บทที่ 263 ฟังก์ชันใหม่ กระจายสัญญาณไวฟาย
ทุกคนหันมองหน้ากัน
หลี่สงฟู่คือหนึ่งในยอดฝีมือประจำเมืองหยุนเมิ่ง ระดับพลังของเขาสูงส่ง สถานะทางสังคมยิ่งไม่ต่ำต้อย แต่กลับเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ชายชราถึงกับทิ้งแขกคนสำคัญของกระทรวงศึกษาได้หน้าตาเฉย หลินเป่ยเฉินคาดเดาไม่ออกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่ที่รู้ๆ ก็คือพวกเขาชักสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาแล้ว
“พวกเรากลับไปตั้งหลักที่สถาบันกันก่อนดีกว่า”
หลิวฉีไห่รีบพูดออกมา
ทุกคนกระโดดขึ้นรถม้าที่ลากจูงโดยสัตว์อสูร และรีบเร่งเดินทางกลับไปยังสถานศึกษากระบี่ที่สามด้วยความเร็วสูงสุด
แต่หลังจากมาถึงที่หมาย หลินเป่ยเฉินกลับพบว่าสถาบันยังคงอยู่ในความเงียบสงบ
ดูเหมือนว่าผู้คนที่อยู่ในสถานศึกษากระบี่ที่สามจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไม่มีข่าวแจ้งมาจากกระทรวงศึกษา
หลิวฉีไห่กับพานเว่ยหมินปรึกษากันอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพากันตรงไปยังหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เพื่อตามหาตัวอาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวี
ส่วนฉู่เหินรับหน้าที่ขับรถม้านำลูกศิษย์ทั้งสามอย่างไป๋ชินหยุน ฮันปู้ฟู่และเยว่หงเซียงไปส่งที่พัก
หลินเป่ยเฉินเดินกลับไปที่ตำหนักไม้ไผ่ด้วยตัวคนเดียว
สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่
หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ หลินเป่ยเฉินไม่ได้สนใจเหตุการณ์นี้เท่ากับพวกของหลิวฉีไห่และคนอื่นๆ
เพราะสถานะของเขาเป็นแค่คนที่ทะลุมิติมาโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านขอรับ นายน้อย” หวังจงนำตัวอากวงและสาวรับใช้ทั้ง 2 นางมารอต้อนรับเขาอยู่ในห้องโถงใหญ่ และร่วมแสดงความยินดีกับเด็กหนุ่มที่สามารถผ่านเข้าสู่การแข่งขันรอบสิบคนสุดท้ายได้สำเร็จ
อากวงถึงกับยกขาหน้าทั้งสองข้างขึ้นมาปรบมือให้เขา
“เจ้าพวกนี้ เดี๋ยวนี้ชักจะประจบประแจงใหญ่แล้วนะ”
ถึงจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจลึกๆ แล้ว หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกตื้นตันอยู่ไม่น้อย
หลังจากพูดคุยกับพวกหวังจงพอเป็นพิธี หลินเป่ยเฉินก็ขอตัวขึ้นมานอนแช่น้ำเพื่อผ่อนคลายร่างกาย ก่อนที่จะเดินกลับเข้าสู่ห้องนอนอีกครั้ง
และในจังหวะที่เขาเปิดประตูเข้าสู่ห้องนอนนั้นเอง…
“ติ๊ง!”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากโทรศัพท์
หลินเป่ยเฉินรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอทันที
มีข้อความแจ้งเตือนว่า
“ตรวจพบการอัปเดตระบบครั้งใหม่ ต้องใช้การโอนถ่ายข้อมูลทั้งสิ้นจำนวน 50 GB ท่านต้องการอัปเดตระบบเลยหรือไม่? คำเตือน กรุณาตรวจสอบแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานระหว่างดำเนินการ เพื่อป้องกันไม่ให้การอัปเดตระบบล้มเหลว!”
ในที่สุดก็ได้อัปเดตสักทีนะ
เด็กหนุ่มตรวจดูความพร้อมของโทรศัพท์มือถือ
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 และอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะเลื่อนขั้นสู่ระดับที่ 3 ได้สำเร็จ พลังลมปราณในร่างกายของหลินเป่ยเฉินจึงมีอยู่ 58 GB เป็นจำนวนมาตรฐาน แน่นอนว่าการอัปเดตระบบครั้งนี้คงไม่มีปัญหากวนใจ เมื่อใช้เงินชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มร้อยเสร็จแล้ว เขาก็กดอัปเดตโทรศัพท์โดยทันที
ไม่กี่อึดใจต่อมา พลังลมปราณก็ถูกดูดออกไปจากร่างกายของหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถห้ามตัวเองที่จะไม่ส่งเสียงร้องครวญครางออกมาได้
บัดนี้ สาวรับใช้ทั้ง 2 นางที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของเขา พลันใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนที่พวกนางจะหันมองหน้ากันด้วยความไม่อยากเชื่อ
พวกนางถูกฝึกฝนมาเพื่อเอาใจบุรุษเพศโดยเฉพาะ ทักษะของพวกนางทั้ง 2 คนสามารถทำให้บุรุษทุกคนในโลกใบนี้ล่องลอยด้วยความสุขสันต์ และมีหลายครั้งที่เจตนายั่วยวนนายน้อยโดยเปิดเผย ทว่า ก็น่าแปลกที่นายน้อยไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวพวกนางด้วยซ้ำ
แล้วทำไมเมื่ออยู่ในห้องนอนคนเดียว นายน้อยถึงส่งเสียงแบบนี้ออกมาเล่า?
หรือว่านายน้อยไม่ชอบสตรี?
หญิงรับใช้ทั้ง 2 นางได้ยินเสียงครวญครางดังออกมาจากห้องนอนของนายน้อยต่อเนื่องถึง 1 ชั่วยามเต็มๆ กว่าที่เสียงเหล่านั้นจะเงียบหายไปในที่สุด
…
ริมทะเล
ยามราตรี
บนหน้าผาสูง
หลิงเฉินเคยเดินมายืนอยู่ตรงนี้เมื่อตอนกลางวัน นางยังคงยืนอยู่จุดเดิม สายตายังคงเฝ้ามองท้องฟ้าและทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลดังเดิม
สายลมโชยพัดแผ่วเบา ชายเสื้อและเส้นผมของเด็กสาวปลิวไสว ความมืดมิดรอบกายยิ่งขับเน้นให้หลิงเฉินดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
พลัน เยว่เว่ยหยางเดินเข้ามาหาจากระยะไกล
นางไม่ได้มองหน้าหลิงเฉินแม้แต่น้อย
แต่ทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่าตนเองมาที่นี่ด้วยเหตุอันใด
เยว่เว่ยหยางหยุดยืนอยู่ห่างจากเด็กสาวเจ้าถิ่นประมาณวาเศษและทอดสายตาเหม่อมองทิวทัศน์อันสวยงามเบื้องหน้าเช่นกัน
หลิงเฉินกำลังจ้องมองผืนน้ำที่เงียบสงบ ในขณะที่เยว่เว่ยหยางเหม่อมองดวงดาราบนฟากฟ้าที่ส่องแสงสว่างมากมายสุดลูกหูลูกตา
“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ข้อเสนอของเจ้าคืออะไร?” หลิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ
เยว่เว่ยหยางตอบว่า “ข้อเสนอของข้าไม่มีอะไรซับซ้อน ขอแค่เจ้าไม่เข้าร่วมกลุ่มของหลินเป่ยเฉินก็พอแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิงเฉินก็หัวเราะในลำคอ
“ง่ายขนาดนั้นเชียว?”
“ง่ายขนาดนั้น”
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าข้าจะตอบตกลง?”
“ข้าคิดว่าเจ้าควรตอบตกลง”
“แล้วถ้าข้าปฏิเสธ?”
“ถ้าอย่างนั้นผลลัพธ์อาจเลวร้ายเกินคาดคิด”
“สรุปว่าถ้าข้าปฏิเสธ เจ้าก็จะทำตามสิ่งที่คัมภีร์เหลวไหลนั่นกล่าวทุกอย่าง?”
“เจ้ากำลังพูดถึงคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ โปรดระมัดระวังคำพูดด้วย” ดวงตาของเยว่เว่ยหยางเป็นประกายลุกโชนด้วยความไม่สบอารมณ์ “ได้โปรดอย่าทดสอบความอดทนของข้า”
หลิงเฉินส่งเสียงหัวเราะในลำคออีกครั้ง
นางเอียงศีรษะเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนพูดว่า “ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้? ข้าคิดหาเหตุผลได้แค่ข้อเดียวเท่านั้น อย่าบอกนะว่ามันคือความจริง”
เยว่เว่ยหยางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า”
หลังจากหยุดชะงักไปเล็กน้อย นักบวชสาวก็ถามออกมาอีกครั้งด้วยความสงสัยเกินห้ามใจ “ความจริงนี่คือสิ่งที่ข้าอยากถามเจ้ามาตลอด ทำไมเจ้าถึงตั้งใจพ่ายแพ้เพื่อให้ตนเองตกรอบเล่า? ข้าสามารถคิดหาเหตุผลได้แค่ข้อเดียวเท่านั้น อย่าบอกนะว่ามันคือความจริง”
หลิงเฉินยกมือขึ้นเกี่ยวปอยผมไปทัดใบหู แล้วตอบว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าข้าตั้งใจทำให้ตนเองตกรอบ เพื่อที่จะได้เข้าร่วมกลุ่มของหลินเป่ยเฉินนั้น ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะว่าเจ้าเดาถูก แต่ข้าไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”
เยว่เว่ยหยางนิ่งเงียบไปอีกเนิ่นนาน สุดท้ายก็กล่าวว่า “ถ้าเจ้ายอมรับข้อเสนอ ข้าก็จะหยุดทุกอย่าง”
หลิงเฉินใช้เวลาขบคิดเล็กน้อย ก็พยักหน้าโดยไม่ลังเล “ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า”
เยว่เว่ยหยางได้ยินคำตอบดังนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก นางหมุนตัวเดินจากไปในความเงียบ
หลิงเฉินไม่ได้หันหน้าไปมอง
รอยยิ้มแปลกประหลาดปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง
“ชักจะน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสิ”
…
“ติ๊ง! โทรศัพท์ได้รับการอัปเดตระบบเรียบร้อยแล้ว”
“ขอแสดงความยินดี การอัพเดตระบบเสร็จสมบูรณ์ ฟังก์ชันใหม่ในการอัพเดตครั้งนี้ประกอบไปด้วย การใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องกระจายสัญญาณไวฟาย รวมถึงยังสามารถเพิ่มความสามารถของแอปพลิเคชันในโทรศัพท์ได้ในรูปแบบการสุ่มหนึ่งแอป”
ข้อความเหล่านี้ปรากฏขึ้นบนหน้าจอติดๆ กัน
หลินเป่ยเฉินอ่านวนไปวนมาแล้วก็ต้องถามตัวเองว่า
มันหมายความว่าไงหว่า?
เขารู้ดีว่าการใช้โทรศัพท์เป็นเครื่องกระจายสัญญาณไวฟายมันคืออะไร แต่ที่นี่คือโลกที่ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่มีอินเทอร์เน็ตให้เล่น แล้วความสามารถนี้มันจะเป็นมีประโยชน์อะไร?
หรือว่าสัญญาณไวฟายในโลกนี้ ไม่ใช่คลื่นสัญญาณอินเทอร์เน็ต แต่เป็นคลื่นสัญญาณสมองมนุษย์?
หมายความว่าเขาจะสามารถใช้โทรศัพท์อ่านความคิดคนอื่นๆ ได้อย่างนั้นหรือ?
หรือว่าเขาจะสามารถใช้โทรศัพท์ควบคุมจิตใจของคนอื่นได้?
หรือว่าเขาจะสามารถลบความทรงจำของคนอื่นได้?
ความสามารถเหล่านี้มัน…
แค่คิดเฉยๆ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกตื่นเต้นมากแล้ว
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ในอนาคตเขาก็ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป
เด็กหนุ่มแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ทดสอบฟังก์ชันใหม่ของโทรศัพท์
“เสี่ยวจี้ เปิดตัวกระจายสัญญาณไวฟายได้เลย”
หลินเป่ยเฉินสั่งงานผู้ช่วยอัจฉริยะในใจ
“เปิดการทำงานของตัวกระจายสัญญาณไวฟายเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ นายท่านอยากให้ค้นหาตัวรับสัญญาณที่มีอยู่ใกล้เคียงเลยไหมเจ้าคะ?”
เสียงของเสี่ยวจี้พลันถามกลับมา