แม้ว่าเมืองสายหมอกจะไม่ได้ไกลจากทางแยกของถนน แต่ความขรุขระของถนนทำให้ลูเซียนรู้สึกคลื่นไส้มาก จนเขาต้องลงจากรถม้าเพื่อเดินด้วยตัวเอง จากนั้นพวกเขาก็เห็นเมืองเล็กๆ ในระยะไกลที่มีถนนสายหลักสองสายตัดกัน

ผู้คุ้มกันรู้สึกขนลุกเล็กน้อยเมื่อพวกเขาเข้าไปในป่าลึกเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองสายหมอก ไม่ต้องพูดถึงคนในรถม้า แม้แต่ลูเซียนที่เป็นนักเวทที่คุ้นเคยกับการทดลองที่น่าขนลุกมามากมายก็สามารถสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขาได้อย่างง่ายดาย ต้นโอ๊กและต้นเบิร์ชค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยต้นสนสีเทาเข้มและต้นซีดาร์ที่ทั้งสูงและหนาจนลูเซียนเกือบจะรู้สึกว่าตอนนี้เขากลับมาที่ป่าดำเมลเซอร์แล้ว

แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ห่างจากตัวเมือง แต่ผู้คุ้มกันก็ไม่กล้าที่จะลดความระมัดระวังลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะต้นไม้รอบตัวพวกเขานั้นหนาและสูงซึ่งเหมาะสำหรับการซุ่มโจมตี

รากและปมของต้นไม้ใหญ่ดูเหมือนใบหน้าผี เบ็ตตี้คว้าธนูและลูกธนูเตรียมพร้อมระวังอย่างแน่นหนาและขยับเข้ามาอยู่ใกล้รถม้า

“ต้นวิลเฟรด…”

ลูเซียนมองเห็นต้นไม้นี้ผ่านหน้าต่างของรถม้า ในความเป็นจริงไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับมันยกเว้นรูปร่างของมันที่ค่อนข้างน่ากลัว มันไม่ได้ชื่อวิลเฟรดมาตั้งแต่ต้น แต่เนื่องจากหมอผีผู้มีชื่อเสียงคนนั้นมีความชอบต้นไม้นี้เป็นพิเศษและปลูกอย่างแพร่หลายใน ‘เมืองเดมิเพลน’ ที่มีหอคอยเวทมนตร์ของเขาอยู่ต้นไม้นี้จึงถูกตั้งชื่อว่าวิลเฟรดในภายหลัง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย

ยิ่งไปกว่านั้นเพราะมันเป็นต้นไม้สีเทาเข้ม ที่เมืองนี้มองดูราวกับถูกปกคลุมไปด้วยชั้นของหมอก เพราะแบบนี้จึงเป็นที่มาของชื่อเมือง

เมื่อรถม้าเข้ามาในเมืองลูเซียนก็เห็นกลุ่มคนตัดไม้มุ่งหน้ากลับบ้านหลังเลิกงาน ใบหน้าของพวกเขาไร้ความรู้สึกและดวงตาของพวกเขาหม่นแสงราวกับว่าความปรารถนาทั้งหมดของพวกเขาถูกทำให้หายไปจากการทำงานหนักซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน

“ข้าอยากตายถ้าอนาคตของข้าเป็นแบบนั้น” เบ็ตตี้มองกลับไปที่คนตัดไม้และบ่นกับตัวเองอย่างระวัง

ทันทีที่รถม้าหยุดอยู่หน้าโรงแรมเพียงแห่งเดียวของเมืองสายหมอก ไวส์ที่เงียบมานานก็รีบกระโดดออกจากรถม้าและเริ่มอาเจียน

“ไวส์ เจ้าสบายดีนะ?” เบ็ตตี้ถามอย่างเป็นกังวล “พรุ่งนี้เจ้าจะลงมาเดินกับเราก็ได้ เพราะเราจะต้องเจอทางขรุขระอีกมาก”

“ข้าไม่เป็นไร” ไวส์ยืดหลังเล็กน้อย “ขอบคุณที่ถามนะเบ็ตตี้”

โจแอนนากำลังช่วยลีน่าและลูกของนางลงจากรถม้า นางหันไปหาลูเซียนแล้วพูดว่า “เจ้าดูดีมาก” โจแอนนายิ้ม” เจ้าแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดจริงๆ”

และเมื่อโจแอนนาเดินผ่านลูเซียนนางก็พูดกับเขาด้วยเสียงหวานๆ ว่า “ข้าไม่ได้พูดคุยในระหว่างการเดินทางซักเท่าไร และขอบคุณนะอีวานส์ที่ให้อภัยความประมาทของเบ็ตตี้”

ลูเซียนค่อนข้างประหลาดใจ แต่แล้วเขาก็พยักหน้า “ข้ารู้ว่าเบ็ตตี้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว”

ไซม่อนที่ยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งก็มาพูดกับลูเซียนด้วยเสียงเบาๆ ว่า “เราคงไม่รู้ว่าเจ้าฆ่าคริส ถ้าเบ็ตตี้ไม่ร้องไห้ออกมา”

ลูเซียนยักไหล่อย่างสบายๆ และคิดว่าเบ็ตตี้จะเรียนรู้บทเรียนของนางแน่นอนหลังจากที่พวกเขาทำภารกิจสำเร็จ

ลีน่าอุ้มเด็กให้นอนอยู่ในอ้อมแขนของนางและเดินไปที่ลูเซียนและมอบนาร์ให้กับเขา “ขอบคุณท่านอีวานส์ที่ให้ข้าร่วมเดินทาง”

“ด้วยความยินดี” ลูเซียนหยิบเหรียญ

ลีน่ายิ้ม “ข้าจะจดจำความมีน้ำใจของท่าน ตอนนี้ข้ากำลังจะเยี่ยมเกลินญาติของข้า

“ขอพระเจ้าสถิตอยู่กับเจ้า” ตอนนี้ลูเซียนคุ้นเคยกับวลีที่ใช้ในโลกนี้แล้ว

ลีน่าย่อเข่าเล็กน้อยแล้วหันไปรอบๆ ลูเซียนไม่ทันเห็นว่าเมื่อนางหันกลับมาหาเขา ทันใดนั้นใบหน้าของนางก็หม่นหมอง

ทิศทางที่ลีน่ามุ่งหน้าไปพร้อมกับลูกน้อยนั้นเป็นสะพานหินและด้านหลังสะพานก็มีปราสาทสีดำขนาดใหญ่ หลังคาปราสาทแบบยอดแหลมและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันน่าเกรงขามของมันเผยให้เห็นว่าเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในช่วงหลังของสงครามแห่งรุ่งอรุณ

“นั่นคือปราสาทของบารอนฮาเบอร์โร เขาเป็นลอร์ดแห่งเมืองสายหมอก หมู่บ้านและเมืองอื่นๆ ในพื้นที่นี้ “ไซม่อนชี้ไปที่ปราสาทและอธิบายกับลูเซียนโดยไม่รู้ว่าลูเซียนอาจจะรู้มากกว่าเขาเกี่ยวกับภูมิหลังของสถานที่นั้น “เมื่อเขายังเด็กเขาเป็นอัศวินที่โดดเด่นและเขาเป็นที่รู้จักจากการกระทำอันกล้าหาญของเขาในการกวาดล้างโจรที่มีชื่อเสียงและเข้าร่วมสงครามกลางเมืองท่ามกลางเหล่าขุนนางในจักรวรรดิกุสตา เรื่องราวมากมายที่เล่าโดยนักกวีนั้นมีพื้นฐานมาจากเรื่องราวที่แท้จริงของเขา เรื่องราวของวีรบุรุษที่แท้จริง

“โชคไม่ดีที่บารอนฮาเบอร์โรมีปัญหาด้านสุขภาพทำให้การเป็นมหาอัศวินของเขาล้มเหลว เมื่ออายุได้หกสิบต้นๆ  หลังจากลูกชายของเขาเดินทางออกจากเมืองไป บารอนฮาเบอร์โรก็ไม่ค่อยออกจากปราสาท บางครั้งเขาชักชวนนักดนตรีไปเยี่ยมชมปราสาทของเขาเพราะข้าได้ยินมาว่าเขามีความรู้เกี่ยวกับดนตรีมากทีเดียว”

“เออ วีรบุรุษก็แก่เป็น” ไวส์ถอนหายใจ “ยกเว้นพระเจ้าก็ไม่มีสิ่งใดสามารถอยู่ได้ตลอดกาลในโลกนี้”

“บางทีดนตรีก็อาจจะยาวนานเช่นกัน” ลูเซียนให้ความเห็นในใจของเขา ในขณะที่เบ็ตตี้กังวลเล็กน้อยกับคำพูดของไวส์ ลูเซียนไม่ได้รับผลกระทบจากความจริงที่ว่า เพราะถ้าเขากลายเป็นนักเวทระดับสูง เขาก็สามารถใช้ชีวิตได้นานกว่าคนทั่วไป

“ว้าว… ใครรู้บ้างว่าเกลินที่เป็นญาติของลีน่าเป็นภรรยาของผู้พิทักษ์ของบารอนฮาเบอร์โรหรือเปล่า?…” โจแอนนาเปลี่ยนเรื่อง

แม้แต่พ่อบ้านของบารอนก็ยังเป็นบุคคลสำคัญในสายตาของโจแอนนาและนักผจญภัยคนอื่นๆ

เมื่อเดินเข้าไปในโรงแรมก็พบผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ นางดูค่อนข้างเย็นชาและดวงตาของนางก็ดูแข็งร้าวด้วยเช่นกัน “กรุณาลงชื่อและวันเดือนปีเกิดของท่าน ถ้าท่านต้องการพักค้างคืน”

“บลังก้า เกิดอะไรขึ้น เราเคยมาพักที่นี่ก่อนหน้านี้เมื่อสองสามเดือนก่อน เจ้าจำเราไม่ได้เหรอ?” โจแอนถาม “เจ้าดูไม่ดีเลยนะ”

ครั้งสุดท้ายที่โจแอนนาและไซม่อนอยู่ที่นี่ เบ็ตตี้ไม่ได้อยู่

“รอยด์ป่วยตายไปแล้ว” บลังก้าพึมพำ “เขาอายุเพียงสิบขวบ เขาถูกพระเจ้าเรียกกลับไป”

“เราเห็นรอยด์ครั้งสุดท้ายเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา… “ โจแอนนาก้มหัวลงแล้วอธิบายให้ลูเซียนด้วยเสียงเบาๆ “รอยด์เป็นลูกชายคนเล็กของบลังก้า”

ไวส์ ทำมือไขว่หน้าอก “ขอให้เขามีชีวิตนิจนิรันดร์ในสรวงสวรรค์”

หลังจากไว้ทุกข์กับการตายของเด็กน้อย โจแอนนาก็ถามผู้หญิงคนนั้นอย่างระมัดระวังว่า “บลังก้าข้าจำไม่ได้ว่าครั้งก่อนเราต้องลงวันเดือนปีเกิดด้วย”

ลูเซียนไม่เคยได้ยินข้อกำหนดแบบนี้ในอาณาจักรและเมืองใดๆ ที่เขาเคยไป

“นี่เป็นคำสั่งของท่านบารอน ข้าไม่รู้เหตุผล…” บลังก้าตอบช้าๆ

ในขณะที่ลูเซียนรู้สึกว่าเรื่องนี้ค่อนข้างน่าสงสัย แต่นักผจญภัยและไวส์ก็ไม่สนใจ สิ่งที่พวกเขาต้องการในตอนนี้คือพักผ่อนให้เต็มที่

“ไซม่อน เจ้าอายุแค่ยี่สิบเก้าเองหรอ” ลูเซียนพูดติดตลก “ข้าคิดว่าเจ้าอายุสามสิบสี่หรือสามสิบห้า…”

ไซม่อนดูแก่กว่าอายุจริงของเขา เขาเกาหัวแล้วมองโจแอนนา “ข้ารู้… เมื่อตอนข้าแต่งงานกับโจแอนนาเมื่อตอนอายุยี่สิบแขกบางคนยังคิดว่าข้าเป็นพ่อของนาง…”

โจแอนนาอายุยี่สิบเจ็ดปี เบ็ตตี้อายุสิบหกและไวส์อายุยี่สิบสองปี

ลูเซียนรู้สึกขบขัน จากนั้นเขาก็ตามไวส์ไปลงนามสกุลของเขาไว้ในหนังสือเล่มเล็กๆ “อีวานส์… วันที่ยี่สิบหก มิถุนายน ปีนักบุญที่ 798” ลูเซียนหยุดเขียนครู่หนึ่ง เขาไม่แน่ใจว่าเขาควรจะเขียนวันเกิดที่แท้จริงของเขาในโลกเดิมหรือไม่

“โอ้พระเจ้าช่วย…! อีวานส์เจ้าอายุยังไม่ถึงสิบแปดปี!” เบ็ตตี้แปลกใจมาก

ทั้งไซม่อนและโจแอนนาก็รู้สึกแบบเดียวกัน

“อีกสองวันก็ใช่แล้ว” ลูเซียนตอบสบายๆ

“เจ้าเป็นไอดอลของข้า! ข้าหวังว่าข้าจะเป็นอัศวินระดับสูงอย่างเจ้าก่อนที่จะอายุสิบแปด!” ดวงตาของเบ็ตตี้เปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น

นางเพิ่งเปิดเผยความแข็งแกร่งของลูเซียนต่อหน้าคนอื่นอย่างไม่ตั้งใจ

“แน่นอน ดังนั้นเจ้าควรเข้ารับการฝึกอัศวินอย่างเป็นทางการนะ” โจแอนนาฉวยโอกาศสั่งสอนเบ็ตตี้ ตั้งแต่พ่อแม่ของพวกเขาเสียชีวิตโจแอนนาก็เป็นทั้งพี่สาวและแม่ให้เบ็ตตี้

เมื่อถึงเวลาอาหารค่ำผู้หญิงผมบลอนด์คนหนึ่งก็เข้ามาในโรงแรมพร้อมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนตามหลังนาง นางมองไปรอบๆ และในไม่ช้าก็สังเกตเห็นลูเซียนและคนอื่นๆ ในล็อบบี้

“ขอโทษนะข้าขอถามว่าท่านคืออีวานส์ใช่หรือไม่?” นางเดินไปที่ลูเซียนและถามด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ

“ใช่ข้าเอง มีอะไรให้ช่วยไหมคุณผู้หญิง?” ลูเซียนพอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร

“ดีใจที่ได้พบท่านอีวานส์” หญิงสาวพยักหน้า “ข้าคือเกลินเป็นญาติของลีน่า ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณที่พาลีน่ากลับมา”

“ไม่ต้องขอบคุณ คุณผู้หญิง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่” ลูเซียนตอบอย่างสุภาพแม้ว่าเขาจะรู้สึกสงสัยว่าลีน่าควรจะมาที่นี้ด้วย มันแปลกมากเมื่อญาติของลีน่ามาที่นี่เพื่อขอบคุณเขาตามลำพังกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของนาง

เกลินมองไปที่ลูเซียน เบ็ตตี้ แล้วเดินเข้าไปใกล้ไวส์ “บารอนฮาเบอร์โรถามลีน่าเกี่ยวกับการเดินทางของนางและญาติของข้าบอกกับท่านลอร์ดว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เล่นพิณได้ดีมาก ข้าคิดว่าเป็นท่านใช่ไหม ท่านไวส์?”

“ข้าปลาบปลื้มมาก คุณผู้หญิง” ไวส์โค้งตัวลงเล็กน้อยให้เกลิน

“บารอนฮาเบอร์โรชอบดนตรีมากดังนั้นท่านจึงอยากเชิญท่านไวส์ไปที่ปราสาทเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับดนตรี และแน่นอนว่า ลอร์ดฮาเบอร์โรมีความสนใจในประสบการณ์การเดินทางของท่านเช่นกัน ท่านอีวานส์ ข้าสงสัยว่าท่านทั้งสองต้องการไปเยี่ยมชมปราสาทและเป็นแขกของบารอนฮาเบอร์โรได้หรือไม่?”

ก่อนที่ลูเซียนจะพูดอะไรออกไปไวส์ก็หัวเราะ “แน่นอน ลอร์ดฮาเบอร์โรเป็นคนที่ข้าชื่นชม… เขาเป็นวีรบุรุษ”

เกลินพยักหน้าและหันไปหาลูเซียน “แล้วท่านล่ะ?”

“ข้าเป็นห่วงผู้คุ้มกันของข้า…” ลูเซียนชี้ไปที่ผู้คุ้มกันสามคนของเขา

ดูเหมือนว่าบารอนจะให้ความสนใจเกี่ยวกับดนตรีของไวส์มากกว่า ลูเซียนรู้สึกว่ามันก็เป็นเหตุผลที่ดีถ้าเขาตัดสินใจจะไป อีกอย่างหนึ่งก็คือเขาอาจได้รับข้อมูลบางอย่างจากบารอนเกี่ยวกับปราสาทคาเรนเดีย

“พวกเขาไปกับเจ้าได้ นั้นไม่ใช่ปัญหาเลย” รอยยิ้มของเกลินสุภาพและอ่อนหวาน “ท่านบารอนเคยเป็นนักผจญภัยมาก่อนและเขาก็ต้องการฟังเรื่องราวการผจญภัยที่น่าทึ่งจากท่าน”

“เราไปได้ด้วยหรือ” ทั้งเบ็ตตี้และโจแอนนาตื่นเต้นมากและแม้กระทั่งไซม่อน

“ท่านเกลิน ลีน่าจะอยู่ด้วยในคืนนี้ใช่ไหม” เบ็ตตี้ถามเมื่อพวกเขาผ่านสะพานหินมาถึงปราสาท

“ไม่ นางต้องการพักผ่อน” เกลินตอบเร็วๆ

เบ็ตตี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย” ข้าคิดถึงความน่ารักของเด็กน้อย”

เกลินไม่ตอบสนอง นางนำลูเซียนและคนอื่นๆ เข้ามาในปราสาทหลังจากข้ามสะพานแขวน

……………………………………….