บทที่ 430 นายกล้าดูถูกเขตฮันกึลงั้นเหรอ?
บทที่ 430 นายกล้าดูถูกเขตฮันกึลงั้นเหรอ?
“เตรียมแพ้ได้เลย! ฉันจะค่อย ๆ แช่แข็งนายจนกว่านายจะขยับไม่ได้ แล้วเมื่อนั้นแหละ ฉันจะกลายเป็นผู้ชนะ! ฮึ!”
ซือเยี่ยจิ๋งดูจะภาคภูมิใจในแผนการของเธอที่ทำให้เซียวเฟิงหมดทางสู้นี้เอาเสียมาก ๆ เธอโยนมีดสั้นในมือของตนใส่เซียวเฟิงด้วยสกิล และถึงแม้เซียวเฟิงจะสามารถป้องกันไว้ได้ แต่ตัวเขาก็ยังติดสแต็กชั้นน้ำแข็งเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้นอยู่ดี
“ดูเหมือนว่าฉันเองก็ต้องเอาจริงบ้างสินะ”
แววตาของเซียวเฟิงแสดงความชื่นชมในกลวิธีที่อีกฝ่ายใช้นิดหน่อย อย่างที่คิดไว้เลยว่าซือเยี่ยจิ๋งนั้นถือเป็นยอดฝีมือที่ไม่สามารถมองข้ามได้ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีฝีมือขนาดที่จะกำจัดเขาลงได้เช่นนี้
แม้ว่าตัวของเซียวเฟิงจะมีพาสซีฟของสกิลกายาศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยลดความเสียหายจากสถานะด้านลบลงได้ แต่ถึงอย่างนั้นจุดอ่อนของสกิลนี้ก็คือผลการชะลอตัวเนี่ยแหละ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถยกเลิกสถานะด้านลบที่มาจากชุดเกราะมังกรทั้งหมด แล้วยิ่งตอนนี้ที่มีชั้นน้ำแข็งมากมายปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว มันจึงยากที่จะหลุดพ้น บางทีอาจจะเป็นอย่างที่ซือเยี่ยจิ๋งว่า เขาอาจจะต้องอยู่ในสภาพนี้จนกว่าจะหยุดการเคลื่อนไหวไปในที่สุด
ต้องรู้กันก่อนว่าสกิลสัตตบรรณอับเฉาของซือเยี่ยจิ๋งนั้นไม่มีคูลดาวน์ ตราบใดก็ตามที่มันสามารถทำความเสียหายแก่เซียวเฟิงได้ มันก็จะสามารถใช้ได้เรื่อย ๆ ดังนั้นมันจึงทำให้ซือเยี่ยจิ๋งสามารถติดสแต็กน้ำแข็งให้เซียวเฟิงได้เรื่อย ๆ และถ้าหากยังเป็นแบบนี้ อีกไม่นานเขาจะเชื่องช้าจนเหมือนว่าตายไปแล้วจริง ๆ
เมื่อถึงตอนนั้นซือเยี่ยจิ๋งคงสามารถฆ่าเขาได้ตามที่หวัง
“อยากจะดิ้นรนไปก็ตามสะดวก แต่ก็รู้ไว้ด้วยว่ามันไร้ค่า! เมื่อไหร่ที่ฉันโค่นนายได้ ฉันก็จะกลายเป็นอันดับ 1 คนใหม่แห่งเขตฮัวเซีย!”
ด้วยความภูมิใจและมั่นใจ ซือเยี่ยจิ๋งไม่รอช้าที่จะพุ่งเข้าใส่เซียวเฟิงอีกครั้ง
“เสี่ยวเสวีย!”
เซียวเฟิงส่ายหน้าเบา ๆ เขาเปิดมิติสัตว์เลี้ยงออกมาตรงหน้า และทันใดนั้นเสี่ยวเสวียก็ปรากฏตัวขึ้น ยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์สีขาวสะอาดตาไม่รอช้าที่จะปล่อยแรงลมมหาศาลเข้าปะทะกับนักฆ่าสาวที่พุ่งเข้ามาทันที
ถึงพลังของชุดเกราะมังกรจะทำให้สายลมอัดกระแทกของเสี่ยวเสวียไม่เป็นผลก็จริง แต่เธอก็ยังไม่สามารถลืมตาได้ยามที่ลมเข้าปะทะรุนแรงจนต้องยกแขนขึ้นมาบังไว้อยู่ดี
หลังจากที่นำแขนลงจากการบดบังสายตาแล้ว ซือเยี่ยจิ๋งก็พบว่าตรงหน้าเธอนั้นไม่มีเซียวเฟิงอยู่อีกต่อไป และไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ไม่พบเขาอยู่บนสนามประลองแล้วด้วย ดังนั้นมันจึงเหลือที่เดียวที่เซียวเฟิงจะไปได้ นั่นคือ บนอากาศ!
นักฆ่าสาวเงยหน้ามองขึ้นฟ้าแล้วก็พบว่าที่เหนือหัวเธอนั้นมีเซียวเฟิงกำลังขี่อยู่บนหลังเสี่ยวเสวียอยู่จริง ๆ!
“หนอย! นาย! กล้าดียังไงฮะ! ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ซือเยี่ยจิ๋งชะงักไปกับภาพเหตุการณ์ที่เห็นไปครู่หนึ่งก่อนจะแสดงความโกรธเกรี้ยวออกมา นั่นเพราะการกระทำของเซียวเฟิงเช่นนี้มันเป็นการหยามเธอมาก ๆ เขารู้ว่าเธอไม่สามารถโจมตีระยะไกลขนาดบนท้องฟ้าได้ แถมสัตว์ขี่ของเธอเองก็บินไม่ได้อีก ดังนั้นตอนนี้ เซียวเฟิงจึงกลับไปอยู่ในสถานะไร้เทียมทานอีกครั้งแล้ว!
“ไม่ต้องกังวลน่า เดี๋ยวเวลาหมดฉันก็ลงไปเองแหละ ยังไงก็เถอะ รู้หรือเปล่าว่าเธอเสียพลังชีวิตไปมากกว่าฉันซะอีก เพราะงั้นขอรับชัยชนะเกมนี้ไปก็แล้วกันนะ”
เซียวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นอีกครั้ง ซือเยี่ยจิ๋งโดนสกิลถ้อยคำแห่งเงาของเขาเล่นงานไปจนเสียพลังชีวิตกว่า 100 หน่วย ถือเป็นความเสียหายที่มากกว่า 10% ของพลังชีวิตทั้งหมด ในขณะที่เซียวเฟิงนั้นโดนโจมตีไปเพียง 10 หน่วยเท่านั้น ซึ่งมันน้อยกว่า 1% ของพลังชีวิตเขาทั้งหมดเสียอีก เพราะงั้นแล้วเมื่อไหร่ที่เวลาหมดลง ระบบย่อมตัดสินใจเซียวเฟิงเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว
“เลิกพูดมากแล้วลงมาเดี๋ยวนี้เลย!” ซือเยี่ยจิ๋งเองก็คงเข้าใจสิ่งที่เซียวเฟิงพูดแล้วเหมือนกัน เพราะงั้นเธอจึงกระทืบเท้าอยู่หลายครั้งด้วยความโกรธเคือง
“ไว้เธอสัญญาว่าจะมาหาฉันที่ห้องคืนนี้ ฉันจะยอมลงไป” ชายหนุ่มยิ้มอย่างร่าเริง เขาเปลี่ยนท่าไปนอนให้สบายอยู่บนหลังเสี่ยวเสวียและมองลงมายังซือเยี่ยจิ๋งด้วยความเวทนา
“ทำไมจู่ ๆ เจ้าแห่งฮีลเลอร์กับท่านไนท์คูนเนอร์ถึงหยุดสู้กันล่ะ?”
“นั่นสิ ฉันก็เพิ่งสังเกตเหมือนกัน ทำไมจู่ ๆ การประลองถึงหยุดไปล่ะ?”
ขณะเดียวกันนั้น ผู้ชมที่รับชมการต่อสู้ผ่านการถ่ายทอดสดของชิวเย่ว่านเฟิงจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็เกิดการสงสัย ทั้งหมดไม่ได้ยินถึงสิ่งที่เซียวเฟิงและซือเยี่ยจิ๋งพูดกันในสนามประลอง สิ่งที่เห็นก็มีเพียงการที่ทั้งสองจู่ ๆ ก็หยุดสู้กันไปเสียดื้อ ๆ เท่านั้น คนหนึ่งอยู่บนฟากฟ้า ส่วนอีกคนก็กำลังยืนมองอีกฝ่ายอยู่บนพื้นดิน
“เดี๋ยวก่อนนะ! หรือว่า ท่านไนท์คูนเนอร์จะไม่สามารถโจมตีเจ้าแห่งฮีลเลอร์ได้กัน? อ๋า…เพราะท่านไนท์คูนเนอร์เป็นนักฆ่า สกิลระยะไกลเพียงหนึ่งเดียวของเขาก็มีเพียงการเขวี้ยงมีดสั้นออกไป แต่ด้วยระยะขนาดนั้น ยังไงก็หลุดระยะสกิลแน่ ๆ!”
ผู้ชมบางคนที่กำลังวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองเริ่มจะคาดเดากันขึ้นมาได้บ้างแล้ว
“นายหมายความว่า เจ้าแห่งฮีลเลอร์โกงงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่า! เขาเป็นถึงบุคคลอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียเลยนะ เขาจะทำเรื่องน่าละอายแบบนี้ได้ยังไง!” ผู้เล่นบางคนเริ่มตั้งคำถาม
“ผู้ที่อยู่เหนือนั้นมีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น นายเองก็ไม่ใช่ว่าเคยได้ยินเรื่องของเจ้าแห่งฮีลเลอร์มาตั้งมากมายแล้วหรือไง? คนคนนั้นน่ะเป็นอันดับ 1 ทั่วทั้งฮัวเซียก็จริง แต่เบื้องลึกเบื้องหลังที่คนอื่นเขาไม่อยากพูดกันก็เพราะความขี้โกงที่เจ้าตัวทำเพื่อให้ได้มาซึ่งอันดับ 1 เนี่ยแหละ ไปหาข้อมูลเอาเองก็แล้วกันนะ”
“ไม่จริงน่า…”
ภายในถ่ายทอดสดนั้น เสียงของผู้เล่นเริ่มกลับมาแตกเป็นสองฝ่ายอีกครั้งเพราะถกเถียงเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสนามประลองตอนนี้
ไม่ว่าซือเยี่ยจิ๋งจะกระโดดให้สูงที่สุดแล้วปามีดสั้นเธอจนสุดแรงใส่เซียวเฟิง แต่ด้วยระยะที่ทิ้งห่างกันมาก ๆ มันก็ทำให้มีดสั้นนั้นไม่สามารถไปถึงตัวเซียวเฟิงได้ มันตกก่อนที่จะถึงตัวเซียวเฟิงเพียงเมตรเดียวเท่านั้น แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้มองข้าม เขาให้เสี่ยวเสวียบินสูงขึ้นอีกนิดหน่อยเพื่อให้ตนเองปลอดภัยแน่นอน ตราบใดก็ตามที่เขายังอยู่บนฟากฟ้าเช่นนี้ ชัยชนะก็จะตกเป็นของเขาโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไป
“ไม่นะ…แบบนี้มันจะน่าอับอายเกินไปแล้วนะ เจ้าแห่งฮีลเลอร์!”
เมื่อทุกคนได้ข้อสรุปเดียวกันแล้ว ทิศทางของความคิดเห็นภายในถ่ายทอดสดก็หันไปในทางเดียวกันทันที
“น่าไม่อาย!”
“ไอ้เวรเอ๊ย!”
“อ้ากกกกก ไม่นะ ภาพเจ้าแห่งฮีลเลอร์ในฝันของฉันมันแตกสลายไปหมดแล้ว!”
เสียงโวยวายกู่ร้องที่อยู่ภายในจุดรับชมการต่อสู้บนเกาะชิงชัยที่มาจากผู้เล่นเขตฮัวเซียนับแสนคนนั้นสร้างความอึกทึกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่เงียบกันไปพักใหญ่
“ไร้ยางอายที่สุดเลยเจ้าแห่งฮีลเลอร์!”
“สู้เขาท่านไนท์คูนเนอร์! เอาชนะเจ้าแห่งฮีลเลอร์ให้ได้!”
“สารเลวเอ๊ย!”
“เป็นคนที่หยาบคายจริง ๆ! ฉันเพิ่งจะมาตาสว่างเอาก็ตอนนี้แหละ!”
“เอ…เวลาจะหมดแล้วน้า ว่าไง อยากจะมาห้องฉันคืนนี้หรือเปล่าล่ะ?”
แม้จะได้ยินเสียงโวยวายจากรอบ ๆ ตัวอยู่เรื่อย ๆ เพราะความสามารถในการได้ยินของตน แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้สนใจเสียงเหล่านั้นแต่อย่างใด กลับกัน เขาเลือกก้มลงไปถามซือเยี่ยจิ๋งด้วยรอยยิ้มหลังจากมองเวลานับถอยหลังของการประลองรอบนี้ไปแล้ว
ระหว่างที่รอคำตอบนั้น เซียวเฟิงก็หันไปมองสิ่งอื่น ๆ ที่สามารถมองเห็นได้จากฟากฟ้าไปด้วย นั่นคือ สนามประลองที่กำลังจัดการประลองอยู่ มันน่าแปลกที่แต่ละคู่นั้นกลับไม่ได้แสดงฝีมือออกมาแบบสุดความสามารถอย่างที่ควรจะเป็น ราวกับพวกเขากำลังซ่อนเขี้ยวเล็บกันเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าเพราะกลัวคู่ต่อสู้คนอื่นรับรู้ความสามารถของตนก่อนที่จะผ่านเข้ารอบต่อไปได้หรืออย่างไร
อย่างที่ทุกท่านรู้อยู่แล้ว ว่านี่เป็นอีเวนต์ระดับเซิร์ฟเวอร์ พวกเขานั้นคือผู้เล่นสองร้อยกว่าคนที่ถูกคัดมาจากผู้เล่นกว่าพันล้านคนทั่วโลก ดังนั้นแม้ว่าการประลองแต่ละสนามจะดูตื่นเต้นและสร้างความหวือหวาให้ผู้ชมได้ก็จริง แต่มันก็ยังไม่ถึงที่สุดอยู่ดี ทุก ๆ คนที่แห่งนี้ล้วนมีไพ่ตายลับหรืออาวุธลับต่าง ๆ นานาซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน แต่เพราะพวกเขาซ่อนมันเอาไว้ เซียวเฟิงจึงรู้สึกว่าการต่อสู้ในแต่ละสนามนั้นช่างน่าเบื่อสิ้นดี
[ประกาศจากอีเวนต์! สนามประลองที่ 83 หมดเวลาต่อสู้แล้ว ไม่มีผู้เล่นฝ่ายไหนถูกกำจัด ดังนั้นผู้ชนะจะอิงจากผู้ที่เหลือพลังชีวิตมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ ผู้ชนะในรอบนี้จึงเป็นผู้เล่นจากเขตฮันกึล!]
ในตอนนั้นเอง เวลานับถอยหลังที่เหลืออยู่น้อยนิดก็จบลง ซือเยี่ยจิ๋งที่ยืนจ้องเซียวเฟิงด้วยความรังเกียจกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตามที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ เซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรนอกจากยิ้มมองเธอถูกระบบส่งตัวออกจากสนามประลองของเขาไป มีแค่ผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ยืนอยู่ยังสนามประลองเดิม
คู่ต่อสู้คนต่อไปของท่านพร้อมแล้ว
หลังจากจบการประลองรอบแรกไป ระบบก็ไม่ได้ให้เซียวเฟิงได้พักหรือเตรียมตัวมากนัก บางทีอาจจะเป็นเพราะรอบที่ผ่านมานั้นเขาใช้เวลาในการแข่งมากเกินไปก็ได้ มันเลยไม่มีเวลาพักเหลือ ทันทีที่ซือเยี่ยจิ๋งถูกเทเลพอร์ตออกไป คู่ต่อสู้คนใหม่ก็ถูกเทเลพอร์ตเข้ามาพร้อม ๆ กับพลังชีวิตที่ถูกเติมเต็มอีกครั้งเช่นเดียวกับที่สถานะต่าง ๆ บนร่างกายก็ถูกกำจัดออกไป รวมไปถึงเสี่ยวเสวียเองก็ถูกส่งกลับมิติสัตว์เลี้ยงด้วย
แมตช์โปรโมชันรอบที่ 2 ของท่านกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม
เวลานับถอยหลังเพื่อให้เตรียมตัวปรากฏขึ้น ส่วนเซียวเฟิงไม่ได้สนใจอะไรอื่นนอกจากเพ่งมองไปยังฝั่งตรงข้ามว่าคู่ต่อสู้ของตนเป็นใคร ซึ่งโชคดีที่รอบนี้คู่ต่อสู้ของเขามาจากเขตออสเตรเลีย และดูท่าว่าเจ้าตัวน่าจะเป็นคลาสนักสู้จากโล่และหอกที่ถือมาด้วย บางทีอาจจะเป็นคลาสลับที่มีเฉพาะเขตนั้นเนื่องจากเขาไม่เคยเห็นคลาสนี้มาก่อน
“ฮึ พวกเขตฮันกึล”
ผู้เล่นจากเขตออสเตรเลียคนนี้มองเซียวเฟิงสลับกับสัญลักษณ์เขตฮันกึลที่อยู่เหนือหัวก่อนจะแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา
ในโลกแห่งเกมใบนี้ มีการแบ่งเขตเอาไว้มากมายกระจายไปทั่วโลก ซึ่งในบรรดาเขตเหล่านี้เองก็มีการจัดอันดับพลังต่อสู้เอาไว้ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น เขตอเมริกาเหนือและเขตฮัวเซีย จัดว่าเป็นเขตที่มีพลังต่อสู้สูงเป็นอันดับต้น รองลงมาก็เป็นออสเตรเลีย ส่วนเขตฮันกึลนั้นถือว่าอยู่อันดับ 3 รั้งท้าย
แล้วยิ่งความจริงที่ว่า หลังจากแมตช์น็อกเอาต์จบไป มีผู้เข้าแข่งขันที่มาจากเขตฮันกึลเหลือเพียงสามคนเท่านั้น และหนึ่งในสามคนนั้นก็ยังเป็นเซียวเฟิงที่แต่เดิมมาจากเขตฮัวเซียอีก มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าศักยภาพของพวกเขานั้นค่อนข้างจะสู้เขตอื่นไม่ไหวในการประลองเช่นนี้ ผู้ที่รอดมาได้อีกสองคนนั้นถือเป็นยอดฝีมือแห่งฮันกึลจริง ๆ เช่นนั้นแล้วจึงไม่แปลกใจเลยที่ผู้เล่นจากเขตออสเตรเลียคนนี้จะดูถูกเมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงมาจากเขตไหน
“แล้วมันทำไมกันล่ะ? นายจะดูถูกเขตฮันกึลของพวกเราหรือไง?” เซียวเฟิงขมวดคิ้ว
แต่ผู้เล่นจากเขตออสเตรเลียก็เลือกที่จะไม่พูดต่อด้วยความหยิ่งยโส เขาไม่อยากจะยื้อการต่อสู้นี้อีกต่อไป ดังนั้นจึงเตรียมหอกในมือไว้ให้มั่น กะว่าเริ่มประลองเมื่อไหร่ก็จะพิชิตศึกในคราเดียวเลย
การนับถอยหลังสิ้นสุดลง การประลอง เริ่มขึ้นได้!
เวลาที่กำลังนับถอยหลังได้สิ้นสุดลงแล้ว ดังที่ตั้งเป้าหมายไว้ ผู้เล่นเขตออสเตรเลียไม่รอช้าที่จะเปิดฉากโจมตีเซียวเฟิงก่อน โล่ที่แขนซ้ายของเขาถูกยกขึ้นในระดับอก คนคนนี้ตั้งใจจะพุ่งชนเซียวเฟิงด้วยโล่นี่ และถ้าหากมันสามารถเข้าปะทะได้ เซียวเฟิงก็จะติดสถานะมึนงง
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หอกในมือขวาของเขาก็เปล่งแสงขึ้นมาด้วย มันเป็นผลมาจากสกิลหอกทะลวกที่ถูกอัปเลเวลจนเต็มแล้ว สามารถเจาะเกราะของผู้ที่โดนโดยไม่สนใจพลังป้องกันกายภาพได้มากถึง 20% แถมตัวสกิลเองยังมีพลังโจมตีที่สูงลิ่วอยู่แล้วด้วย!
คลาสที่ไม่เคยปรากฏให้เห็นในเขตฮัวเซียนี้สามารถใช้ทั้งสองสกิลได้พร้อมกัน! ใช้สกิลจากทั้งสองมือได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องลำดับก่อนหลัง! อย่างที่คิดไว้เลยว่าผู้เล่นที่สามารถเข้ามาถึงรอบนี้ได้น่ะ ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ๆ เขาเองก็น่าจะเป็นระดับยอดฝีมือของทางออสเตรเลียอย่างแน่นอน!
ค้อนแห่งการพิพากษา!
-1,864!
แต่โชคร้ายที่ทั้งหมดมันไร้ค่า ด้วยการทุบค้อนแห่งการพิพากษาของเซียวเฟิงเพียงครั้งเดียว อีกฝ่ายก็ลงไปนอนแบนราบอยู่กับพื้นเป็นที่เรียบร้อย นี่ขนาดเขาไม่ได้ร่ายบัฟทั้งสี่ให้ตนเอง ความเสียหายยังสูงถึงสี่หลักได้เพียงนี้ ดังนั้นแล้ววินาทีนี้ ไม่มีใครสามารถรับมือสกิลหากินของเซียวเฟิงได้อีกต่อไปแล้ว
ผู้เล่นเขตออสเตรเลียที่ยังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ได้แต่นอนราบอยู่กับพื้นสนามประลอง เขาอึ้งอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานพอสมควร
“หึ ๆๆ เขตออสเตรเลียเหรอ? ก็ไม่ได้ต่างจากขยะเวลาอยู่ต่อหน้าเขตฮันกึลเลยนี่”
เซียวเฟิงพูดจาเยาะเย้ยจากนั้นก็ดูผู้เล่นเขตออสเตรเลียคนนี้ถูกเทเลพอร์ตออกไป
หากพูดถึงยอดฝีมือที่เป็นที่เลื่องชื่อในแต่ละเขตแล้ว เทพเจ้าสายฟ้าและซีเหมินชุยเสวียนั้นถือเป็นผู้เล่นระดับสุดยอดด้วยกันทั้งคู่ ในขณะที่ซือเยี่ยจิ๋งเองก็สามารถอยู่ในระดับนี้ได้หากเธอยังคงสวมชุดเกราะมังกรอยู่ ถัดมาจะเป็นกลุ่มของผู้เล่นระดับสุดยอดของกิลด์แอนติควิตี้ซึ่งรวมซางกวน อาโอเชินในกลุ่มนี้ด้วย แล้วค่อยเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 แห่งเขตฮันกึล คิมจงฮันและคนอื่น ๆ ที่มีเลเวลสูงที่สุดในเขตของพวกเขา กระนั้นแล้วแม้จะถูกจัดว่าเป็นสุดยอดผู้เล่นในแต่ละเขต แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถก้าวข้ามความเป็นมนุษย์ธรรมดาไปได้ล่ะก็ ยังไงเสียพวกเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกอมนุษย์ในเกมอยู่ดี
ในส่วนของผู้เล่นชาวออสเตรเลียคนนี้ เซียวเฟิงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เฉิดฉายแต่อย่างใด เพราะตัวเซียวเฟิงเองยังไม่รู้พลังของอีกฝ่ายดี บางทีคนคนนี้อาจจะมีพลังที่เกินกว่าที่เซียวเฟิงจะสามารถรับมือได้ก็ได้
แล้วยิ่งตอนนี้ชุดเกราะมังกรไม่อยู่กับตัวเขาอีก รวมไปถึงจะเรียกเสี่ยวไป๋ลงมาก็ไม่ได้ การเจอกับยอดฝีมือเขตอื่นจึงเป็นเรื่องอันตรายมากหากจะปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้แสดงฝีมือออกมา เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้ชุดเกราะมังกรและเสี่ยวไป๋กลับคืนมา เมื่อนั้นแหละเหล่ายอดฝีมือจะต้องถูกถล่ม และเขาจะขึ้นเป็นอันดับที่สูงขึ้นกว่าตอนนี้ได้อย่างแน่นอน
สิ่งนี้หาใช่ความเพ้อฝันหรือการโอ้อวดแต่อย่างใด นั่นเพราะเซียวเฟิงมีความสามารถระดับนั้นจริง ๆ พลังต่อสู้ของเขานั้นสูงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แล้วยิ่งการที่ได้เสี่ยวไป๋กลับมา ไม่ว่าผู้เล่นหน้าไหนก็ไม่ใช่ปัญหาทั้งนั้น ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นยอดฝีมือก็ตาม แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์เลี้ยงระดับตำนานแล้ว ยังไงมันก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเกินกว่าจะสู้เช่นกัน
แปดเกมในแมตช์โปรโมชันที่เหลือของเซียวเฟิง เขาสามารถเอาชนะมาได้โดยไม่ต้องสงสัย นั่นทำให้เขาสามารถป้องกันความพ่ายแพ้ไว้ได้ทั้งหมดสิบครั้ง ต้องขอบคุณที่คู่ต่อสู้ในเกมถัด ๆ มานั้นไม่ใช่ผู้เล่นเขตฮัวเซีย เซียวเฟิวจึงกล้าที่จะกำจัดคนเหล่านั้นลงไปในเสี้ยววินาที
ด้วยเหตุนี้แปดเกมของเซียวเฟิงจึงเป็นอะไรที่สั้นมาก ๆ เผลอ ๆ มัดรวมกันแปดเกมยังไม่ยาวนานเท่าเกมที่สู้กับซือเยี่ยจิ๋งรอบแรกสุดเลยด้วยซ้ำ