ตอนที่ 129 ไม่กล้าพบหน้า

บุตรอสูรบรรพกาล


ตอนที่ 129

ไม่กล้าพบหน้า

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เป็นอะไร ไป๋จูเหวินก็มองไปทางที่เฒ่าประทับสวรรค์หนีหายไป พริบตานั้นดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ทำให้ภาพที่ไป๋จูเหวินสามารถมองเห็นได้ไกลขึ้นหลายเท่า เพียงแต่ไป๋จูเหวินก็เห็นเพียงแผ่นหลังของเฒ่าประทับสวรรค์ก่อนจะหายไปในถ้ำแห่งหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ตามไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว แถมต่อให้ตามทันพวกมันก็คงสู้ไม่ไหว

“คุณชาย หากท่านจะตามไปข้าคงต้องห้ามท่านนะเจ้าคะ”หงเยว่พูดพลางเดินมาขวางไป๋จูเหวินเอาไว้ นางรู้ว่าสิ่งที่ผู้บุกรุกชิงไปเป็นสิ่งสำคัญ แต่หากตามไปเอาคืนก็มีแต่ตายเท่านั้น หากเจ้านายของนางต้องตายอีกนางจะขอขวางเขาเอาไว้เสียดีกว่า

“ไม่หรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางส่ายหน้าช้าๆ แม้จะอยากได้ตำราคืนแต่ไป๋จูเหวินเองก็รู้ว่าอะไรเป็นไปได้อะไรเป็นไปไม่ได้ ดูท่าคงต้องลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับหัวหน้าถังหรืออาวุโสเทียนหมิงเสียก่อน

“เราเดินทางกันต่อเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางลูบหลังของหลินหลินเบาๆ เพราะการต่อสู้เมื่อครู่เกิดบนหลังนางทำให้นางตกใจเป็นอย่างมาก จะโจมตีก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ก็ไม่กล้า

“เจ้าค่ะ”หงเยว่ตอบรับพลางเรียกแมงมุมตัวเท่านิ้วมือออกมา 15 ตัว นางส่งพวกมันกระโดดออกไปจากร่างของหลินหลินเพื่อทำหน้าที่สอดแนม แม้จะไม่ใช่ความผิดของนางที่คนระดับเทียนเซียนขั้นที่ 10 จะสามารถบุกเข้ามาโดยไม่ให้นางรู้ตัวได้ แต่นางก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องเดิมซ้ำอีก อย่างน้อยนางก็ไม่ควรประมาทระหว่างเดินทางอีกแล้ว

เพียงแต่หลังจากเฒ่าประทับสวรรค์จากไป ตลอดการเดินทางก็ไม่พบอะไรบุกเข้ามาอีกแล้ว จนกระทั่งเข้าใกล้เขตเมืองที่มารดาของเหม่ยหลินอาศัยอยู่ก็พลันเกิดเรื่องขึ้น เหล่าแมงมุมตัวน้อยที่หงเยว่ส่งออกไปพากันกลับเข้ามาเพื่อแจ้งข่าว และบอกนางว่ามีคนมุ่งมาทางที่พวกไป๋จูเหวินอยู่ถึง 3 คน

วืดดดด หงเยว่ดึงใยแมงมุมออกมาจากฝ่ามือพลางเตรียมรับมือกับศัตรูที่กำลังมา

“ไม่เป็นไร”ไป๋จูเหวินยกมือขึ้นห้ามก่อนจะมองไปยังตำแหน่งของผู้มาเยือน คราวนี้ไม่ใช่ผู้บุกรุกแต่อย่างไร เพราะมันเป็นคนคุ้นเคยของไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินนั่นเอง

“พี่ไป๋ พี่เหม่ยหลิน เป็นพวกพี่จริงๆด้วย”อู่เทียรเหวิน องค์ชายอันดับที่ 4 ของอาณาจักรอู๋ปรากฏกายตรงหน้าไป๋จูเหวินหลังจากมันและองครักษณ์ทั้งสองกระโดดขึ้นมาบนหลังของหลินหลินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“อู๋เทียนเหวิน ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“อะ อ๋อ ข้ากำลังจะไปหาเหม่ยฮวาพอดี”อู๋เทียนเหวินว่าพลางหัวเราะเก้อๆออกมา มันยังคงเป็นองค์ชายที่มีเวลาว่างเสียเหลือเกินไม่เปลี่ยนแปลง

“จริงสิ พวกท่านมาด้วยกันแบบนี้อย่าบอกนะว่าพี่ไป๋พาพี่เหม่ยหลินหนีมาอีกแล้ว”เทียนเหวินถามพลางยิ้มกว้าง

“เปล่าหรอก คราวนี้ท่านพ่อเป็นคนอนุญาตให้พวกเรามาเอง”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มรับอีกฝ่ายเช่นกัน

“ท่านหวงหลงน่ะนะ คราวก่อนท่านยังจะฆ่าพี่ไป๋อยู่เลย ทำไมคราวนี้ถึงยอมล่ะ”อู๋เทียนเหวินก็แปลกใจไม่แพ้เหม่ยหลินในตอนแรกเช่นกัน ทั้งนี้เพราะมันอยู่ในเหตุการณ์คราวก่อนด้วยนั่นเอง

“เรื่องมันยาว…”ไป๋จูเหวินถอนหายใจพลางเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกรอบ โชคดีที่ท่านอาวุโสเทียนหมิงอยู่ที่งานชุมนุมด้วยไม่อย่างนั้นหากเจอท่านอีกในครั้งหน้าคงต้องเล่าซ้ำอีกรอบเป็นแน่

.

.

ไม่นานพวกไป๋จูเหวินมาถึงที่หมายแรก แน่นอนว่าคนที่ตื่นเต้นที่สุดคงหนีไม่พ้นเหม่ยหลินอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่เรื่องเมื่อคราวก่อนก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย ส่วนเทียนเหวินนั้นใบหน้าของมันกลับปรากฏความลังเลขึ้นมาเสียเฉยๆ

“พะ พวกพี่เข้าไปก่อนเลยนะ ข้า….ข้ามีธุระ”ก่อนจะถึงร้านของบิดาเหม่ยฮวา อยู่ๆเทียนเหวินก็มีท่าทีลังเลอย่างหนักก่อนจะตัดสินใจขอตัวไปอีกทางก่อนเสียอย่างนั้นทั้งๆที่ทุกคนต่างก็ทราบว่าเทียนเหวินเดินทางมาถึงนี่เพราะอะไร

“เจ้าเป็นอะไรไป”ไป๋จูเหวินขมวดคิ้ว ท่าทีของเทียนเหวินแปลกไปอย่างชัดเจน ราวกับมันกำลังหนีบางอย่าง

“มะ ไม่มีอะไรหรอกพี่ไป๋ ข้าขอรอข้างนอกก็พอ”อู๋เทียนเหวินว่าพลางถอยห่างออกมาจากไป๋จูเหวินเล็กน้อย

“ไม่มีอะไรได้อย่างไร เจ้าท่าทีแปลกประหลาดถึงเพียงนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางเดินไปจับข้อมือของอู่เทียนแหวินอย่างรวดเร็ว

“ดะ เดี๋ยวพี่ไป๋ อย่าลากข้าไป”เทียนเหวินเบิกตากว้างเมื่ออยู่ๆไป๋จูเหวินก็ลากมันไปทางร้านของเหม่ยฮวา แถมแรงของไป๋จูเหวินยังมากจนน่าตกใจทำเอามันดิ้นไม่หลุดเสียด้วยซ้ำ

“หากเจ้าไม่บอกข้าว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะลากเจ้าเข้าไปทั้งๆแบบนี้เลย”ไป๋จูเหวินยิ้มพลางมองเทียนเหวินที่กำลังพยายามเอาเท้าดันพื้นอย่างสุดกำลัง

“กะ ก็ได้ ข้าจะบอกท่าน”เทียนเหวินว่าพลางยื้อตัวเองไม่ให้โผล่ไปหน้าร้าน

“งั้นบอกมา”ไป๋จูเหวินว่าพลางปล่อยมือเทียนเหวินแต่โดยดี

“คือ….เมื่อเดือนก่อนข้า…..”เทียนเหวินว่าพลางกระพริบตาถี่ๆใบหน้าของมันแดงซ่านด้วยความอาย

“ข้าขอเหม่ยฮวาแต่งงาน”พูดจบทั้งไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินต่างก็มีสีหน้าตกใจในทันที แต่หากลองนึกดูดีๆแล้วเจ้าหนุ่มนี่รักเหม่ยฮวาขนาดยอมไปกดดันหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรด้วยตัวเอง จะอยากแต่งงานก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพียงแต่ท่าทีของมันที่เหมือนจะไม่อยากโผล่ไปให้เหม่ยฮวาเห็นเช่นนี้หรือว่า…

“เจ้าโดนปฏิเสธมาสินะ”เหม่ยหลินว่าพลางมองเทียนเหวินด้วยท่าทีสงสาร 

“ขอรับ”เทียนเหวินราวกับโดนคำพูดของเหม่ยหลินแทงเข้ากลางใจ มันหน้าหมองหม่นลงทันทีจนเหม่ยหลินต้องเข้าไปปรอบใจมัน

“แล้วทำไมนางถึงปฏิเสธเจ้าล่ะ”ไป๋จูเหวินถามเพราะนอกจากอู๋เทียนเหวินจะเป็นองค์ชายแล้วมันยังรักเหม่ยฮวาอย่างมาก เรียกได้ว่ายอมทำให้ทุกอย่าง แถมหน้าตามันก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี่เหร่ นิสัยก็ไม่ได้แย่อะไร

“ข้าเองก็ไม่ทราบ นางดูตกใจมากตอนข้าขอแต่งงาน แต่พอนางตอบปฏิเสธมา ข้าก็หัวขาวโพลนไปหมด จำได้อีกทีก็เดินออกมาจากร้านแล้ว”ยิ่งเล่าหน้าของเทียนเหวินก็ยิ่งหดเล็กลง ทำเอาเหม่ยหลินต้องพยายามปลอบใจมันหนักกว่าเดิม

“เจ้าไม่ต้องคิดมากหรอก เอาอย่างนี้ไหมพวกข้าจะไปถามนางให้ว่าทำไมถึงปฏิเสธเจ้า”เหม่ยหลิวว่าพลางลูบหลังของเทียนเหวินอย่างเอ็นดู

“มะ ไม่เป็นไรขอรับ ข้าแค่ได้เห็นนางจากนอกร้านก็พอแล้ว”เทียนเหวินตอบพลางส่ายหน้าเบาๆ ทำเอาทั้งไป๋จูเหวินทั้งเหม่ยหลินได้แต่ถอนหายใจ

“เช่นนั้นเราเข้าไปกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองตาของเหม่ยหลิน ถึงเทียรเหวินจะไม่ให้พวกมันถาม แต่มันก็คงอยากรู้แน่ๆ

“เทียนเหวินเจ้าจะอยู่ข้างนอกนี่จริงๆเหรอ”เหม่ยหลินถามพลางมองเทียรเหวินอย่างสงสาร แต่มันก็ไม่มีท่าทีเปลี่ยนแปลงเลย

เมื่อเห็นเช่นนั้นเหม่ยหลินกับไป๋จูเหวินก็ได้แต่เดินเข้าร้านไปพร้อมกับเหล่าอสูรของตนที่อยู่ในร่างมนุษย์กันจนหมดแล้ว

“…..”แม้จะไม่เท่าเทียนเหวิน แต่เหม่ยหลินที่กำลังก้าวเข้ามาในร้านก็หัวใจเต้นไม่หยุดเหมือนกัน คราวก่อนที่มามารดาของนางป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียง แต่มาคราวนี้เพียงเดินเข้ามาในร้านเหม่ยหลินก็ได้เห็นมารดาของนางกำลังยืนอยู่กับน้องสาวพลางพูดคุยกันเล็กน้อยเพราะลูกค้าในร้านยังไม่เยอะ

“เหม่ยหลินลูกแม่”แต่ทันทีที่มารดาของเหม่ยหลินหันมาสบตากับนาง อยู่ๆมารดาก็ส่งเสียงเรียกเหม่ยหลินขึ้นมา พร้อมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหาเหม่ยหลินด้วยสีหน้าเป็นห่วง

“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม”มารดาของเหม่ยหลินถามพลางกอดเหม่ยหลินแน่น

“ทะ ท่าน…”เหม่ยหลินพยายามจะบอกให้มารดาของนางใจเย็นแต่ท่าทางจะไม่ทันเสียแล้ว เมื่อครู่นางพึ่งประกาศออกไปเสียทั่วร้านเลยว่าเหม่ยหลินเป็นบุตรสาวของนาง

“ท่านแม่ ไม่ใช่ว่าเรื่องนี้เป็นความลับหรือ”เหม่ยหลินถามพลางซบไหล่มารดาช้าๆ

“อ๊ะ…”มารดาของเหม่ยหลินราวกับพึ่งนึกออก นางมองไปรอบๆ สามีและบุตรสาวคนเล็กของนางถึงกับเบิกตากว้างมองตัวนางที่กำลังกอดบุตรสาวอีกคนอย่างโจ่งแจ้ง สามีนางอาจจะไม่เท่าไหร่เพราะพอรู้เรื่องมาก่อนบ้างแล้ว แต่เหม่ยฮวานี่สิ นางไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย

“คุณคะ..เหม่ยฮวา…”มารดาของเหม่ยหลินปล่อยเหม่ยหลินออกจากอ้อมกอดช้าๆ พลางหันไปมองสามีและบุตรสาวอย่างช้าๆ เพราะคราวก่อนเหม่ยหลินโดนหวงหลงจับตัวกลับไป แถมยังไม่โผล่มาเลยนับหลายเดือน ทำให้นางเป็นห่วงเหม่ยหลินมาก แม้จะพอวางใจได้ที่นางอยู่กับหวงหลง แต่ก็อดกังวลไม่ได้ว่านางจะโดนลงโทษอะไรหรือเปล่า ด้วยความเป็นห่วงนี้เองทำให้นางเผลอเข้ามากอดเหม่ยหลินเอาไว้อย่างลืมตัวนั่นเอง