บทที่ 281 – การเตรียมการ (2)
มันได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าเขตพื้นที่เป็นกลางก็รับครูฝึกได้จำกัด
เมื่อนับรวมผู้จัดการทั่วไปที่อย่างน้อยต้องมีสิบคนในเขตพื้นที่เป็นกลาง และจำนวนจะต้องไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนคนทั้งหมด
นั่นมันหมายความว่าจำนวนครูฝึกที่จะเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลางเดือนมีนาคมได้นั่นก็คือ 53 คนหรือน้อยกว่านั้น
แน่นอนว่าซอลจีฮูก็ไม่ได้คิดว่าจะเติมคนให้เต็มจำนวนอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าผู้จัดการทั่วไปจะได้รับคะแนนการเอาชีวิตรอดโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ แต่ว่าครูฝึกจะได้รับคะแนนตามสิ่งที่กระทำลงไปเท่านั้น
มันจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาหลอกหล่อให้ผู้ฝึกใช้คะแนนการเอาชีวิตรอดไปมากแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่นครูฝึกที่ทำหน้าที่ดูแลโรงอาหารจะได้รับคะแนนที่น้อย แต่มีความมั่นคง ในระหว่างที่ครูฝึกที่รับหน้าที่ในร้านค้า VIP จะได้รับโชคครั้งใหญ่แบบนานๆครั้งเท่านั้น
หรือก็คือทางครูฝึกแล้วจะได้ผลประโยชน์ตามความสามารถพวกเขา การที่มีครูฝึกจำนวนน้อยก็จะทำให้พวกเขาไม่ต้องแบ่งคะแนนกัน นี่เป็นเหตุผลที่ซอลจีฮูตัดสินใจพาคนเข้าไปในจำนวนที่น้อยที่สุดที่ทำได้
‘แต่ฉันจะพาสมาชิกทุกๆคนของวัลฮาลาเข้าไป’
สมาชิกจากวัลฮาลาที่จะเข้าไปในเขตพื้นที่เป็นกลางมีทั้งหมดสิบห้าคน ถึงแบบนั้นก็มีเพียงสิบสามคนเท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็นครูฝึกได้ ด้วยข้อกัดหนดของเขตพื้นที่เป็นกลางทำให้แม้กระทั่งโฟลนหรือลูกเจี๊ยบก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ วิญญาณ หรือสัตว์ เมื่อไหร่ที่เข้าไปในนั้นก็จะนับเป็นหนึ่งคน
เนื่องจากว่ามีชาวโลกได้พยายามจะหาช่องโหว่ของระบบ ทำให้ทั้งเจ็ดอาณาจักรได้ปิดทุกๆช่องทางไว้แล้ว
เนื่องจากว่าซอลจีฮูก็นับโฟลนกับลูกเจี๊ยบเป็นสมาชิกวัลฮาลา เขาจึงไม่อาจจะทิ้งทั้งคู่ไว้ได้
บวกกับด้วยข้อจำกัดที่ว่าองค์กรที่ดูแลจะเป็นครูฝึกได้เพียง 60% เท่านั้น ทำให้ซอลจีฮูได้ตัดสินใจจำนวนครูฝึกทั้งหมดที่ 25 คนพอดี
หลังจากที่ได้คุยกับครูฝึกที่จะเข้าร่วม และแบ่งหน้าที่กันแล้ว ซอลจีฮูก็ได้มีเวลาพัก ในที่สุดการเตรียมการก็เสร็จสิ้นลงไปแล้ว
“เรียบร้อย!”
ซอลจีฮูได้วางปากกาลง และยืดแขนผ่อนคลาย
ในตอนนี้เหลือแค่สิ่งเดียวที่ต้องทำ นอนดูพรรคพวกของเขาวิ่งวุ่นในเขตพื้นที่เป็นกลางเพื่อให้ได้รับคะแนนเอาชีวิตรอด
ซอลจีฮูได้ทิ้งตัวลงนอนผ่อนคลายไปกับเตียง
ถึงเขาจะแค่คิดว่าจะงีบหลับไป แต่เขากลับหลับลึกลง เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็ผ่านไปวันหนึ่ง
และคนที่เขากำลังรออยู่ก็ได้กลับมา
***
คิมฮันนาห์ได้กลับมาที่พาราไดซ์เมื่อคืนก่อน ซอลจีฮูได้ยินข่าวนี้ในตอนที่ซอยูฮุยเข้ามาบอกให้เขาไปกินอาหารเช้า
ซอลจีฮูได้รีบพยายามระงับความตื่นเต้น และวิ่งลงไปหาคิมฮันนาห์ที่ชั้น 10
“มาแล้วหรอ?”
เมื่อเห็นซอลจีฮู เธอก็ยิ้มขึ้น เนื่องจากว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ทำงาน เธอจึงไม่ได้พูดสุภาพกับเขา แต่ว่านี่ไม่ใช่ปัญหา ซอลจีฮูได้รีบทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามเธอทันที
“ไม่ต้องรีบแบบนั้นน่า พอมาถึงแล้ว ฉันก็กำลังจะไปบอกนายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่นายกลับหลับเหมือนเด็กเลย”
“เธอน่าจะปลุกฉันนะ”
“ไม่หรอก นายหลับสนิทมาก มันรู้สึกไม่ดีที่จะไปปลุกนาย”
คิมฮันนาห์ได้หัวเราะออกมาก่อนจะจิบกาแฟลงไป
“นายถึงขนาดทำงานเอกสารที่ฉันทิ้งไว้จนเสร็จแล้วด้วย ขอบใจมากนะ”
“ก็ไม่ได้มากอะไรนี่ ยังไงมันก็ทำให้เสร็จอยู่แล้ว เยี่ยมยอดมาก”
“โอ้ ขอบคุณมากนะ คุณตัวแทน”
คิมฮันนาห์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่น่ารักผิดปกติ เธอดูจะอยู่ในอารมณ์ดีมาก บางทีอาจจะเพราะเมื่อเธอกลับมา การเตรียมการทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลงแล้ว
“มันสำเร็จล่ะ”
คิมฮันนาห์ได้ตอบกลับมาโดยไม่ดึงเวลาอีกต่อไป
“การติดต่อเป็นเรื่องง่าย แต่ว่าหลังจากนั้นมันไม่ง่ายเลย ฉันคิดว่าการหลอกล่อเธอมันจะง่าย ในเมื่อเธอเคยเข้าพาราไดซ์มาแล้ว แต่มันกลับยากกว่าที่ฉันคิดซะอีก”
“ยังไงหรอ?”
“เธอดูจะสนใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาให้เห็น เธอได้ถามคำถามต่างๆกับฉัน ก่อนจะขอเวลาคิด และเธอทำแบบนี้ถึงสองครั้ง”
ใช่แล้ว ในเมื่อเธอจำอะไรไม่ได้เลย มันจึงยากที่เธอจะเชื่อว่าเธอเคยไปโลกนั้นมาก่อนแล้ว
“พูดตามตรง ฉันคิดว่าเธอคงจะปฏิเสธ และระดมสมองคิดแผนอยู่ แต่จากนั้นจู่ๆเธอก็ติดต่อมาหาฉันอย่างหน้าด้านเหมือนกับเธออยากจะฟังเรื่องราวอีกครั้งหนึ่ง”
คิมฮันนาห์ได้ยิ้มพร้อมวางแก้วกาแฟลง
“ยังไงก็ตามฉันก็ได้ให้ตราประทับกับเธอไปแล้ว ในตอนนี้ต่อให้ต้องการเธอก็ปฏิเสธไม่ได้แล้ว”
“หากว่าเธอมีตราประทับแล้ว นั่นก็คงหมายความว่าเธอยอมรับในข้อตกลงของเราแล้วใช่ไหม?”
“แน่นอน ฉันได้อธิบายทุกๆอย่างให้เธอฟังในครั้งที่สองที่เราเจอกันแล้ว และเธอก็ได้ให้คำตอบมาในครั้งที่สาม”
คิมฮันนาห์ได้กำหมัดแน่น
“แต่ว่าเจ้าเด็กนี่หน้าด้านจริงๆ เธอบอกว่า ‘หากคุณกำลังบอกความจริงกับฉัน ฉันก็น่าจะสามารถยืนยันถึงโลกที่อธิบายไม่ได้ก็ต่อเมื่อไปถึงแล้ว”
คิมฮันนาห์ได้ส่ายหน้าออกมา
แต่ซอลจีฮูกลับถามขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกาย
“แล้ว?”
“?”
“เธอเป็นยังไงล่ะ? ฉันหมายถึงอึนยูริดูเป็นยังไง?”
“ไม่รู้สิ ฉันเปิดหน้าต่างสถานะของเธอไม่ได้ เพราะงั้นมันไม่มีทางรู้ได้เลย แต่ว่า-“
คิมฮันนาห์ได้หยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดต่อ
“เธอดูจะใจเสาะ แต่ว่าฉันก็บอกได้ว่าเธอมันเป็นคนแปลกๆ จากวิธีการพูดของเธอแล้ว เธอไม่ได้โง่เลย เธอให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากนักเรียนมหาวิทยาลัยตามปกติ”
“โฮ่”
“แถมเธอก็ยังสวยมาก”
“ครับ?”
ซอลจีฮูได้ยินดีขึ้นมา
“ใช่แล้ว ถึงเธอจะแค่ยืนนิ่งๆ แต่ออร่าที่ออกมาจากตัวเธอมันไม่ขำเลย เธอเป็นหนึ่งในสาวงามอย่างแน่นอน”
“โอ้…”
คิมฮันนาห์ได้มองซอลจีฮูอย่างเย็นชา
“เฮ้”
“หืมม?”
“ทำไมนายถึงดีใจ?”
ซอลจีฮูได้กระพริบตาออกมา
“อ่อ นั่นก็เพราะเธอบอกว่าอึนยูริไม่ธรรมดาไง”
“อืมม ฉันมั่นใจในเรื่องนั่น”
คิมฮันนาห์ถอนหายใจออกมา
“เฮ้ออ ทำไมในองค์กรเราถึงมีผู้ชายแค่ไม่กี่คนเองนะ? พูดไปแล้วก็มีแต่ผู้หญิงเต็มไปหมดเลย!”
ซอลจีฮูได้หลบสายตาออกไปเมื่อได้ยินน้ำเสียงจิกกัดของคิมฮันนาห์ ยังไงก็ตามจู่ๆเขาก็นึกบางอย่างได้ และพูดขึ้น
“โอ้ จริงสิ เธอยังจำในตอนแรกที่เราเจอกันได้ไหม?”
“แค่กๆ”
คิมฮันนาห์ได้ไอออกมาเบาๆ ราวกับสำลักกาแฟ
“แค่กๆๆ! บ้าเอ้ย ฉันก็คิดอยู่เลยว่าทำไมนายถึงไม่พูดถึงมัน”
“ฮ่าฮ่า เธอคงจำมันไม่ได้จนกว่าฉันจะเอามาพูดใช่ไหม?”
“ให้ตายสิ ทำไมฉันถึงได้…”
คิมฮันนาห์ได้เม้มปากพร้อมเหล่มองไปด้านข้าง
“ฉันมีเรื่องสงสัยอยู่”
“ขอโทษ”
คิมฮันนาห์ได้ขอโทษออกมาในทันที
“ฉันไม่รู้ ไม่สิ ไม่ใช่ว่าฉันไม่รู้หรอก แต่ว่าฉันไม่มีเวลา ฉันไม่คิดว่าฉันจะใช้ตราประทับทองคำกับนาย”
“โหดร้าย”
“โหดร้าย? ในตอนนั้นส่วนไหนของนายที่มันน่าเชื่อใจกันล่ะ?”
คิมฮันนาห์ได้บ่นออกมาเบาๆเมื่อสังเกตดูสีหน้าของซอลจีฮู ยังไงก็ตาม เขาก็แค่จ้องเธอโดยไม่พูดอะไรออกมา เธอคงจะรู้สึกผิดในเรื่องนี้ทำให้เมื่อซอลจีฮูเงียบไป เธอจึงพูดออกมาแทน
“ลองคิดดูนะ ฉันไม่ได้มีพลังต่อสู้อะไรเลย การฆ่าฉันมันก็ไม่ต่างกับการหักกิ่งไม้”
แต่ว่าสายตาของเขาก็ยังคงจ้องเธอสิ
“อ๊าา บ้าเอ้ย…”
เมื่อทนกับสายตาของเขาไม่ไหว ในที่สุดคิมฮันนาห์ก็ยกธงขาว
“ก็ได้ ฉันขอโทษ ฉันผิดเอง ปล่อยให้เรื่องอดีตมันผ่านไปเถอะนะ”
“ถ้าเธอรู้สึกผิด ก็ช่วยฉันซะ จากนั้นฉันจะลืมเรื่องนั้นไป”
“ช่วย?”
“ก็ไม่ได้ยากหรอก เธอแค่ต้องทำตามที่ฉันบอก”
“อ๊า เฮ้ ฉันจะให้เสื้อคลุมฉันกับนาย นายเอาไปใช้สักวันแล้วค่อยคืนฉันก็ได้ นายบอกนายชอบกลิ่นฉันใช่ไหม? ฉันใส่มันมาสองวันแล้วด้วย”
“หืมม ได้เลย ฉันจะไปเอาเดี๋ยวนี้แหละ”
ซอลจีฮูไม่ได้ปฏิเสธเลยจนทำให้คิมฮันนาห์ต้องตกตะลึง
“นี่นายเอาจริงดิ? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
ซอลจีฮูได้พูดด้วยรอยยิ้มโดยไม่สนใจคำอ้อนวอนของคิมฮันนาห์เลย ไม่นานนัก…
“…ละอายบ้างสิ นี่นายอยากจะทำแบบนี้จริงๆดิ?”
คิมฮันนาห์ได้วิจารณ์ซอลจีฮูด้วยสีหน้าขยะแขยง
“ทำไมล่ะ? แค่มุกเอง”
“อย่าเอาเรื่องนี้มาเล่นนะ”
“ฉันต้องลำบากใช่ไหมล่ะ? ยังไงก็ตามมันไม่น่าจะยากหรอก เพราะงั้นเลือกซะ”
ซอลจีฮูได้ยื่นคำขาดก่อนที่จะลุกจากที่นั่ง
“โอ้ ฉันจะคืนให้เธอในเขตพื้นที่เป็นกลางนะ”
แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้ลืมเอาเสื้อคลุมของคิมฮันนาห์ที่แขวนอยู่บนเก้าอี้ไปด้วย
คิมฮันนาห์ได้จ้องด้วยสีหน้าตกตะลึงก่อนจะตะโกนว่า “อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เอาเสื้อคลุมฉันไป!”
***
เวลาได้ผ่านพ้นไปจนกระทั่งถึงวันที่เขตพื้นที่เป็นกลางได้ใกล้จะเปิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าการเตรียมการทั้งหมดจะถูกจัดการมาหมดแล้ว และไม่มีอะไรให้ต้องทำอีก แต่วัลฮาลาก็ยังคงคึกคักกันแต่เช้า
บทฝึกสอนจะเริ่มในตอนสองทุ่มตามเวลาบนโลก ครูฝึกทุกๆคนจะต้องไปถึงก่อนหน้านั้น
แม้ว่าการปล่อยให้สำนักงานองค์กรว่างเปล่าจะเป็นเรื่องน่าหนักใจ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงอะไรในเมื่อโฟลนได้ฝากฝังให้เหล่าวิญญาณเฝ้าบ้านไว้ให้แล้ว
สมาชิกวัลฮาลาได้กระโดดขึ้นรถม้า และมุ่งหน้าไปสู่เขตพื้นที่เป็นกลาง ยังไงก็ตามซอลจีฮูไม่ได้ไปกับพวกเขา และยังคงอยู่ในอีวา
เขาได้บอกกับพรรคพวกว่าเขาจะต้องจัดการเรื่องบางอย่างในฐานะผู้จัดการทั่วไป และเขาจะตามไปทีหลัง เพราะงั้นให้พวกเขาไปก่อนได้เลย
จากนั้นเขาก็ได้ไปที่วิหารลูซูเรีย
ในตอนนี้อึนยูริก็ได้รับตราประทับไปแล้ว เธอจะมาที่พาราไดซ์ด้วยประสงค์ของตัวเอง
แต่ก่อนหน้านั้นมีเรื่องที่เขาจะต้องทำ
‘ฉันจะใช้ความปรารถแห่งเทพ’
ใช้ความปรารถนาแห่งเทพเพื่อคืนชีพให้กับอึนยูริ จากนั้นเธอก็จะได้รับคุณสมบัติในการเข้าพาราไดซ์อีกครั้งหนึ่ง”
ซอลจีฮูค่อนข้างที่จะชอบในขั้นตอนนี้ ยังไงแล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้ความปรารถนาแห่งเทพ ยังไงก็ตามมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น
ไม่ต้องพูดถึงพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่เลย ทั้งหมดที่เขาทำก็มีแค่พูดความต้องการออกไป และการคืนชีพก็เสร็จสิ้นแล้ว
หลังจากลูซูเรียได้ให้คำยืนยัน ซอลจีฮูก็ได้กลับมาที่วัลฮาลาด้วยรอยยิ้ม มันน่าเบื่อที่จะอยู่ในสำนักงานขนาดใหญ่เพียงคนเดียว แต่ว่าเขาก็ได้ใช้เวลาฝึกฝนอย่างจริงจังมีประสิทธิภาพเป็นครั้งแรกหลังจากผ่านไปนาน
จากนั้นเมื่อถึงเวลาแล้ว ในที่สุดเขาก็เดินไปในจุดหมายของเขา
ที่ที่เขาไปคือประตูมิติที่อยู่ในวิหาร เขาไม่ได้โดยสารรถม้าไปเขตพื้นที่เป็นกลาง แต่กลับกัน เขาได้เดินทางไปที่โลก
ซอลจีฮูได้ตรวจสอบเวลาในปัจจุบันหลังจากไม่ได้กลับมานานแล้ว
22 มีนาคม 2018 19.31 น.
‘เยี่ยม’
เขาได้กลับมาที่โลกได้ทันเวลาเพราะกาาคำนวณเอาไว้แล้วหลายครั้ง ด่านการฝึกสอนจะถูกสร้างขึ้นแบบสุ่มตามที่คิมฮันนาห์ได้พูดเอาไว้ และการเชิญตัวก็จะเกิดขึ้นบนโลกเช่นกัน
หรือก็คือหากเขาอยู่ที่พาราไดซ์ เขาจะไม่อาจเข้าร่วมบทฝึกสอนได้ แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก ยกเว้นในสถานการณ์พิเศษก็ตาม
หลังจากเดินเล่นอยู่รอบห้องสักพัก จู่ๆซอลจีฮูก็หันไปดูโทรศัพท์ ที่หน้าจอมีข้อความถูกส่งมาจำนวนมาก และสายที่เขาไม่ได้รับ
ส่วนมากแล้วมาจากแม่ และพี่ชายของเขา ยุนซอราก็ยังส่งข้อความถึงเขาด้วยเช่นกัน
‘ฉันต้องโทรกลับไป…’
ถึงแม้ว่าจะมีความคิดนี้เข้ามาในหัว แต่ซอลจีฮูก็ค่อยๆวางโทรศัพท์ลงไป หากเขาเริ่มคุยกันอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก แต่ตอนนี้เขามีเวลาเหลืออยู่ไม่ถึงสิบนาทีแล้ว มันมีโอกาสที่เขาจะต้องวางสายกลางคันได้
ซอลจีฮูได้นั่งรอเงียบๆโดยโทษตัวเองที่ยุ่งกับพาราไดซ์มากเกินไป ในที่สุดนาฬิกาก็ขยับไปที่เลข 8 และการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
แสงสีเงินได้ถูกสร้างขึ้นกลางอากาศโดยไร้ซึ่งสัญญาณใดๆ ก่อนที่จะคลุมรอบตัวซอลจีฮู
‘เกิดขึ้นแล้วสินะ’
เนื่องจากว่าครั้งแรกเขาตกใจทำให้เขามองมันไม่ชัดเลย
ซอลจีฮูได้มองดูแสงที่อาบร่างเขาอย่างรวดเร็วด้วยความทึ่ง ในวินาทีต่อมา ภาพที่เขาเห็นก็กลายเป็นสีขาว และความรู้สึกวิงเวียนก็พุ่งเข้ามา
***
เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาก็ได้เห็นกับสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
‘นี่มัน…’
หลังจากลุกขึ้นแล้ว ซอลจีฮูก็มองไปรอบตัวเป็นอย่างแรก
‘ฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นห้องของฉัน…’
แต่ว่าแทนที่มันจะเป็นห้องของเขา เขากลัยอยู่ในห้องนั่งเล่นที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นเหมือนกับบ้านของครอบครัวระดับกลางครอบครัวหนึ่ง
จากนั้นเอง ตื๊ดด! เสียงสั่นของโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงทื่อๆก็ดังออกมา
-ตื่นได้แล้วๆ เช้าแล้ว! รีบเช็คข้อความเร็วเข้า!
ถึงแม้ว่าเสียงสะท้อนจะทำให้ฟังไม่ค่อยชัด แต่เขาก็บอกได้เลยว่านี่เป็นเสียงของฟีโซรา
‘ยัยนี่…’
นอกเหนือจากเขตพื้นที่เป็นกลางแล้ว เธอก็ยังรับหน้าที่ดูแลบทฝึกสอนอีกด้วย
ซอลจีฮูไม่อาจจะรู้สึกความมีมารยาทในน้ำเสียงของเธอได้เลยสักนิด
หลังหัวเราะเบาๆแล้ว เขาก็กำลังจะหันไปหาที่มาของเสียง…
[ระบุตัวตนเสร็จสิ้น]
เสียงเตือนได้ดังเข้าหูเขา
[ยืนยันการเข้าร่วมของซอลจีฮู – ผู้ช่วยเหลือผู้ถูกเชิญตราประทับทองคำ อึนยูริ]
เมื่อเห็นข้อความ ซอลจีฮูยิ้มออกมา
โดยทั่วไปแล้วขาวโลกเชื่อว่าประสบการณ์บทฝึกสอนมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ตามเหตุผลที่เขาเข้าบทฝึกสอนได้ในฐานะชาวโลกที่มีประสบการณ์นั่นก็เพราะคำเชิญทองคำ
คำเชิญได้เขียนเอาไว้อย่างชัดเจนว่า
-จดหมายเชิญนี้อนุญาติให้แขกผู้ทรงเกียรติพาผู้ช่วยเหลือมาด้วยได้หนึ่งคน
หรือก็คือซอลจีฮูได้รับคุณสมบัติในการเข้าบทฝึกสอนอีกครั้งหนึ่งในฐานะผู้ช่วยของอึนยูริ
ตามที่ลูซูเรียบอกไว้ ตราประทำทองคำสร้างขึ้นเพื่อดึงใครสักคนที่ต้องเข้ามา
‘บทฝึกสอนก็น่าจะเป็นงานง่ายๆ’
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นด่านที่สร้างขึ้นบนโลก แต่บทฝึกสอนก็เป็นพื้นที่อิสระเหมือนกับเขตพื้นที่เป็นกลาง
ในเมื่อเขาสามารถจะใช้ความสามารถทั้งหมดจากพาราไดซ์ได้ มันจึงยากมากที่เขาจะล้มเหลวในด่านนี้ คราวนี้ซอลจีฮูให้คำมั่นว่าเขาจะสำรวจทุกๆซอกมุมของบทฝึกสอน
นั่นคือจนกระทั่งที่มีการแจ้งเตือนใหม่ออกมา
[ผู้ถูกเชิญตราประทับทองคำได้เข้าร่วมพร้อมกับผู้ช่วยเหลือทำให้เกิดการ ‘ปรับเปลี่ยนบทฝึกสอน’]
[โบนัสสิทธิพิเศษตราประทับทองคำ ‘ด่านลับ’ ถูกเปิดขึ้น]
“…หือ?”
ซอลจีฮูได้กระพริบตานิ่งๆ
เมื่อผู้ช่วยเหลือได้เข้ามาพร้อมผู้ถูกเชิญตราประทับทองคำได้ทำให้บทฝึกสอนเปลี่ยนไปงั้นหรอ? ด่านลับใหม่ได้ถูกเปิดขึ้น?
เขาไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย
“เกิดอะไรขึ้น…?”
จากเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ได้ทำให้เขายืนอยู่อย่างสับสน
แกร๊ก เสียงเปิดประตูได้ดังขึ้น
มันมาจากห้องที่เขาได้ยินเสียงก่อนหน้านี้