ฉีหยุนเซี่ยงขบริมฝีปากเบาๆ
“ข้าเข้าไปด้วยจะได้หรือไม่?”
ฮั่วฉีหลานขมวดคิ้วและไม่คิดถึงความรู้สึกของฉีหยุนเซี่ยง
“พาเจ้ามาที่นี่ก็เป็นการให้ความนับถือแก่เจ้าตำหนักหยินหยูอยู่แล้ว เพราะเจ้าเป็นผู้ติดตามของเขา มีแค่รองเจ้าตำหนักที่มีสิทธิ์ลงมาในบ่อนี่”
คำพูดของนางทำให้ฉีหยุนเซี่ยงหูแดง นางก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าบ่อนี้ใหญ่พอก็ให้นางเข้ามาเถอะ”
ซือหยูยิ้มอย่างยินดี
ฮั่วฉีหลานมองซือหยูอย่างไม่พอใจ
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันยากเพียงใดกว่าจะได้สิทธิ์ในการลงสู่บ่อวิญญาณนี่? บ่อนี้จะเกิดขึ้นในทุกห้าปี รองเจ้าตำหนักทั้งสิบยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาที่นี่!”
“ถ้ามีอีกคนลงมา ผลในการบ่มเพาะของเจ้าก็จะอ่อนแอลง เจ้าจะรับผิดชอบที่นางทำให้ข้าต้องอ่อนแอลงงั้นรึ?”
ซือหยูพูด
“อย่างไรพวกเราก็ดูดซับผลของบ่อวิญญาณนี้ได้ไม่ทั้งหมด มันไม่น่าเสียดายหรอกรึ? ให้นางเข้ามาเถอะ นางจะอยู่ข้างๆข้าและไม่รบกวนเจ้า เช่นนี้ได้หรือไม่?”
ฮั่วฉีหลานจะทำอะไรได้เมื่อได้ยินเช่นนี้? นางทำสีหน้าไม่เต็มใจ
“จริงๆเลย ทำไมข้าต้องลำบากนักกว่าจะได้มาที่นี่ ทั้งๆที่เจ้าสองคนได้รับโอกาสง่ายๆแบบนี้!”
ซือหยูยิ้ม
“หยุนเซี่ยง มาเถอะ”
ฉีหยุนเซี่ยงแววตาเป็นประกาย นางรู้สึกขอบคุณอย่างมาก นางน่าแดงระเรื่อ นางลงบ่อด้วยความสงสัยและอยู่ใกล้กับซือหยูอย่างมากเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนฮั่วฉีหลาน
ซือหยูทำใจให้เย็นลงก่อนจะหลับตาและพยายามฝึกจิตใจ
หลังจากที่หลับตาไปชั่วครู่ ความรู้สึกวิงเวียนที่ได้รับก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ความทรงจำหลั่งไหลมาพร้อมกับความเจ็บปวดในหัว ราวกับห้วงเวลาที่ไหลไปอย่างเงียบเชียบ
ร่างอันน่ารักและงดงามของเซี่ยนเอ๋อปรากฏขึ้นในจิตใจอย่างช้าๆ
การพบพานครั้งแรกที่เขารัตติกาล เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง นางก็ได้กลายเป็นคู่หมั้นของเขา
เมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก นางดูสวยและน่ารัก เมื่อพบกันอีกครั้ง นางได้เปล่งประกายอย่างบริสุทธิ์ และตอนที่พวกเขากำลังจะแยกจากกัน นางรวนเร โดดเดี่ยว และไม่มีใครให้พึ่งพิง
ทุกภาพไหลมาตามห้วงเวลา ทุกเหตุการณ์ราวกับฝุ่นที่ปกคลุมอยู่ในทุกมุมของจิตใจ
ความรู้สึกอันเกินจริง สัมผัสอันนุ่มนวลทำให้จิตใจของเขาเจ็บปวด เศษเสี้ยวความทรงจำเหล่านี้เป็นดังแสงอ่อนๆที่ไม่เคยหายไป
ซือหยูกุมอกท่ามกลางบ่อน้ำ
เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในอกนั้น
เขารู้สึกเป็นห่วง รู้สึกผิด และคิดถึงนาง
ในตอนนี้ เซี่ยนเอ๋อจะสบายดีไหมนะ? นางจะมีความสุขไหม? นางจะเหงาหรือไม่?
ตอนที่นางอยู่ตัวคนเดียว จะมีใครอยู่ข้างนางไหม? ตอนที่นางคิดถึงท่านพ่อ ใครกันจะปลอบนาง? ตอนที่นางร่ำไห้ นางจะเอนกายลงบนไหล่ของใครกัน?
นางจะยังสบายดี แม้ซือหยูจะไม่อยู่ข้างนางไหม?
หยดน้ำตาไหลออกจากดวงตาทั้งสองข้าง ไอวารีสีแดงเปล่งประกายแสงสีประหลาดออกมา
เขาแยกจากกับเซี่ยนเอ๋อมานานเกินไปแล้ว!
นี่เป็นเวลาที่จะพานางกลับมา!
ความคิดนี้เข้าโอบล้อมส่วนลึกของดวงวิญญาณซือหยูจนถึงจิตใจ นั่นทำให้ความรู้สึกในส่วนลึกแสดงออกมาจากผิวเปลือกนอก
“ข้า…อยากเจอเซี่ยนเอ๋อ…”
ซือหยูพูดเบาๆ
ในตอนนั้น ความคิดและจิตใจได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตะกอนภายในได้กระจ่างหายไป
ความรู้สึกตระหนักรู้อันชัดเจนได้ปรากฏบนใบหน้า
ความรู้สึกที่มีให้กับเซี่ยนเอ๋อของเขานั้นอยู่ในส่วนลึกของจิตใจ
ความรู้สึกที่ถูกกดอยู่ภายในเหล่านี้ได้กลายเป็นสิ่งกีดขวางทางจิตใจ ซึ่งส่งผลกับความเข้าใจในวิชาบ่มเพาะและฎีกาสวรรค์ของเขาเอง
และในตอนนี้ ความรู้สึกเหล่านั้นได้กลายเป็นพลัง ทำให้ความเชื่อของเขาไร้สิ่งกีดขวาง
แต่มันก็ยังไม่พอ!
ตอนที่ความทรงจำของเซี่ยนเอ๋อหายไป ภาพของอีกคนก็ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ
ดั่งนามและอัธยาศัย นางอ่อนโยน ปราณีต และอยู่ห่างจากภาวะทางโลก นางราวกับนางไม้ที่ละทิ้งชีวิตราวกับตัวตนอันงดงาม
เซี่ยจิงหยู
สตรีที่ทำให้ซือหยูใจสั่นไหวไม่ต่างกัน
นิสัยของนางนั้นเป็นดั่งชื่อ นางราวกับพิรุณเงียบเชียบในยามคิมหันต์ นางชำระล้างทุกสิ่งอย่างช้าๆ
บางครั้งบางเวลา นางยังคงอยู่ในส่วนลึกของดวงวิญญาณซือหยู เป็นไปไม่ได้ที่ซือหยูจะลืมความรู้สึกเหล่านั้น ราวกับว่ามิอาจลืมเลือนมันไปได้
นางจะทำอย่างที่ซือหยูบอกหรือจะอยู่กับเขาดังเดิมไหมนะ? แล้ว…นางคือคนที่ซือหยูไม่เคยรู้เลยว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรกับนางหรือ?
เมื่อพบกันครั้งแรก นางมอบธนูให้กับซือหยู เมื่อพบอีกครั้งในเขารัตติกาล ซือหยูช่วยชีวิตนางเอาไว้ เมื่อพบอีกหน ซือหยูถูกล้อมจากทุกทิศทางและเป็นนางที่เข้ามาช่วย และในป่าอสูร…ร่างอันงดงามที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา น้ำตาที่นางหลั่งเพราะเขา ความเยือกเย็นที่นางแสดงออกมาเมื่อหันกระบี่เข้าใส่ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์…
และยังคงมีสัญญานั้น สัญญาที่นางจะมองดูทุกสิ่งบนโลกแทนซือหยู
ความทรงจำหลั่งไหลไม่ขาดสาย ซือหยูรู้สึกราวกับตอนที่เขายืนอยู่บนผืนธรณี มองดูนางขึ้นวิหคยักษ์และบินจากไป
ในตอนนั้น ซือหยูได้รู้ว่าเมื่อนางไป…นางกำลังร่ำไห้
ในตอนนี้ ดวงตาอันงดงามคู่นั้น เงาร่างอันสดใส และความทรงจำ ทั้งหมดดั่งเศษเสี้ยว ดั่งคลื่นกระหน่ำ ดั่งพิรุณคลั่งซัดใส่จิตใจของซือหยู
เขาตระหนักว่าในชีวิตนี้ มีสตรีอยู่หนึ่งคนที่จะทำเพื่อเขาไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร
และเขายังตระหนักได้ว่าเหตุใดนางยังคงอยู่ในส่วนลึกของดวงวิญญาณและมิอาจลืมเลือนได้ลง
ตอนนี้นางจะอยู่ที่ใดกัน? นางสุขสบายดีไหม?
หรือนางจะยังคงยิ้มอย่างหนักแน่นแต่เพียงลำพัง ใช้ดวงตาทั้งสองข้างมองทุกสิ่งแทนซือหยู?
ซือหยูติดหนี้นางมากเกินไป จนเขามิอาจรับไหว
ถ้าเซี่ยนเอ๋อคือรักที่ยากจะรับได้ไหว เซี่ยจิงหยูก็คือมิตรที่ยิ่งใหญ่ยากจะรับได้เช่นกัน
ซือหยูรู้สึกเหมือนได้เดินทางผ่านชีวิตอีกครั้ง ในครั้งที่เขามองเซี่ยจิงหยูได้อย่างชัดเจนและสัมผัสสิ่งที่ผ่านร่วมกับนางอีกครา
เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างยากจะอธิบาย ความเจ็บปวดไม่หายไปจากอกแม้จะผ่านไปเนิ่นนาน
ที่มุมของดวงตา หยดน้ำตาไหลพราก
ปั้ง—
เสียงคลื่นกระหน่ำดังมาจากในดวงวิญญาณราวกับแม่น้ำสายยาวที่สงบเงียบมานานได้ไหลอีกครั้ง
ดวงวิญญาณของซือหยูได้รับความบริสุทธิ์ผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
การได้ตระหนักรู้ถึงความคิดในจิตใจและได้ตระหนักรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงทำให้ดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้น
ความทรงจำเหล่านั้นหายไปแล้ว
ซือหยูกลับมามีสติ แต่เขาก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำที่เหมือนจริงนั้นราวกับเพิ่งผ่านมาเมื่อวาน และมิอาจเป็นอิสระจากความทรงจำนั้นได้
ความเจ็บปวกในอกและความรู้สึกที่โหมกระหน่ำในจิตใจนั้นไม่ต่างกับน้ำตาที่ไม่เคยหยุดไหลจากดวงตาทั้งสองข้าง
ผ่านไปนานก่อนเปลือกตาของซือหยูจะขยับเล็กน้อย เขาค่อยๆลืมตาที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ดวงตาคู่นั้นที่ล้ำลึกได้แทนที่ด้วยความโศกเศร้าและความรู้สึกห่วงหาในใครบางคน
ตั้งแต่ที่เขาจากเกาะเฉินยี่ จิตใจของเขาก็ไม่เคยเป็นอิสระดังเช่นในตอนนี้
“เซี่ยนเอ๋อ เซี่ยจิงหยู…”
ซือหยูพึมพำด้วยเสียงอันแหบพร่า เขารู้สึกว่าจิตใจของเขาได้เปิดกว้างราวกับนภาที่นิ่งสงบและเดียวดาย
หลังจากที่ตื่นมานาน เขากำหมัดแน่น
หลังจากการเดินทางครั้งนี้จบลง อย่างน้อยเขาจะต้องไปเจอเซี่ยนเอ๋อเพื่อแก้สิ่งกีดขวางทางจิตใจนี้
“ในที่สุดก็ตื่นขึ้นได้ซักทีสินะ? ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว”
เขาได้ยินเสียงบ่นจากฮั่วฉีหลาน
เขามองรอบๆ นางกับฉีหยุนเซี่ยงได้ขึ้นไปจากบ่อแล้ว
และวารีวิญญาณในบ่อนั้นได้เหือดแห้งไปจนถึงระดับข้อเท้าของซือหยู
ซือหยูยืนขึ้นแต่เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาแข็งราวกับศิลา