ตอนที่ 280

The Second Coming of Gluttony

บทที่ 280 – การเตรียมการ (1)

แค่ได้ชนะการประมูลผู้ดูแลเขตพื้นที่เป็นกลางมันก็ยังเร็วเกินไปที่จะฉลองอยู่ดี

‘การที่มีการประมูลถูกจัดขึ้นล่วงหน้า 2 เดือนมันมีเหตุผลของมันอยู่’

พวกเขาจะถูกโหมกระหน่ำไปด้วยงานล้นมือ

ถึงพวกเขาจะไม่รู้ว่าจะมีคนเข้ามามากแค่ไหน แต่พวกเขาก็ต้องเตรียมไว้สำหรับจำนวนสูงสุด 525 คน เพราะงั้นแล้วจึงมีหลายอย่างที่พวกเขาต้องจัดการ

ปัญหาคือพวกเขาไม่เพียงแต่จะต้องกังวลในเรื่องเขตพื้นที่เป็นกลางเท่านั้น แต่ยัง

ขั้นตอนที่ 1 รับสมัครสมาชิก

นี่เป็นสิ่งแรกในรายการที่วัลฮาลาต้องเร่งแก้ไข ซึ่งคิมฮันนาห์ได้เน้นย้ำว่า ‘ต้องทำ’

จริงๆแล้วในตอนนี้ซอลจีฮูก็ไม่อยากจะรับคนเข้ามาเพิ่ม จริงๆแล้วพูดให้ถูกคือเขายังไม่อยากจะเสียพลังงานหรือเวลาไปกับการทำเรื่องนี้

แม้ว่าเขาจะยอมรับว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น แต่เขาก็มีงานล้นมือจนคิดขึ้นอย่างไม่ตั้งใจว่า ‘นี่ฉันต้องทำมันตอนนี้จริงๆหรอ?’

ยังไงก็ตามคิมฮันนาห์ยังคงยืนกรานในเรื่องนี้อยู่ดี เหตุผลของเธอคือเมื่อพวกเขาเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลางแล้ว พวกเขาจะออกมาไม่ได้เป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน

“ตัวแทน เมื่อเขาเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลาง เราจะทำอะไรไม่ได้อีกเป็นเวลาสามเดือน ต่อให้จะอยากทำอะไร เราก็ทำไม่ได้ การสื่อสารทางไกลก็เป็นไปไม่ได้ ที่แห่งนั้นได้ตัดขาดการสื่อสารจากภายนอกแทบจะทุกรูปแบบ”

“…”

“เมื่อคุณออกมา คุณก็มีงานจะต้องทำอีก งานที่มากยิ่งกว่าที่คุณทำในตอนนี้ซะอีก”

“…”

“ยังไม่หมดเท่านั้น เราสามารถจะร่างสัญญาที่เป็นประโยชน์กับเรามากขึ้นด้วยเงื่อนไขที่อนุญาตให้พวกเขาเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลาวกับเราด้วย นอกจากนี้ก็ยังช่วยให้สมาชิกใหม่สนิทกับสมาชิกเก่าในระหว่างสามเดือนในเขตพื้นที่เป็นกลางอีกด้วยนะ”

“…”

“ดิฉันรู้ว่ามันลำบาก แต่ว่ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว พยายามหน่อยก็ไม่มีปัญหานี่คะ?”

“ก็ได้ๆ ฉันเข้าใจแล้ว”

ในท้ายที่สุดเขาก็ทนไม่ไหว และฝืนพยักหน้าออกมา คำพูดทั้งหมดนั่นถูกหมดเลย เพราะงั้นซอลจีฮูก็ไม่มีอะไรจะไปเถียง

ถึงแบบนั้นการร่วมมือกันกับสมาคมนักฆ่าก็เป็นโชคลาภท่ามกลางโชคร้าย

หลังจากที่ปรึกษากับสมาชิกคนอื่นๆแล้ว ซอลจีฮูก็ได้ส่งหนังสือประกาศไปให้กับสมาคมนักฆ่า มันเป็นการประกาศหาคนที่ปรารถนาที่จะเข้าร่วมวัลฮาลาให้มาทำการสัมภาษณ์ตามเวลาที่กำหนด

ธงไชยได้ติดต่อไปที่สำนักงานในทันที และสมาคมนักฆ่าก็ได้ประกาศรับสมัครไปทั่วทุกๆเมืองในทันทีที่ทราบข่าว

เนื่องจากว่าวัลฮาลาเป็นองค์กรใหม่ที่พึ่งก็ตั้งแต่ก็ยังได้เป็นตัวแทนของทั้งเมือง ทำให้มีคนให้ความสนใจเป็นอย่าง

เมื่อพวกเขาได้อ่านข่าวที่วัลฮาลารับสมาชิกเพิ่ม มีคนจำนวนมากคิดว่า ‘ฉันควรจะลองไปสัมภาษณ์ดูไหม?’ แต่ว่าเมื่อพวกเขาได้เห็นเงื่อนไขต่ำสุดแล้ว พวกเขาก็นิ่งงันไป

-ระดับ 4 ที่รอจะเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูง
-ระดับ 5 หรือสูงกว่า

หรือก็คือพวกเขาจะรับเพียงแค่คลาส 4 ที่มั่นใจในความสามารถของตนเอง รวมถึงคลาส 5 เท่านั้น

“ให้ตายสิ นี่มันอะไรกัน? นี่มันไม่ใช่การบอกว่าพวกเขารับเฉพาะแค่คนที่เกือบจะเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูง หรือเป็นแรงค์เกอร์ระดับสูงหรอกหรอ?”

“ฉันเดาว่าตอนนี้พวกเขาคงจะเป็นองค์กรกลุ่มคนเล็กๆในระดับสูงล่ะมั้ง”

“ก็นะ มันไม่มีทางที่ฉันจะมีคุณสมบัติอยู่แล้ว จะมีใครไปที่นั่นบ้างนะ”

“ยังไงพวกเขาก็มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้แหละนะ พวกเขาเป็นถึงตัวแทนของเมืองเลยนี่”

ผู้คนได้มองดูป้ายประกาศ และค่อยๆเริ่มหายไปทีละคน

ยังไงก็ตามไม่ใช่ทุกๆคนที่จากไป แม้ว่าจะมีแค่คนเดียว แต่ก็มีคนกำลังยืนอ่านประกาศรับสมัครสมาชิกอยู่อย่างแน่นอน

***

วันสัมภาษณ์

ระหว่างกำลังคุยกับชาล็อต อาเรียอยู่ ซอลจีฮูก็ได้รับสายมาจากคิมฮันนาห์

เธอได้รีบตามตัวเขาไปทำการสัมภาษณ์ผู้สมัครที่มาถึง

ซอลจีฮูได้มองไปชาล็อต อาเรียที่กำลังมัวแต่พูดด้วยสีหน้าที่แบบว่า ‘ฉันรอดแล้ว’

เขาได้รีบมาที่วังเพราะได้ยินว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น แต่… มันกลับการเป็นว่าเธอใช้มันแค่ข้ออ้างในการเรียกเขามาเพราะวันนี้เขายุ่งมาก… เป็นการใช้อำนาจในฐานะราชินีในทางที่ผิด

ไม่ว่าจะแบบไหนยังไงในตอนนี้เขาก็มีเหตุผลแล้ว ซอลจีฮูได้ขออนุญาติออกไปจากวังอย่างสุภาพ

ก็นะ นี่คือสิ่งที่เขาพยายามทำ

“หืมม ก็ได้ ถ้างั้นฉันไปด้วย”

เนื่องจากเพราะชาล็อต อาเรียตามเขาเหมือนกับเรื่องปกติ เขาจึงออกจากวังได้ก็ต่อเมื่อหาซอกกูนีร์เจอแล้วเท่านั้น

***

มาแชล จิโอเนียได้รอเขาอยู่ที่ตรงทางเข้า

“ไปกันครับ พวกเขารอคุณอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว”

“มากี่คนงั้นหรอ?”

“สามครับ”

“แปลกนะ ถึงจะรวมระดับ 4 แล้วนี่ก็ยังน้อยกว่าที่คิดอีกนะ…”

ซอลจีฮูได้ค่อยๆเดินไป มาแชล จิโอเนียก็ยิ้มแห้งๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

***

ที่หน้าห้องประชุมมีคนยืนชะโงกหน้ามองอยู่จำนวนมาก นี่มันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะสนใจในเมื่อมีหน้าใหม่เข้ามา

“ฮ่าฮ่า ผู้หญิงสองคนสินะ ฮิฮิ”

เขาได้เดินผ่านฮิวโก้ที่กำลังหัวเราะ…

“น่าทึ่ง ฉันไม่เคยคิดเลยว่าสองคนนั้นจะมา”

“นั่นมันหมายความว่าระดับของวัลฮาลาสูงขนาดนั้นแล้วไง ยังไงก็ตามอีกคนเป็นใครกันล่ะ? สายตาเธอมันแปลกๆนะ”

“อ่า นัยน์ตาอสรพิษนั่น? ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นทาสของฉัน เธอมันก็แค่ยัยผู้หญิงที่ดีแต่ส่ายก้นนั่นแหละ”

“อะ อะไรนะ?”

และเดินผ่านโชฮงกับฟีโซราที่กำลังนินทากันอยู่ จนผ่านไปถึงในห้อง

เขาได้เห็นคนทั้งหมดสี่คนภายในห้อง แผ่นหลังของทั้งสามคนที่หันหน้าไปหาคิมฮันนาห์ดูจะคุ้นเคยแปลกๆ

คิมฮันนาห์ที่เห็นซอลจีฮูเข้ามาในห้องได้ลุกขึ้นยืนทักทายเขา

“คุณมาแล้ว?”

ทั้งสามคนได้หันกลับมาพร้อมๆกันทำให้ซอลจีฮูชะงักเท้าไป หลังจากเห็นใบหน้าพวกเขาแล้ว ดวงตาเขาได้เบิกกว้างเล็กน้อย

“โอ้ว ระหว่างที่เราไม่ได้เจอกัน นายดูหล่อขึ้นนะ”

เสียงหัวเราะสนุกสนานเป็นของสาวนัยน์ตาอสรพิษ อูเดรย์ บาสเลอร์

“หืมม”

หญิงสาวใบหน้าไร้อารมณ์ โอราฮี

“…”

และอายาเสะ คาซุกิที่มองมาเงียบๆ

“ตัวแทนซอล เชิญนั่งค่ะ”

ซอลจีฮูได้นั่งลงไปก่อนโดยที่ยังตั้งสติกลับมาไม่ได้ จากนั้นเขาก็มองสำรวจคนตรงหน้าด้วยสายตาแปลกๆ

“ทั้งสามคนตรงนี้อยากที่จะกลายมาเป็นสมาชิกวัลฮาลา”

‘ฉันรู้ แต่ว่า…’

มันก็แค่วว่าทั้งสามคนที่มาวัลฮาลานี้มันผิดกับที่เขาคาดไว้

มันไม่จำเป็นต้องมีการแนะนำตัวใดๆเลยเนื่องจากเขาเคยเจอทุกๆคนมาก่อนแล้ว เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเขาควรจะฟังเรื่องราวจากฝ่ายตรงข้ามก่อน ซอลจีฮูจึงพูดขึ้น

“ผมตกใจนะ ผมไม่คิดเลยว่าพวกคุณทั้งสามคนจะมาที่นี่”

เขาได้เริ่มต้นจากผู้ชายเพียงหนึ่งเดียวที่มา

“คุณคาซุกิ ไม่ใช่ว่าคุณบอกจะตั้งทีมใหม่หรอครับ?”

“ถูกแล้วล่ะ”

คาซุกิได้พยักหน้าออกมา

“ฉันอยากจะตั้งทีมของตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ยังไม่ได้เปลี่ยนแปลง”

นี่คือเหตุผลที่มันน่าสงสัย

วัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมวัลฮาลาของคาซุกิสามารถจะมองได้ว่า เขาตั้งใจที่จะสร้างทีมขึ้นด้วยการยืมความช่วยเหลือจากวัลฮาลา ยังไงก็ตามสิ่งนี้ก็จะทำให้คาซุกิอยู่ภายใต้ซอลจีฮู…

คาซุกิที่ซอลจีฮูรู้จักเป็นชายที่จะไม่ยอมอยู่ใต้ใคร เขาเคยบอกกับซอลจีฮูด้วยตัวเองว่า เขาอยากที่จะเป็นหัวหน้าตัวเอง

ยังไงก็ตามซอลจีฮูก็คิดว่ามันต้องมีเหตุผลที่ทำให้เขามาที่นี่

“นั่นมันก็เพราะ…”

“…ใช่แล้วล่ะ มันก็เพราะกลุ่มสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น”

“แต่ว่า?”

“เนื่องจากว่าครั้งหนึ่งพวกเราเคยเป็นทีมเดียวกันมาก่อน ฉันก็ไม่อยากจะให้ร้ายพวกเขา แต่ว่าพวกเขาก็ทำให้ความอดทนของฉันถึงขีดจำกัดแล้ว”

ซอลจีฮูเดาะลิ้นออกมา

“พวกเขามาก่อกวนคุณงั้นหรอครับ?”

“ไม่หรอก พวกเขาไม่ได้ทำ บางทีเพราะพวกเขาจะยังระแวงกับซันเหอ พวกเขาจึงไม่ได้ยุ่งกับฉันโดยตรง แต่ว่า…”

คาซุกิได้กัดฟันแน่น

“ฉันสร้างทีมไม่ได้เลย”

“?”

“ก็นะ บางทีมันอาจจะได้หากฉันฝืนต่อไป แต่ว่าการสร้างกลุ่มแบบไม่คิดให้ดี มันก็ไม่ได้ต่างไปกับการไม่มีกลุ่มเลย”

ในฐานะที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นถึงหัวหน้าของทีมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในฮารามาร์ค อุมิทัตสึบาเมะแล้ว คาซุกิอาจจะมีมาตราฐานที่สูง

“มันไม่ใช่ว่าไม่มีคนที่ตรงเงื่อนไขหรอกนะ บางคนกระทั่งมีความสนใจกับข้อเสนอของฉันด้วยซ้ำ แต่ยังไงก็ตามจู่ๆพวกเขาก็จะเปลี่ยนใจไปโดยบอกว่าพวกเขาเหนื่อยเกินจะร่วมทีมแล้ว”

คาซุกิได้พูดออกมาอย่างสงบ แต่ว่าดวงตาก็เปล่งประกายเย็นชา

เขาไม่ต้องเดาเลยสักนิดว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ มันชัดเจนมากว่าเป็นการแทรกแซงจากสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น

“เพราะงั้นแล้วอย่างน้อยฉันก็อยากจะหานักรบที่มาเข้าคู่กับฉัน แต่ว่าผลลัพธ์กลับก็ยังกลายเป็นแบบเดิม แม้กระทั่งเงินก็ไม่อาจจะแก้ปัญหานี้ได้”

คาซุกิได้ถอนหายใจ และหันไปมองซอลจีฮู

“ในเมื่อสถานการณ์กลายมาเป็นแบบนี้ ฉันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว จากนั้นฉันก็เห็นถึงประกาศรับสมัครสมาชิกของวัลฮาลา”

หรืออีกนัยหนึ่งคือเขากำลังบอกว่าเขาอยากจะใช้อำนาจของวัลฮาลาสร้างทีมขึ้นมา

หากว่าสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นไม่ได้บ้า พวกเขาก็จะไม่มากวนคาซุกิอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมันอาจจะส่งผลให้เป็นสงครามระหว่างเมืองได้เลย…

“คุณก็ขอความช่วยเหลือจากซันเหอได้ไม่ใช่หรอ?”

คิมฮันนาห์ที่ฟังอยู่เงียบๆมาตลอดได้ถามขึ้น

“ซันเหอ…”

คาซุกิได้เม้มปาก สีหน้าของเขาเหมือนกับเขาไม่อยากจะพูดไม่ดีถึงสถานที่ที่เขาได้รับความช่วยเหลือมา

“…มีแนวโน้มสูงที่พวกเขาจะระวังตัวเอาไว้ก่อน หากว่าต้องกลายเป็นสมาชิกของสักองค์กร การเลือกวัลฮาลาดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แถมมันยังเหมาะที่จะเติมเต็มความฝันของฉันอีกด้วย”

“แล้วคุณคิดจะทำอะไรต่อหลังจากที่ระยะเวลาสัญญาสิ้นสุดลงล่ะ?”

วัลฮาลาก็กำลังคิดที่จะตั้งทีมใหม่ขึ้นเช่นกัน แต่ว่าเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง พวกเขาก็กังวลว่าคาซุกิอาจจะพาสมาชิกส่วนหนึ่งของทีมออกตามไปด้วย

“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ใช่คนชั่วที่ทำตัวไร้ยางอายโดยไม่ลังเลหรอก ฉันไม่เคยหวังอยู่แล้วว่าวัลฮาลาจะใจกว้างแบบนั้น”

คาซุกิได้ส่ายหัวออกมา

“เพียงแต่ฉันแค่หวังว่าหากฉันพยายาม วัลฮาลาจะแบ่งดินแดนส่วนหนึ่งให้ฉันได้ ที่ฉันหวังก็มีเท่านี้แหละ”

คาซุกิได้เผยความจริงออกมา มันเป็นความจริงใจที่ไม่มีอะไรซ่อนเอาไว้อีก

“สัญญา…”

“ฉันก็ไม่มีปัญหากับมัน”

จากนั้นเขาก็ได้ยกกระดาษที่คิมฮันนาห์ส่งให้ และพูดขึ้น

“ฉันไม่ว่าอะไรหรอกหากต้องเริ่มจากระดับล่าง หากว่านายช่วยฉัน ฉันก็จะไม่มีวันลืมบุญคุณนี้”

มันเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ

‘หากเป็นคุณคาซุกิ’

อายาเสะ คาซุกิ นักธนูระดับสูงที่ออกมาจากฮารามาร์คจะเข้าร่วมกับวัลฮาลา ซอลจีฮูอยากจะตะโกนขึ้นด้วยความยินดีกับโชคลาภนี้ แต่ว่าก็ยังมีอีกสองคนอยู่ด้วย

โอรารีกำลังเล่นปลายผมของเธอด้วยสีหน้าไม่แยแสเช่นเดิม

“ไม่ใช่ว่าคุณโอราฮีเป็นหัวหน้าทีมของทหารรับจ้างเส้นโลหิตหรอกหรอ?”

“ยุบไปแล้ว”

“อะไรนะครับ?”

“ถูกยุบไปแล้ว พวกเรามีสมาชิกไม่มี มีสมาชิกสี่คนตายลงไปในระหว่างสงครามในฮารามาร์ค”

ดวงตาของซอลจีฮูเบิกกว้างขึ้น

“นายไม่รู้งั้นหรอ?”

มันเป็นน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์เหมือนกับสีหน้าของเธอ

“ก็นะ นายคงจะไม่รู้ ยังไงแล้วหลังจากสงครามนั่นนายก็นอนสาหัสไปหลายเดือนเลยนี่”

“นั่นมัน… เสียใจ-“

“ไม่ต้อง”

น้ำเสียงของเธอได้กลายเป็นดุดันขึ้นเล็กน้อย

“นับตั้งแต่ที่เรารับค่าจ้างมา พวกเราก็เตรียมตัวตายกันแล้ว พวกเราไม่ได้คิดว่าจะมีผู้บัญชาการกองทัพมาปรากฏตัว แต่ว่านี่แหละคือชีวิตของทหารรับจ้าง”

โอราฮีได้พูดอย่างไม่แยแส

“ไม่ว่าจะยังไงสมาชิกที่เหลืออยู่ของเขาก็มีหนึ่งคนบาดเจ็บหนักจนยากที่จะรักษาหาย อีกคนจู่ๆก็เปลี่ยนใจบอกว่าจะเกษียร พอฉันบอกให้พวกเขาทำตามต้องการแล้ว ฉันก็ทิ้งทั้งสองคนออกมา”

“…”

“อย่ามองฉันด้วยสายตาแบบนั้น ทีมของฉันถูกสร้างขึ้นจากเงินตั้งแต่แรกแล้ว ในเมื่อมันยากจะไปต่อได้ ฉันก็ไม่เสียใจหรอกที่ยุบมันทิ้งไป แล้วก็ในระหว่างที่ฉันกำลังหาที่ดีๆเข้าทำงาน ฉันก็เห็นประกาศเข้า”

ซอลจีฮูรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ว่ามันก็ช่วยไม่ได้ มันคงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่คาดหวังให้สงครามไม่มีการสูญเสียเกิดขึ้น

“แล้วได้อ่านเรื่องสัญญาหรือยังครับ?”

“เรียบร้อยแล้ว ค่าธรรมเนียมสัญญามันน่าผิดหวังอยู่หน่อย แต่ว่าเมื่อคิดถึงเขตพื้นที่เป็นกลางแล้วมันก็พอแล้วล่ะ”

โอราฮีได้ยอมรับออกมาอย่างชัดเจน

“ตอนนี้ฉันอยากจะได้สัญญาสองปี ฉันไม่อยากจะเซ็นต์สัญญาระยะยาว 4 ปีเหมือนกับชายคนที่อยู่ข้างๆฉัน”

ซอลจีฮูพยักหน้าออกมา

‘2 ปีก็ไม่ได้แย่’

โอราฮีเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับ 5 ที่ได้รับการฝึกจากจางมัลดงในปีเดียวกันกับฟีโวรา

ตอนนี้เหลือคนสุดท้ายแล้ว

“หืมม ฉันไม่ได้มีเรื่องราวน่าประทับใจเหมือนสองคนนั่นหรอกนะ”

เมื่อรู้สึกว่าถึงตาเธอแล้ว อูเดรย์ บาสเลอร์ก็ยิ้มขึ้น

“ฉันก็แค่มาให้นายรับผิดชอบ”

“?”

“นายทำให้ฉันเป็นแบบนี้ รับผิดชอบซะ”

อูเดรย์ บาสเลอร์ได้แตะที่ปากที่อ้าอยู่ของเธอ

เมื่อได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของซอลจีฮู เธอก็เริ่มหัวเราะออกมา

“แค่มุกน่ะ มุก เข้าใจนะ?”

“มันโครตจะไม่ตลกเลยครับ”

“ขอโทษด้วยแล้วกัน แต่ยังไงฉันก็มาที่นี่หลังจากเห็นประกาศเหมือนกัน มีเรื่องมากมายเกี่ยวกับนายหลังจากเหตุการณ์ในอีวา จริงๆฉันก็ไม่คิดว่าจะประกาศแบบนี้หรอกนะ แต่สุดท้ายแล้วฉันก็มาอยู่ที่นี่”

เธอพูดเหมือนกับกับเป็นคนเร่รอนที่จะไปตามสถานที่ที่มีเรื่องราวตามสายลมที่พัดพาไป อาจจะพูดได้ว่าเธอเป็นคนที่ซื่อตรง แต่ว่า…

ซอลจีฮูอดไม่ได้ที่จะเอียงหัวออกมาด้วยความสงสัย

“คุณอูเดรย์ บาสเลอร์มั่นใจนะว่าคุณเหมาะกับองค์กร? จากนิสัยส่วนตัวของคุณแล้ว”

“นายคิดว่าฉันเป็นคนยังไงงั้นหรอ?”

อูเดรย์ บาสเลอร์ได้ทำหน้าบึ้งใส่เขา ดวงตาอสรพิษของเธอดูน่ากลัวอยู่เล็กน้อย

“ตราบใดที่มันสนุก ฉันก็อยู่ได้หมดนั่นแหละ จะให้ฉันกลิ้งไปกลิ้งมาในกองขี้ยังได้เลย ตามมาตราฐานของฉันแล้ว วัลฮาลาเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยสิ่งหน้าสนใจ ฉันกล้าพูดได้เลยว่าการทำตามกฎระเบียบมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย หากว่ามันสร้างความบันเทิงให้กับฉันได้”

จากนั้นเธอก็เริ่มพยักไหล่ออกมา

“แต่ก็นะ ฉันไม่ปฏิเสธหรอกว่าฉันอยากจะสร้างกำไรจากเขตพื้นที่เป็นกลาง ฮ่าฮ่า”

“ผมเข้าใจที่คุณกำลังบอกนะ แต่ว่า…”

ในตอนนั้นเองซอลจีฮูก็พูดขึ้นมา เธอได้ลดสายตามองไปที่ฝ่ายตรงข้าม

“มันก็ดีนะที่ได้เห็นคุณผ่อนคลาย แต่ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาพูดเล่นได้”

อูเดรย์ บาสเลอร์ได้ขมวดคิ้วขึ้น

“โฮ่”

เธอได้จ้องกลับไป และถามคิมฮันนาห์ขึ้น

“นี่ใครล่ะเนี้ย? จากที่เธออธิบายสิ่งต่างๆก่อนหน้านี้เธอดูจะฉลาดนะ”

เมื่อซอลจีฮูได้ตอบคำถามกลับไป โอราฮีกับคาซุกิก็ยิ้มกริ่มขึ้น

“คิมฮันนาห์”

หืม คิมฮันนาห์ ฉันเคยได้ยินชื่อนี้จากไหนนะ…”

“เธอเป็นคนทำหน้าที่ดูแลบริหารงานทั้งหมดของวัลฮาลา อีกไม่นานเธอก็จะเป็นหัวหน้าทีมข่าวกรองด้วยเช่นกัน”

“อ่อ ตายแล้ว~ เธอเป็นคนสำคัญนี่นา ฉันไม่เห็นรู้เลย”

“ผมเข้าใจ ยังไงแล้วส่วนใหญ่ผู้คนต่างก็รู้จักเธอในชื่อ จิ้งจอก”

อูเดรย์ บาสเลอร์ได้นิ่งไป

“…เอ๊ะ?”

เธอลากเสียงยาว และกระพริบตาออกมา

“จิ้งจอก… หมายถึงจิ้งจอกแห่งซินยอง”

เธอได้แอบเหล่ตาไปมองโอราฮี กับคาซุกิก่อนที่จะชะงักไป

“ฉะ ฉันขอโทษ”

เธอได้เอียงหัวออกมาก่อนที่จะรวบมือไว้ที่เขา และจัดท่านั่งให้ถูกต้อง มันดูไม่เหมือนการประชดประชัดเลยสักนิด มันเหมือนกับว่าเธอกำลังพยายามแก้ไขความผิดพลาดของเธอมากกว่า

คิมฮันนาห์ได้ยิ้มบางออกมา

“นักธนูจะต้องมีการตัดสินใจที่ดี จากที่ดูแล้ว คุณค่อนข้างจะชำนาญเลยนี่”

“ขอบคุณที่ชมค่ะ ก่อนหน้านี้ที่พูดไปฉันแค่พูดเล่น จริงๆแล้วฉันชื่นชมตัวแทนวัลฮาลามาตลอด เพราะงั้น-“

“ค่ะ ค่ะ ไม่เป็นไรหรอก เรายินดีต้อนรับนักธนูที่มีความสามารถอยู่เสมอ”

พอมองดูแล้วดีแล้ว เขาก็ยังเห็นเหงื่อที่หน้าผากของอูเดรย์ บาสเลอร์อีกด้วย

‘นี่เธอกลัว?’

ทั้งแอ็กเนสกับคิมฮันนาห์ เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้คนที่เขาเจอถึงเป็นแบบนี้

‘ในหมู่หกคนบ้ามันก็มีลำดับชั้นอยู่งั้นหรอ?’

ขณะที่กำลังคิดไปถึงคนบ้าอีกคนที่ติดอยู่ในคุกของอีวา…

“คุณคิดยังไงคะ?”

คิมฮันนาหได้ถามออกมา

นี่ไม่ใช่ปัญหาที่ต้องคิดตอนนี้ สำหรับโอราฮีกับคาซุกิแล้วไม่มีอะไรต้องให้พูดเลย เขายังรับรู้ถึงความสามารถของอูเดรย์ บาสเลอร์อีกด้วย

เขาไม่ได้คิดว่าเขาโชคดีอะไรเลย มันก็แค่ว่าตำแหน่งของวัลฮาลาได้สูงขึ้นจนถึงจุดที่ทำให้เหล่าคนมีความสามารถถูกดึงดูดเข้ามาหาเอง

ยังไงก็ตามเขาก็ยังรู้สึกดี ซอลจีฮูได้ประสานมือเข้าด้วยกันด้วยรอยยิ้ม

“ยินดีต้อนรับสู่วัลฮาลานะทั้งสามคน”

หลังจากการประกาศยอมรับแล้ว การเซ็นต์สัญญาของทั้งสามคนก็ได้เริ่มขึ้นทันที

สมาชิกของวัลฮาลาได้เพิ่มขึ้น ตามปกติแล้วพวกเขาควรจะพูดคุยกันให้มากขึ้น และอยู่จัดพิธีต้อนรับเพื่อให้สมาชิกใหม่ได้ปรับตัว แต่ว่ามันไม่มีเวลามาทำแบบนั้นแล้ว

นี่ก็เพราะว่าคิมฮันนาห์ได้กลับไปที่โลกในวันถัดมาเพื่อที่จะไปหาอึนยูริล่วงหน้า เขาไม่อาจจะปล่อยตัวได้เลยเพราะว่าเขาจะต้องรับผิดชอบหน้าที่งานทั้งหมดแทนเธอด้วยตัวเอง แต่ว่าเหล่าสมาชิกใหม่ก็คุ้นหน้ากันดีอยู่แล้ว แถมโชฮงก็ยังพาพวกเขาไปเดินเที่ยวได้เป็นอย่างดี จะมีก็แต่…

‘ฉันไม่คิดเลยว่ามันจะเยอะขนาดนี้’

ซอลจีฮูเคยคิดมาเสมอว่าของจากเขตพื้นที่เป็นกลางได้ถูกสร้างขึ้นเอง

แต่เขาคิดผิด

เสื้อผ้า อาหาร และเครื่องดื่มจนรวมไปถึงอาวุธ ชุดเกราะ… รวมไปถึงของพิเศษเล็กๆน้อยๆแล้ว สิ่งที่องค์กรจะต้องรับหน้าที่ดูแลมีมากมายมหาศาล

ยกตัวอย่างเช่นหอกเวทมนต์ที่ซอลจีฮูได้ใช้ในเขตพื้นที่เป็นกลางก็เป็นหอกระดับสูงที่ซิซิเลียได้เตรียมไว้ และเสริมพลังมันด้วยการใช้คะแนนคุณูปการ

อย่างคำกล่าวที่ว่าการจะเอาเงินของผู้อื่นมามันไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อที่จะได้คะแนนความสำเร็จของผู้ฝึก พวกเขาก็จะต้องเตรียมการให้สอดคล้องกันด้วย

ข่าวดีก็คือค่าใช้จ่ายทั้งหมดมันไม่ได้เพิ่มขึ้นมากอย่างที่คิดไว้ นั่นก็เพราะมีหลายองค์กรที่ต้องการเข้าร่วมเป็นครูฝึกได้มาหาเขาหลังจากการประมูลถูกประกาศลง และได้รับหน้าที่ช่วยเหลือการเตรียมการส่วนหนึ่งไป

หลังจากที่ต้องวิ่งวุ่นไปขอความช่วยเหลือจากกลุ่มพ่อค้าดงชุนแล้ว ในที่สุดซอลจีฮูก็มีเวลาได้พักหายใจ

ตามเวลาของโลกเดือนกุมภาพันธ์ได้ผ่านไป และมาถึงต้นเดือนมีนาคมแล้ว เส้นตายของการเตรียมการที่ดูจะไม่มีจุดสิ้นสุดได้เริ่มโผล่ออกมาให้เห็น

“อ๊าาาา”

หลังจากเซ็นต์สัญญาไปอีกฉบับในวันนี้แล้ว ซอลจีฮูก็ทรุดตัวอยู่บนโต๊ะ เขาอยากจะทิ้งตัวลงไปบนเตียง แต่ว่ามันก็ยังมีงานเหลือให้ทำอีก เขารู้สึกว่าเขาจะพักได้ก็ต่อเมื่อเสร็จงานแล้วเท่านั้น

‘อยากจะไปเล่นมั้งจัง’

บางครั้งเขาก็สงสัยว่าเขาต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรอ แต่ว่า…

‘ไม่’

เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาคิดแบบนี้ ซอลจีฮูก็จะย้ำเตือนตัวเองถึงเป้าหมายในเขตพื้นที่เป็นกลาง น่าแปลกที่เมื่อเขาทำแบบนี้แล้ว ความคิดแง่ลบในหัวของเขาก็จะหายไปจนหมด

‘ในที่สุดก็มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ’

ก๊อก ก๊อก

ขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นพร้อมทำงานต่อ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“จีฮู~”

ในทันทีที่เห็นหญิงสาวถือถาดเดินเข้ามา สีหน้าของซอลจีฮูก็ผ่อนคลายลง

“พี่สาว”

ซอยูฮุยเป็นเพียงคนเดียวที่คอยมาดูแลซอลจีฮูในระหว่างที่เขาทำงานล้มมือ เธอจะเอาขนมมาให้เขาในทุกๆครั้ง และบางครั้งก็ช่วยงานเขาอีกด้วย นี่จะไม่ให้เขาซาบซึ้งได้ยังไงกัน?

“โอ้ ดูหน้าจีฮูของเราสิ ทำยังไงดีล่ะ? ผอมลงไปเยอะแล้วนะ”

ซอยูฮุยได้รีบก้าวเข้ามาก่อนที่จะรีบวางถาดลง และกอดซอลจีฮู

เมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสอันอบอุ่น ซอลจีฮูก็หลับตาลงไป

“ฮ่าาาห์…”

‘ฉันรอดแล้ว’

แน่นอนว่านี่ก็มากพอที่จะทำให้สีหน้าของเขาดีขึ้นแล้ว

“พักสักหน่อยดีกว่าไหม?”

ซอลจีฮูส่ายหัวออกมา

“ไม่ครับ ไว้ค่อยพักหลังเสร็จงานแล้วดีกว่า”

“แต่ว่า…”

“ยังไงก็เกือบเสร็จแล้วครับ ตอนนี้ผมดีขึ้นแล้ว”

หลังจากเติมพลังงานบริสุทธิ์จากซอยูฮุยแล้ว ซอลจีฮูก็เงยหน้าถามออกมา

“แล้วนี่ช่วงนี้พี่สาวเป็นยังไงบ้างครับ”

“ฉันหรอ? ฉัน…”

ซอยูฮุยได้ชะงักไป

“ฉันสบายดี ฉันได้สวดภาวนาอยู่บ่อยๆน่ะ”

แม้ว่าเธอจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน แต่ทั้งคู่ก็รู้ว่าอาการของเธอไม่ได้ดีขึ้นเลย แม้ว่าด้วยเครื่องเซ่นหลายๆอย่างที่เขาหามาจะช่วยให้เธอดีขึ้นหน่อย แต่ก็ยังห่างไกลจากการกลับเป็นเหมือนเดิม

“ไม่ต้องห่วงนะครับ”

ดวงตาของซอยูฮุยเบิกกว้างขึ้น

จริงๆแล้วเธอรู้สึกไม่ดีเลยที่เขาเอาเรื่องนี้มาพูด นั่นก็เพราะว่าเธอจะเห็นสีหน้าเขามืดมนลงไปในทุกๆครั้ง ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกผิดกับเธอมากแค่ไหน

เมื่อไหร่ที่ต้องเห็นซอลจีฮูทุกข์ ซอยูฮุยไม่รู้สึกดีเลยสักนิด

“อีกไม่นานพี่สาวจะหายดี”

แต่ว่าในวันนี้เขากลับดูเต็มไปด้วยพลัง

“อีกแค่ไม่นานครับ ผมมั่นใจ…”

เขาได้เน้นย้ำอยู่ถึงสามครั้ง ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดจะหาเครื่องเซ่นจากเขตพื้นที่เป็นกลางที่กำลังจะเปิดขึ้น

‘เขามั่นใจงั้นหรอ?’

ซอยูฮุยได้แต่เอียงหัวสับสนโดยที่ไม่อาจจะเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่