ภายใต้คำแนะนำของเสี่ยวหลัว พวกสาวๆจากสาขาวิชาภาษาอังกฤษก็อุทิศตนอย่างเต็มที่ในการฝึกร้องเพลง พวกเธอกระตือรือร้นมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกันพวกเธอก็รู้สึกตะลึงในความสามารถของเสี่ยวหลัว ตอนนี้พวกเธอเริ่มที่จะบูชาเสี่ยวหลัวแล้ว
ตั้งแต่เวลาการแข่งขันเหลืออีกเพียงหนึ่งสัปดาห์ เสี่ยวหลัวก็จัดคอร์สฝึกอบรมอย่างเข้มข้น นอกเหนือจากการเข้าคราสเรียนและการรับประทานอาหารแล้ว ส่วนที่เหลือของเวลาทั้งหมดของพวกเขาก็จะทุ่มเทให้กับการซ้อม ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความหวังและมีความสุขในช่วงสองสามวันมานี้ ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้มิตรภาพของพวกเธอลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
******
บ่ายวันนี้เสี่ยวหลัวได้รับโทรศัพท์แปลกๆ จากชายคนหนึ่งซึ่งเขาบอกว่าเขาได้เห็นข้อมูลเกี่ยวกับนาฬิกาสวิสโอเมก้ากาแล็กซี่ บนอินเทอร์เน็ต และต้องการที่จะซื้อจากเขา เพื่อที่จะมอบให้แฟนสาวของเขา และนอกจากนนี้ชายคนนี้ยังนัดให้เขาไปพบที่ทางหลวงแห่งชาติในเขตชานเมืองอีกด้วย
เสี่ยวหลัว รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเกี่ยวกับจุดนัดพบที่ชายคนนี้เลือก มันอยู่ไกลจากตัวเมืองประมาณหนึ่งชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ตรงนั้นมันก็เป็นป่าลึกและมีชื่อที่น่ากลัวว่า สันเขาหมูป่า อีกด้วย
การนัดพบยังสถานที่แห่งนั่น มันให้ความรู้สึกอย่างกับการล่อซื้อของที่ผิดกฏหมายอย่างไรอย่านั้น!
อย่างไรก็ตามชายคนนั้นก็มีเหตุผลของเขา เขาอธิบายว่า เขาเป็นผู้อยู่อาศัยในเมืองของมณฑลภายใต้เขตอำนาจของเจียงเฉิง แต่เขาไม่ได้อาศัยอยู่ในเขตเมือง ดังนั้นสถานที่นัดพบเขาจึงเสนอให้ไปคนละครึ่งทาง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถพบกันได้และแสดงความจริงใจในการทำข้อตกลง
“ชายผู้นี้ฉลาดมาก” จูเสี่ยวเฟย ยกย่องชายคนนี้หลังจากที่ได้ยินรายละเอียด “ด้วยการเลือกสถานที่นัดพบที่ทางหลวงแห่งชาติตรง สันเขาหมูป่า เขาสามารถประหยัดค่าเดินทางได้ตั้งครึ่งหนึ่ง”
เติ้งไค ขมวดคิ้วแล้วพูดออกมาเสียงดังว่า “นาฬิกาของพี่หลัว ราคาตั้ง 59,999 หยวน หากเขาไม่สามารถจ่ายค่าเดินทางเพื่อมาหาพี่ได้ ฉันเกรงว่าเขาอาจมีเจตนาไม่ดีและกำลังล่อให้พี่หลัว ไปที่นั่นเพื่อดักปล้น”
“เหตุผลของ เติ้งไค มันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ เราไม่สามารถตัดประเด็นนี้ทิ้งไปได้” จูเสี่ยวเฟย กล่าวขณะที่สีหน้าที่เคร่งเครียด “พี่หลัว เพื่อความปลอดภัย พี่ควรจะขอให้เขามาพบพี่ที่มหาลัยของเราไม่ดีกว่าเหรอ”
เสี่ยวหลัวส่ายหัวขณะที่เขาหยิบนาฬิกาออกมาจากลิ้นชัก “ในที่สุดฉันก็สามารถหาคนที่สนใจซื้อนาฬิกาเรือนนี้ได้ เนื่องจากเขาขอให้ฉันไปพบกันในสถานที่นั่น ฉันก็จะไป แม้ว่าเขาจะมีเจตนาไม่ดีจริงๆ ก็ลองดูสิว่า เขาจะสามารถนำนาฬิกา ออกไปจากมือของฉันได้อย่างไร”
“นั่นมันก็จริง พี่หลัว เก่งในการต่อสู้มาก ใครก็ตามที่พยายามทำอะไรแบบนั้น มันคงจะถูกพี่หลัวทุบตีจนแม่จำหน้าไม่ได้แน่ๆ” จูเสี่ยวเฟย เริ่มรู้สึกวางใจ
เติ้งไค มองจูเสี่ยวเฟย อย่างรังเกียจ “นายเป็นต้นหญ้าหรือไง ที่ถูกลมพัดแล้วจะปลิวไปตามทิศทางลม”
“เติ้งไค ฉันเป็นผู้ศรัทธาของ พี่หลัว ต่างหาก!” จูเสี่ยวเฟย ตบหน้าอกของเขาอย่างภาคภูมิใจ
เสี่ยวหลัวส่ายหัวอย่างหมดคำที่จะพูด
ในช่วงบ่าย เสี่ยวหลัว ก็นั่งแท็กซี่และรีบไปที่จุดนัดพบ
ชั่วโมงต่อมาแท็กซี่ก็มาถึง คนขับเป็นชายหนุ่มในวัยสามสิบ เมื่อเขามาถึงเขาก็มองไปรอบๆแล้วเห็นว่ามีแต่ป่าเต็มไปหมดทั้งสองข้างทาง (สันเขาหมูป่า) คนขับรถตัวสั่นและถามว่า“น้องชาย ตอนนี้เราอยู่กลางป่ามันไม่มีผู้คนเลย ทำไมน้องชายถึงอยากมาที่นี่ด้วยงั้นเหรอ?”
คนขับรถแท็กซี่เคยได้ยินมาว่า มีบางคนที่กำหนดเป้าหมายไปที่คนขับรถแท็กซี่ พวกเขาจะฆ่าและปล้นพวกคนขับรถแท็กซี่ แล้วจากนั้นก็ทิ้งร่างของพวกเขาเอาไว้ในถิ่นทุรกันดาร ตอนนี้คนขับแท็กซี่เริ่มสงสัยแล้วว่า เขากำลังตกเป็นเป้าหมายอยู่หรือไม่ เขาไม่ได้ดึงเบรกมือหลังจากที่จอดรถ ตราบใดที่เขารู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติเขาจะขับรถออกไปทันที
“ผมมาที่นี่เพื่อพบกับใครบางคน อย่าเพิ่งไปรอผมก่อนนะ ผมต้องการให้คุณพาผมกลับไปในภายหลัง” เสี่ยวหลัวเปิดประตูรถแล้วเดินออกไป
เขากำลังรอคอยผู้สมรู้ร่วมคิดอยู่หรือไม่?
คนขับแท็กซี่รู้สึกหนาวสั่นและรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้นไม่นานรถซีดานสีดำสุดหรูสามคันก็มาถึงทางหลวง ก่อนที่จะจอดหยุดรถไม่ไกลไปจากเสี่ยวหลัว ประตูรถเปิดออกแล้วจากนั้นก็มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดสูทสีดำที่น่ากลัว พุ่งออกมาจากรถ
เชี้…ย ชิบหายแล้ว…..
การมาถึงของพวกเขาทำให้คนขับรถแท็กซี่ตกใจเป็นอย่างมาก เขาเหยียบคันเร่งในทันที มันทำให้รถแท็กซี่สีเขียวพุ่งออกตัวไปจนลับจากสายตา สำหรับคนขับรถแท็กซี่สถานการณ์ทั้งหมดนี้มันเกินความคิดของเขาไปแล้ว หากเขาไม่ได้หลบหนีออกไปในตอนนี้ เขาอาจจะไม่ได้รับโอกาสให้หนีอีกเลยก็ได้
เสี่ยวหลัว ไม่ได้มองย้อนกลับไปที่คนขับแท็กซี่ที่ทิ้งเขาไปเลยแม้แต่น้อย เขายังคงมองไปที่ด้านหน้าของเขา
กลุ่มคนประกอบไปด้วยคนเก้าคน หนึ่งในนั้นเป็นชายที่มีผมสีเงิน เขาแต่งตัวเหมือนฮิปสเตอร์ จากภาพลักษณ์ของเขาคนนี้สามารถบอกได้ว่าเขาคือนายน้อย ผู้ที่เป็นเจ้านายของคนกลุ่มนี้แน่ๆ จากนั้นกลุ่มคนเข้ามาล้อมรอบเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวถาม“คุณเป็นคนที่โทรมาหาฉันใช่ไหม?”
ชายที่มีผมสีเงินตอบอย่างร่าเริงว่า“ใช่แล้ว ฉันโทรไปเองแหละ”
“เอาเงินมาให้ฉันแล้วฉันจะส่งมอบของให้” เสี่ยวหลัวกล่าวตอบ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ การแสดงออกที่สนุกสนานปรากฏอยู่บนใบหน้าของกลุ่มคน
“ดูเหมือนว่าแกมันจะเป็นไอโง่จริงๆ แกถึงกล้ามาในสถานที่เช่นนี้ แกรู้ไหมน้องสาวของฉันต้องการให้แกตาย” ชายที่มีผมสีเงิน กล่าวดูถูก
“น้องสาวของแกงั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว ถามพร้อมกับหรี่ตา
ในเวลานั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถที่ด้านหน้า
เธอมีรูปร่างที่น่าดึงดูดใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผมหยักศกสีบลอนด์ที่ดูเปล่งประกาย และเรียวขาของเธอปกคลุมไปด้วยกระโปรงมินิสีเหลืองอ่อน มันแสดงให้เห็นถึงสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบของเธอ
“เสี่ยวหลัว ไม่ได้พบกันนานเลยนะ!”
ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองเสี่ยวหลัวอย่างกล้าหาญ ผู้หญิงคนนี้ก็คือ ฝาง ชูหลาน ผู้ซึ่งเคยพบกันที่งานปาร์ตี้มาก่อน
เสี่ยวหลัวเข้าใจในทันทีว่า ฝาง ชูหลาน จะต้องเห็นโพสต์ที่เขาโพสต์บนอินเทอร์เน็ตโดยไม่ตั้งใจอย่างแน่นอน จากนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะใช้มันเพื่อหลอกล่อให้เขา ออกมามายังสถานที่ห่างไกลแห่งนี้ เพื่อที่จะได้สั่งสอนบทเรียนให้กับเขาแน่ๆ
“มันผ่านไปนานขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณฝาง เธอวางแผนที่จะเอาเงินมาให้ฉันอีกครั้งในวันนี้ใช่ไหม?”
ใบหน้าของ ฝาง ชูหลาน เปล่งประกายแห่งความโกรธออกมา เมื่อนึกถึงความอัปยศในวันนั้น เธอรู้สึกเกลียดชังเสี่ยวหลัวเป็นอย่างมาก เธอกัดฟันพร้อมกับพูดว่า: ”ไอหมาบ้า แกยังกล้าที่จะหยิ่งยโสอีกงั้นเหรอ วันนี้ฉันจะเอาคืนความอัปยศในวันนั้นทั้งหมด!”
เสี่ยวหลัวถอนหายใจ บางคนก็เป็นแต่อย่างนี้ พวกเขาไม่เคยเรียนรู้อะไรเอาซะเลย
ชายที่มีผมสีเงินเปร่งเสียงหัวเราะคิกคัก พร้อมพูดกับเสี่ยวหลัวว่า“ฉันได้ยินมาว่าแกเก่งในการต่อสู้และแกก็สามารถเอาชนะบอดี้การ์ดที่บ้านของ ฝู เจียหว่ย ได้ ฉันสงสัยว่าแกจะยังเอาชนะผู้ชายเหล่านี้ที่ครอบครัวของฉันว่าจ้างมาได้หรือเปล่า ฉันขอเตือน พวกเขาคือทหารผ่านศึกและเป็นนักสู้ที่ทรงพลังทั้งหมด ฮิฮิ.”
“ถ้าฉันเป็นแกฉันจะไม่ทำอย่างนั้น” เสี่ยวหลัวกล่าวตอบ พร้อมกับยิ้มที่มุมปาก อย่างเย้ยหยัน “ตอนนี้ฉันและแกอยู่ที่นี่ แม้ว่าฉันจะฆ่าแกที่นี่พวกตำรวจก็จะไม่สามารถสืบหาได้ว่า ฉันเป็นคนที่ฆ่าแกอย่างแน่นอน”
ในเวลานั้นนัยน์ตาของเสี่ยวหลัวก็จ้องมองไปทั่วบริเวณ สายตาของเขาดูเยือกเย็นและไร้อารมณ์และไร้ความรู้สึกใดๆ ร่างกายของเขา เปร่งรัศมีของความกระหายเลือดออกมา มันรุนแรงมากจนเกือบที่จะจับต้องได้ เห็นได้ชัดเลยว่าตอนนี้อากาศในบริเวณโดยรอบราวกับจะจับตัวเย็นไปถึงจุดเยือกแข็งอยู่แล้ว
ดวงตาของเสี่ยวหลัวเป็นเหมือนกับวังวนสีดำหมึกที่มืดสนิท เมฆหมอกแห่งความมืดถูกปลดปล่อยออกมาล้อมรอบตัวของเขา มันเป็นราวกับหลุมดำขนาดมหึมาที่สามารถกลืนกินทุกผู้ทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาได้เลย
ช่างเป็นจิตสังหารที่แข็งแกร่ง!
ชายแปดคนในชุดสูทสีดำกลายเป็นหน้าซีดเซียว ในขณะนี้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังจะหายใจไม่ออก
เสี่ยวหลัวพร้อมที่จะฆ่าแล้ว ความสามารถของราชาทหารรับจ้าง ไม่เพียง แต่พัฒนาความสามารถทางกายภาพของเขาเท่านั้น แต่มันยังเปลี่ยนอารมณ์ของเขาไปอีกด้วย