แดนนิรมิตเทพ บทที่ 411
เรื่องของหอว่านเค่อไหล ยังคงเล่าลือกันต่อไป ผ่านไปอีกสองวัน หอเซียงหม่านภายใต้เครือของเหม่ยหวากรุ๊ปแทบจะไม่มีลูกค้าเลย ถึงขั้นที่พนักงานบางคนของเหม่ยหวากรุ๊ปแอบไปกินข้าวที่หอว่านเค่อไหล

เมื่อกินเสร็จแล้วยังชื่นชมหอว่านเค่อไหลอย่างมาก แม้แต่ศัตรูยังถึงกับยอมรับยกนิ้วให้ เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงของหอว่านเค่อไหลโด่งดังดีมากขนาดไหน

ตระกูลว่านเองก็ทำเต็มที่ ทั้งโฆษณาต่างๆมีมากมายเต็มไปหมด ถึงขั้นเชิญเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยและบุคลากรทางการแพทย์มาทำการโฆษณาให้กับหอว่านเค่อไหลอีกด้วย เพียงชั่วพริบตาหอว่านเค่อไหลก็โด่งดังไปทั่วหล้า

บางคนที่เคยไปทานข้าวที่หอว่านเค่อไหล เมื่อกลับไปแล้วก็โอ้อวดว่าวัตถุดิบสมุนไพรยาจีนของว่านเค่อไหลมหัศจรรย์มากเพียงใด แล้วพวกคนต่างถิ่นที่ไม่สามารถมาทานได้ต่างก็ร้อนรน ต่างก็ร้องขอให้ว่านเค่อไหลไปเปิดสาขาให้ทั่ว

มองดูรายงานการขายของหอเซียงหม่านแล้ว หลี่ซู่เฟินนอกจากยิ้มขมขื่นแล้วก็คือยิ้มขมขื่นอีก

เวินฉิงปลอบใจอยู่ด้านข้าง “ท่านประธานคะ คุณอย่าได้เสียใจมากเกินไปเลยค่ะ ในเมื่อด้านอาหารเราแพ้ให้กับตระกูลว่าน อย่างนั้นเราก็ลงมือทำด้านอื่น ใช่สิคะ ร้านขายยาในเครือของพวกเรากำลังทำการก่อสร้างแล้วค่ะ หากว่าสามารถโฆษณาขายยาพิเศษได้ ก็สามารถสร้างความโด่งดังได้ในทันทีเลยนะคะ”

หลี่ซู่เฟินทำได้แค่เปลี่ยนจุดสนใจจากธุรกิจสายอาหารกลับมา นึกคิดแล้วพูดว่า “เธอไปติดต่อบริษัทยาพวกนั้นสิ ดูว่าช่วงนี้พวกเขาได้วิจัยพัฒนายาพิเศษอะไรออกมาหรือเปล่า ถ้าหากมี ก็พยายามติดต่อมาให้ได้ ถึงแม้ต้องจ่ายในราคาสูงก็ไม่เป็นไร เรื่องของร้านขายยาในเครือห้ามล้มเหลวอีก”

“ท่านประธานวางใจได้ค่ะ ความสนใจของตระกูลว่านล้วนอยู่ที่เครือด้านอาหารหมดแล้ว คงจะไม่มีความสนใจมากพอที่จะมาแข่งขันร้านขายยาในเครือของเราอีก ครั้งนี้พวกเราชนะได้แน่นอนค่ะ!” เมื่อไม่มีตระกูลว่านมาแข่งขันด้วย ผู้มีอำนาจอื่นๆเหม่ยหวากรุ๊ปไม่วางไว้ในสายตา ใบหน้าที่สวยงามของเวินฉิงปรากฏรอยยิ้มที่มั่นใจอย่างมาก

แต่ว่า ยังไม่ทันรอให้เวินฉิงออกจากห้องทำงาน โทรศัพท์บนโต๊ะของท่านประธานก็ดังขึ้น

หลี่ซู่เฟินรับสาย “ใครคะ?”

อีกด้านของสายโทรศัพท์คือเสียงของผู้ชายที่ร้อนรน เมื่อได้ยินก็ทำให้รู้สึกลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที “ท่านประธานครับ แย่แล้วครับ ตระกูลว่านเข้าเดินทัพเครือร้านขายยานำหน้าไปแล้วครับ ทางด้านพวกเรายังไม่ทันได้ลงทุน พวกเขาก็เริ่มเปิดทำการธุรกิจแล้วครับ โฆษณาตัวยาพิเศษลดไข้ ได้ยินมาว่าเห็นผลดีมากด้วยครับ ตอนนี้หน้าเครือร้านขายยาของตระกูลว่าน ต่างก็มีคนต่อคิวยาวหมดแล้วครับ!”

หลี่ซู่เฟินตกตะลึง โทรศัพท์ในมือร่วงหล่นลงบนโต๊ะ เครียดจนเหมือนแก่ตัวลงเป็นสิบปีในพริบตาเดียว

“ท่านประธาน เกิดอะไรขึ้นคะ?” เวินฉิงรีบเดินไปข้างกายหลี่ซู่เฟิน ถามอย่างร้อนรน

หลี่ซู่เฟินถอนหายใจหนึ่งที ในแววตาเต็มไปด้วยความรู้สึกทรุดโทรม “เมื่อกี้ผู้รับผิดชอบเครือร้านขายยาโทรศัพท์มา ร้านขายยาในเครือของตระกูลว่านได้เริ่มทำการเปิดธุรกิจแล้ว แล้ววันแรกที่เปิดทำการก็ได้โฆษณายาพิเศษลดไข้ชนิดหนึ่งออกมา ธุรกิจเฟื่องฟูอย่างมาก!”

“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้คะ!” เวินฉิงรู้สึกตกตะลึง “เห็นได้ชัดว่าตระกูลว่านจงใจต่อกรกับทางเรานะคะ!”

หลี่ซู่เฟินสีหน้าเคร่งเครียด “ดูแล้วครั้งนี้ ตระกูลว่านคิดจะทำสงครามกับพวกเราอย่างเต็มที่แล้วละ”

เวินฉิงพูดอย่างกังวลว่า “ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลว่านเลยค่ะ จะต้องสืบรู้ให้ได้ว่าตระกูลว่ามีฐานเบื้องหลังอะไรกันแน่”

หลี่ซู่เฟินส่ายหัว “ไม่มีประโยชน์ สืบไม่เจอหรอก แต่สามารถมั่นใจได้ว่าตระกูลว่านมีผู้วิเศษอยู่แน่นอน!”

เวินฉิงสีหน้าเคร่งเครียด เหลือบมองหลี่ซู่เฟิน “ท่านประธานคะ ฉันคิดว่าโทรศัพท์ไปถามเสี่ยวโม่กันสักหน่อยเถอะค่ะ?”

หลี่ซู่เฟินเงียบไปสักพัก แต่ก็ยังส่ายหัว “ลองดูอีกสักสองวัน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยโทรไปหาเสี่ยวโม่แล้วกัน”