“เสียงนกนางนวลครวญคร่ำพร้อมเสียงพายุที่คร่ำครวญมันมาพร้อมความน่ากลัวแฝงซ่อนอยู่ เปลวไฟสีฟ้าราวกับหมู่เมฆลุกโชนอยู่เหนือเหวแห่งท้องทะเล”
(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งได้กล่าวว่าบทความนี่นำมาจาก The Song of the Stormy Petrel เป็นวรรณกรรมสั้นๆ เกี่ยวกับการปฏิวัติเขียนโดยนักเขียนชาวรีสเซีย)
บทความเหล่านี้ใช้เพื่ออธิบายภาพที่กำลังปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา
“สภาพอากาศอันแปรปวน วันนี้ช่างไม่ใช่วันที่ดีสำหรับการเดินทาง ..” ชายหนุ่มร่างเล็กยืนบนขอบของเรือจิตวิญญาณพร้อมผมที่ยุ่งเหยิงเขามองทอดยาวออกไปข้างหน้า
ทุกคนสามารถสังเกตได้ถึงความเศร้าหมองบนใบหน้าของเขา
“ชัดเจนว่าเมื่อวานและวันนี้เป็นสองวันที่น่ากลัว” ชายหนุ่มเสื้อสีเทาร่างสูงกล้ามเนื้อแน่นยืนอยู่ข้างๆ เขา
“เอ่อ ..” ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยถามอย่างสงสัย “นี่ฟางสภาพอากาศของเมื่อวานคล้ายกับวันนี้ใช่มั้ย!?”
“ใช่ แต่เจ้าของเรือใจดีจึงขายตั๋วให้ถูก ..” ชายหนุ่มพึมพำ
ฟางเป็นคนเดียวบนเรือที่เขารู้จักทั้งคู่เป็นคนธรรมดาเดินทางมาจากที่ไกลแสนไกลคล้ายกัน พวกเขาจึงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวของกันและกัน
แน่นอนว่าคนทั่วไปที่สามารถเดินทางโดยเรือจิตวิญญาณได้ต้องมีความแข็งแกร่งในการเพาะปลูกอยู่ไม่น้อย ตัวอย่างเช่นซูโมชายหนุ่มผู้นี้ เขาถูกพบว่ามีความสามารถที่จะผ่านการทดสอบในการบ่มเพาะและลุงของเขามีเงินพอที่จะส่งเขาขึ้นเรือเพื่อเดินทางไปศึกษาในดินแดนดาวรุ่งที่อยู่ในที่แสนไกล
“ใช่ ..” ฟางฉีมองออกไปยังท้องฟ้าที่มืด แน่นอนสภาพอากาศของเมื่อวานและวันนี้ช่างแตกต่างกัน
เมื่อวานนี้เขายังคงเล่นเกมแข่งกับเพื่อนๆ ดูว่าใครบินได้เก่งกว่ากัน แสงสาดส่องสว่างอากาศปลอดโปร่งทุกคนตั้งใจบินอย่างสนุกสนาน .. ก่อนที่เขาจะกล่าวคำลากับเพื่อนๆ และถูกส่งมายังสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวเช่นนี้
“ได้ยินว่ามีผู้ปลูกฝังอาศัยอยู่ในดินแดนทะเลดวงดาวเพียงไม่กี่พันคนที่นั้นรุ่งเรือจริงๆ หรอ!?” หลังจากที่ออกมาจากคาเฟ่เขาบินไปยังประเทศเล็กๆ แต่ที่นั้นมีเพียงผู้ฝึกฝนและนักรบเพียงน้อยกว่าตาจินอย่างมาหากเทียบกันเปรียบได้เหมือนกับหนึ่งชุมชนเท่านั้น
หากเขาเปิดร้านที่นั้นคงมีเพียงไม่กี่คนที่อยู่ในระดับสูงที่จะสามารถมาใช้บริการในคาเฟ่ของเขาได้ เขาจึงเลือกที่จะเดินออกมาและขึ้นเรือจิตวิญญาณเพื่อออกจากประเทศเล็กๆ
เรือลำนี้ราคาถูกและสะดวกสบายมาก
“ชู่ว!” ซูโมทำนิ้วจุ๊ปากไม่ให้เขาพูดดัง ท่าทางของเขาดูหวาดกลัวเมื่อได้ยินคำถามจากฟางฉี “เราจะถูกสังหารเอาได้หากผู้ฝึกฝนทรงพลังได้ยินสิ่งที่เจ้าพูด!”
“ชั่งมันเถอะ” ฟางฉีทำหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “เมื่อที่เราจะไป ไปทางตะวันออกใช่มั้ย? นี่เราไม่ได้ไปผิดทางใช่มั้ย!?”
“อ้าวหรอ!?” ซูโมมองไปข้างหน้าและเกาหัว “เจ้าไม่รู้ทางหรอกหรือ”
“นั่นน่ะสิ” ฟางฉีเดินไปที่ห้องโดยสาร “ข้าไปพักก่อน”
“พูห์!” ขณะเดียวกันชายร่างใหญ่สวมโค้ตสั้นเดินออกมาจากห้องโดนสาร เขามองหน้าฟางฉีด้วยความงุนงงตาของเขามีรอยแผลเป็นเล็กน้อย “เจ้ามัวแต่ทำอะไรอยู่! ถ้าเจ้าทำพลาดอีกข้าจะจัดการเจ้าเอง!”
ฟางฉีขมวดคิ้วและนึกขึ้นได้ว่าชายคนนี้อยู่ห้องถัดไปจากเขา
…
ณ ห้องสร้างสิ่งประดิษฐ์ของกลุ่มพันธมิตรวู่เว้ย
“ดูนี่สิ!” จุนหยางชีกำลังอธิบายถึงผลวิจัยของหมวกกันน็อคหมาป่าสีขาวที่อยู่ในมือเขา “ข้าสงสัยว่าพวกเจ้าคิดอย่างไรเมื่อเห็นสิ่งนี้ ด้วยทักษะการคิดวิเคราะห์ ข้ามองว่ามันน่าจะเป็นรูนส่วนใหญ่ที่พวกเจ้าเคยได้ยิน รูนหยก!”
“ตามลักษณะชื่อชนิดของมันสามารถมีไว้สะกดคาถาฝ่ายจิตวิญญาณได้เพียงหนึ่งครั้งเท่านั้นจากนั้นมันก็จะหายไปเอง” จุนหยางชีกล่าวว่า “อย่างไรก็ตามรูนหยกสามารถเก็บคาถาทางจิตวิญญาณได้หลายอย่าง แต่ .. มันจะสามารถใช้กับสิ่งของได้หรือไม่!?”
เขาชี้ไปที่หมวกหมาป่าในมือและพูดว่า “นี่ละคือสิ่งที่เราต้องเรียนรู้จากมัน เทคนิคนี้มีอยู่ที่นี่แล้วตอนนี้เทคนิคต่างๆ เริ่มสูงขึ้นหลังจากที่เราได้รับสิ่งของทางจิตวิญญาณ เราจะต้องทำความเข้าใจสัญลักษณ์ของรูนต่างๆ ทั้งในอาวุธ เสื้อคลุมเพื่อปรับเปลี่ยนให้พวกมันใช้งานและพกพาได้ง่ายสะดวกมากขึ้น”
“สิ่งเดียวที่ยากในตอนนี้คือการแกะสลัก .. เราจะแกะสลักยังไงเมื่อเพิ่มระดับทักษะ” จุนหยางชีกล่าว “เช่นตอนนี้หมวกกันน็อคหมาป่ามีคำต่อท้าย ‘ธรรมชาติ’ เพื่อเพิ่มระดับให้กับองค์ประกอบของทักษะ แต่เราพันธมิตรวู่เว้ยยังหาวัสดุที่จำเป็นสำหรับการแกะสลักนี้ไม่ได้เลย”
“แต่ข้ามั่นใจว่าข้าสามารถลอกเลียนแบบได้หากเราพบวัสดุที่สามารถทดแทนได้ แต่คงต้องใช้เวลานานอยู่กว่าเราจะสามารถขยายเทคนิคนี้และเปลี่ยนแปลงคาถาทางจิตวิญญาณของกลุ่ม”
“ศิษย์พี่จุนหยางชี” ตวนบูยี่จากวังหลิวหยุนกล่าว “ตอนนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว จากความคิดข้า ก่อนอื่นเราต้องแก้ปัญหาความไม่ลงรอยกันระหว่างเทยท์มนตร์ที่ติดอยู่กับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณก่อน หากเราแก้ปัญหานี้ได้ เราก็จะสามารถเพิ่มคุณสมบัติทางเวทย์มนตร์พร้อมคำต่อท้ายลงไปอีกได้ นี่คือจุดสำคัญในเวลานี้!”
ตามตำนานเมื่อใดก็ตามที่ค่ำคืนนี้มาถึงดินแดนทะเลดวงดาวจะได้พบกับลมทะเลพัดพาหม่านหมอกที่ปกคลุมเมืองให้เกิดความวุ่นวายและไร้ระเบียบ .. มีหลายสิ่งที่ไม่อาจคาดคิดถูกซ่อนอยู่ในโลกใบนี้
ฟางฉีที่นอนอยุ่บนเตียงเขาเล่นกับหยกสื่อสารด้วยความเบื่อหน่าย เขาพบว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณเลยสักนิด
“ที่นี่ที่ไหน? ระบบนี่ข้ากำลังเคลื่อนย้ายไปทางไหน!?” ฟางฉีมองออกไปนอกหน้าต่าง
“หมอกหรือ?” ฟางฉีลุกขึ้นจากเตียง
“เรือลำนี้ไม่ได้กำลังไปที่เมืองมังกรดำ ข้าต้องลงจากเรือ!” ฟางฉีได้ยินเสียงโห่ร้องจากห้องถัดไปจากนั้นก็มีเสียงกระแทกอย่างรุนแรง
“นั่นอะไรน่ะ!?” เขารีบสวมรองเท้าบู๊ตแล้วลุกจากเตียงก่อนที่จะเดินออกไปข้างนอก เขาเห็นเลือดไหลออกมาจากใต้ประตู
เขาเปิดประตูเข้าไปและพบว่าชายร่างใหญ่ที่สวมเสื้อโค๊ตสั้นกำลังถูกลากออกไป ผู้ฝึกฝนมีหน้าซีดเหมือนคนตายมองไปที่ฟางฉี “หากเจ้าไม่อยากเป็นแบบเขา ข้าแนะนำให้เจ้ากลับไปที่ห้องของเจ้า”
บรรยากาศแปลกชวนขนลุก .. ฟางฉีสูญเสียคำพูด
“เจ้าต้องการอะไร!?” ผู้ฝึกฝนมองหน้าฟางฉีเมื่อเห็นว่าเขายืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว
ฟางฉีเอ่ยถาม “ข้าแค่อยากถามว่าจุดหมายปลายทางคือที่ใด?”
“ครึ่งเมือง!” ผู้ปลูกฝังคนหนึ่งตอบแทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เมืองอะไร?” ฟางฉีไม่สนใจชื่อ “มีคนมากมายในเมืองหรือไม่? มาตรฐานในการดำรงชีวิตสูงหรือต่ำ?”
ผู้ปลูกฝังหน้าขาวสตั้นกับคำถามของเขา