ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1376 – สัตว์อสูรในระดับพลังปราณจักรพรรดิของชิงสุ่ย, นิกายที่มีประวัติอันยาวนาน, นิกายสาปอสูร

 

จ้าวเหยาหวู่จากไปและชิงสุ่ยไม่ได้คิดอะไรอีก เขาเดินไปรอบๆคฤหาสน์พร้อมกับหญิงสาวทั้งสอง ที่นี่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่มากมายนัก รวมจ้าวเหยาหวู่ด้วยแล้วก็มีแค่เพียงสิบคนเท่านั้น เมื่อกล่าวถึงเรื่องการทำความสะอาด เนื่องจากไม่มีผู้คนอาศัยอยู่จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดในทุกๆวัน ชิงสุ่ยไม่ทราบเช่นกันว่าเรื่องการลดจำนวนคนดูแลสถานที่เป็นความคิดของจ้าวเหยาหวู่หรือของตระกูลเทียนฮี่กันแน่ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้เพียงสิบคนในการทำความสะอาดอาคารแห่งนี้ในทุกๆวัน

 

อาจะเป็นเพราะการกระทำของชิงสุ่ยในก่อนหน้าที่ทำให้ใครบางคนถึงกับต้องตกตะลึง ที่ให้สาวใช้ทั้งหมดกลับไปโดยไม่ต้องทำงาน ชิงสุ่ยไม่ได้บังคับพวกนางให้อยู่ต่อ เขารู้ดีว่าคนที่อยู่ที่นี่มีล้วนมีความสมพันธ์ที่ดีต่อจ้าวเหยาหวู่

 

ยังคงมีสาวใช้อยู่อีกห้าถึงหกคน ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไรกับพวกนางอีก ถ้าหากพวกนางอยากจะอยู่ต่อชิงสุ่ยก็จะไม่บังคับ ถ้าหากเขาไม่สามารถจัดการกับสาวใช้พวกนี้ได้เช่นนั้นแล้วเขาจะจัดการกับหอคอยจักรพรรดิได้อย่างไร?

 

การตกแต่งภายในอาคารดูค่อนข้างสะอาดและมีเศษฝุ่นเพียงเล็กน้อย พื้นไม้สะอาดแวววาวจนสามารถสะท้อนได้ราวกับกระจก สถานที่ที่จ้าวเหยาหวู่และสาวใช้คนอื่นๆอาศัยอยู่ไม่ได้อยู่ในคฤหาสถ์ทั้งแห่งนี้ แต่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่าพวกนางเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน

 

สิ่งของที่จัดตั้งอยู่ในสนามข้างนอกถือว่าไม่เลวเลย มันมีแม้กระทั่งสถานที่สำหรับเด็กเล็ก มีทั้งภูเขาจำลอง บ่อน้ำ ดอกไม้และต้นไม้นาๆชนิด สิ่งแวดล้อมในบริเวณนี้ไม่มีจุดใดที่ติได้เลย พวกเขาเพียงแค่เลือกสถานที่พักอยู่ในส่วนหลังของคฤหาสถ์

 

“ชิงสุ่ย เช่นนั้นเราจะทำอะไรกันดีในตอนนี้?” อี่หวงกู่หวู๋มองไปยังชิงสุ่ยในขณะที่ส่งหยวนสู่เข้าห้องนอนเรียบร้อย เครื่องเรือนต่างๆดูใหม่และสวยงามเป็นอย่างมาก มีเพียงเตียงนอนเพียงอย่างเดียวเท่านั้นที่หญิงสาวทั้งสองต้องการเปลี่ยนใหม่

 

ชิงสุ่ยมีสิ่งของสำรองมากมายในดินแดนหยกยุพราชอมตะ มันเป็นพื้นที่ที่กว้างพอสำหรับเขาในการจัดเก็บสิ่งของต่างๆรวมถึงเตียงนอน ผ้าคลุม และสิ่งของต่างๆจำพวกนี้

 

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หญิงสาวทั้งสองเลือกเอาไว้ใช้ในขณะที่ต้องเดินทาง

 

“ลองไปดูอาคารที่สูงตระหง่านนั่น พวกเราจะจัดตั้งมันให้เป็นหอคอยจักรพรรดิขึ้นในอนาคต เช่นนั้นต้องคอยดูว่ามีสิ่งใดที่ต้องการซ่อมแซมปรับปรุงบ้าง” ชิงสุ่ยให้ความเห็น แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้จัดตั้งหอคอยจักรพรรดิขึ้นในตอนนี้ แต่เขาก็ยังคงต้องวางแผนไว้คร่าวๆเพื่อให้ทุกอย่างพร้อมที่จะดำเนินการ

 

จุดประสงค์ของอาคารแห่งนี้คือใช้เป็นสมาคมการค้าหรือสิ่งอื่นๆในทำนองนี้ โครงสร้างจึงมีคุณภาพสูงกว่าหอคอยจักรพรรดิในเมืองอี่หวง อย่างน้อยที่สุดชิงสุ่ยมีความรู้สึกวันมันจะต้องมีคุณภาพที่ดีกว่าหอคอยจักรพรรดิของหมอปิศาจ

 

อาคารแห่งนี้มีความสูงเป็นอย่างมากมันมีทั้งหมดสิบชั้นด้วยกัน ในแต่ละชั้นจะต้องมีความสูงสิบเมตรหรือโดยรวมแล้วอาคารแห่งนี้จะต้องมีความสูงรวมกว่าหนึ่งร้อยเมตรนั่นเอง โดยปกติแล้วอาคารที่มีความสูงในระดับนี้ไม่จัดอยู่ในจำพวกอาคารที่มีความสูงน้อย แต่แน่นอนว่ายังมีอาคารที่สูงกว่านี้อยู่เช่นกันและอาจสูงถึงหนึ่งพันเมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามอาคารเหล่านั้นมักถูกสร้างอยู่ในป่าใหญ่ พวกมันมีโครงสร้างที่ใหญ่โตและมีความเป็นเอกลักษณ์

 

พวกเขามุ่งขึ้นไปข้างบนเรื่อยๆจากชั้นล่างสุด คฤหาสถ์แห่งนี้ที่เทียนฮี่เรินโม่ได้มอบให้มาถือว่าเหมาะสมที่สุด แทบจะไม่มีอะไรเลยที่พวกเขาจะต้องปรับปรุงเพิ่ม สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายต่างมีให้เรียบร้อยแล้ว

 

แน่นอนว่าชิงสุ่ยมีพวกชั้นวางและโต๊ะรวมถึงสิ่งของต่างๆอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาเพียงแค่นำมันออกมาจัดวางก็เป็นอันเสร็จสิ้น

 

ทางเดินและบันไดของที่นี่ถูกสร้างขึ้นในรูปแบบวงกลมคดเคี้ยว และยังมีจุดที่สามารถขึ้นหรือลงได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามจุดเหล่านั้นถูกวางอยู่ในส่วนหลังอาคาร ในส่วนหน้าของอาคารสามารถเลือกเดินขึ้นไปบนบันไดที่คดเคี้ยวหรือเหินขึ้นไปได้โดยตรง

 

อย่างไรก็ตามวิธีจำพวกนี้อาจไม่ได้รับความยินยอมจากเข้าของอาคาร

 

ชิงสุ่ยตัดสินใจเลือกจุดพักอาศัยของเขาไว้ยังชั้นบนสุดรวมถึงห้องของหญิงสาวทั้งสองเช่นกัน ในก่อนหน้าพวกนางได้ทำความสะอาดห้องเอาไว้เรียบร้อย แน่นอนว่าพวกนางตัดสินใจที่จะพักอาศัยอยู่ในอาคารแห่งนี้

 

หนึ่งวันผ่านไปโดยไม่พบปัญหาใดๆ พวกเขาใช้เวลาทั้งวันไปกับคฤหาสถ์แห่งนี้ ชิงสุ่ยเปรียบเหมือนก้อนกรวดเล็กๆที่ไร้ตัวตน ถูกโยนลงไปในมหาสมุทรของเมืองหลวงแห่งมหาทวีปและไม่สามาถสั่นได้แม้แต่คลื่นละรอกเล็กๆ

 

“พวกเราเดินทางกันมานาน พวกเจ้าทั้งสองคนควรพักเสียหน่อย พวกเราจะไปสำรวจเมืองหลวงกันในวันรุ่งขึ้น” ชิงสุ่ยมองไปยังหญิงสาวทั้งสองพร้อมกล่าวออกมา

 

“หืมม เช่นนั้นข้าจะไปพักผ่อนเสียหน่อย พวกเจ้าทั้งสองก็พักผ่อนได้แล้ว!” หยวนสู่ยิ้มให้และเดินจากไป

 

“รอข้าด้วย! ชิงสุ่ยเจ้าเองก็ต้องพักผ่อนเช่นกัน!” อี่หวงกู่หวู๋กล่าวพร้อมวิ่งตามหยวนสู่ออกไป

 

ในระหว่างการเดินทาง ชิงสุ่ยได้มีสัมพันธ์มากมายหลายครั้งกับอี่หวงกู่หวู๋ แต่ส่วนใหญ่มักอยู่ในเวลากลางดึก ชิงสุ่ยใช่ศิลาหยกสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อส่งตัวพวกเขาออกไปยังสถานที่ห่างไกลก่อนที่จะเดินทางกลับมา หยวนสู่ได้เห็นเหตุการณ์เหล่านั้นถึงสองครั้งในช่วงเวลากลางดึก…

 

หลังจากที่หญิงสาวทั้งสองกลับมา ชิงสุ่ยเดินทางเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะ เขาลงไปแช่ในบ่อน้ำเบญจธาตุแห่งชีวิต และใช้เวลาอยู่ที่นั่นสักพัก

 

นี่เป็นครั้งที่หกแล้วที่เขาแช่อยู่ในบ่อน้ำแห่งนี้หลังจากที่ได้บรรลุเคล็ดเสริมสร้างบรรพกาลขั้นที่แปด อาจเป็นเพราะว่าเวลาในดินแดนหยกยุพราชอมตะมีความยาวนานกว่าช่วงเวลาข้างนอก เขาใช้เวลาแช่น้ำอยู่ครู่หนึ่งและมันให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก

 

รากฐานของชิงสุ่ยมีความมั่นคงมากขึ้นและอวัยวะต่างๆในร่างกายของเขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขายังมีห้องสำหรับการฝึกฝนอีกด้วย ดังนั้นชิงสุ่ยจึงตัดสินใจใช้เวลาแช่อยู่ในบ่อน้ำแห่งนี้อยู่อีกชั่วครู่ ซึ่งเขาเคยลองให้คนรอบตัวลองทดสอบมาแล้วในก่อนหน้าแต่ก็ไม่เกิดผลใดๆเลย

 

ชิงสุ่ยได้กินยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่สี่ได้เป็นที่เรียบร้อยก่อนที่เขาจะบรรลุขั้น ดังนั้นหลังจากนี้เขาสามารถกินได้เพียงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ห้า แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายเขายังไม่สามารถปรุงยาเม็ดสวรรค์หยางระดับที่ห้าได้ในตอนนี้

 

เขาคำนวณแล้วว่ายังคงต้องการเวลาอีกหน่อยหลังจากที่มาอยู่ในขั้นนี้ได้ สมุนไพรยังคงต้องการเวลาอยู่อีกสักพัก นอกเหนือจากนั้นเขายังต้องพึ่งความสามารถจากอสูรโอสถแห่งจิตวิญญาณและดอกไม้แห่งชีวิต

 

ด้วยช่วงเวลาเหล่านี้ ชิงสุ่ยยังคงไม่ลืมเรื่องสัตว์อสูรของเขา แม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รับพลังอันมหาศาลจากยาเม็ดเทพโอสถ ความสามารถในการพัฒนาของเขาอยู่ในความเร็วที่สูงมาก นี่เป็นผลจากพลังที่ตื่นขึ้น ซึ่งพลังของเขาที่ได้รับมาจากสัตว์อสูรย่อมมีอานุภาพมากกว่าของมนุษย์

 

ขนาดของมังกรไอยราเกล็ดทองคำมีขนาดใหญ่ขึ้นมากในตอนนี้ แม้ชิงสุ่ยจะได้เจอมันอยู่เป็นประจำก็ตาม เขายังรู้สึกได้ถึงพลังและขนาดของมันที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

 

พลังของเขาถูกเพิ่มขึ้นกว่าแปดสิบสุริยา…

 

ชิงสุ่ยรีบทำความเข้าใจทักษะของมันในทันที เขาเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ

 

พลังคชสารผสานมังกร: ทักษะติดตัวเพิ่มความแข็งแรงทางกายภาพอย่างถาวรแปดสิบเท่า!

 

พลังที่ถูกเพิ่มขึ้นกว่าสิบเท่านี้ทำให้ชิงสุ่ยดีใจเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาที่ดีเลยทีเดียว

 

ทักษะเอราวัณโกรธา: เพิ่มพลังโจมตีสามเท่าแบบสุ่มต่อเป้าหมายสูงสุดห้าสิบเป้าหมาย

 

จำนวนเป้าหมายไม่ได้ต่างไปจากเดิมแต่ตัวพลังถูกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ชิงสุ่ยรูสึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่งเพราะเขาไม่ได้คาดหวังต่อทักษะนี้มากนัก

 

ก้าวพสุธาเอราวัณ เมื่ออยู่ในจุดที่สมบูรณ์แบบ สามารถเพิ่มพลังโจมตีกายภาพได้กว่าสิบเท่าและสามารถทำให้เป้าหมายรอบๆอยู่ในอาการมึนงงไม่สามารถขยับไปไหนได้

 

พลังของมันถูกเพิ่มขึ้นอีกครั้ง…

 

วชิระลี้ภัย: สามารถกระโดดภายในพริบตาเป็นระยะสามพันเมตร!

 

ปราณกระบี่วชิระ : ปล่อยหลักลมปราณออกไปทันทีเพื่อโจมตีศัตรูพร้อมซ่อนเร้นพลังไว้ สามารถลดความเร็วของศัตรูลงได้สองในสิบส่วนเป็นเวลาสองชั่วโมง

 

วชิระสยบอสูร: หลังจากใช้พลังนี้ออก เป้าหมายต่างๆในรัศมีหนึ่งพันเมตรจะถูกลดพลังลงหนึ่งในสิบส่วน จำนวนเป้าหมายสูงสุดห้าสิบเป้าหมาย ระยะเกิดผลสองชั่วโมง

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในสามทักษะนี้ ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของชิงสุ่ย

 

การจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่ง: สามารถโจมตีไปยังเป้าหมายได้ในทันทีพร้อมเพิ่มพลังโจมตีสูงสุดสิบห้าเท่า!

 

จากครั้งก่อนสิบเท่าเพิ่มเป็นสิบห้าเท่า… ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่ามังกรไอยราเกล็ดทองคำกำลังกลายมาเป็นสัตว์อสูรแห่งสวรรค์และโลก พลังของมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุม

 

เปลวเพลิงนรกานต์ทมิฬ: เปลวเพลิงนรกานต์ทมิฬใต้ฝ่าเท้าทำให้การโจมจีของมังกรไอยราสามารถทำลายเกราะของศัตรูลงได้สองในสิบส่วน ในขณะเดียวกันช่วยเพิ่มความเร็วของมังกรไอยรากลางอากาศขึ้นสองเท่า

 

เกราะเกล็ดมังกร: ช่วยเพิ่มพลังของป้องกันของมังกรไอยราขึ้นสี่เท่า ร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้นเป็นพื้นฐานของความสามารถของมังกรไอยรา

 

เมื่อชิงสุ่ยเห็นสิ่งหลังสุดนี้ทำให้เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข

 

เกราะเกล็ดมังกรอันท้ายสุดเป็นความสามารถที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การที่พลังป้องกันถูกเพิ่มขึ้นกว่าสี่เท่านั่นหมายความว่าพลังทางกายภาพของมันมีมากขึ้นเป็นห้าเท่าจากเดิม ด้วยสิ่งเหล่านี้ทักษะการจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่งของมังกรไอยราเกล็ดทองคำจะมีพลังกว่าสี่แสนแปดหมื่นสุริยา…

 

สัตว์อสูรมีความแตกต่างกับมนุษย์ พวกมันไม่ต้องบรรลุระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจอย่างยากลำบากและยังสามารถผ่านปัญหาคอควดและบรรลุสู่อาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจได้โดยตรงกลายมาเป็นสัตว์อสูรในระดับอสูรอมตะนิรันดร์

 

อสูรอมตะนิรันดร์จะมีพลังอยู่ราวๆหกแสนถึงเจ็ดแสนสุริยา และเมื่อพลังของพวกมันสามารถไปอยู่ในจุดหนึ่งล้านสุริยาได้ พวกมันจะกลายมาเป็นสัตว์อสูรในระดับอสูรอมตะนิรันดร์โดยตรง

 

เมื่อเทียบกับมนุษย์แล้วสัตว์อสูรต่างเป็นสุขกว่าในด้านนี้ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยระดับของปัญญาแห่งจิตวิญญาณ ทำให้การบรรลุถึงระดับอสูรอมตะนิรันดร์ถือเป็นเรื่องยาก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสมดุลของดินแดนพลังเทวะแห่งเต๋า ปัญญาแห่งจิตวิญญาณของสัตว์อสูรจะมีอยู่น้อยกว่าและไม่ต้องพบกับการเผชิญหน้าความทรมานแห่งสวรรค์พินาจ

 

ในก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยได้บรรลุพลังในขั้นสูงแล้วและยังไม่สามารถรับพลังเพิ่มได้ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงรอจนกว่าจะบรรลุเคล็ดเสริมสร้างบรรพกาลขั้นที่แปดอย่างสมบูรณ์ ในขั้นแรกของการได้รับพลังมา พลังจะไม่อยู่ในความเสถียรมากนักนั่นเป็นเหตุที่เขายังไม่ได้รับพลังเพิ่มจนกระทั่งตอนนี้ พลังทางกายภาพของมังกรไอยราเกล็ดทองคำถูกเพิ่มขึ้นสามสิบห้าสุริยาและส่งผลต่อชิงสุ่ยถึงเจ็ดสุริยา

 

ในขณะนี้ด้วยพลังกว่าสองร้อยสุริยา เจ็ดสุริยาเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ความหมาย แต่ถึงอย่างนั้นก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้ามองจากภาพรวมแล้วอาจไม่มากมายนัก

 

พลังเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยย่อมดีกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ชิงสุ่ยก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตั้งแต่เมื่อใดที่พลังของมังกรไอยราเกล็ดทองคำถูกส่งมายังเขาถึงสองในสิบส่วนและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่

 

มังกรไอยราเกล็ดทองคำเป็นถึงสัตว์อสูรแห่งสวรรค์และโลก และในอนาคตมันอาจไม่แพ้แม้กระทั่งตัวชิงสุ่ยเอง ถ้าพลังถูกเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆโดยอัตราสองในสิบส่วนของมัน…  เมื่อนึกถึงก้อนเมล็ดเจ็ดสีและเส้นลมปราณวชิระแล้วชิงสุ่ยถึงกับส่ายศีรษะ สภาพโดยรวมตอนนี้อาจอยู่ในขั้นที่ดีที่สุดแล้ว

 

ความสามารถของวิหคเพลิง,อสูรอัสนีคลั่ง และ อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียร ถูกเพิ่มขึ่นด้วยอัตราที่รวดเร็วเช่นกัน แม้ว่าจะยังเทียบไม่ได้กับมังกรไอยราเกล็ดทองคำ แต่ก็ยังไม่ห่างชั้นกันมากนัก วิหคเพลิงและมังกรไอยราเกล็ดทองคำพัฒนาขึ้นในความเร็วที่ไล่เลี่ยกันในขณะที่อสูรแมงมุมมังกรเจ็ดเศียรช้ากว่าเล็กน้อย อย่างไรก็ตามพวกมันทั้งหมดต่างแข็งแกร่งขึ้นจากเดิม และในตอนนี้พวกมันยังแสดงสัญญาณบางอย่างออกมาอีกว่าพวกมันกำลังจะพัฒนาขึ้น

 

ท่ามกลางสัตว์อสูรทั้งสี่ตัว อสูรอัสนีคลั่งถือว่าเป็นตัวที่อ่อนแอที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นมันถือว่าเป็นสัตว์อสูรที่ควบคุมได้ง่ายที่สุดสำหรับชิงสุ่ย นั่นหมายถึงหากเขาประสานงานเข้ากับอสูรอัสนีคลั่งแล้วอาจสามารถสังหารศัตรูได้ภายในพริบตา

 

ณ ตอนนี้ หากเขายังไม่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ชิงสุ่ยเพียงใช้สัตว์อสูรทั้งสี่ก็เพียงพอสำหรับการต่อกรกับศัตรูแล้ว นอกเหนือจากนั้นมันยังช่วยได้มากหากต้องพบเจอกับปราณบัญชาสวรรค์พินาจขั้นสูง ชิงสุ่ยมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นเขานึกถึงเรื่องนิกายสาปอสูรขึ้นมา

 

นิกายสาปอสูรตั้งอยู่ในเมืองหลงของมหาทวีปและถือเป็นหนึ่งในนิกายที่ทรงพลังที่สุด อีกทั้งยังเป็นนิกายที่มีความเก่าแก่และประวัติอันยาวนาน พวกเขาสามารถฝึกสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งให้เชื่องได้ สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับจุดที่จะผ่านไปยังอีกสามมหาทวีปที่เหลือ ซึ่งมีสัตว์อสูรที่แตกต่างกันอยู่มากมาย ดังนั้นหากมีทักษะควบคุมสัตว์อสูร ใครๆก็สามารถมีสัตว์อสูรเป็นของตนเองได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนิกายสาปอสูรจึงทรงพลังยิ่งนัก ผู้ฝึกยุทธในระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจจากนิกายสาปอสูรอาจสามารถต่อสู้กับปราณบัญชาสวรรค์พินาจจากที่อื่นๆได้ถึงสิบคน และยิ่งถ้าพวกเขามีโชคอยู่บ้างสัตว์อสูรที่พวกเขาควบคุมอยู่อาจมีพลังที่เหนือกว่าตัวเจ้าของเองเสียอีก และนี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวของนิกายสาปอสูร

 

ชิงสุ่ยไม่ทราบเช่นกันว่าพลังของทั้งสองอัจฉริยะอยู่ในระดับใด ด้วยสัตตะดวงใจอสูรพวกเขาสามารถควบคุมสัตว์อสูรที่มีระดับพลังเหนือกว่าตนเองและได้รับพลังมาจากสัตว์อสูรตัวนั้นๆ เขายังไม่รู้เลยว่าหากอีกฝ่ายสามารถบรรลุระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจได้จะเป็นเช่นไร ส่วนอี่หวงกู่หวู๋และตัวเขาเองได้บรรลุระดับปราณบัญชาสวรรค์พินาจแล้วในตอนนี้