ตอนที่ 389 เอาไปมิได้
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น อันหลิงเกอก็รู้ว่าฮ่องเต้ต้องการศพพวกนี้เพื่อสิ่งใด บ้านเมืองตนเองโดนโจมตีเช่นนี้ คาดว่าพระองค์คงคิดใช้วิธีเดียวกันในการตอบโต้เป็นแน่ !
แต่เกรงว่ายังมิทันที่พระองค์จักค้นคว้าพิษหนอนกู่สำเร็จ ทั้งวังหลวงคงติดโรคไปเสียก่อน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงต้องขัดขวางมิให้อีกฝ่ายนำศพไปได้ !
“ผู้ใดที่กล้ามาขวางทาง ! ” ตอนนี้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา คนพวกนี้มาจากวังหลวงจึงยังจำพวกเขามิได้ในคราแรก
มู่จวินฮานหยิบป้ายของเขาออกมา ผู้ที่เป็นหัวหน้าเห็นดังนั้นก็ส่งเสียงอย่างตกใจก่อนรีบคุกเข่าลง
“คารวะท่านอ๋อง คารวะพระชายาขอรับ ! ”
“ลุกขึ้น”
อันหลิงเกออดเอ่ยปากออกมามิได้ ศพพวกนี้อันตรายเกินไป มิแน่ว่าระหว่างทางที่พวกเขาขนศพไปก็อาจถูกพิษนี้ได้ ชาวบ้านที่ติดโรคหากมีใครไปสัมผัสระหว่างทางก็อาจแพร่สู่ทหารในกองทัพอีกด้วย
“พวกเจ้านำศพเหล่านี้ไปมิได้ ! ” อันหลิงเกอรีบเอ่ยห้ามทันที
“พวกเราได้รับคำสั่งจากฝ่าบาทให้นำศพพวกนี้กลับวังเพื่อตรวจสอบ ขอพระชายาโปรดอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลยขอรับ”
เรื่องความเป็นความตายทำให้อันหลิงเกออดใจร้อนมิได้
แต่มู่จวินฮานดูเข้าใจสถานการณ์ได้ดีกว่า เขาจึงเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจักเข้าวังไปพร้อมพวกเจ้า ! ”
เมื่ออันหลิงเกอได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา มู่จวินฮานคิดทำอันใดกันแน่ !
“ข้าจักไปกับท่าน…”
“เจ้าอยู่จัดการปัญหาที่จักเกิดขึ้นตามมาพร้อมพวกชิงเฟิงเถิด”
อันหลิงเกอยังกล่าวมิทันจบก็ถูกมู่จวินฮานขัดเสียก่อน
แม้นางรู้สึกเป็นห่วงและมิพอใจมากเพียงใด แต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอก
“เช่นนั้นท่านต้องระวังตัวให้ดี ห้ามให้พวกเขาแตะต้องศพเด็ดขาด ยาพวกนี้ท่านเก็บเอาไว้ ระหว่างทางให้ท่านโรยมันทุกชั่วยามด้วยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอมิวางใจเท่าไรนักและเมื่อนางกำชับเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้วจึงยอมจากไป
ดีที่นางขี่ม้าเป็น มิเช่นนั้นถ้ามู่จวินฮานไปแล้วก็เกรงว่านางยากจักกลับไปร่วมกลุ่มกับคนของจวนอ๋องมู่ได้
“พระชายา ! เหตุใดท่านอ๋องมิกลับมาพร้อมท่านขอรับ ? ”
ชิงเฟิงเห็นเพียงอันหลิงเกอกลับมาคนเดียวก็อดเป็นห่วงมิได้
“ท่านอ๋องกลับวังไปก่อน พวกเรารีบจัดการทางนี้ให้เรียบร้อยแล้วกลับจวนกันเถิด” เพราะอันหลิงเกอใจมิอยู่กับเนื้อกับตัว ต่อหน้าทหารในจวนอ๋องมู่ นางมิได้วางมาดอันใดทั้งนั้นและตอนนี้จิตใจของนางก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา
มิใช่เพราะใครอื่น แต่เพราะฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั่นเอง
วิธีจัดการของฮ่องเต้ อันหลิงเกอมิเห็นด้วยอย่างยิ่ง เหตุใดโง่งมถึงเพียงนี้ได้ ในเมื่อแคว้นชิงเยว่นำพิษหนอนกู่มาใช้ พวกเขาย่อมมิมีทางถูกพิษของตนทำร้ายได้อยู่แล้ว
ความคิดของฮ่องเต้บุ่มบ่ามเกินไป การมิรู้จักแยกแยะเช่นนี้มีแต่ทำร้ายต้าโจวของพระองค์เอง
“รับทราบขอรับ ! ”
ในเมื่อมู่จวินฮานมิอยู่ พวกเขาทั้งหมดต้องฟังคำสั่งจากอันหลิงเกอแทน ทุกคนภายในจวนล้วนซื่อสัตย์ต่อมู่จวินฮาน ตอนนี้ก็ย่อมซื่อสัตย์ต่อนางเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะ หากพวกเจ้าเหนื่อยก็พักผ่อนแล้วค่อยทำต่อ”
ตอนนี้ยังจัดการเรื่องพืชน้ำมิเรียบร้อย เหล่าทหารมิยอมพักจนกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยหมดแล้วจึงจัดทัพเพื่อเตรียมเดินทางกลับจวนทันที
ระหว่างทางอันหลิงเกอมิได้ปริปากแม้แต่คำเดียว เวลาพักผ่อนนางก็ทานอันใดมิลง ราวกับใจของนางติดตามมู่จวินฮานเข้าวังไปแล้ว
มู่จวินฮานเข้าใจสถานการณ์ในวังและนิสัยของฝ่าบาทเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมิได้ทำให้ตนเองลำบากเพราะเรื่องนี้
“ท่านอ๋อง ใกล้ผ่านเข้าประตูเมืองแล้ว ท่าน…”
“พวกเจ้าไปเถิด นำศพพวกนี้ไปยังคุกหลวงทันทีและห้ามนำเข้าวังเด็ดขาด ! ” มู่จวินฮานกำชับอีกครั้ง
“แต่ฝ่าบาทรับสั่งว่าจักตรวจสอบพิษหนอนกู่ด้วยพระองค์เองเพื่อชาวต้าโจวขอรับ ! ”
หึ เพิ่งจักมาแสดงอำนาจของฮ่องเต้ตอนนี้หรือ ?
มู่จวินฮานมิอยากแสดงท่าทีต่อต้านอันใดจึงสะบัดมือให้พวกเขา ก่อนจักเดินเข้าไปในวังหลวงเพื่อเข้าเฝ้าฝ่าบาท
“ทูลฝ่าบาท ท่านอ๋องกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ดีดีดี รีบเชิญเข้ามา ! ” ตอนนี้สถานการณ์ของพิษหนอนกู่คลี่คลายแล้ว ภายในหทัยของฝ่าบาทย่อมผ่อนคลายมิน้อย เวลานี้กำลังอยากปรึกษามู่จวินฮานเรื่องการตอบโต้แคว้นชิงเยว่อยู่พอดี
แต่เป้าหมายในการมาของมู่จวินฮานกับความคิดของฝ่าบาทแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาย่อมมิเห็นด้วยกับวิธีการเช่นนี้อยู่แล้ว
“อ๋องมู่ ครั้งนี้ได้สร้างความดีความชอบ ข้าจักปูนบำเหน็จให้อย่างงาม เพียงแต่ตอนนี้สถานการณ์ของแคว้นชิงเยว่รุนแรงมาก เจ้าช่วยวางแผนเพื่อกำราบแคว้นชิงเยว่ก่อนได้หรือไม่” ฮ่องเต้ในตอนนี้ได้วางอคติที่มีต่อเขาลงแล้ว อย่างไรคนที่ยังมีประโยชน์อยู่ พระองค์จักใช้ประโยชน์พร้อมความริษยามิได้เด็ดขาด
“มิทราบว่าฝ่าบาทมีสิ่งใดจักตรัสพ่ะย่ะค่ะ ? ” มู่จวินฮานข่มอารมณ์เอาไว้ รอให้ฮ่องเต้เอ่ยปากก่อน
“ข้าสั่งให้คนไปนำศพที่เกิดโรคในครั้งนี้กลับมาเพื่อตรวจสอบพิษหนอนกู่ของแคว้นชิงเยว่ เราจักได้…”
“ฝ่าบาทคิดว่าเราอาจใช้พิษหนอนกู่เพื่อตอบโต้แคว้นชิงเยว่ได้ อีกด้านหนึ่งก็เป็นการตรวจสอบอาวุธของแคว้นชิงเยว่เพื่อเตรียมการป้องกันใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
มู่จวินฮานทูลสิ่งที่อยู่ในพระทัยของฝ่าบาททั้งหมดออกมา
“ใช่ใช่ใช่ อ๋องมู่ เจ้าช่างรู้ใจข้ายิ่งนัก”
ฮ่องเต้ทรงดีพระทัยมาก เมื่อเห็นมู่จวินฮานคาดเดาความคิดของพระองค์ได้ก็คิดว่าเขาต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน
“ทูลฝ่าบาท มิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ ! ” ทันใดนั้นมู่จวินฮานก็ย่อตัวลงแล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมอธิบายออกมาอย่างละเอียด
“ศพพวกนี้หากมีวิธีอื่นที่จัดการได้ กระหม่อมคงมิเลือกเผาทิ้งหรอกพ่ะย่ะค่ะ พิษหนอนกู่ตอนนี้สงบลงเพราะการช่วยเหลือของพระชายา แต่มิได้หมายความว่าพวกมันจักมิฟื้นขึ้นมาและมิแพร่กระจายอีกพ่ะย่ะค่ะ ! ”
ในสายพระเนตรของฝ่าบาท อันหลิงเกอสามารถรักษาคนมากมายเช่นนั้นได้ย่อมจัดการปัญหานี้ได้เช่นกัน มู่จวินฮานแค่ต้องการทูลให้พระองค์ตกพระทัยเท่านั้น
“หมายความว่าอาวุธนี้สามารถทำลายต้าโจวซึ่งมิเคยรู้จักพิษหนอนกู่ได้ แต่มิอาจทำอันใดแคว้นชิงเยว่ที่ครอบครองสิ่งนี้มาหลายร้อยปีได้หรือ”
มู่จวินฮานส่ายหน้าพร้อมอธิบายเรื่องราวทั้งหมดโดยละเอียด
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เชิญพระชายาเข้าวัง เพราะข้าอนุญาตให้นางสามารถเข้าออกวังได้ตลอดเวลา ขอเพียงตรวจพิษหนอนกู่ในครั้งนี้สำเร็จและหาวิธีควบคุมมันได้ ข้าจักปูนบำเหน็จให้อย่างงาม ! ” ฮ่องเต้มิได้ฟังสิ่งที่มู่จวินฮานกล่าวแม้แต่น้อย ทั้งยังดึงดันให้อันหลิงเกอเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ด้วย
มู่จวินฮานขมวดคิ้วมุ่น ความโลภของฝ่าบาทนั้นเขาเข้าใจได้ แต่เขามิสามารถปล่อยให้พระองค์ดึงเกอเอ๋อมายุ่งกับเรื่องนี้เด็ดขาด
“ทูลฝ่าบาท นางไร้ความสามารถ มิอาจสู้หมอหลวงในวังได้ เกรงว่าจักรับผิดชอบงานนี้มิได้พ่ะย่ะค่ะ ! ”
เมื่อโดนมู่จวินฮานปฏิเสธ แม้ฮ่องเต้รู้สึกมิพอพระทัยแต่ก็มิสามารถตรัสสิ่งใดได้
อย่างไรมู่จวินฮานก็สร้างผลงานมากมาย พระองค์จึงมิสามารถไปบีบบังคับสองสามีภรรยาคู่นี้ได้
“ช่างเถิด เจ้าไปได้แล้ว เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเอง ! ”
เมื่อเห็นฮ่องเต้จอมเผด็จการภายใต้ฉลองพระองค์มังกรแล้ว มู่จวินฮานจึงมิได้เอ่ยสิ่งใดออกมาอีก
จากนั้นเขาก็ก้าวยาว ๆ ออกไปและบังเอิญเจอกับทหารที่กำลังหามศพด้านในกำแพงวัง
“ช้าก่อน” แววตาของมู่จวินฮานเข้มขึ้นและเปล่งประกายความเย็นชาออกมา
“มิทราบว่าท่านอ๋องมีสิ่งใดจักสั่งขอรับ” ในวังหลวงทุกคนล้วนนอบน้อมต่อมู่จวินฮาน
“วางลง ข้าจักตรวจสอบศพพวกนี้” มู่จวินฮานเอ่ยพร้อมล้วงมือเข้าไปในแขนเสื้อของตน
เมื่อครู่อันหลิงเกอยัดห่อยาไว้ในแขนเสื้อของเขา มู่จวินฮานจึงโรยมันไปบนศพพร้อมสีหน้าเคร่งขรึมคล้ายเตรียมการบางอย่างพร้อมแล้ว