ตอนที่ 399 การผ่าตัดที่ยากและมีความเสี่ยง
บนรถพยาบาล ยวี๋น่ากำมือของหลินหนานแน่น ยกเว้นตอนที่พยาบาลกับคุณหมอที่ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้วถึงได้ปล่อยมือ ยวี๋น่าก็เฝ้าเขาอยู่ข้างๆ ตลอดน้ำตาก็ไหลไม่หยุด
ตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าหากหลินหลานจากไปจริงๆ แล้วต่อไปเธอจะทำยังไง จนไม่ได้โทรหาซูฉิง
กว่าจะมาถึงโรงพยาบาล ยวี๋น่าก็ตามเข้าไปแล้วก็ถูกห้ามไม่ให้เข้าห้องผ่าตัด
เธอนั่งไม่ติดเดินไปเดินมา แววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ และตอนที่คุณหมอเดินออกมานั้น ยวี๋น่าก็เดินไปข้างหน้าถามอย่างร้อนใจ
“คุณหมอคะ เพื่อนของฉันเขาเป็นยังไงบ้าง จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตมั้ยคะ”
คุณหมอจ้องยวี๋น่าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แล้วพูด:”อาการของเขาไม่ดีมาก มีแผลด้านนอกขนาดใหญ่ อีกทั้งยังไม่ได้สติ ผมได้หาวิธีโดยการแจ้งญาติคนไข้แล้ว อาการอย่างนี้จะต้องให้ญาติคนไข้รีบมาเซ็นชื่อยินยอมให้รับการผ่าตัด”
“ช่วยเขาด้วยนะคะ ขอร้องพวกคุณเถอะค่ะจะต้องช่วยเขาให้ได้นะคะ!”
ยวี๋น่าตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำยังไง เธอเข้าไปจับมือคุณหมออย่างตื่นตระหนก พูดขอร้องออกไป จนคุณหมอบอกว่าจะพยายามสุดความสามารถ ถึงได้ปล่อยมือ แล้วมองเข้าไปในห้องผ่าตัดอย่างช่วยอะไรไม่ได้
ซูฉิงก็ได้โทรมาหนึ่งครั้ง
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ซูฉิงที่หายวี๋น่า แต่ก็ไม่มีคนรับ ซูฉิงก็รู้สึกเป็นกังวลมาก
เธอคิ้วขมวดอย่างรู้สึกเป็นห่วง และก็ลองคิดโทรอีกครั้งหลังจากโทรไปแล้วสามครั้ง เพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงตื่นตกใจของยวี๋น่าดังมาตามสาย และยังมีความหวาดกลัวอยู่
“ซูฉิง……..”
และตอนที่ยวี๋น่าเอ่ยปากพูดพร้อมกับร้องไห้
“น่าน่า ทำไมเธอถึงพึ่งรับสาย “ซูฉิงที่อยากจะถามยวี๋น่าเป็นอะไร คุยตกลงกับหลินหนานด้วยดีมั้ย แต่พอได้ยินเสียงของยวี๋น่าแปลกไป เธอก็ร้อนใจแล้วเปลี่ยนหัวข้อ
“เธออยู่ที่ไหน เธอเป็นอะไร”
ยวี๋น่าพอได้ยินอย่างนั้นก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยาก ร้องไห้ออกมาพร้อมกับพูดติดๆ ขัดๆ :”:ซูฉิง หลินหนาน หลินหนานเขารถชน ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ฉัน…….ฉันไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง……”
“อะไรนะ “ซูฉิงที่ตกใจมาก แม้แต่น้ำเสียงก็ควบคุมไม่อยู่ ตอนแรกที่จะออกไปข้างนอก เธออยากจะถามเยอะกว่านี้ แต่ได้ยินยวี๋น่าร้องไห้จนน่าสงสาร ช่วยไม่ได้เธอเลยทำได้เพียงแค่พูดปลอบเธอ
“เธออย่าพึ่งร้องนะ อยู่ที่โรงพยาบาลไหนบอกฉันมา ฉันจะรีบไป!”
ยวี๋น่าบอกที่อยู่ของโรงพยาบาลเรียบร้อยก็กดวางสาย เดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างทำอะไรไม่ได้ ก้มลงเอามือปิดหน้าร้องไห้ออกมา
หลินหนาน หลินหนานนายจะต้องไม่เป็นอะไร…….
จากนั้นก็ได้ยินเสียงเดินมาแต่ไกล ยวี๋น่าเงยหน้าหันไปมอง ก็เห็นเป็นสองสามีภรรยาสองคนที่มีสีหน้ารีบร้อน ผู้หญิงหน้าคล้ายหลินหนาน น่าจะเป็นแม่ของหลินหนาน
“คุณหมอคะ คุณหมอคะ ลูกชายของฉันเป็นยังไงบ้าง เป็นอะไรมั้ย ห๊ะ “แม่หลินเห็นคุณหมอก็รีบวิ่งเข้าไปถามไม่แม้แต่หายใจ ด้วยสีหน้าร้อนใจ เหมือนใกล้จะร้องไห้แล้ว
“ในที่สุดพวกคุณก็มาแล้ว “คุณหมอยื่นหนังสือเซ็นยินยอมให้ทั้งสองได้เซ็น “ตอนนี้บาดแผลของเขาสาหัสมาก จะต้องรีบทำการผ่าตัด พวกคุณรีบเซ็นยินยอมเถอะครับ หากช้าจะไม่ทันการ”
“ได้ครับ เราจะเซ็นเดี๋ยวนี้เลย” ชายวัยกลางคนรีบเซ็นชื่อลงไป ด้วยความที่รีบร้อน ทำให้ชื่อก็ไม่ค่อยบรรจงเท่าไหร่ หลังจากที่เขายื่นหนังสือยินยอมให้คุณหมอแล้ว สองสามีภรรยาก็ยิ่งพูดขอร้อง
“คุณหมอคะ ขอร้องพวกคุณ จะต้องช่วยของเราให้ได้นะคะ ขอร้องพวกคุณเถอะนะ!”
ห้องผ่าติดปิดเข้าไปอีกครั้ง และป้ายไฟแสดงก็เปลี่ยนเป็นสีแดง”ห้ามเข้า” แม่หลินที่กระวนกระวายใจ หัวใจตกอยู่ตาตุ่ม เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายที่ภาคภูมิใจของเธอ ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้ คงจะเป็นหายนะสำหรับเธออย่างไม่ต้องสงสัยเลย
พ่อหลินที่โอบไหล่ภรรยาของตัวเองด้วยความสงสาร แววตาของเขาก็แดงก่ำ
สองสามีภรรยามองเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้องมองยวี๋น่าอยู่สักพัก ก็หน้าเปลี่ยนสีทันที แม่หลินที่ปกติเป็นคนนิสัยอ่อนโยนมองโลกในแง่ดี รีบเดินเข้ามาต่อว่ายวี๋น่า
“เป็นเพราะเธอ ฉันเคยเจอเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่ลูกชายของฉันชอบคนนั้น ถ้าไม่ใช่เธอผู้หญิงมารยา เขาก็คงไม่เกิดเรื่องอย่างนี้! เธอ –เธอยังจะมาอยู่ที่นี่ทำไม ไปเลย ไปให้พ้นหน้าฉันเลย!”
ยวี่น่าถูกผู้หญิงตรงหน้าต่อว่า กลับนั่งนิ่งไม่โต้ตอบ เธอก็รู้ว่าเรื่องครั้งนี้นั้นส่วนใหญ่ก็มีสาเหตุมาจากเธอ น้ำตาก็ไหลออกมา ทำได้เพียงร้องไห้ขอโทษ
“ขอโทษคะ ขอโทษคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะ หนู หนูไม่ได้….”
คุณหมอที่เห็นว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลก็รีบเข้ามาฉุดแม่หลินกลับมา และพูดเสียงเบา:”ที่นี่เป็นโรงพยาบาล อย่าเสียงดัง อย่าเสียงดัง!”
แม่หลินแม้จะถูกเตือนก็หยุด แต่ก็ยังหันไปมองยวี๋น่าด้วยความโกรธเคือง แม้พ่อหลินไม่พูดอะไร แต่หน้านิ่งขรึมไม่เป็นมิตร
เขามองยวี๋น่าที่ร้องไห้ไม่หยุด เลยพูดเสียงขรึม:”คุณยวี๋ใช่มั้ย พวกเราเคยได้ยินชื่อของเธอมาบ้าง แม้ไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับลูกชายของเราเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ตอนนี้เขานอนอยู่ในห้องผ่าตัดไม่รู้เป็นหรือตาย ก็ขอให้เธอเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อแม่ด้วย ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว หวังว่าเธอจะออกไปจากที่นี่ ฉันกับภรรยาไม่อยากเจอหน้าเธอ!”
ยวี๋น่าที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
ซูฉิงก็รีบมาที่โรงพยาบาล วิ่งมาที่หน้าห้องผ่าตัด ก็มองเห็นยวี๋น่า เธอก็รีบวิ่งเข้ามา โอบไหล่ปลอบยวี๋น่า ด้วยสีหน้าร้อนใจ
“เป็นไงบ้าง หลินหนานเกิดอุบัติเหตุได้ยังไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
เธอที่พึ่งพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นก็เห็นแม่หลินที่นั่งเช็ดน้ำตาอยู่กับพ่อหลินที่ทำหน้าเคร่งเครียด ก็ก้มหัวให้เล็กน้อย แล้วพูดอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า ฉันเป็นเจ้านายของหลินหนาน และก็เป็นเพื่อนของยวี๋น่า มีอะไรคุยกับฉันก็ได้”
แม่หลินที่ตอนนี้ไม่อยากรับรู้อะไรไม่ว่าจะเป็นใครหรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับยวี๋น่า เธอเพียงเป็นห่วงว่าหลินหนานจะผ่านด่านนี้ไปได้มั้ย เพียงแค่เหล่มองซูฉิงแล้วก็หันหน้าไปอีกทาง
ซูฉิงกัดริมฝีปาก ตอนนี้เธอก็ไม่รู้จะทำยังไง เลยได้แต่นั่งลงข้างๆ ยวี๋น่า ค่อยๆ พูดปลอบเธอ”ไม่เป็นไรนะ……เธออย่าคิดมากนะ หลินหนานเป็นคนดี จะต้องไม่เป็นอะไรแน่ ”
ผ่านไปประมาณสามถึงสี่ชั่วโมง คุณหมอก็เดินออกมาจากห้องผ่าตัด
ทุกคนก็เดินไปข้างหน้า ยังไม่มีใครทันได้พูด คุณหมอก็พูดขึ้นมา:”ตอนนี้อาการของคนไข้ยังไม่ดีขึ้น บาดแผลค่อนข้างลึก อาจจะ……อาจจะผ่านคืนนี้ไปไม่ได้ ญาติคนไข้ต้องทำใจไว้ด้วยนะ”
ยวี๋น่าเบิกตากว้าง เธอรับความจริงนี้ไม่ได้ รู้สึกเหมือนหัวกระแทกจนทรงตัวไม่อยู่