ตอนที่ 130
พี่น้อง
“ท่านแม่….”เหม่ยหลินพูดพลางมองมารดาที่กำลังอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยท่าทีเป็นห่วง เรื่องอื้อฉาวอย่างการที่แม่ของตนเองเคยมีลูกสาวอีกคนมาก่อนแล้วไม่รู้ว่าเหม่ยฮวาจะคิดอย่างไร
“ไม่เป็นไรจ่ะ”มารดาของเหม่ยหลินว่าพลางโอบเอวของเหม่ยหลินเอาไว้ นางออกแรงดันร่างของเหม่ยหลินเล็กน้อยเพื่อให้นางเดินมาพร้อมๆกับตนเอง เพียงไม่กี่ก้าวร่างของเหม่ยหลินก็ห่างจากเหม่ยฮวาผู้เป็นน้องเพียงนิดเดียวเท่านั้น ทำเอาหัวใจของเหม่ยหลินเต้นไม่เป็นส่ำ
“ทั้งสองคนอาจจะยังไม่รู้ แต่เหม่ยหลินเป็นลูกสาวของข้าที่คลอดก่อนจะได้มาเจอกับคุณเฉิน”มารดาของเหม่ยฮวาว่าพลางมองไปทางสามีของนาง ความจริงมันควรทราบอยู่แล้วว่ามันไม่ใช่ชายคนแรกของนาง แต่เรื่องที่ว่านางเคยคลอดลูกมาแล้วคนหนึ่งมันคงพึ่งได้ทราบเอาวันนี้
“ลูกสาว….”เหม่ยฮวาที่อยู่ตรงข้ามมองเหม่ยหลินตาค้าง นางเหมือนกับมารดาและตนเองมาก เรียกได้ว่าทำเอาเชื่ออย่างสนิทใจเลยว่าทั้งสามคนเป็นแม่ลูกกันทั้งหมด
“เจ้าหิวหรือเปล่า”อยู่ๆชายที่มารดาของเหม่ยหลินเรียกว่าคุณเฉินก็ถามคำถามหนึ่งออกมา ทำให้เหม่ยหลินเงยหน้ามองไปทางมันด้วยท่าทีประหลาดใจ
“พวกเจ้าเดินทางกันมาไกลคงหิวกันแล้ว ข้าจะหาอะไรให้พวกเจ้ากิน”คุณเฉินว่าพลางยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ทำเอาเหม่ยหลินไม่ทราบจะทำอย่างไรดี
“ค่ะ…”เหม่ยหลินตอบเสียงเบาพลางหันไปมองมารดาของตน ความจริงผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ความต้องการขั้นต่ำก็ยิ่งน้อย อย่างอาหารต่อให้นางหรือไป๋จูเหวินไม่กินอะไรเลยก็อยู่ได้หลายวัน แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจของชายตรงหน้าได้
“เหม่ยฮวา เจ้าเองก็พักหน่อยเถอะ แล้วพาพี่สาวเจ้าไปนั่งโต๊ะหลังร้านก็แล้วกัน”คุณเฉินพูดพลางเดินหันหลังเข้าไปในครับ แต่เพียงคูดแค่นี้ก็ทำเอามารดาของเหม่ยหลินยิ้มออกมาได้แล้ว
“พี่สาว….”เหม่ยฮวาพูดด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มราวกับเคอะเขินไม่กล้าเรียกออกมาเต็มๆ
“ทางนี้เจ้าค่ะ”เหม่ยฮวาว่าพลางเดินนำเหม่ยหลินไปที่โต๊ะหลังร้านซึ่งเป็นที่ใช้พักทานอาหารของคนในครอบครัวนางนั่นเอง การที่บิดาบอกว่าให้พาเหม่ยหลินมาที่นี่นั่นเท่ากับบิดาของนางยอมรับแล้ว เพียงแต่……
“คุณเป็นพี่สาวของหนูจริงๆเหรอ”เหม่ยฮวาถามพลางมองเหม่ยหลินที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับตัวเหม่ยฮวาเอง
“จ่ะ..”เหม่ยหลินตอบเสียงเบาพลางมองไปทางไป๋จูเหวินที่ยืนอยู่ข้างๆ มันไม่ได้เข้ามานั่งร่วมโต๊ะด้วยเพียงยืนให้กำลังใจอยู่ด้านหลังเท่านั้น
“……”เหม่ยฮวาเงียบไปพลางมองเหม่ยหลินด้วยท่าทางสนอกสนใจ พี่สาวของนางเป็นคนที่สวยมาก สวยกว่ามารดาของนางที่เหม่ยฮวาเชื่อมาตลอดว่าเป็นคนที่สวยที่สุดในเมืองเสียอีก แถมไม่ว่าจะมองมุมไหนการวางตัวของเหม่ยหลินก็ดูเหมือนลูกคุณหนูไม่มีผิด เทียบกับชาวบ้านแบบเหม่ยฮวาแล้วตัวนางดูธรรมดาไปเลย
“เหม่ยฮวา…”ขระกำลังเขินอายกันอยู่นั้น เหม่ยหลินที่เป็นพี่สาวก็เริ่มเอ่ยปากพูดก่อน
“เจ้าอย่าโกรธท่านแม่เลยนะ”เหม่ยหลินว่าพลางมองไปยังห้องครับที่คุณเฉินกับมารดาของนางเข้าไปเมื่อครู่ ท่าทางพวกท่านคงจะหาเวลาพูดคุยกันอยู่กระมัง
“แต่ท่านแม่….”เหม่ยฮวามีท่าทีหมองหม่นลงทันที จะให้นางทำใจได้เลยว่าแม่ของนางเคยมีสามีก่อนมาแล้วแถมยังเคยมีลูกอีกคนโดยไม่เคยบอกนางมาก่อนก็คงไม่ได้ บอกตามตรงว่านางยังสับสนอยู่มากเพียงแต่…
“ทำไมท่านแม่ถึงไม่เคยบอกข้าเลยล่ะ”เหม่ยฮวาว่าพลางมองเหม่ยหลินนิ่ง
“ท่านแม่คงลำบากใจอยู่เป็นแน่ แถมระหว่างท่านแม่กับข้าก็มีเรื่องซับซ้อนอยู่ด้วย”เหม่ยหลินพูดพลางยิ้มบางๆ
“เจ้าเชื่อหรือเปล่า ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าท่านแม่ยังมีชีวิตอยู่”ทันทีที่ได้ยินเหม่ยหลินพูดเช่นนั้นเหม่ยฮวาก็มีสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาทันที
“ท่านพ่อของข้า ไม่อยากให้ข้ามาหาท่านแม่ ก็เลยปิดเรื่องที่ท่านแม่อยู่ที่เมืองนี้เอาไว้เป็นความลับ”เหม่ยหลินว่าพลางก้มหน้าลง ปกติบิดาของนางจะแข็งกร้าวและไม่ยอมฟังเหตุผลเสียเท่าไหร่ ไม่ทราบทำไมช่วงหลังมานี่บิดาของนางดูอ่อนโยนลงมาก ถึงขนาดเป็นห่วงว่านางจะคิดถึงมารดาเลยให้ไป๋จูเหวินพามาถึงนี่
“แบบนั้น….”เหม่ยฮวานิ่งไปพักหนึ่ง ครอบครัวของนางรักใคร่กลมเกลี่ยวกันมาตลอด สำหรับเหม่ยฮวาแล้วเรื่องที่ไม่อาจพบหน้ามารดาได้ถือเป็นเรื่องที่นางคิดภาพไม่ออกจริงๆ
“แต่พอรู้ว่าท่านแม่ยังมีชรีวิตอยู่ ข้าดีใจมาก และข้าก็ดีใจมากเช่นกันที่ได้รู้ว่าท่านมีชีวิตอยู่กับคนที่ท่านรัก อย่างท่านน้าเฉินกับเจ้า”เหม่ยหลินว่าพลางเอื้อมมือไปจับมือของเหม่ยฮวาเอาไว้
“ข้าดีใจที่ได้รู้ว่าเจ้าเป็นน้องสาวของข้า ดีใจที่เห็นท่านแม่มีความสุข ข้าต้องขอบใจเจ้ามากที่ทำให้ชีวิตของท่านแม่เป็นแบบนี้”เหม่ยหลินยิ้มกว้างพลางมองน้องสาวอย่างอ่อนโยน ตัวนางไม่สนว่ามารดาจะมีสามีใหม่หรือไม่ นางสนแค่ว่านางมีความสุขหรือเปล่า แถมยิ่งรู้เรื่องที่บิดาของนางทำกับมารดาแล้วนางยิ่งไม่โกรธที่มารดาไปมีสามีใหม่เลย
“ระเรื่องนั้น…ข้าไม่มีทางโกรธท่านแม่หรอก”เหม่ยฮวาว่าพลางดึงมือออกจากมือของเหม่ยหลิน นางหน้าแดงราวกับลูกตำลึงทำเอาเหม่ยหลินแอบยิ้มออกมาเลยทีเดียว
“แล้วถ้าให้ท่านเป็นพี่สาว….”เหม่ยฮวาว่าพลางมองมาทางเหม่ยหลินเล็กน้อย
“ก็คงดีเหมือนกัน”ได้ยินเช่นนั้นเหม่ยหลินที่ได้ฟังก็ยิ้มกล้างโน้มร่างเข้าไปกอดเหม่ยฮวาที่มีท่าทีเขินอายอย่างดีใจ ท่าทางระหว่างสองพี่น้องคงไม่เป็นไรแล้ว
ส่วนทางด้านไป๋จูเหวินที่เห็นสองพี่น้องเริ่มเข้ากันได้มันก็เหลือบไปมองทางห้องครัวเล็กน้อย แม้จะมีกำแพงกั้นตัวมันก็ทราบว่าภายในกำแพงเกิดอะไรขึ้น แม้จะไม่อยากยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่ดวงตาของมันก็ดีเกินไป ทำให้มันได้แต่สำนึกว่าโชคดีแล้วที่หูของมันไม่ได้ดีขนาดสามารถฟังคนคุยกันอีกห้องได้ในระยะขนาดนี้
.
.
“พี่เฉิน…”ทางด้านมารดาของเหม่ยหลิน ทันทีที่สามีนางเดินเข้ามาในครัว นางก็เดินตามเข้ามาทันทีโดยปล่อยให้บุตรสาวทั้งสองไปรอที่โต๊ะก่อน
“มีอะไรเหรอ”เฉินตง บิดาของเหม่ยฮวาถามพลางหยิบเครื่องไม้เครื่องมือขึ้นมาเตรียมตัวทำอาหาร
“ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกท่าน…”มารดาของเหม่ยหลินพูดพลางก้มหน้าลง
“เจ้ายังจำวันที่ข้าขอเจ้าแต่งงานได้หรือไม่”เฉินตงว่าพลางจุดไฟในเตาอย่างช้าๆ มันไม่มีท่าทีผิดแปลกไปจากที่มันเคยเป็นเมื่อสมัยก่อนเลย
“เรื่องนั้น…”มารดาของเหม่ยหลินนิ่งไป แน่นอนว่านางจำได้แต่ไม่คิดว่าเฉินตงจะจริงจังกับคำพูดในตอนนั้นเท่าไหร่
“ข้าบอกเจ้าว่า ไม่ว่าอดีตของเจ้าจะเป็นอย่างไร ข้าก็ไม่สน ข้ารักเจ้าและอยากจะแต่งงานกับเจ้า ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ข้าก็จะอยู่กับเจ้า”เฉินตงพูดโดยไม่ได้หันหลังกลับมามอง ไม่นึกเลยว่าคำพูดเมื่อสิบกว่าปีก่อนเฉินตงจะยังจำได้แม่นเช่นนี้
“วันแรกที่ข้าเจอเจ้า ข้าทราบอยู่แล้วว่าเจ้าเจอเรื่องเลวร้ายมา วันนั้นเจ้าหน้าหมองคล้ำราวกับคิดอะไรไม่ตก แถมยังทำท่าราวกับโลกทั้งใบได้พังทลายลงไปแล้ว”เฉินตงพูดพลางเริ่มลงมือทำอาหารอย่างเคยชิน
“ไม่ว่าตอนนั้นเจ้าจะเจออะไรมา ก็เปลี่ยนความจริงที่ว่าข้ารักเจ้าและเลือกที่จะแต่งงานกับเจ้าไม่ได้”เฉินตงพูดถึงแค่นั้น มารดาของเหม่ยหลินก็เข้าไปกอดร่างของเฉินตงเอาไว้แน่น นางช่างโชคดีนักที่ได้เจอชายผู้แสนดีคนนี้
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกับลูกๆเถอะ”เฉินตงว่าพลางนำอาหารที่ทำจัดลงจาน แม้จะไม่หรูหราอะไรมาก แต่รับรองได้ว่าฝีมือของเฉินตงไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน
“ท่านน้า ให้ข้าช่วยถือนะขอรับ”ไป๋จูเหวินเห็นเฉินตงและมารดาของเหม่ยหลินเดินออกมาจากห้องครับ ตัวมันอยู่รหว่างสองพี่น้องก็ตะขิดตะขวงใจ มันเดินไปหาเฉินตงพลางช่วยถือจานอาหารอย่างรวดเร็ว
“เจ้าเองก็ไปนั่งด้วยสิ”มารดาของเหม่ยหลินว่าพลางมองมาทางไป๋จูเหวินที่ยังไม่ยอมนั่งเสียที
“ไม่เป็นไรขอรับ”ไป๋จูเหวินยิ้มอย่างเกรงใจ เพราะบรรยากาศครอบครัวที่เห็นอยู่ตรงหน้าทำให้ไป๋จูเหวินไม่กล้าเข้าไปยุ่งเลย
“พี่ไป๋ ท่านมาเถอะ ตอนที่ข้าไปเยี่ยมบ้านของท่านพวกท่านน้าก็ให้ข้าร่วมวงด้วยไม่ใช่หรือ”เหม่ยหลินยิ้มพลางเดินมาดึงไป๋จูเหวินให้เข้าไปร่วมโต๊ะ
“ไม่ต้องเกรงใจกันหรอก คนรักของลูกสาวก็เหมือนครอบครัวเดียวกันนั่นล่ะ”มารดาของเหม่ยหลินว่าพลางยิ้มกว้าง
“ท่านแม่…”เหม่ยหลินที่ได้ยินถึงกับหน้าแดง ทำไมมารดาของนางถึงคิดว่าไป๋จูเหวินเป็นคนรักของนางได้กัน…
“ข้าเป็นเพียงสหายของเหม่ยหลินเท่านั้นขอรับ”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มเจื่อนๆออกมา
“เอ๊ะ…ข้านึกว่า….”มารดาของเหม่ยหลินทำสีหน้าเลิกลังพลางหัวเราะกลบเกลือนออกมา
“ไม่เป็นไร ต่อให้เป็นสหายก็มาร่วมโต๊ะได้”เฉินตงว่าพลางยิ้มรับ พลางเดินไปหยิบจานมาวางให้ไป๋จูเหวินราวกับจะบอกว่าไม่ต้องเกรงใจเลย