ตอนที่ 74 การร้องเพลงประสานเสียง

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที จูเสี่ยวเฟย ถึงจะเลิกโดนทุบตีโดยเหล่าสาวๆ จากสาขาภาษาอังกฤษ เขาโดนทุบตีอย่างหนักจนผมเผ้าและเสื้อผ้าของเขายุ่งเหยิงไปจนหมดแล้ว ตอนนี้เขาราวกับเป็นขอทาน ที่นั่งขอเงินอยู่ตามข้างถนนอย่างไรอย่างนั้น

เสี่ยวหลัว ที่ได้แลกเปลี่ยนความสามารถทางดนตรีมา ตอนนี้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

“ติ้ง! ความสามารถทางดนตรี ช่วยให้โฮสต์ได้มีความสามารถทางดนตรี มันไม่ได้ จำกัด เพียงแต่ความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรีเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงการเขียนเพลง ความสามารถในการแต่งทำนอง หรือ ความสามารถในการร้องเพลงและอื่นๆอีกมากมาย” เสียงประกาศของระบบดังขึ้นในจิตใจของเขา

เสี่ยวหลัว เริ่มรู้สึกเสียใจที่ยอมรับงานจาก ชู หยุนเชียง หากเขารู้ว่าระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน นั้นทรงพลังขนาดนี้ เขาคงจะไม่มาที่หัวเย่ เพื่อเข้าเรียนในชั้นเรียนที่น่าเบื่อเช่นนี้แน่นอน ด้วยความสามารถทางดนตรีของเขาเพียงอย่างเดียว เขาก็สามารถแต่งเพลงจนมันดังได้เลย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากเขาได้ตอบตกลงไปแล้ว เขาก็จะทำงานของเขาให้สำเสร็จลุล่วง!

“เสี่ยวหลัว คุณมีวิธีปรับปรุงการร้องเพลงของพวกเราให้ดีขึ้นได้งั้นเหรอ” ฮวาง รั่วราน ถาม ตั้งแต่ที่ เสี่ยวหลัว ได้ช่วยชีวิตเธอจากพวกอันธพาล เธอก็ไม่ได้ไม่ชอบเขาอีกต่อไป แต่ในความเป็นจริงเธอรู้สึกถึงความรักที่ไม่อาจอธิบายได้สำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะทำหรือพูดอะไรเธอก็รู้สึกพึงพอใจ

“ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด พวกเรามาร้องเพลงอีกครั้งกันเถอะ”เสี่ยวหลัวกล่าวพร้อมกับก้าวออกไปข้างหน้า

ฮวาง รั่วหราน พยักหน้าแล้วพูดกับทุกคนว่า“ทุกคนกลับไปอยู่ในตำแหน่งของตัวเอง แล้วมาร้องเพลง ‘แม่น้ำเหลือง’ กันอีกครั้ง”

ด้วยความที่ เสี่ยวหลัว ทำหน้าที่เป็นผู้นำ ทุกคนจึงร่วมมือกันอย่างขยันขันแข็ง แม้ว่าพวกเธอจะไม่รู้ว่า เสี่ยวหลัว จะฝึกอบรมพวกเธออย่างไรก็เถอะ แต่เสี่ยวหลัว เขาดูเหมือนกับเป็นคนที่เกิดมาเพื่อทำให้ ผู้คนเต็มไปด้วยความคาดหวังและความหวัง ตอนนี้พวกเธอเริ่มมีความมั่นใจในการแข่งขันร้องเพลงที่กำลังจะมาถึงแล้ว

เสี่ยวหลัวหลับตาลง เขามุ่งความสนใจของเขาทั้งหมดไปที่เสียงที่เขาได้ยิน เมื่อทุกคนร้องเพลงเสร็จเขาจึงเปิดตาของเขาขึ้นมาอีกครั้ง และเริ่มแก้ไขการร้องเพลงให้ถูกต้อง “เสี่ยวจู นายมีเสียงอันหนักแน่น และนั้นมันก็เป็นจุดแข็งของนาย ทำแบบนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามแต่นายกลับร้องเพลงไม่ถูกต้องในบางส่วน ‘ลมคือเสียงโหยหวน’ ควรร้องอย่างเรียบง่ายและคมชัด แต่นายกลับลากเสียงในตอนท้าย”

ทุกคนตกตะลึง พวกเธอร้องเพลงพร้อมกันทั้งหมด แต่เสี่ยวหลัว กลับสามารถแยกแยะเสียงของจูเสี่ยวเฟย ออกจากกลุ่มพวกเธอทั้งหมดได้ และเขาก็ยังรู้ความผิดพลาดของจูเสี่ยวเฟย อีก เขาทำได้อย่างไรกัน?

เสี่ยวหลัวพูดถึงคนอื่นต่อ“เติ้งไค นายควรจะพักเสียงระหว่างแต่ละบรรทัดในช่วงที่ นายร้องเพลงตรงช่วงท่อน ‘ป้องกัน’ ครั้งที่สี่ นายกำลังละเลยที่จะพักเสียง มันหมายความว่านายกำลังรีบ ซึ่งนั่นมันส่งผลกระทบต่อความกลมกลืนของเสียงโดยรวมของกลุ่ม”

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ทุกคนตกใจ ตอนนี้เสี่ยวหลัวยังชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดของ เติ้งไค ได้อีกงั้นเหรอ?

ในขณะที่ทุกคนยังไม่ฟื้นจากความตกใจ เสี่ยวหลัวก็หันเหความสนใจของเขาไปที่ชูเยว่ เขากล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า“ชูเยว่สำหรับคำว่า ‘คำราม’ ในท่อน ‘แม่น้ำเหลืองที่กำลังแผดเสียง’ อินสแตนซ์ตัวแรกและตัวที่สองของคำว่า ‘คำราม’ เธอควรจะร้องให้แตกต่างกัน ระดับเสียงของเธอควรเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเพลงมันจำเป็นต้องมีเสียงสูงและต่ำบ้าง”

จากนั้นเสี่ยวหลัว ก็หันมองไปที่ ไป่หลิง พร้อมพูดว่า“ไป่หลิง คุณร้องตรงท่อน ท่ามกลางภูเขา ไม่ถูกต้อง น้ำเสียงของคุณจะต้องแข็งแรงให้มากขึ้นกว่านี้ แต่ตอนที่เธอร้องเมื่อกี้มันราบเรียบเกินไป”

“อันหวน ตรงท่อน ‘จบลงด้วยปืนดิน’ เธอร้องมันเร็วเกินไป เธอควรจะร้องให้ช้ากว่านี้หน่อย”

“หวัง หลิงหลิง คุณร้องเพรงตรงท่อน ภูเขาทางตะวันตกของแม่น้ำนั้นกว้างใหญ่ สูงมากเกินไป”

……

เมื่อ เสี่ยวหลัว ชี้ให้เห็นถึงปัญหาและความผิดพลาด มันทำให้พวกเธอทุกคนต่างก็มองเขาราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว การชี้ให้เห็นถึงข้อผิดพลาดหนึ่งหรือสองข้อ จากการฟังพวกเธอร้องเพลงทั้งหมดในครั้งเดียวนั้นค่อนข้างปกติ แต่สถานการณ์นี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น เสี่ยวหลัว เขากลับสามารถระบุข้อผิดพลาดอย่างถูกต้องและแม่นยำของทุกคนได้เลยในการฟังเพียงแค่ครั้งเดียว มันเป็นไปได้อย่างไรกัน

“เนื้อเพลงของ ‘แม่น้ำเหลือง’ มันไม่ใช่ใช้แม่น้ำเหลืองจริงๆ มันเป็นเพียงการอุปมาอุปมัย เพื่อยกย่องจิตวิญญาณการต่อสู้ของบรรพบุรุษ วิธีการร้องเพลงจึงควรจับคู่กันระหว่างนักร้องเสียงสูงและนักร้องเสียงต่ำให้ได้อย่างเหมาะสม ตอนนี้ในกลุ่มของพวกเรามีทั้งนักร้องที่มีทั้งเสียงสูงและนักร้องที่มีเสียงต่ำ ต่างก็ผสมปะปนกันอยู่ ดังนั้นเราจึงต้องจัดโครงสร้างของกลุ่มใหม่”

ตอนนี้เสี่ยวหลัวเขาเป็นราวกับอาจารย์ ที่คอยชี้แนะอย่างระมัดระวัง โดยคำแนะนำของเขา เขาจัดให้เสียงสูงของสาวๆ อยู่ในแถวที่สอง โดยมีชูเยว่ เป็นผู้นำของพวกเขา และในทำนองเดียวกันเขาก็สร้างอีกสองแถวสำหรับเสียงต่ำโดยมี เติ้งไค เป็นผู้นำ”

“ดีมาก ตอนนี้มาร้องเพลงกันอีกครั้ง คราวนี้ในขณะที่พวกเธอร้องเพลงอย่าลืมแก้ไขปัญหา ที่ฉันชี้แนะให้ไปก่อนหน้านี้ด้วย” เสี่ยวหลัว กลับไปที่ด้านหน้าของแถว ตอนนี้ดวงตาของเขาสดใสและมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก

กลุ่มคนพยักหน้ารับรู้ โดยไม่รู้ตัว จากนั้นพวกเธอจึงเริ่มร้องเพลงอีกครั้งในทันที

ตอนนี้มันมีผลลัพธ์ที่เด่นชัดขึ้นมาก เมื่อพวกเธอร้องเพลงในครั้งนี้มันเป็นการประสานเสียงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากการฟังก็สามารถรับรู้ได้ถึงพลังเสียงได้เลย มันมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ตอนนี้มันก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

ฮวาง รั่วหราน ตะลึงงัน เธอไม่อยากจะเชื่อได้เลยว่า เสี่ยวหลัวจะมีทักษะแบบนี้ด้วย หากเพียงเธอปล่อยให้ เสี่ยวหลัว กุมสายบังเหียนก่อนหน้านี้ พวกเธอคงจะไม่เสียเวลาไปกับการซ้อมที่ไร้ประโยชน์พวกนั้นแน่ๆ

ปากของชูเยว่ เปิดอ้าออกเล็กน้อย ตอนนี้เธอมองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ตอนนี้เธอเริ่มมีความเข้าใจใหม่ในตัวเสี่ยวหลัวมากขึ้นแล้ว เสี่ยวหลัวเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอรู้สึกชื่นชมและเธอก็ยอมรับถึงความพ่ายแพ้อย่างแท้จริง

“พี่หลัว! โอ้พี่ชายของผม พี่เป็นอัจฉริยะจริงๆ! จากคำแนะนำของพี่เพียงอย่างเดียว มาตรฐานการร้องเพลงของพวกเราก็ได้รับการยกระดับไปอีกระดับแล้ว ดูเหมือนว่า ชิวเหลียง จะต้องไปวิ่งแก้ผ้า รอบมหาลัยซะแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ !” จูเสี่ยวเฟย หัวเราะร่า

“หยุดเลียรองเท้าพี่หลัวได้แล้ว!” เติ้งไคพูดแทรกคำพูดของจูเสี่ยวเฟย “พี่หลัวเป็นอัจฉริยะหรือไม่? ไม่แน่นอน ไม่มีทางที่เขาจะเป็นอัจฉริยะ”

ทุกคนต่างก็สงสัยว่าทำไม เติ้งไค ถึงไม่เห็นด้วยกับคิดของจูเสี่ยวเฟย จากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยความเทิดทูลว่า“พี่หลัวเป็นเทพเจ้าในหมู่มนุษย์ต่างหากหละ เขาสามารถทำอะไรก็ได้ มีเฉพาะชื่อ ‘เทพเจ้า’ เท่านั้นที่เหมาะสมสำหรับพี่หลัว”

ห่ะ? ‘เทพเจ้า’ ให้ตายเถอะ!

ผู้หญิงทุกคนก่นด่าเขาเงียบๆอยู่ในใจ

จูเสี่ยวเฟย ตอบโต้ด้วยความโกรธทันที“ไปให้พ้นเลย! ฉันแค่เลีย แต่แกมันทั้งอมทั้งกินรองเท้าพี่หลัวเข้าไปแล้ว!!!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ~”

พวกผู้หญิงไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของพวกเธอเอาไว้ได้ หลังจากได้ยินทั้งสองโต้เถียงกัน

ฮวาง รั่วหราน ตบมือให้กันทุกคนเงียบเสียงลง “เอาหละ หยุดเล่นกันได้แล้ว และฟังสิ่งที่ เสี่ยวหลัว จะพูดต่อไปกัน”

ด้วยอำนาจของผู้ดูแล จากนั้นไม่นานทุกคนจึงเงียบเสียงลง

เสี่ยวหลัวรวบรวมความคิดของเขาแล้วกล่าวว่า“การร้องเพลงให้กลมกลืน เป็นเพียงก้าวแรก ขั้นต่อไปคือการร้องเพลงให้ถูกต้อง ต่อไปนี้เราจะร้องเพลงตรงส่วนที่สี่”ปกป้องกัน” ในรอบนี้ตรงท่อน “ลมกำลังร้องโหยหวน” เราจะต้องร้องมันให้ตรงไปตรงมา เอาหละต่อจากนี้แถวหลังจะต้องเริ่มร้องคลอเสียงให้กับแถวหน้า มาลองกันเถอะ”

พระเจ้าเสี่ยวหลัวเขามีความสามารถมากมายขนาดไหนกัน?

พวกผู้หญิงมองไปที่ เสี่ยวหลัว ด้วยความเคารพเทิดทูล

หลังจากที่พวกเธอลองร้องเพลงอีกครั้ง เสี่ยวหลัวค่อนข้างที่จะพอใจ “ตอนนี้พวกเราจำเป็นที่จะต้องมีผู้ควบคุมวง” แม่น้ำเหลือง“และเราก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีวาทยกรด้วย”

“เทพหลัว วาทยกรคืออะไร” อันหวน ถามด้วยความอยากรู้

“ก่อนที่เราทุกคนจะเริ่มร้องเพลง วาทยกรคือคนพูดเพื่อช่วยให้ผู้ชมเข้าใจความหมายของเพลง” แม่น้ำเหลือง“ จากนั้นเสี่ยวเซียวจึงอธิบายต่อ” แล้วเรื่องนี้ ฉันก็ตัดสินใจแล้วที่จะให้ ฮวาง รั่วหราน เป็นผู้ควบคุมวง เธอมีตำแหน่งและอำนาจที่สามารถควบคุมความสนใจของทุกคนได้ ดังนั้นฉันคิดว่าบทบาทนี้จึงเหมาะสมกับเธอ สำหรับวาทยกร ฉันคิดว่า ชูเยว่ ควรทำในตำแหน่งนี้เช่นกัน วาทยกร จะต้องน่าดึงดูดพื่อกระตุ้นผู้ฟัง ชูเยว่เธอมีคุณสมบัติเหล่านี้อย่างครบถ้วน”