บทที่ 429 เซียวเฟิง vs ซือเยี่ยจิ๋ง

Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子]

บทที่ 429 เซียวเฟิง vs ซือเยี่ยจิ๋ง

บทที่ 429 เซียวเฟิง vs ซือเยี่ยจิ๋ง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!…

บล็อก!

บล็อก!

บล็อก!

ซือเยี่ยจิ๋งไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นได้ เธอยังคงใช้มีดสั้นคู่กระหน่ำเข้าโจมตีเซียวเฟิงจากหลายทิศทางอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วประดุจสายลมของตัวเอง

แต่น่าเสียดายที่การโจมตีเหล่านั้นกลับถูกปัดป้องด้วยคทาที่โบกสะบัดป้องกันได้อย่างทันท่วงทีทุกครั้งไป ไม่ว่าจะเป็นการฟาดฟันหรือกระหน่ำแทง ไม่ว่าจะอย่างไรการป้องกันของเซียวเฟิงก็สมบูรณ์แบบจนทุกคนต้องตกตะลึง

“หนอยแน่! ถ้านายแน่จริงก็อย่าหลบเซ่!”

หญิงสาวเริ่มเหนื่อย เธอกัดฟันและพยายามไม่แสดงอาการเหนื่อยนั้นออกมา เมื่อครู่นี้เธอได้เร่งความเร็วในการโจมตีของตนจนถึงขั้นสูงสุดแล้ว แถมยังผสานการโจมตีจากสกิลมากมายเพื่อให้เซียวเฟิงไม่สามารถเดาทิศทางได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นจากทางด้านหน้า ด้านหลัง ด้านขวา ด้านซ้าย หรือแม้แต่ทุกทิศทางพร้อมกันเองก็ทำมาแล้วทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวเซียวเฟิงได้เสียที

อันที่จริงสิ่งที่ทำให้ซือเยี่ยจิ๋งถึงกับต้องกัดฟันแน่นนั้น ไม่ใช่ความเหนื่อยแต่อย่างใด แต่มันคือความโกรธเกรี้ยวที่เห็นเซียวเฟิงสามารถรับการโจมตีของเธอได้ด้วยท่าทีสบายอกสบายใจนั้นต่างหาก

ทว่าเหล่ากองเชียร์ซือเยี่ยจิ๋งที่ได้เห็นการต่อสู้อันดุเดือดนั้นกลับไม่ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเธอเลย พวกเขาตื่นเต้นและชื่นชมเธอพร้อมกับส่งเสียงเชียร์อย่างไม่ขาดสายจนดังไปทั่วเกาะชิงชัยแห่งนี้

“เธออยากให้ฉันยอมเหรอ? ก็ได้นะ ถ้าคืนนี้เธอมาห้องฉัน ฉันจะยอมให้เธอได้แตะเนื้อต้องตัวบ้างก็ได้”

เซียวเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง ระหว่างนั้นเขาก็มองไปยังเรียวขายาวที่ซ่อนอยู่ในผ้าคลุมของซือเยี่ยจิ๋งด้วยความประสงค์ร้ายในถ้อยคำด้วย

“ฮึ่ม! ยืนรอความตายอยู่ตรงนั้นแหละ! ”

มังกรคำราม!

ใบหน้าสวยภายใต้หน้ากากพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะทะยานเข้าใส่เซียวเฟิงด้วยความเร็วที่สูงกว่าแต่ก่อนมาก ๆ และก่อนที่เธอจะถึงตัวอีกฝ่าย ร่างของมังกรกระดูกก็ปรากฏที่ด้านหลังของเธอ ส่วนที่เป็นปากของมันนั้นอ้ากว้างแล้วคำรามลงมาเสียงดังจากฟากฟ้า!

กรรรร!

เสียงคำรามที่กึกก้องนั้นกังวลไปทั่วทั้งสนามประลอง ความรุนแรงของคลื่นเสียงดังกล่าวมากพอที่จะทำให้ผู้ชมแถวล่าง ๆ ที่อยู่ใกล้สนามรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาลที่กระจายออกมาจนพวกเขาเผลอหวาดกลัวออกมาโดยไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันทางฝั่งชิวเย่ว่านเฟิงที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่นั้นก็ยังคงประคองสติไว้ได้ดี เมื่อเห็นว่าซือเยี่ยจิ๋งสั่งใช้สกิลของชุดเกราะมังกรแล้ว เธอก็พูดออกมาเสียงดังอีกครั้ง

“ออกมาแล้วค่ะ! ออกมาแล้ว! สกิลของชุดเกราะอาร์ติแฟกต์เพียงหนึ่งเดียวของเซิร์ฟเวอร์! สกิลของชุดเกราะมังกรล่ะค่ะ! ดูเหมือนว่าท่านไนท์คูนเนอร์จะเครื่องติดขึ้นมาแล้วจริง ๆ! โอ้! เพราะคู่ต่อสู้เป็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ เขาถึงกับต้องงัดไพ่ตายออกมาเลยหรือนี่! นี่เป็นเพียงแค่แมทช์ที่ 2 ของอีเวนต์เท่านั้น แต่พวกเราก็ได้พบกับฉากอันน่าตื่นตาตื่นใจกันแล้ว!”

ชิวเย่ว่านเฟิงพูดด้วยความหลงใหล ซึ่งมันก็ทำให้คนที่รับชมการถ่ายทอดสดของเธออยู่พลอยรู้สึกตื่นเต้นและส่งเสียงเชียร์ดังมากขึ้นไปด้วย และแน่นอนว่าเสียงเชียร์ของผู้เล่นชาวฮัวเซียยังคงไปในทิศทางเดียวกันเหมือนเดิม

“สู้เขา จักรพรรดิแห่งการฆ่า ท่านไนท์คูนเนอร์!”

“จัดการอีกฝ่ายเลย ท่านจักรพรรดิไนท์คูนเนอร์!”

ตัดเข้ามาภายในสนามประลอง เซียวเฟิงเองก็เริ่มจะต้องจริงจังขึ้นมาแล้ว เพราะตัวเขาเองย่อมรู้ดีที่สุดว่าชุดเกราะมังกรนี้มีพลังที่ไม่ธรรมดาเลยในบรรดาอาร์ติแฟคท์ทั้งหมดที่เคยพบเจอในตอนนี้ จะเรียกว่ามันคือสิ่งที่ทรงพลังที่สุดในเกมตอนนี้เลยก็ยังได้ เพราะไม่ว่าจะมีการค้นพบอาร์ติแฟคท์มาแล้วกี่ชิ้น มันก็ไม่มีชิ้นไหนสามารถสั่นคลอนอันดับของมันได้

กรร!

เสียงคำรามที่เป็นสกิลของชุดเกราะมังกรนั้นครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้าง ซึ่งมันทำให้สนามประลองแห่งนี้ถูกบีบเข้ามาจนเหลือพื้นที่ปลอดภัยอยู่เพียงน้อยนิด หากไม่เทเลพอร์ตหนีล่ะก็ ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลบมังกรคำรามนี้อยู่แล้ว เขาปล่อยให้ร่างกายของเขารับการโจมตีนั้นเต็ม ๆ จนเกิดสถานะมึนงงแสดงขึ้นมาที่เหนือหัว

คมเขี้ยวมังกร!

สะบั้นคอ!

การจู่โจมอย่างเหี้ยมโหด!

แววตาของซือเยี่ยจิ๋งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตอาฆาต เธอสั่งใช้งานคมเขี้ยวมังกรที่ทำให้การโจมตีกลายเป็นคริติคอล 100% ควบคู่กับใช้มีดสั้นในมือเล็งโจมตีไปที่คอของเซียวเฟิงอย่างแม่นยำ การโจมตีที่ผสานหลายกระบวนท่าเข้าด้วยกันนั้นทำให้ภาพที่เห็นตอนนี้มีสภาพเสมือนมหรสพครั้งใหญ่อีกหนึ่งครั้ง

ร่างแยกเงาของเธอปรากฏขึ้นด้านหลังของเซียวเฟิงโดยที่ในมือของร่างแยกนั้นก็ถือมีดสั้นและเข้าจู่โจมเข้าที่หัวของเซียวเฟิงด้วยเช่นกัน

ทว่าตอนนั้นเอง สัญลักษณ์งุนงงของที่อยู่เหนือหัวเซียเฟิงมันก็หายไปอย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ที่มันควรจะหายไปในอีก 5 วินาทีข้างหน้าแท้ ๆ แต่นี่ยังไม่ถึง 1 วินาทีเลยด้วยซ้ำ

ดวงตาของซือเยี่ยจิ๋งเบิกโพลง แสดงให้เห็นถึงความตกใจสุด ๆ แต่ขณะนั้นเซียวเฟิงก็เริ่มขยับแล้ว การเคลื่อนไหวที่ผ่านการตริตรองมาอย่างดีนั้นเข้าโจมตีซือเยี่ยจิ๋งและร่างเงาของเธออย่างพร้อมเพรียงกัน

พลาด!

พลาด!

เซียวเฟิงไม่ปล่อยให้ซือเยี่ยจิ๋งได้มีโอกาสทำอะไรต่อ เขาเริ่มสู้กลับอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ซือเยี่ยจิ๋งกำลังเอาจริง ดังนั้นเขาเองก็ต้องเอาจริงด้วย ยังไงชายหนุ่มก็ไม่ได้ชอบที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวด้วย ยิ่งในสภาพการณ์แบบนี้ การถูกกระทำเรื่อย ๆ มันจะเป็นฝ่ายเซียวเฟิงเองที่เสียเปรียบ

ด้วยเหตุนี้ ในจังหวะที่โบกคทา บัฟหลักทั้งสี่ก็ถูกร่ายให้ตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับค้อนแห่งการพิพากษาเองก็ปรากฏขึ้นมาในมือเขาแล้วด้วย มันเข้าปะทะกับร่างของซือเยี่ยจิ๋งอย่างจังจนเกิดแรงปะทะอันน่าสยดสยอง

ตู้ม!

-4,428!

ตัวเลขแสดงความเสียหายสี่หลักลอยขึ้นในอากาศ โชคดีเป็นของหญิงสาวที่ร่างที่เซียวเฟิงฟาดเข้าไปนั้นเป็นร่างเงาของเธอที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อสลับกับตัวจริงเมื่อเห็นเซียวเฟิงใช้ค้อนแห่งการพิพากษานั้น ไม่งั้นแล้ว…เธอคงจะตายไปแล้ว

มังกรย่ำบาทา!

ซือเยี่ยจิ๋งไม่ได้ถอยออกในทันที เมื่อเธอรอดจากการโจมตีก่อนหน้าแล้ว ร่างบางก็พุ่งเข้าหาเซียวเฟิงใหม่ ในขณะเดียวกันก็สั่งใช้งานสกิลอื่นของชุดเกราะมังกรไปด้วย ด้วยจุดศูนย์กลางที่อยู่ใต้เท้าของเธอ คลื่นสั่นสะเทือนจำนวนสามระลอกก็กระจายออกไปเป็นวงกว้างรอบตัวทันที

เช่นเดิม สกิลนี้เซียวเฟิงก็ไม่ได้คิดจะหลบแต่อย่างใด เพราะมันไม่สามารถทำอะไรเขาได้ คลื่นสั่นสะเทือนของมังกรย่ำบาทานั้นจะรุนแรงตามพลังเวทของผู้ใช้ หากผู้ใช้เป็นเซียวเฟิง แน่นอนว่าสิ่งนี้คือเวทมนตร์สำหรับสังหารหมู่ชั้นยอด ไม่ว่าจะด้วยความรุนแรงหรือระยะสกิล แต่เมื่อมันอยู่ในตัวซือเยี่ยจิ๋งที่มีพลังเวทไม่ได้สูงนัก แม้จะได้สถานะเพิ่มจากชุดเกราะมังกรที่สวม แต่พลังเวทของเธอก็ไม่ได้ทำให้สกิลดังกล่าวน่ากลัวอยู่ดี

-1!

-2! คริติคอล!

-1!

ผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่คิดไว้ คลื่นสั่นสะเทือนทั้งสามระลอกนั้นทำความเสียหายได้เท่าแมวข่วนเท่านั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเซียวเฟิงได้ทำการร่ายบัฟให้ตนเองไว้ก่อนหน้าแล้ว ดังนั้นตอนนนี้พลังป้องกันของเขาจึงสูงมาก ๆ ไม่ว่าจะพลังป้องกันทางกายภาพหรือเวทมนต์ พวกมันก็มีค่าสูงกว่า 400 หน่วยกันทั้งหมดเลย

ถ้อยคำแห่งเงา!

คทาในมือเซียวเฟิงถูกสะบัดอีกครั้ง และในคราวนี้มันก็ร่ายถ้อยคำแห่งเงาใส่ซือเยี่ยจิ๋งไปด้วย

แต่ถึงแม้ว่าถ้อยวาจาแห่งเงาจะได้ผลดีกับบอสที่มีพลังชีวิตเยอะและสร้างความเสียหายได้รุนแรงกับผู้เล่นที่มีพลังชีวิตน้อย หญิงสาวตรงหน้าเขาตอนนี้ก็ไม่ได้เข้าเกณฑ์ใด ๆ ที่ทำให้สกิลนี้แสดงผลได้สูงสุดเลย เพราะด้วยพลังของชุดเกราะมังกร มันทำให้ซือเยี่ยจิ๋งนั้นมีพลังชีวิตมากกว่า 900 หน่วยไปแล้วในตอนนี้ และถึงแม้สกิลจะสามารถสร้างความเสียหายให้ 4 – 5 หน่วยต่อวินาที ภายในเวลา 20 วินาทีที่สกิลแสดงผล มันก็ลดพลังชีวิตของเธอได้เพียง 100 หน่วยเท่านั้น

จ้วงแทง!

ท่าพิฆาตอับสายตา!

ล่องนภา!

การรับรู้ที่กล้าแข็ง!

ยิ่งเซียวเฟิงตอบโต้ มันก็ยิ่งทำให้ซือเยี่ยจิ๋งจริงจังในการต่อสู้มากขึ้นเรื่อย ๆ สกิลลับต่าง ๆ มากมายต่างถูกงัดออกมาเพื่อโจมตีเซียวเฟิง ขณะเดียวกันก็คอยหลบหลีกการโต้กลับของเซียวเฟิงไปด้วย

การต่อสู้ของทั้งสองดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไม่มีใครยอมใคร ทว่าไม่นานนักเซียวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติไป ร่างกายของเขาเริ่มมีน้ำแข็งเกาะขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ น้ำแข็งเหล่านี้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาค่อย ๆ ช้าลงเรื่อย ๆ จนทำได้เพียงป้องกันในที่สุด

“ฮึ! นายลืมพลังของเข็มขัดมังกรปีศาจไปแล้วเหรอ? แต่รู้ตัวตอนนี้มันก็สายไปแล้ว!”

ซือเยี่ยจิ๋งแสยะยิ้มภายใต้หน้ากากและเข้าโจมตีเซียวเฟิงอย่างต่อเนื่อง

ในตอนนั้น เซียวเฟิงก็ตระหนักได้ถึงความสามารถที่น่ากลัวของอุปกรณ์หนึ่งที่รวมอยู่ในชุดเกราะมังกรได้ขึ้นมา เมื่อใดก็ตามที่ผู้สวมใส่สร้างความเสียหายแก่คู่ต่อสู้ มันจะทำให้คู่ต่อสู้ติดสถานะเชื่องช้าทับซ้อนขึ้นไปเรื่อย ๆ ซึ่งสถานะนี้ไม่ได้กำหนดจำนวนจำกัดเอาไว้ นั่นหมายถึงมันสามารถทับซ้อนกันไปได้มากจนกระทั่งอีกฝ่ายขยับตัวไม่ได้เลยหากไม่ออกจากการต่อสู้

บางทีซือเยี่ยจิ๋งอาจจะเพิ่งรู้ความสามารถนี้เมื่อตอนที่ใช้สกิลมังกรย่ำบาทาใส่เซียวเฟิง ดังนั้นเธอจึงโจมตีอย่างต่อเนื่องรวมถึงใช้สกิลต่าง ๆ โดยไม่สนใจว่ามันจะทำให้อีกฝ่ายเสียพลังชีวิตเพียงแค่ 1 หน่วยก็ตาม เพราะยังไงเสียเป้าหมายของเธอก็คือการดึงเอาพลังของชุดเกราะมังกรออกมาให้ได้มากที่สุดอยู่แล้ว และโชคดีเป็นของซือเยี่ยจิ๋ง ที่ผลของสกิลนี้ยังคงเกิดแม้ว่าการโจมตีของเธอจะไม่สามารถทะลวงเกราะเซียวเฟิงเข้าไปได้ก็ตาม

สีหน้าของเซียวเฟิงละทิ้งความขี้เล่นไปแล้ว กลุ่มก้อนของแสงศักดิ์สิทธิ์ในมือซ้ายของเขามันก่อตัวเข้มข้นขึ้นจนกลายเป็นสภาพของหอกลำแสงที่ค่อย ๆ แปรรูปตนให้คมขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากนั้น 3 วินาที เขาก็เขวี้ยงมันใส่ซือเยี่ยจิ๋งไป

โล่มังกร!

บล็อก!

หญิงสาวไม่เลือกที่จะหลบ กลับกันเธอรีบเก็บมีดสั้นในมือซ้ายลงไปและยกเอาโล่มังกรที่แขนซ้ายขึ้นมารับการปะทะของหอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เล่มนั้นแทน

ความเสียหายจากหอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ถูกป้องกันไว้โดยสมบูรณ์ กระนั้นแล้วตัวหอกก็ไม่ได้สลายไปทันทีแต่อย่างใด มันพยายามทะลุโล่มังกรเข้ามาและหมายจะตรึงร่างของซือเยี่ยจิ๋งไว้กับพื้นให้ได้

แต่โชคไม่ดีที่ชุดเกราะมังกรนั้นมีความสามารถในการลบล้างค่าสถานะอันเป็นดีบัฟได้ทุกชนิด ดังนั้นแม้แต่หอกแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์เองก็ไม่สามารถตรึงร่างของเธอไว้ได้

“ฮึ่ม!”

มังกรจองจำ!

สัตตบรรณอับเฉา!

แววตาของซือเยี่ยจิ๋งแสดงความไม่พอใจ เธอขยับแขนขวาของตัวเองขึ้นมาชี้เป้าหมายซึ่งก็คือเซียวเฟิง

แล้วทันใดนั้นใต้เท้าของเขาก็มีมือกระดูกมากมายขึ้นมาจากผืนดินและจับขาของเซียวเฟิง ตรึงไว้กับที่ ขณะเดียวกันนั้นเธอก็ร่ายสกิลที่อยู่ในระดับเทพเจ้าที่ตอนนี้ถูกพลังของชุดเกราะมังกรผลักดันให้กลายเป็นระดับตำนานไปแล้วซ้อนทับเสริมด้วย!

-1!

-2! คริติคอล!

-1!

-1!

-1!

-2! คริติคอล!

-1!

ดอกบัวจำลองสีหม่นจำนวนเจ็ดดอกปรากฏขึ้นตัวเซียวเฟิง จากนั้นดอกบัวทั้งเจ็ดก็ระเบิดออกพร้อม ๆ กัน สร้างความเสียหายเจ็ดครั้งเป็นจำนวนตัวเลขหลักเดียวขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิง ทั้ง ๆ ที่นี่เป็นสกิลที่ถือว่ารุนแรงที่สุดของซือเยี่ยจิ๋งแล้ว กระนั้นการโจมตีที่รุนแรงถึงเจ็ดครั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างความเสียหายที่หนักหนาสาหัสแก่เซียวเฟิงเลย มันยังคงเป็นความเสียหายแมวข่วนเช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของการที่ซือเยี่ยจิ๋งใช้สัตตบรรณอับเฉาใส่เซียวเฟิงนั้น ก็ไม่ใช่เพื่อสร้างความเสียหายอยู่แล้ว!

แผ่นน้ำแข็งเจ็ดชั้นปรากฏขึ้นบนตัวเซียวเฟิงพร้อมกัน ซึ่งเมื่อรวมกับผลของการโจมตีก่อนหน้าแล้ว ตอนนี้เซียวเฟิงกำลังเหมือนเคลื่อนไหวอยู่ในบ่อโคลนหนืดก็มิปาน!