ตอนที่ 390 เผา
เหล่าทหารมีท่าทีว่ามิยอม เพียงแต่กลิ่นของยาทำให้พวกเขาอดก้าวถอยหลังมิได้
ตอนนั้นเองมู่จวินฮานก็หยิบกระบอกจุดไฟภายในแขนเสื้อออกมา
เขาใช้กำลังภายในเล็กน้อย จากนั้นศพที่มือเขาเลื่อนผ่านก็ถูกไฟเผาไหม้ทั้งสิ้น
เนื่องจากเขารู้ดีว่ายานี้มีส่วนผสมของกำมะถัน เมื่อครู่อาศัยแค่กลิ่น เขาก็รับรู้ได้เลย
ในเมื่อตอนนี้ศพติดไฟขึ้นมาก็ทำให้เหล่าทหารยากจักเข้าใกล้
“ท่านอ๋องทำอันใดขอรับ ! ” ทหารที่เป็นหัวหน้ารู้สึกโมโหอย่างมากเพราะนี่เป็นความรับผิดชอบของเขา แต่โดนมู่จวินฮานทำลายจนสิ้น
“เจ้าสามารถเข้าไปทูลรายงานฝ่าบาทได้เลย จากนั้นก็จับตัวข้าเพราะข้าจักมิหลบหนีแน่นอน”
มู่จวินฮานยืนอยู่ที่เดิม มิได้จากไปไหนแม้แต่ก้าวเดียวเพื่อรอให้ทหารเข้ามาจับกุมตัวเขาไป
“อ๋องมู่ทำเช่นนี้เพราะเหตุใด ! ”
ฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนบัลลังก์มิเข้าพระทัยเลยจริง ๆ มู่จวินฮานที่เมื่อครู่เพิ่งปรึกษาเรื่องนี้กันไป เพียงพริบตาเดียวก็เผาทำลายศพเหล่านั้นจนสิ้น
“เมื่อครู่กระหม่อมทูลพระองค์ไปแล้วว่าศพพวกนี้เอาเข้าวังมิได้เด็ดขาดพ่ะย่ะค่ะ”
มู่จวินฮานทูลออกไปอย่างหนักแน่นเพราะเขารู้ดีว่าถ้าเป็นอันหลิงเกอก็ต้องการทำเช่นนี้เหมือนกัน หากมิระวังก็หมายถึงชีวิตของคนนับหมื่นต้องตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
ก่อนหน้านี้การแพร่ระบาดผ่านแหล่งน้ำยังถือว่ารักษาได้มิยากนัก แต่ถ้าแพร่ระบาดในเมืองหลวงขึ้นมา นอกจากชีวิตของผู้คนต้องตกอยู่ในอันตรายแล้วอาจควบคุมมิอยู่ก็ได้
“เจ้ากำลังสงสัยในการตัดสินใจของข้าหรือ ! ” ฮ่องเต้ตรัสออกมาอย่างโกรธกริ้ว “ทหาร จับตัวอ๋องมู่เอาไว้แล้วนำไปขังคุกหลวงเพื่อรอคำสั่งอีกที ! ”
ที่จริงแล้วฮ่องเต้กำลังรอโอกาสดีเช่นนี้อยู่ เพียงคาดมิถึงว่ามู่จวินฮานจักเป็นคนยื่นมาให้เอง
…
“ว่าอย่างไรนะ ? เจ้าบอกว่าท่านอ๋องถูกจับอย่างนั้นหรือ ? ” ใบหน้าของอันหลิงอีเต็มไปด้วยความตกใจ พี่สาวตัวดีของนางเพิ่งแต่งงาน สามีก็ไปก่อเรื่องใหญ่เข้าเสียแล้ว
นางอดดีใจมิได้ รู้สึกโชคดีที่คนแต่งเข้าจวนอ๋องมู่มิใช่ตน
“ใช่สิ เจ้าจงนำข่าวนี้กระจายออกไป” อันหลิงอีกระซิบบางอย่างข้างหูแม่นม แม้ตอนนี้นางอยู่ในจวนอ๋องอี้เหมือนโดนมัดมือมัดเท้า แต่ย่อมมีเรื่องที่อี้หวางเฟยจัดการมิทั่วถึงอยู่แล้ว
“เจ้าค่ะ”
มินานทั่วทั้งเมืองจิงผู้คนก็พากันกล่าวถึงเรื่องของอันหลิงเกอ ภายในวันเดียวนั้นเองอันหลิงเกอที่เพิ่งทราบข่าวของมู่จวินฮานก็ได้ยินข่าวลือแพร่ไปทั่ว
“ได้ยินว่าพระชายามู่มีดวงกินสามี ! ”
“ก็ใช่น่ะสิ ท่านอ๋องมู่เพิ่งแต่งนางเข้าจวน ทางใต้ก็เกิดโรคระบาดขึ้น แม้บอกว่านางเป็นคนไปรักษาแต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี”
ชาวบ้านที่มิรู้ความจริงว่าเป็นการวางยาต่างก็พากันคิดว่าเป็นโรคระบาด
“ใช่แล้ว อีกทั้งตอนนี้ท่านอ๋องมู่ยังถูกจับขังคุก ดูท่าคงจักเกี่ยวกับดวงกินสามีของพระชายามู่เป็นแน่”
“เฮ้อ ท่านอ๋องเป็นวีรบุรุษมาทั้งชีวิต ทว่าต้องมาโชคร้ายเพราะสตรีเพียงนางเดียว”
ตอนนี้มีเพียงข่าวเดียวที่ทำให้อันหลิงอีบังเกิดความสุขได้ชั่วขณะ ทว่าฝั่งอันหลิงเกอมิได้ใส่ใจกับมันเลย
เพราะนางกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของมู่จวินฮานแล้วจักมีกะจิตกะใจที่ไหนไปคิดเรื่องอื่น
“ท่านอ๋องอยู่ในคุกหลวงแล้วเป็นเช่นไรบ้าง ? ” อันหลิงเกอสอบถามองครักษ์เงาของมู่จวินฮานที่อยู่ภายในจวน
“เรียนพระชายา เรื่องภายในวังหลวงที่ผ่านมาท่านอ๋องมิให้พวกข้าน้อยเข้าไปสืบ ตอนนี้ในคุกหลวงจึงเข้าไปมิได้ขอรับ…” แม้เหล่าองครักษ์เงาซื่อสัตย์มากเพียงใดก็ยังมีสถานที่ที่พวกเขาไร้อำนาจอยู่เช่นกัน
“ข้าเข้าใจแล้ว” น้ำเสียงของอันหลิงเกอเรียบนิ่ง นางเข้าใจการกระทำของมู่จวินฮานดีว่าเพราะเหตุใด สองสามีภรรยามีใจเดียวกัน แต่น่าเสียดายที่ฮ่องเต้มิได้เข้าพระทัยความดีของพวกตนเลย
“ชิงเฟิง เจ้าติดต่อคนของท่านอ๋องที่อยู่ในวังว่าดูแลคุกหลวงให้ดี อย่าให้ท่านอ๋องโดนพวกคนชั่วทำร้ายเป็นอันขาด ! ”
อันหลิงเกอทราบสถานการณ์ในตอนนี้ดีว่ามีหลายคนรอให้มู่จวินฮานล้ม นางจึงเตรียมป้องกันเอาไว้ก่อน
“ขอรับ ! ” ชิงเฟิงเชื่อมั่นในตัวนายหญิงอย่างมากและเขาก็รู้ถึงความสำคัญในเรื่องนี้ดี
หลายวันที่ผ่านมาอันหลิงเกอพยายามสืบข่าวในคุกหลวง แต่ก็ไร้ข่าวคราวอันใดกลับมา
แต่นางเชื่อว่ามู่จวินฮานต้องทนไหวและปกป้องตนเองขณะอยู่ในคุกหลวงได้แน่นอน
ส่วนเรื่องข้างนอกทั้งหมด นางจัดการเอง !
“เตรียมรถม้า ข้าจักเข้าวัง ! ” เป็นครั้งแรกที่อันหลิงเกอเอ่ยกับทหารองครักษ์ในจวนด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมอำนาจเยี่ยงนี้ พวกเขาจึงมิกล้าต่อต้านเช่นกัน
“รับทราบขอรับ”
ตอนงานสมรส ฮ่องเต้ได้พระราชทานป้ายเข้าวังให้นางและในที่สุดก็ได้นำออกมาใช้
หลังจากเตรียมรถม้าเสร็จ ทว่านางยังมิทันก้าวขึ้นไปนั่ง ในวังก็มีราชโองการออกมาเสียก่อน
“ขอเชิญพระชายามู่เข้าวังเพื่อปรึกษาเรื่องสำคัญ จบราชโองการ ! ”
เรื่องสำคัญหรือ ?
คงมิได้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกับมู่จวินฮานใช่หรือไม่ !
เพราะเรื่องนี้ทำให้อันหลิงเกอรู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที แม้บอกว่าพวกเขาเพิ่งสมรสเป็นสามีภรรยากัน แต่ความผูกพันที่ผ่านมามิน้อยเลย เพียงชั่วครู่ที่นางเหม่อลอยจึงมิทันได้สังเกตขั้นบันไดและล้มลงพื้นอย่างกะทันหัน
“พระชายาต้องระมัดระวังให้มาก เช่นนั้นเกรงว่าข้าน้อยมิอาจสู้หน้าฮ่องเต้และท่านอ๋องมู่ได้ขอรับ”
ขันทีผู้นี้เป็นคนของมู่จวินฮาน ดังนั้นคำพูดของเขาจึงเปรียบเสมือนคำที่มู่จวินฮานต้องการส่งถึงนาง
แววตาของอันหลิงเกอเป็นประกายขึ้นมาทันทีเพราะเข้าใจแล้วว่าเขามิเป็นอันใด !
“ข้าเข้าใจแล้ว”
พอขึ้นรถม้าเพื่อเข้าวัง ภายในใจของอันหลิงเกอก็คิดว่าเพราะเหตุใด เนื่องจากมู่จวินฮานเผาศพพวกนั้นไปหมดแล้วฮ่องเต้มิสามารถตรวจสอบได้อีก เหตุใดยังเรียกให้นางเข้าวัง ?
หรือต้องการจับนางขังไว้กับมู่จวินฮาน ?
“ได้ยินว่าชายามู่ทำการรักษา…โรคระบาดในครั้งนี้ ข้าจึงเชิญเจ้ามาดูอาการคนพวกนี้”
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอันหลิงเกอที่เดินเข้ามาและมิได้สนใจเรื่องพิธีรีตองกับนางแล้ว พระองค์รีบลงจากบัลลังก์แล้วเลื่อนฉากบังลมออกก็ปรากฏสามคนที่อยู่ด้านหลังล้วนสวมชุดเกราะทหารองครักษ์และมีใบหน้าสีเขียวคล้ำ
นี่มัน !
“วันนั้นฝ่าบาทให้พวกเขาหามศพมาใช่หรือไม่เพคะ ? ”
เมื่อได้ยินคำถามของอันหลิงเกอ ฮ่องเต้จึงพยักดวงพักตร์ทันที
“แย่แล้วเพคะ ! ขอฝ่าบาทได้โปรดเรียกคนที่สัมผัสศพพวกนั้นมารวมตัวกันที่นี่และผู้ที่พวกเขาได้สัมผัสภายในสองวันมาด้วยเพคะ ! ”
อันหลิงเกอหนักใจขึ้นมาทันทีเพราะคาดมิถึงว่าเรื่องที่นางกังวลจักเกิดขึ้นจริง
ยาของนางทำให้พิษหนอนกู่หลับใหล ทว่าหลังจากนั้นสองวันมันคงตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
และที่มีอาการขึ้นในวันนี้ก็เพราะพิษหนอนกู่ตื่นแล้วนั่นเอง
“ได้” ฮ่องเต้มิได้สงสัยอันใดในตัวนางอีกจึงออกคำสั่ง “ทหาร จงทำตามที่พระชายามู่สั่ง ! ”
หลังสั่งการเสร็จแล้วฮ่องเต้ก็หันมาทอดพระเนตรอันหลิงเกอ “มิทราบว่าเรื่องนี้มีวิธีจัดการหรือไม่ ? ”
พอเห็นท่าทางระมัดระวังของฮ่องเต้ อันหลิงเกอรู้สึกอยากหัวเราะออกมาเสียให้ได้ เขาเป็นถึงจักรพรรดิผู้มีอำนาจสั่งให้คนเป็นหรือตายได้มิใช่หรือ
ก่อนหน้านี้มีวิธีแก้ปัญหา นางและมู่จวินฮานก็เคยทูลไปแล้ว ทว่าถูกพระองค์มองเป็นการข่มขู่ให้กลัวเสียได้
จนเรื่องบานปลายมาถึงวันนี้ พระองค์กลับต้องการให้นางช่วยเหลือ
ช่างน่าขัน
“ทูลฝ่าบาท บัดนี้ท่านอ๋องยังถูกขังอยู่ในคุกหลวง หม่อมฉันเกรงว่าจักไร้สมาธิจัดการเรื่องนี้ได้เพคะ” อันหลิงเกอข่มขู่ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง คนที่กล้ายื่นข้อต่อรองกับฮ่องเต้ก็เกรงว่ามีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น
ฮ่องเต้ที่กว่าจักหาโอกาสจับตัวมู่จวินฮานได้มิใช่เรื่องง่าย แต่คาดมิถึงว่าพิษหนอนกู่จักทำให้ทรงผิดหวังถึงเพียงนี้ ในเมื่อมันปะทุขึ้นในเวลานี้ พระองค์คงทำอันใดมู่จวินฮานมิได้เสียแล้ว
“อ๋องมู่มีจิตใจซื่อสัตย์ ข้าเข้าใจเขาผิดไป พวกเจ้ารีบปล่อยตัวท่านอ๋องออกมา ! ”
เมื่อได้ยินฮ่องเต้ตรัสเยี่ยงนั้น อันหลิงเกอจึงวางใจ
“หลังจากฝ่าบาทนำทุกคนมารวมกันที่นี่แล้ว ได้โปรดเชิญหมอหลวงทั้งหมดมาที่นี่ด้วยเพคะ”