ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 246 ระดับชั้นของโลกแปดพิภพ

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

หลังจากเยี่ยนจ้าวเกอลูบสัมผัสม้วนหนังสัตว์นั่นด้วยนิ้วมือ อีกทั้งใคร่ครวญในใจครู่หนึ่ง เขาถึงเก็บม้วนหนังสัตว์ขึ้นมาอีกครั้ง

จากนั้น ชายหนุ่มเริ่มสำรวจสมุนไพรเหล่านั้นแต่ละชนิด

ชาวกระเรียนล่องลอยปลูกสมุนไพรเหล่านี้ไว้ในแปลงด้านหลังกระท่อมภายในมิติต่างแดนแห่งนั้น ผ่านไปยาวนานแรมเดือนแรมปี ไม่มีผู้ใดจัดการดูแลมาโดยตลอด สมุนไพรบางส่วนจึงค่อยๆ เหี่ยวเฉาล้มตายลงแล้วเช่นกัน

ทว่าที่สามารถคงอยู่จนกระทั่งปัจจุบัน ล้วนเป็นสมุนไพรวิเศษล้ำค่าที่มีอายุยาวนาน ฤทธิ์โอสถแก่กล้าทั้งสิ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอดีใจก็คือ ในบรรดาวัตถุดิบปรุงโอสถเหล่านี้ จำนวนมากล้วนเป็นสมุนไพรที่สูญหายไปจากโลกแปดพิภพตั้งแต่หลังจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

ปกติแล้วเยี่ยนจ้าวเกอทอดถอนใจให้กับการขาดแคลนวัตถุดิบสำคัญจนทำอะไรไม่ได้อยู่บ่อยครั้ง บัดนี้ได้รับสมุนไพรวิเศษหายากจำนวนมากเหล่านี้มาจากบ้านพักเดิมของชาวกระเรียนล่องลอยแห่งนั้น พลันรู้สึกว่าสิ่งของในมือเหลือเฟือกว่าเดิมยิ่งนัก

เยี่ยนจ้าวเกอหวนนึกพิเคราะห์อย่างละเอียด ความคิดและสมมติฐานมากมายที่แต่ก่อนไม่มีทางบรรลุ ตอนนี้ต่างก็มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้บรรลุผลแล้ว

นี่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากแยกแยะประเภทสมุนไพรวิเศษแต่ละชนิด และจัดวางไว้พร้อมสรรพแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอก็ยืดเหยียดคลายเส้น อารมณ์ดีมีความสุข

หากแต่ไม่นานนักรอยยิ้มบนดวงหน้าของเขาก็ค่อยๆ หายไป สีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นตระหนกตกใจอยู่บ้าง

ชายหนุ่มล้วงแผ่นเหล็กสีดำชิ้นหนึ่งออกมาจากหน้าอก ครั้นเพ่งมองแผ่นเหล็กในมือ ประกายตาของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นมืดมนลึกล้ำขึ้นมา

แผ่นเหล็กนี้ส่องประกายรัศมีอยู่บ้าง คล้ายกับมีลายเส้นเค้าโครงดวงหน้าคนคนเดียวกันแนบทาบอยู่รางเลือน

มันคือชิ้นส่วนหน้าของมหาปรมาจารย์ที่ปกปิดใบหน้าผู้นั้นในมิติต่างแดน ที่หลังจากถูกกระบี่หนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอตัดหน้ากากจนขาดแล้วร่วงลงบนพื้น!

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูชิ้นส่วนหน้ากาก สีหน้าซับซ้อนอยู่บ้าง ภาพเหตุการณ์เวลานั้นผุดขึ้นในสมองตลอดเวลา

ยามนั้นยังแค่รู้สึกว่าคุ้นหน้า กระนั้นตอนนี้ดวงหน้าของอีกฝ่ายค่อยๆ ผนึกประสานกับดวงหน้าหนึ่งในความทรงจำของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้าจะจำคนผิด…” เยี่ยนจ้าวเกอถอนใจครั้งหนึ่ง แล้วเก็บชิ้นส่วนหน้ากากไว้อีกหน

หลังตนเองนั่งสมาธิอยู่ในห้องสงบจิตลำพังระยะหนึ่งแล้ว เขาก็เปิดเปลือกตาขึ้น

อาหู่กล่าวรายงานอยู่นอกประตูว่า “คุณชาย ผู้อาวุโสจวินแห่งพรรคกระบี่วายุคำรามมาแล้วขอรับ”

“โอ้? เรียนเชิญ” เยี่ยนจ้าวเกอผุดลุกขึ้น ผลักประตูเดินออกไป

ในห้องโถงรับแขกขนาดใหญ่ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น ด้านหลังของเขามีหญิงชายวัยเยาว์ไม่กี่คนตามมาด้วย ซึ่งผู้นำก็คือจวินลั่วนั่นเอง

เยี่ยนจ้าวเกอรุดเขาหน้าแสดงความเคารพต่อชายวัยกลางคนผู้นั้น “ท่านลุงจวิน ท่านกลับเกาะทรายแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้ข้าออกไปข้างนอกอยู่พอดีเช่นกัน เพิ่งจะกลับมา ยังไม่ทราบว่าท่านกลับมาแล้ว หาไม่แล้วอย่างไรก็ควรเป็นข้าที่ไปเข้าพบท่านถึงจะถูกต้อง”

ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าคือจวินจื้อหย่วน ผู้อาวุโสพรรคกระบี่วายุคำราม บิดาของจวินลั่ว สหายเก่าคนสนิทของเยี่ยนตี๋ บิดาของเยี่ยนจ้าวเกอนั่นเอง

จวินจื้อหย่วนก็เป็นสหายเก่าแรมปีของเยี่ยนตี๋เช่นกัน เฉกเช่นจ้าวซื่อเฉิงราชาอาณาจักรถังตะวันออก ตระกูลเยี่ยนกับตระกูลจวินก็มีมิตรภาพลึกซึ้งประหนึ่งญาติมิตร

ที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสนใจก็คือ สหายเก่าแก่ของบิดาตนเอง อายุอานามล้วนมากกว่าบิดา

ด้วยเหตุฉะนี้เขาจึงมีลุงทั้งหมด แต่กลับไม่มีอา

ชายวัยกลางคนยิ้มน้อยๆ “ข้ามาขอบคุณจ้าวเกอที่ดูแลเจ้าหนูน้อยตระกูลข้า หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าเกรงว่าวันนี้คงไม่อาจได้พบนางแล้ว”

จวินลั่วยามนี้ยืนอยู่หลังกายจวินจื้อหย่วน ตามองจมูก จมูกมองหัวใจ ประพฤติตัวสำรวมเรียบร้อย แตกต่างจากท่าทีของนางตอนที่เป็นกันเองราวกับคนละคน

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ย “คำพูดคำจานี้ของท่านลุงจวินกล่าวเกินไปแล้ว เรื่องราวของเหลียนอิ๋ง เด็กหนุ่มจากป้อมปราการตระกูลเหลียนผู้นั้น มีต้นตอมาจากแผนการที่ผู้เหลือรอดจากสำนักนิมิตทมิฬต้องการใช้เขาเป็นหมากเบี้ย ลอบสังหารข้าโดยสมบูรณ์”

“ลั่วลั่วไร้ซึ่งความผิด กลับถูกเอี่ยวเข้ามาด้วย แน่นอนว่าข้าต้องปกป้องนางรอบด้านอย่างสุดกำลัง”

“ถึงแม้ว่าจะดูน่าตื่นตกใจทว่าไร้อันตราย แต่ในใจข้ายังคงรู้สึกแย่อย่างยิ่ง”

จวินจื้อหย่วนได้ยินดังนั้นก็ส่ายศีรษะกล่าวว่า “นั่นก็เป็นเพราะเจ้าช่วยชีวิตเด็กน้อยลั่วลั่วผู้นี้ไว้ ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เจ้ากับบรรดาสำนักเขากว่างเฉิงทั้งหลายลงมือร่วมกันช่วยเหลือ พวกนางทั้งสามตกอยู่พายุเขานิมิตทมิฬ ก็คงไม่ใช่ผลลัพธ์เฉกเช่นแมวเก้าชีวิต”

ชายหนุ่มพลันยิ้มเอ่ย “หากไม่พูดถึงเรื่องที่พวกเราสองตระกูลคบกันมาหลายชั่วคน แต่ไรพรรคกระบี่วายุคำรามก็มีไมตรีจิตมิตรภาพต่อสำนักเขากว่างเฉิงของข้า ครั้นประสบวิกฤตรายทาง การลงมือช่วยเหลือกันก็เป็นสิ่งที่สมควรเช่นกัน”

แม้จะกล่างเช่นนั้น แต่จวินจื้อหย่วนก็ยังคงให้จวินลั่วเข้ามากล่าวขอบคุณเยี่ยนจ้าวเกออย่างเป็นทางการอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับต้องรีบหยุดพวกเขาเอาไว้

เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังเบื้องหลังจวินจื้อหย่วน ข้างกายจวินลั่วมีคนอื่นๆ อยู่ด้วย “นี่ล้วนเป็นศิษย์ของท่านลุงหรือ?”

จวินจื้อหย่วนกล่าว “ใช่แล้ว ครานี้พาพวกเขาออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยกัน ระหว่างเดินทางกลับยังไม่ทันถึงประตูพรรค ก็ได้ยินเรื่องของลั่วลั่วเสียก่อน ดังนั้นจึงพาพวกเขากับลั่วลั่วมาด้วยกัน”

คนหนุ่มสาวเหล่านั้นค้อมคำนับต่อเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกัน

ถึงแม้ว่าแบ่งตามลำดับอาวุโสแล้ว ทั้งสองฝ่ายนับว่ารุ่นอาวุโสเดียวกัน กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอนับถือจวินจื้อหย่วนเป็นผู้อาวุโส จวินลั่วอยู่ต่อหน้าเขาก็ประหนึ่งน้องสาวคนเล็กเช่นกัน พวกเขาไม่กี่คนกลับไม่สามารถเรื่อยเฉื่อยได้

แม้ว่าต่างก็เรียกขาน ‘ศิษย์พี่เยี่ยน’ ทว่าธรรมปฏิบัติที่ยึดถือ กลับเป็นธรรมปฏิบัติผู้อ่อนอาวุโสกว่าอย่างเต็มขั้น

จวินจื้อหย่วน ก็มีท่าทีว่าเรื่องนี้สมเหตุสมผลเช่นเดียวกัน

ถ้าหากไม่ใช่เพราะมิตรภาพอันยาวนานของทั้งสองตระกูล เขาพบหน้าเยี่ยนจ้าวเกอก็ต้องปฏิบัติอย่างรุ่นอาวุโสเท่าเทียมกันเช่นกัน เฉกเช่นผู้อาวุโสหงแห่งพรรคกระบี่วายุคำราม รวมถึงพวกผู้อาวุโสไป๋

แม้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบปีกว่า อีกทั้งมีพลังฝึกปรือเพียงแค่ระดับปรมาจารย์ ส่วนพวกเขาล้วนเป็นมหาปรมาจารย์

เยี่ยนจ้าวเกอมองดูบรรดาคนรุ่นเยาว์เบื้องหน้า ชั่วขณะหนึ่งก็ทอดถอนใจอยู่บ้างเช่นกัน

แท้จริงแล้วหากต้องนับอายุจริง บรรดาหญิงชายเหล่านี้ก็อายุสิบหก สิบเจ็ดปีแล้วเช่นกัน แม้ว่าจะไม่ถือว่าอายุเท่ากันกับตน กระนั้นแน่นอนว่ายังคงรุ่นเดียวกัน

หากแต่พินิจด้วยพลังพลังฝึกปรือแล้ว ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็สามารถความห่างชั้นของขุมกำลังดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นสำนักเขากว่างเฉิง กับขุมกำลังอื่นๆ ออกได้อย่างกระจ่างชัด

พรรคกระบี่วายุคำรามได้เป็นขุมกำลังชั้นหนึ่งแล้ว การสืบทอดก็นับว่ามีความเป็นมายาวนาน ในเวลาที่สำนักเขานิมิตทมิฬยังคงปกครองวายุพิภพอยู่ พรรคกระบี่วายุคำรามก็ได้ก่อตั้งอยู่ที่เกาะทรายแล้ว สืบทอดตลอดมาจวบจนปัจจุบัน

นอกเหนือจากประมุขพรรคกระบี่วายุคำรามรุ่นปัจจุบัน จวินจื้อหย่วนเป็นบุคคลที่มีระดับพลังฝึกปรือสูงที่สุด และเชี่ยวชาญในการสั่งสอนศิษย์เลื่องชื่อตลอดมาเช่นกัน

ศิษย์ภายใต้อาณัติเขา รวมถึงจวินลั่วผู้เป็นธิดา โดยส่วนมากก็เป็นผู้โดดเด่นท่ามกลางคนรุ่นเยาว์ของพรรคกระบี่วายุคำรามแล้วเช่นกัน ท่ามกลางผู้สืบทอดเยาว์วัย แต่ละขุมกำลังชั้นหนึ่ง ทั่วทั้งเกาะทราย ล้วนเป็นบุคคลที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือผู้ใดเช่นกัน

ถึงกระนั้นเปรียบเทียบกับศิษย์ที่มีอายุเท่ากันของขุมกำลังดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างสำนักเขากว่างเฉิง และสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ ในด้านระดับความสามารถเฉลี่ย กลับแจ่มชัดว่าด้อยกว่าขั้นหนึ่ง

ช่วงอายุเดียวกัน ศิษย์มีพรสวรรค์ที่ล้ำเลิศที่สุดของพรรคกระบี่วายุคำราม ปล่อยไปไว้ที่สำนักเขากว่างเฉิง กลายเป็นกลางๆ ไม่แปลกใหม่ทันใด ไร้ซึ่งรัศมีผู้มีพรสวรรค์ทั้งสิ้น สามารถไม่รั้งท้ายก็นับว่าไม่ง่ายอย่างยิ่งแล้ว

แน่นอนว่านี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่สำนักเขากว่างเฉิงรับเอาบุคคลมากความสามารถอันยอดเยี่ยมแต่ละพื้นที่เป็นจำนวนมาก เกาะทรายเป็นหน่ออ่อนภายใต้การปกครองของเขากว่างเฉิงซึ่งมีศักยภาพที่สุด ย่อมถูกเขากว่างเฉิงเก็บเกี่ยวไปเป็นสิทธิพิเศษ

ขุมกำลังเหมือนเช่นพรรคกระบี่วายุคำราม ก็ทำได้เพียงคัดเลือกในกลุ่มคนตัวเตี้ยเป็นนายพลเท่านั้นแล้ว

สำนักเขากว่างเฉิงกลับก็ไม่ถึงขนาดกวาดเรียบไม่เหลือเสียทีเดียว กระนั้นบุคคลมีความสามารถที่คนเดินขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำ เลิศล้ำที่สุด แน่นอนว่าก็มุ่งไปทางสำนักเขากว่างเฉิงมากที่สุดเช่นกัน

มีบ้างครั้งคราวที่บุคคลมากความสามารถที่มีประสบการณ์เปิดหูเปิดตาไม่มาก ไม่ทราบถึงชื่อเสียงเลื่องลือของเขากว่างเฉิง อีกทั้งถูกสำนักเขากว่างเฉิงคัดออกไปได้พอดี ก็จะถูกขุมกำลังชั้นหนึ่งอย่างพรรคกระบี่วายุคำรามเก็บเข้ากระเป๋า ซึ่งนั่นก็เหมือนกับการเลือกเก็บของล้ำค่าอย่างไรอย่างนั้น

เป็นธรรมดาอย่างยิ่ง คัดเลือกลงไปเป็นชั้นๆ สำนักเขากว่างเฉิงเลือกคนก่อน จากนั้นจึงเป็นขุมกำลังชั้นหนึ่งอย่างพรรคกระบี่วายุคำราม ถัดมาค่อยเป็นขุมกำลังชั้นสองเฉกเช่นป้อมปราการตระกูลเหลียน และจวนภูเขาวายุอำพันนั้น

ถึงแม้ว่าอารยธรรมวิถีวรยุทธ์ยังคงอยู่ในช่วงพัฒนาขึ้นใหม่อีกครั้ง กระนั้นระดับชั้นของโลกแปดพิภพก็ได้ก่อตัวขึ้นแล้ว

———————————