ตอนที่ 326

The Divine Nine Dragon Cauldron

บ่อเคลือบจินตนา

ตู่หมิงฮั่วนอนอยู่บนพื้นในสภาพปางตาย เขาพูดออกมาอย่างยากลำบากด้วยแววตาอันน่าเวทนา

 

“ขะ…ขอโทษ…ไว้ชีวิตข้า”

 

ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอด ตู่หมิงฮั่วอ้อนวอนขอชีวิต

 

ฮั่วฉีหลานที่ช่วงพยุงซือหยูมองอย่างขยะแขยง

 

“ดูเหมือนเจ้าจะลืมความน่าเวทนานี้ไปตั้งแต่งานประมูลแล้ว! เจ้าก็ขอโทษและขอให้ข้าไว้ชีวิตเจ้าเช่นนี้”

 

“ตอนนั้น ใครกันที่คุกเข่าขอชีวิตเจ้า? ใครกันที่ตั้งใจจะรับใช้ข้าไปสามปี? นั่นคือตู่หลง! เขารู้อยู่แล้วว่าเจ้าคิดร้าย เขารู้อยู่แล้วว่าตระกูลตู่ไม่ยอมรับ! แต่เขาก็นับว่าเจ้ามาจากตระกูลเดียวกันและคุกเข่าเพื่อเจ้า เต็มใจที่จะเป็นทาส เพียงเพราะสายสัมพันธ์ของตระกูล!”

 

“แล้วเจ้าล่ะทำอะไร?”

 

ซือหยูรู้สึกว่าตู่หลงไม่ได้รับความเป็นธรรม

 

“ตู่หลงทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อชีวิตเจ้า แต่เจ้าก็ส่งคนมาสังหารพวกข้าทันทีน่ะรึ? เจ้ารู้อยู่แล้วว่าเขาคือนายน้อยคนก่อน แต่ก็ปลิ้นปล้อนใส่ร้ายว่าเขาปลอมตัวมา เจ้าใส่ร้ายว่าเขาสมคบคิดกับข้า เจ้าไม่สนใจคนที่คุกเข่าเพื่อเจ้าเลย!”

 

“เจ้าเป็นเดรัจฉานงั้นรึ?”

 

ตู่หมิงฮั่วปากสั่น

 

“ขะ…ขอโทษ….”

 

แววตาอันหวาดกลัวของเขาไร้ซึ่งความเสียใจ เขาเพียงแค่พูดเพื่อยื้ดชีวิตเท่านั้น!

 

ดวงตาของซือหยูเยือกเย็นถึงขีดสุด

 

“เจ้า!สมควร!ตาย!”

 

ฉั่วะ–

 

ซือหยูไม่ใช่คนที่ลงมือ แต่เป็นฮั่วฉีหลานที่ทะลวงดัชนีเข้าใส่ศีรษะเพราะความขยะแขยงมาโดยตลอด

 

จากนั้นซือหยูก็หันไปมองจางซือยี่

 

บาดแผลของจางซือยี่นั้นไม่ได้ร้ายแรงเท่าตู่หมิงฮั่วเลย เขาพยายามจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกฮั่วฉีหลานซัดพลังใส่จนกระดูกท่อนล่างหัก เขากรีดร้องและล้มลงกับพื้น

 

“เจ้าอยากจะฆ่าข้าเรอะ? เจ้าคิดดีๆเสียดีกว่า ถ้าฆ่าข้าเจ้าจะต้องแย่แน่!”

 

จางซือยี่กุมขาที่กระดูกหัก ใบหน้ารูปงามของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

 

ซือหยูไร้อารมณ์

 

“แย่งั้นรึ? ตอนที่เจ้าเตรียมตัวจะสังหารและชิงสมบัติของข้า แล้วยังพยายามจะฆ่ารองเจ้าตำหนักสองคน เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าเจ้าจะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องกลัวยิ่งกว่าข้า?”

 

“เจ้าคิดจริงๆถึงว่าหอสดับหิมะจะแข็งแกร่งจนอาณาจักรทมิฬไม่กล้าแตะต้อง เจ้าถึงได้คิดสังหารพวกข้าเช่นนี้?”

 

จางซือยี่แววตาเปลี่ยนไป หน้าผากมีเหงื่อเย็นผุดออกมา

 

“เว่ยเทียนเฉินอยู่ในเมืองอันยี่ ถ้าเจ้าฆ่าข้าเขาจะไม่ปล่อยพวกเจ้าทุกคนไปแน่”

 

ซือหยูยิ้มเยาะเมื่อได้ยิน

 

“ข้าต้องกลัวคนที่หลบซ่อนอยู่หลังผู้คนด้วยรึ?”

 

ซือหยูหยุดหัวเราะไม่ได้

 

“เขาอยากได้ธนูมังกรฟ้าดินของข้า แต่ก็กลัวว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัยจึงส่งศิษย์น้องมาทำงานแทนขณะที่ตัวเองนั่งรอรางวัล”

 

“ถ้าข้ากลัวคนเช่นนั้น ข้าจะไม่แย่ไปกว่าเขารึ?”

 

ความแน่วแน่ของซือหยูไม่ได้ทำให้จางซือยี่โศกเศร้าเลยแม้แต่น้อย

 

“หยินหยู! ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเจ้าเลย ถ้าพวกเราหยุดเสียตรงนี้ ข้าก็จะสำนึกเอาไว้! ทำไมเจ้าต้องต้อนข้าในจนมุมเช่นนี้?”

 

ซือหยูหยุดไปชั่วครู่ เขาส่ายหัว

 

“ข้าไม่ได้ต้อนใครให้จนมุม ยังมีคนอื่นที่ข้าได้รามือ”

 

เมื่อมองไปถึงเหตุการณ์ในอดีต…

 

เจ้าสำนักหลิวเซี่ยนอยากจะสังหารซือหยู สุดท้ายเมื่อซือหยูกลับไปที่สำนักหลิวเซี่ยน เขาก็ไม่ได้ฆ่าเจ้าสำนัก

 

ตู่หลงได้สร้างปัญหากับซือหยูยิ่งกว่าที่สำนักหลิวเซี่ยนได้ทำไป มีหลายครั้งที่ซือหยูต้องเผชิญหน้ากับความตาย แต่ด้วยสิ่งที่เขาทำให้กับซือหยู ซือหยูจึงไม่ได้เอาชีวิตเขา

 

“โชคร้ายนักที่ข้าไม่เหลือเหตุผลให้ไว้ชีวิตเจ้า!”

 

ซือหยูส่ายหัวอย่างเย็นชา

 

“ข้าปล่อยให้คนอย่างตู่หมิงฮั่วรอยมาก่อน แล้วมันก็ยังกลับมาแว้งกัดข้า ข้าไม่อยากจะเจอเหตุเช่นนั้นเป็นครั้งที่สอง”

 

“ถ้าเจ้าอยากจะโทษ…ก็โทษตัวเองซะเถอะ เจ้าเลือกศัตรูผิดคน!”

 

ถ้าเขาไม่เข้ามายุ่งเรื่องของซือหยูกับเกาคัง ไม่พยายามใช้คุณธรรมนำสงคราม ซือหยูก็คงจะไม่ทำอะไรเขา ไม่ว่าซือหยูจะไม่พอใจจางซือยี่เท่าใดก็ตาม แต่เป็นเขาที่ทำร้ายตัวเอง

 

ฉั่วะ–

 

ครั้งนี้ ฉีหยุนเซี่ยงซัดพลังออกไป กระบี่ของนางทะลวงหัวใจของจางซือยี่

 

“เจ้าจะเปลืองน้ำลายกับคนเช่นนี้ไปทำไมกัน?”

 

ฉีหยุนเซี่ยงพูดด้วยความขยะแขยง

 

“ตามที่ร่ำลือ บุตรทั้งสี่แห่งหอสดับหิมะนั้นบริสุทธิ์และดีขึ้นในทุกขณะ พวกเขานั้นสุภาพนอบน้อมคู่ควรแก่การนับถือ แต่เมื่อข้าได้เจอกับตา ข่าวลือพวกนั้นก็แค่คำลวงที่คนนอกพูดทั้งนั้น”

 

ไม่มีใครในโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบ

 

บนโลกที่ไร้คนสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ยิ่งผู้คนมองเห็นความสมบูรณ์แบบเท่าใด คนผู้นั้นก็ยิ่งต้องเสแสร้งมากเท่านั้น

 

“นี่มันเลยเวลาแล้ว พวกเราควรจะรีบไป”

 

ฮั่วฉีหลานคว้าตัวทั้งสองก่อนจะขึ้นบิน

 

หนึ่งชั่วยามต่อมา

 

ลึกไปในป่าอันมืดสนิท

 

“ที่นี่คือชายเขตของป่าทมิฬ ที่นี่มีมนุษย์อยู่มากจึงมักจะไม่ค่อยพบสัตว์อสูร”

 

ฮั่วฉีหลานนำทั้งสองไปยังซากปรักหักพัง

 

ความงดงามในอดีตของที่นี่หลงเหลือแต่เพียงฝุ่นควัน ด้วยกาลเวลาและสภาพอากาศที่กัดกร่อน

 

“เปิดซะ!”

 

ฮั่วฉีหลานหายใจเข้าลึก นางรวบรวมพลังวิญญาณมหาศาลในฝ่ามือและแยกแผ่นธรณีใต้พื้นที่ยืนอยู่!

 

ครืน—

 

ด้วยพลังของนาง ผืนธรณีแยกกว้างพอจะให้สองคนได้เข้าไป

 

ประตูเหล็กปรากฏอยู่ที่พื้น

 

ประตูเหล็กนั้นสีดำสนิทแต่ก็ดูใหม่ ไม่เข้ากับซากปรักหักพังโดยรอบ

 

“นี่คือผนึกที่เจ้าตำหนักหลิงวางเอาไว้หลังจากที่เขาพบพื้นที่บ่มเพาะพลังงที่นี่ คนที่จะเข้ามาได้มีแต่ผู้ที่มีตราของรองเจ้าตำหนักเท่านั้น”

 

นางพูดและหยิบตราของตัวเองกับของซือหยูออกมาวางไว้บนประตูเหล็กพร้อมกัน

 

เมื่อตราทั้งสองสัมผัสกัน ประตูเหล็กก็เปล่งประกาย พลังไร้ลักษณ์ดึงพวกเขาเข้าไปในประตู

 

ทุกสิ่งเลือนลาง

 

เมื่อเขาลืมตาอีกครั้งก็พบว่าเขาอยู่ในห้องลับที่มีไฟสว่าง

 

ห้องนี้ยาวประมาณร้อยเมตร

 

พื้นที่นั้นกว้างขวาง มีบ่อน้ำอยู่ตรงกลางห้องใต้ดินแห่งนี้

 

มันจุคนได้หกคน และน้ำในบ่อยังเป็นสีแดงที่ปล่อยแสงมหัศจรรย์ออกมา

 

เพียงแค่มองซือหยูก็รู้สึกเวียนหัว

 

ฮั่วฉีหลานจ้องมองบ่อน้ำด้วยความตกใจ มิอาจซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้

 

“ที่นี่คือจุดหมายของเรา บ่อเคลือบจินตนา!”

 

ฮั่วฉีหลานหายใจยาวเพื่อข่มความตื่นเต้นเอาไว้ภายใน

 

ซือหยูเลิกคิ้ว

 

“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อฝึกฝนหรอกรึ?”

 

ซือหยูคิดว่าการฝึกฝนคือการผจญภัยในป่าและทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

 

เขาจะฝึกฝนได้ถ้าลงน้ำในบ่องั้นรึ?

 

ตั้งแต่ที่ฮั่วฉีหลานเข้ามาในห้องลับ นางไม่ได้ละสายตาไปจากบ่อน้ำเลยสักครั้ง นางวิ่งไปทางบ่อน้ำขณะอธิบาย

 

“การฝึกร่างกายก็คือกายฝึก การฝึกจิตใจก็คือการฝึกเช่นกัน”

 

“น้ำในบ่อเคลือบจินตนาจะพาผู้คนไปยังโลกแห่งความฝันและทำให้จิตใจแข็งแกร่งขึ้น!”

 

“หากผ่านบททดสอบนี้ สิ่งที่รบกวนจิตใจก็จะหายไปอย่างมาก จากนั้นม่านดวงวิญญาณก็จะสลาย ทำให้ร่างกายและดวงวิญญารได้หลอมรวมกัน จากนั้นจะไม่มีสิ่งกีดขวางใดในการบ่มเพาะพลังอีก ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเจ้าก็จะเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก!”

 

“และเจ้ายังสามารถใช้ดวงวิญญาณที่แข็งแกร่งขึ้นเพิ่มระดับปัญญา วิชาบ่มเพาะของเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!”

 

ซือหยูประหลาดใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้

 

การฝึกฝนนี้เพื่อจิตใจหรอกรึ?

 

และมันก็ยังมีผลกับวิชาบ่มเพาะอย่างมาก!

 

อรหันต์แปดอักษรของซือหยูได้ไปถึงขีดกำจัดของขั้นแรกเริ่มแต่ก็มีเส้นกั้นบางๆที่แบ่งแยกเขาออกจากขั้นต้น มันเป็นเส้นกั้นที่เขาไม่อาจข้ามผ่าน

 

ดูเหมือนว่าเขาจะขาดอะไรไป

 

ส่วนฎีกาสวรรค์ เขาได้บ่มเพาะจนถึงระดับเทพ แต่พลังของมันก็ไม่แข็งแกร่งอย่างที่เขาคิดไว้ ราวกับว่ามันขาดสิ่งใดไป

 

ทั้งวิชาและฎีกาสวรรค์ได้เป็นปัญหาต่อซือหยูมาเป็นเวลานาน

 

หรือว่าบ่อเคลือบจินตนาจะทำให้เขาข้ามผ่านมันไปได้?

 

ซือหยูลงสู่บ่อด้วยความคาดหวัง