ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แฟนเพจ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

https://www.facebook.com/AncientStrengtheningTechnique

บทที่ 1377 – จัดการกับคนของตระกูลเย่หลาง, ความร่วมมือ? เย่หลางเชียนคุน

 

วันถัดมาชิงสุ่ยตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อเขาได้ออกมาข้างนอกก็ได้พบกับหญิงสาวทั้งสองที่ตื่นอยู่ก่อนแล้ว และกำลังฝึกฝนในยามเช้า อี่หวงกู่หวู๋กำลังฝึกฝนเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์ ในตอนนี้นางกำลังจดจ่ออยู่กับเคล็ดรูปแบบพยัคฆ์และทักษะย่างก้าวเก้าเทวาเป็นส่วนใหญ่

 

ส่วนด้านของหยวนสู่กำลังฝึกเพลงกระบี่ของนางเอง ชิงสุ่ยไม่ทราบเช่นกันว่านางกำลังฝึกฝนอะไรแต่มันช่างดูยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเสน่ห์และท่วงท่าของวิชาที่นางกำลังแสดงออกมา

 

หลังจากยืนดูอยู่ชั่วครู่ ชิงสุ่ยเริ่มต้นฝึกด้วยปราณทองคำไทเก๊ก ในยามเช้าเช่นนี้เขาไม่เคยฝึกสิ่งอื่นใดนอกจากวิชาปราณทองคำไทเก๊ก ในตอนนี้ปราณทองคำไทเก๊กของเขาทรงพลังเป็นอย่างยิ่งแต่ก็ยังไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงใดๆปรากฏให้เห็น

 

หลังจากที่ทุกคนฝึกฝนในยามเช้าเสร็จสิ้น ทั้งสามคนได้ทานอาหารเช้าและได้ออกไปเดินสำรวจเมืองหลวงของมหาทวีป มีผู้คนมากมายต่างเดินเข้ามาในคฤหาสถ์

 

“เขาอยู่ที่ไหน? นายน้อยจ้าวที่สาม พวกเขาไปไหน?”

 

มีเสียงแหลมดังขึ้น เสียงนั่นมีที่มาจากชายผู้มีร่างกายสูงและแข็งแรง

 

“พวกเขาน่าจะออกมาในเร็วๆนี้ พ่อบ้านเฉินคนๆนี้ช่างโอหังยิ่งนัก” เสียงของจ้าวเหยาหวู่มีความแผ่วเบา เขามีบาดแผลที่ได้รับจากพลังของชิงสุ่ยในวันก่อนและยังไม่หายดี ในตอนนี้เขาต้องให้คนอืนๆช่วยพยุงเอาไว้

 

“โอหังยิ่งนัก เจ้าไม่คำนึงถึงนายน้อยจากตระกูลเทียนฮี่เลย เจ้าไม่มีสิทธิที่จะแสดงเช่นนี้ต่อหน้าตระกูลเย่หลาง เทียนฮี่เรินโม่เป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุดในตระกูลเทียนฮี่แล้วยังไง? เขายังไม่โดนจัดการโดยนายน้อยใช่หรือไม่?  ”

 

ชิงสุ่ย อี่หวงกู่หวู๋และหยวนสู่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและได้ยินเสียงโวยวายข้างในอย่างชัดเจน พวกเขาทั้งสามไม่ได้มีท่าทีที่ผ่อนคลายลงแม้จะผ่านเข้าประตูไปแล้ว

 

หลังจากที่ผ่านประตูส่วนหน้าเข้ามา พวกเขาก็ได้พบกับคนที่ทำให้เหตุการณ์เกิดความวุ่นวายขึ้น ทั้งหมดมีอยู่ราวๆสิบคนด้วยกัน มีสองคนกำลังแบกจ้าวเหยาหวู่ไว้ด้วยไม้กระดาน คนที่นำหน้าอยู่เป็นชายร่างสูงใหญ่ราวกับปราการเหล็ก เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนและมีท่าทีเดียวกับเสียงที่ได้ยินในก่อนหน้า

 

“มันอยู่ที่นั่น! พวกมันเป็นหนึ่งในนั้น!” เมื่อจ้าวเหยาหวู่เห็นชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสอง เขาเริ่มตะโกนออกมาเสียงดัง

 

“เจ้าเป็นหนึ่งในคนที่ทำร้ายนายน้อยจ้าวที่สามใช่ไหม? เจ้าเป็นใครในตระกูลเทียนฮี่?” ชายผู้นั้นเปรียบเสมือนปราการเหล็กมีผิวสีดำและมันวาวทั้งๆที่ไม่ต้องชะโลมน้ำมันเลย

 

“นายน้อยจ้าวที่สาม” ชิงสุ่ยหยุดชะงักไปชั่วครู่ คนๆนี้ควรถูกเรียกว่าจ้าวเหยาหวู่ แต่อาจเป็นเพราะเขาอยู่ลำดับที่สามในตระกูล

 

“นายน้อยจ้าวที่สาม เป็นหนึ่งในคนที่ทำงานให้กับนายน้อยเย่หลาง เจ้าจะชดใช้อย่างไรที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ? เจ้าจะต้องรับผิดชอบเสียในตอนนี้!” ชายผู้นั้นมองมายังชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองที่แสนงดงาม เขามีความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ

 

ผู้ชายอาจถูกมองว่าเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง นอกเหนือจากนั้นเพศตรงข้ามย่อมมีความดึงดูดต่อกัน เมื่อผู้ชายได้พบกับหญิงสาวที่สง่างาม ผู้ชายทุกคนล้วนอยากเข้าไปรู้จัก มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่หาคำอธิบายได้ยาก

 

“ว่ามา พวกเจ้าต้องการให้ข้าชดใช้อย่างไร?” ชิงสุ่ยยิ้มออก ต่างฝ่ายต่างพยายามเล่นแง่ต่อกัน และชิงสุ่ยรู้ดีว่าใครกันที่ต้องเป็นฝ่ายแพ้ไป

 

“ถ้าหากนายน้อยของเรารู้ว่าเจ้าเป็นคนสร้างบาดแผลให้กับ นายน้อยจ้าวที่สาม เขาจะต้องสังหารเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าเห็นว่าอย่างไรหากจะมอบคฤหาสถ์นี้ให้กับพวกเรา” ชายผู้นั้นกล่าวออกมาพร้อมกับขยิบตาให้ เสียงของเขามีความสงบมากให้ความรู้สึกราวกับว่าชิงสุ่ยเป็นฝ่ายที่จะเสียเปรียบ

 

ชิงสุ่ยยังคงสวมรอยยิ้มไว้บนใบหน้าของเขา “นายน้อยเย่หลางกล่าวไว้เช่นนั้นหรือ ?”

 

“ข้าเป็นคนที่มีความใกล้ชิดกับนายน้อยเย่หลางและคำพูดของข้าย่อมมีน้ำหนัก” เมื่อชายผู้นั้นกล่าวออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ผู้ทรงอิทธิพลทั้งหลายในเมืองหลวงของมหาทวีปยังต้องปฏิบัติต่อเขาอย่างระมัดระวัง

 

สถานะของสุนัขจะสูงส่งหากเจ้านายของมันมีอำนาจ และถ้าเจ้านายของมันมีอำนาจมากพอสุนัขข้างหน้าของเขาย่อมมีสถานะที่สูงส่ง

 

“อ้ะ? ดูเหมือนว่าข้าจะได้รับผลที่ดีหากมอบคฤหาสถ์ให้กับพวกเจ้าไป” ชิงสุ่ยคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวออกมา

 

“หญิงสาวทั้งสองข้างๆตัวเจ้าช่างงดงามยิ่งนัก นายน้อยของพวกเราชอบพวกนางมาก” สายตายของชายผู้นั้นส่องประกาย

 

ในเมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้ นายน้อยเย่หลางเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นคนเหี้ยมโหด ถ้าเขาชอบพอหญิงสาวคนไหนเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ตัวมา ด้วยความพยายามและอำนาจของเขาแล้วเรื่องทั้งหมดจะสำเร็จในทุกครั้งไป แต่โดยทั่วไปแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายต้องมาหาเขาเองแม้ว่าจะเป็นเพียงคืนเดียวก็ตาม…

 

สายตาของชิงสุ่ยหรี่ลงในขณะที่มองไปยังชายที่เปรียบเสมือนกับปราการเหล็ก พร้อมกับก้าวเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาปล่อยพลังกดดันมหาศาลออกมาไปยังชายผู้นั้น

 

ตู้ม…

 

ทุกๆคนรวมถึงจ้าวเหยาหวู่ถูกทำให้กระเด็นออกไปโดยชิงสุ่ย และมีเลือดไหลออกมา จ้าวเหยาหวู่ได้รับบาดเจ็บหนักสุด เขามีบาดแผลอยู่แล้วในก่อนหน้าและหลังจากที่โดนเข้าไปอีก เขาอยู่ในสถานะเป็นตาย เป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเขาจะมีชีวิตรอดหรือไม่

 

ชิงสุ่ยก้าวออกมาอย่างเชื่องช้า คนพวกนี้ถูกทำให้กระเด็นออกไปข้างนอกคฤหาสถ์โดยชิงสุ่ยและตกลงไปที่ถนนข้างล่าง ซึ่งถนนเหล่านี้กำลังคึกคักไปด้วยกิจกรรมต่างๆและถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่เจริญที่สุดในเมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้

 

พ่อบ้านจากตระกูลเย่หลางเป็นที่รู้จักกันดีทำให้หลายๆคนสามารถจำเขาได้ในทันทีที่เห็นหน้า แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจก็คือใครเป็นผู้กล้าในการจัดการกับคนในตระกูลเย่หลาง?

 

ผู้คนต่างสงสัยและได้เข้ามามุงดูเหตุการณ์อย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นานสถานที่บริเวณนี้ต่างถูกเติมเต็มไปด้วยผู้คน ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจที่ผู้คนต่างปรากฏให้เห็นมากมาย เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเขาต้องจัดการกับปัญหานี้ให้จบ

 

“เจ้าเด็กโอหัง เจ้ากล้าทำกับข้าได้อย่างไร? ข้าเป็นคนของตระกูลเย่หลาง! เจ้าเตรียมตัวรอความตายได้เลย! ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบความอวดดีของเขาไม่ได้หายไปเลย นั่นคงเป็นเพราะเขาคงรู้สึกว่าพ่อบ้านจากตระกูลเย่หลางมีความยิ่งใหญ่เพียงใด ”

 

“ถ้าหากตระกูลเย่หลางทำอย่างที่เจ้าว่าจริง เช่นนั้นชื่อเสียงที่เคยได้ยินมาช่างน่าผิดหวัง ตระกุลเย่หลางล้วนแล้วแต่เป็นขยะเช่นเจ้า? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆข้าก็ไม่ต้องกลัวพวกเขาอีกแล้ว ” ชิงสุ่ยยิ้มและก้าวเดินออกมา

 

“เจ้าเตรียมตัวรอไว้ได้เลย ถ้าหากเจ้ายังมีชีวิตรอดพ้นสามวันนี้ไปได้ ข้าจะมอบหัวของข้าให้กับเจ้า” ชายผู้นั้นมองไปยังชิงสุ่ยด้วยสายตาอันโหดเหี้ยม

 

“ข้าไม่ต้องการหัวของเจ้าเลย ให้ตายสิ ถ้าหากเจ้ารีบไปอาจจะยังพอมีเวลาไปบอกนายน้อยของเจ้านะ ถ้าหากช้ากว่านี้ระวังจะตายก่อนที่จะได้เดินกลับไป” หลังจากที่ชิงสุ่ยกล่าวออกมา เขาเตะไปยังจุดแก่นแท้ ของชายผู้นั้นสะกัดจุดอายุขัยเอาไว้

 

ถ้าผู้ใดมีพลังมากพอก็จะสามารถคลายจุดนี้เองได้ และคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากคนที่โดนสะกัดจุดหาคนที่แข็งแกร่งกว่ามาคลายจุดให้ แต่ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงมีเพียงความตายที่รอคอยอยู่เท่านั้น

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายผู้นั้นกัดฟันและลุกขึ้นยืนพร้อมนำคนอื่นๆเดินทางกลับไป พวกเขาเรียกใช้พาหนะและรีบกลับไปด้วยความเร็วสูงสุดและหนีหายไปตามระยะทาง

 

“ที่นี่เป็นคฤหาสถ์ของตระกูลเทียนฮี่มิใช่หรือ?”

 

“ถูกต้องแล้ว ชายผู้นี้เป็นใครกัน?” ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะกล้าจัดการกับคนตระกูลเย่หลาง หรือเป็นเพราะตระกูลเทียนฮี่เตรียมต่อสู้ครั้งใหญ่กับตระกูลเย่หลาง?

 

“ไม่น่าจะเป็นไปได้ การต่อสู้ระหว่างตระกูลมักจะเกิดจากคนในรุ่นเดียวกัน เช่นนั้นแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้เลย หรือชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นอัจฉริยะจากตระกูลเทียนฮี่ผู้ที่บรรลุขั้นระดับสูงกัน? ”

 

“นั่นอาจเป็นไปได้ การต่อสู้ในรุ่นของเทียนฮี่เรินโม่ เหล่าผู้อาวุโสไม่น่าจะยื่นมือเข้ามายุ่ง ข้าสงสัยเหลือเกินว่ามีผู้คนจากตระกูลเทียนฮี่อยู่เท่าไรกัน”

 

 

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ชิงสุ่ยและหญิงสาวทั้งสองไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะเดินชมเมืองอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขาเดินออกไปในตอนนี้ จะต้องมีผู้คนต้องเดินตามไปอย่างแน่นอน แน่นอนว่าชิงสุ่ยสามารถจัดการกับพวกเขาได้อย่างง่ายได้ แต่ด้วยอารมณ์ในตอนนี้เขาตัดสินใจที่จะไม่ออกไปข้างนอก

 

ยิ่งไปกว่านั้นถ้าข่าวในวันนี้ถูกแพร่กระจายออกไป แน่นอนว่าพลังอำนาจบางอย่างจากเมืองหลวงจะต้องรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของพวกเขาและเข้ามาตรวจสอบ พวกเขาจะต้องมีความสามารถในการสืบหาข้อมูลและทราบว่าเขาเป็นใครและมาจากที่ใด

 

นี่เป็นเพียงวันที่สองของพวกเขาในเมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้ และพวกเขาได้พบกับปัญหามากมาย ชิงสุ่ยไม่ได้กลัวที่จะต้องเผชิญกับปัญหา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขายินดีที่จะต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้

 

ตระกูลเหย่หลางจะต้องรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก ตระกูลที่ยิ่งใหญ่จะเสียอะไรก็ได้แต่ไม่ใช่เสียชื่อเสียง ดังนั้นชิงสุ่ยรู้ดีว่าจะต้องมีใครบางคนจากตระกูลเย่หลางเดินทางมาหาเขาอย่างแน่นอน

 

เขาตัดสินใจที่จะจัดตั้งหอคอยจักรพรรดิขึ้นหลังจากที่จัดการกับเรื่องนี้เสร็จสิ้น ในขั้นตอนแรกเขาต้องการตระกูลที่มีอำนาจสนับสนุนเขาก่อนที่จะจัดตั้งขึ้นได้ ด้วยเรื่องเหล่านี้ตระกูลเย่หลางควรจะเป็นตระกูลที่รู้ดีว่าชิงสุ่ยเคยทำอะไรมาบ้างในอดีตและให้ความช่วยเหลือแก่เขา

 

ความสงบสุขในช่วงนี้ถือเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของชิงสุ่ย สามวันผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น เช่นเดียวกับที่ชิงสุ่ยคิดเอาไว้ ในที่สุดก็มีใครบางคนปรากฏออกมา

 

เขาดูเหมือนชายที่กำลังเข้าสู่วัยชรา การปรากฏตัวของเขาช่างดูสง่า ชิงสุ่ยได้เผชิญหน้ากับผู้คนหลากหลายพร้อมๆกับกลิ่นอายของพวกเขา โดยเฉพาะผู้คนจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ อย่างไรก็ตามกลิ่นอายของชายชราผู้นี้มีความแข็งแกร่งที่สุดท่ามกลางทุกคนที่เขาได้เคยเผชิญมาทั้งหมด

 

“ท่านหมอชิง ท่านสบายดีไหม?” ชายชรากล่าวออกมาเมื่อได้พบกับชิงสุ่ย นั่นแสดงให้เห็นว่ามีผู้คนมากมายได้รู้จักกับตัวตนของชิงสุ่ย ถ้าชิงสุ่ยไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น ณ ที่แห่งนี้และไม่ได้จัดการกับคนพวกนั้น ผู้คนทั้งหลายคงยังไม่ตรวจสอบประวัติความเป็นมาของเขา อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชิงสุ่ยได้ทำลงไปทำให้เขาได้เผยตัวต่อสาธารณะและทำให้ผู้คนทั้งหลายสนใจในตัวเขา

 

“ข้าควรเรียกท่านว่าอย่างไร?” ชิงสุ่ยยิ้มทักทายชายชราและเชิญชวนให้เขาไปนั่งที่กระโจมรองรับ

 

“ข้ามีนามว่าเย่หลางเชียนคุณ ข้ารู้ดีว่าท่านหมอชิงคงทราบดีว่าเหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่!” ชายชรากล่าวในขณะที่กำลังเดินไป

 

“ท่านมาที่นี่เพราะคนบางคนที่ถูกจัดการไปก่อนหน้านี้เช่นนั้นหรือ?” ชิงสุ่ยกล่าวอย่างสุภาพ

 

“แน่นอนว่าไม่ ถ้าข้ามาที่นี่เพราะคนที่ทำความผิดไปในก่อนหน้า ข้าเย่หลางเชียนคุนคงไม่ต้องรอให้ท่านรอจนถึงวันนี้” เย่หลางเชียนคุนยิ้มและกล่าวออกมา

 

“เช่นนั้นท่านมีเรื่องอะไรจึงได้มาหาข้าในวันนี้?” ชิงสุ่ยได้คาดเดาไว้บ้างแล้ว เนื่องจากพวกเขารู้ว่าตัวชิงสุ่ยเป็นใครและแสดงท่าทีที่แตกต่างออกไป มันคงเป็นเพราะทักษะด้านการแพทย์ของเขา

 

“ตระกูลเย่หลางคาดหวังว่าจะได้ร่วมงานกับท่านหมอ ท่านมีความเห็นเช่นไรบ้าง?” เย่หลางเชียนคุนมองไปยังชิงสุ่ยและยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ

 

ชิงสุ่ยยิ้มตอบและมองไปยังเย่หลางเชียนคุน “ท่านต้องการให้พวกเราทำงานด้วยกันเช่นนั้นหรือ?”

 

“ตระกูลเย่หลางรับรองว่าท่านหมอจะมีความเป็นอยู่ที่ดีในเมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้ พวกเราจะมอบสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับท่าน ส่วนท่านหมอจะต้องแบ่งปันทุกอย่างที่ได้รับมาแก่ตระกูลเย่หลาง”  เย่หลางเชียนคุนใช้ความคิดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวออกมา

 

ชิงสุ่ยยิ้มออกมา ตระกูลเย่หลางช่างโลภมากเสียจริง ทุกๆอย่างที่เขาได้รับมารวมถึงความสัมพันธ์ ตระกูลเหย่หลางต้องการพวกมันทั้งหมด พวกเขาเพียงเสนอความมั่นคงให้และยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

 

ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปยังเย่หลางเชียนคุน “เมื่อท่านรู้ว่าข้าเป็นใครแล้ว ท่านควรรู้ว่าข้าไม่ทำงานให้ใครทั้งสิ้น”

 

“ข้ารู้ดี แต่ทุกๆอย่างย่อมมีข้อยกเว้น” เย่หลางเชียนคุนมีท่าทีโน้มน้าวชิงสุ่ย

 

“จะเป็นเช่นไรหากข้อยกเว้นเหล่านั้นไม่มีอยู่เลย” ชิงสุ่ยให้ความเห็นและกล่าวออกมา

 

“มันจะต้องมีอย่างแน่นอน ในวันนี้ข้าเดินทางมาที่นี่เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของท่านหมอ เมืองหลวงของมหาทวีปแห่งนี้มีความแตกต่างจากอาณาจักรอี่หวงอยู่ ซึ่งท่านไม่สามารถนำอาณาจักรอี่หวงมาเทียบเคียงได้ เมื่อมาอยู่ในสถานที่แห่งใหม่ ท่านควรจะปฏิบัติตามกฏของสถานที่แห่งใหม่เช่นกัน มิฉะนั้นแล้วท่านอาจจะจบด้วยความพ่ายแพ้ “ เย่หลางเชียนคุนยิ้มออกมาด้วยความมั่นใจ

 

“ท่านควรพูดมันออกมาตรงๆ ข้าไม่เข้าใจจริงๆว่าท่านหมายถึงสิ่งใด”

 

“พื้นที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของเมืองหลวงแห่งมหาทวีปซึ่งมีความวุ่นวายมาก ถ้าท่านไม่มีพลังที่เพียงพอ เช่นนั้นแล้วท่านควรจะร่วมมือกับคนบางกลุ่ม มิฉะนั้นแล้วท่านคงไม่สามารถทำการใหญ่ได้ เพราะย่อมมีผู้คนมากมายเข้ามาขัดขวาง พวกเขาย่อมใช้วิธีการต่างๆเข้ามาขัดขวางท่าน ”

 

“หากว่าข้าไม่ทำงานให้กับตระกูลเย่หลาง เช่นนั้นแล้วตระกูลเย่หลางจะขัดขวางข้าด้วยหรือไม่?”