็ไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ตลอดทั้งคืน เพราะไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความไม่ดีของหลิงหยุนนั้น ล้วนแล้วแต่ได้ประทับตราตรึงลงไปในจิตใจของเธออย่างยากที่จะหลีกหนีได้พ้น

และในวันนี้.. ไม่ว่ากงเสี่ยวลู่จะเดินไปที่ใหนของโรงเรียน จะเป็นห้องพักครูภาควิชาภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ไปสอนตามห้องเรียนต่างๆ เธอก็เต็มไปด้วยความสดใสร่าเริง และมีแต่เสียงหัวเราะ  แม้จะต้องพบเจอบางคนที่มองเธอด้วยสายตาอิจฉาจนไปถึงเกลียดชัง เธอก็กล้าที่จะเข้าไปทักทายได้โดยไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร เรียกได้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอพองโต และเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขอย่างมาก

การถกเถียงหรือซุบซิบเธอในแง่ลบดูเหมือนจะค่อยๆหมดไป แต่แม้ว่าจะยังมีอยู่บ้าง กงเสี่ยวลู่ก็ไม่ใส่ใจ เพราะสิ่งที่หลิงหยุนทำเพื่อเธอนั้น ทำให้เธอพอใจมากจนไม่ต้องการอะไรอีก

ครูใหญ่จางเองก็ทำดีมากเช่นกัน หลังจากหมดคาบเรียนที่สอง เขาก็สั่งให้สำนักงานกระจายเสียงของทางโรงเรียนอ่านหนังสือขอโทษจากทางโรงเรียน และคำสั่งคืนตำแหน่งให้กับกงเสี่ยวลู่เพื่อเป็นการกู้ชื่อเสียงคืนให้กับเธอ อีกทั้งยังประกาศว่าเธอจะรักษาการในหน้าที่ของผู้อำนวยการหลิวแทน

แน่นอนว่า.. ข่าวลือที่ผ่านมานั้น ทางโรงเรียนมัธยมจิงฉูรู้เรื่องและได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจจริง จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรอีก

จากนั้นครูใหญ่จางก็เรียกกงเสี่ยวลู่เข้าไปพบที่ห้องทำงานส่วนตัวของเขา และจัดการส่งมอบเช็คจำนวนหนึ่งล้านหยวนให้กับกงเสี่ยวลู่

ครูใหญ่จางมองกงเสี่ยวลู่ด้วยสายตาสำนึกผิด “ครูกง.. คุณสอนนักเรียนได้ยอดเยี่ยมมาก..!”

แม้ในใจของกงเสี่ยวลู่จะรู้สึกละอายใจ แต่ก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เธอยอมรับเงินชดเชยพร้อมกับเอ่ยขอบคุณครูใหญ่จาง

หากเป็นก่อนหน้านี้ กงเสี่ยวลู่คงจะไม่ยอมรับคำชม หรือยอมรับที่จะทำหน้าที่รักษาการในงานของผู้อำนวยการหลิวแทน และยิ่งเงินชดเชยจำนวนหนึ่งล้านหยวนนั้น.. ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้เธอได้เปลี่ยนไปแล้ว!

นั่นเพราะกงเสี่ยวลู่รู้ดีว่าที่หลิงหยุนทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อเธอ หากเธอไม่ยอมรับ เธอเกรงว่าหลิงหยุนจะขุ่นเคืองใจ!

ครูใหญ่จางกำชับกงเสี่ยวลู่ให้ดูแลหลิงหยุนให้ดี เพราะเขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์เข้าขั้นอัจฉริยะคนหนึ่ง และครูใหญ่จางหวังว่าหลิงหยุนจะเปล่งประกายโดดเด่นในการสอบเอนทรานซ์ปีนี้

กงเสี่ยวลู่ตอบกลับอย่างสุภาพเพียงแค่สองสามคำ จากนั้นก็รีบออกจากห้องครูใหญ่ไป

ครูใหญ่จางเป็นหัวหน้าสูงสุดของเธอ แต่หากเทียบกับหลิงหยุนแล้ว ในใจของเธอนั้นทั้งคู่มีคุณค่าต่างกันราวฟ้ากันดิน

หลังจากที่กงเสี่ยวลู่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่แทบจะไม่น่าเชื่อนี้ เธอก็กลับไปที่หอพักและรีบบทำความสะอาดห้อง อาบน้ำแต่งตัวสวยให้ที่สุด และเลือกสวมกระโปรงลูกไม้เพื่อรอคอยการมาของเด็กหนุ่ม..

หลิงหยุนหัวเราะแล้วหัวเราะอีก “คุณครูประจำชั้นที่รักของผมทำได้ดีมากจริงๆ! นี่ถ้าครูปฏิเสธเงินชดเชยค่าเสียสาย ผมคงจะโกรธมากจริงๆ”

กงเสี่ยวลู่พึมพำอายๆ “นี่เธอยังจะเรียกฉันว่าครูประจำชั้นอยู่อีกเหรอ?”

หลิงหยุนยิ้มแล้วถามกลับว่า “แล้วจะให้ผมเรียกอะไร? พี่ใหญ่ดีไม๊?”

กงเสี่ยวลู่รีบย้อนถาม “จะบ้าเหรอ..? คนบ้าที่ใหนลวนลามพี่สาวตัวเอง? งั้นอยากจะเรียกอะไรก็ตามใจ!”

หลิงหยุนมองกงเสี่ยวลู่อย่างสนอกสนใจพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ครูครับ.. เรื่องจะเรียกอะไรนั่นไม่สำคัญหรอก! แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้นก็คือ.. อีกไม่เกินหนึ่งปี ผมจะทำให้ครูเด็กลงกว่านี้ได้ถึงสิบปี ถึงตอนนั้นผมค่อยเรียกครูว่าน้องสาว.. จะดีไม๊?”

“อะไรนะ?!”

กงเสี่ยวลู่ได้ฟังถึงกับตกใจ เธอผละออกจากอ้อมแขนของหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามขึ้นมาทันที

“นี่เธอ.. เธอจะทำให้ครูเด็กลงอีกสิบปีงั้นเหรอ?!”

หลิงหยุนยิ้มและตอบไปว่า “ถ้าครูไม่อยากแก่ก็ไม่ใช่ปัญหา! เพราะถึงตอนนั้นครูอาจจะดูเด็กกว่าผมสามถึงห้าปีทีเดียว ผมกลัวแต่ว่าถึงตอนนั้นจะกลายเป็นว่ามีคนสังสัยว่าผมพรากผู้เยาว์น่ะสิ..”

หลิงหยุนประเมินผิดไปที่คิดว่าเธอจะไม่ชอบ.. เพราะเมื่อกงเสี่ยวลู่ได้ยิน เธอก็ถึงกับตาเป็นประกาย และอึ้งไปจนพูดอะไรไม่ออก!

ตอนนี้เธออายุยี่สิบแปดปี หากเธอเด็กลงอีกสิบปี เธอก็จะดูเหมือนเด็กสาวอายุสิบแปดซึ่งเป็นวัยไล่เลี่ยกับหลิงหยุน?

“นี่เธออย่ามาหลอกครูนะ.. ครูจะเชื่อไดยังไงว่าเธอพูดความจริง?!” กงเสี่ยวลู่ทั้งแปลกใจและตื่นเต้น แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่าหลิงหยุนจะหลอกเธอให้ฝันเก้อ

หลิงหยุนตอบกลับไปว่า “ครูมั่นใจได้เลย.. ตอนนี้แม่ของผมเองก็เด็กลงถึงสิบปี ถ้าผมทำไม่ได้ ผมจะยอมให้ลูกชายของครูใช้แซ่ของผม..”

กงเสี่ยวลู่ตอบบโต้อย่างเร็ว “จะบ้าเหรอ! กล้าพูดออกมาได้?”

หลิงหยุนเพิ่งจะนัวเนียกับเหยาลู่อยู่นานที่โรงแรมแชงกรีล่า และร่างกายของเขาก็ยังรุ่มร้อนอยู่ ถึงแม้เขาอยากจะกลืนกินกงเสี่ยวลู่ แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่ในตอนนี้

เขามาเพื่อรักษากงเสี่ยวลู่..

“ใช่แล้ว.. ผมต้องการลวนลามครู! เร็วเข้า.. พวกเราต้องทำความรู้จักกันให้มากขึ้น!”