บทที่ 491 แก้แค้น
บทที่ 491 แก้แค้น
“…น้องสาวผมถูกแทง ถึงจะใช้พลังภายในช่วยรักษา แต่สุดท้ายน้องสาวผมตายระหว่างหลบหนี ผมเห็นน้องสาวตายต่อหน้าต่อตา…”
เมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ ต่อให้หวังเหยียนจะปกปิดความรู้สึกอย่างไร แต่อวี้ฮ่าวหรานก็สามารถสัมผัสได้ถึงร่างกายสั่นเทิ้มของอีกฝ่ายอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ลืมช่วงเวลานั้น…
“จากนั้นโจวเฟยหู่ก็ช่วยนายไว้เหรอ?”
“ครับ ผมหนีมาที่เมืองฮ่วยอัน คนพวกนั้นไม่สนใจคนไร้ฝีมืออย่างผมเท่าคนอื่น ๆ พวกมันสั่งให้นักฆ่าที่บรรลุขอบเขตพลังภายในระดับสูงมาฆ่าผม แต่ถึงจะสู้สุดชีวิต ผมก็แพ้อยู่ดี…”
เมื่อพูดอย่างนั้น ร่างกายเขาก็เริ่มสั่นเทิ้มมากขึ้น
“วันนั้นลูกพี่โจวบังเอิญมาเจอผมพอดี เขาจัดการฆ่านักฆ่าคนนั้น ผมเลยรอดชีวิตมาถึงทุกวันนี้”
เขาถอนหายใจยาวหลังจากเล่าจนจบ
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลิวว่านฉิงฟังเพียงผิวเผินเท่านั้น แถมยังมีแค่ชายตรงหน้าที่สามารถฟังความหลังของเขาได้อย่างใจเย็น
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้องทันที
หลิวว่านฉิงไม่คาดคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะน่าสลดขนาดนี้
เพื่อนที่โตมาด้วยกันถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา นอกจากนี้น้องสาวยังเสียชีวิตระหว่างหลบหนีอีก
นี่มันโหดร้ายเกินกว่าคนธรรมดาจะรับไหว แต่อีกฝ่ายกลับยังอ่อนโยนและสง่างาม
“อยากแก้แค้นไหม?”
ท่ามกลางความเงียบ น้ำเสียงเย็นชาและไม่แยแสดังขึ้น
ร่างกายหวังเหยียนแข็งทื่อทันทีที่ได้ยิน ก่อนถอนหายใจช้า ๆ
“ช่างมันเถอะครับ ตระกูลนั้นแข็งแกร่งเกินไป ผมไม่อยากให้ลูกพี่อวี้เข้ามาเกี่ยว…”
“ถ้านายอยากทำ ฉันจะพาไปเอง”
อวี้ฮ่าวหรานโพล่งขัดจังหวะอีกฝ่าย
ภายในห้องเงียบลงอีกครั้ง…
หวังเหยียนกำลังต่อสู้กับจิตใจตัวเอง ไม่นานเขาก็ตอบด้วยความสิ้นหวัง
“ครับ!”
ใช่ เขาต้องการแก้แค้น!
เขาอยากแก้แค้นมาก! อยากแก้แค้นมาตลอด!
ย้อนกลับไปตอนที่กลุ่มคนลึกลับเหล่านั้นฆ่าเจ้านายเขาอย่างเลือดเย็น เขาอยากเฉือนเนื้อพวกมันออกมาทาเกลือให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันทำ!
“นายค่อย ๆ คิดแล้วกัน ถ้าพร้อมเมื่อไร ฉันจะพานายไปเอง”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยความชื่นชม
จากนั้นหันหลังเดินออกจากห้องไป
สาเหตุที่เขายื่นมือช่วยหวังเหยียนไม่ใช่แค่เพราะอีกฝ่ายภักดี แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือเขาหวังจะติดต่อกับกองกำลังลับที่ซ่อนอยู่บนโลกใบนี้
ด้วยวิธีนี้เท่านั้น เขาจึงจะสามารถหาตัวแม่ชีคนนั้นเจอ หลังจากถอดใจเรื่องตามหาหลี่เม่ยมาเป็นเวลานาน
หลังออกจากโรงพยาบาล อวี้ฮ่าวหรานไม่ได้ไปที่บริษัท แต่มุ่งหน้ากลับไปที่บ้านก่อนหยิบดาบหยกโบราณออกมาแล้วฝึกตน
เวลาพลบค่ำ…
ณ ไนท์คลับเมืองฮ่วยอัน
“ฮ่า ๆ คืนนี้ฉันจะทำให้ไอ้หลี่จิงเทียนหมดตัวให้ได้!”
ชายหนุ่มนับสิบคนและหญิงสาวหลายคนนั่งอยู่ภายในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
คนที่พูดประโยคเหล่านั้นคือชุ่ยเหวินเทาหรือนายน้อยชุ่ยที่อวี้ฮ่าวหรานเคยเจอก่อนหน้านี้
“ฮ่า ๆ นายน้อยชุ่ยจะจัดการกับไอ้ลูกเศรษฐีหน้าโง่แบบนั้นเหรอ เราต้องชวนผู้เชี่ยวชาญอย่างพี่หลัวมาด้วยไหม?”
“ชวนสิ ไม่ว่าฉันหรือใครก็จัดการหลี่จิงเทียนได้ แต่พวกเราจะไม่รังแกมันเกินไปเหรอวะ?”
“…”
เหล่าทายาทเศรษฐีต่างหัวเราะคิกคัก
นายน้อยชุ่ยตอบอย่างไม่จริงจัง
“จัดการมันเหรอ? ฮ่า ๆ คราวนี้ฉันวางแผนจะตัดกำลังเครือฮ่าวหรานล่ะ! และฉันจะไม่จัดการกับไอ้หลี่จิงเทียนคนเดียวแน่!”
หลังจากอวี้ฮ่าวหรานปรากฏตัวในนามมาเฟียท้องถิ่นที่ใช้เงินจำนวนมหาศาลโดยไม่คิดยังคงฝังแน่นในความทรงจำเขา
ในความคิดเขา ผู้ชายคนนั้นไม่มีสมองเหมือนหลี่จิงเทียนไม่มีผิด
วัตถุโบราณชิ้นนั้นมีค่ามากที่สุดแค่หนึ่งร้อยล้าน แต่อีกฝ่ายทุ่มเงินถึงสองร้อยล้านหยวนเพื่อของสิ่งนั้น แล้วจะไม่ให้เรียกว่าโง่ได้ยังไง?
เขาสามารถปอกลอกคนโง่ได้แยบยลที่สุด!
ไม่นาน หลี่จิงเทียนก็ขับรถสปอร์ตคันใหม่ของเขาลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินอย่างมีความสุข
“ขับสบายเหมือนเดิม…ฮี่ฮี่ รถคันนี้ดีจริง ๆ”
เขาตบพวงมาลัยอย่างภาคภูมิใจ จากนั้นเปิดประตูแล้วลงจากรถ
เขาดูแลรักษาไม่ให้รถที่พี่เขยซื้อให้เป็นรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว
ข้างนอกไนท์คลับ
“ฮ่า ๆ พี่หลี่มาถึงแล้วเหรอ! เร็วเข้า ทุกคนรออยู่”
ทายาทเศรษฐีหนุ่มรอต้อนรับเขาที่หน้าประตู หลี่จิงเทียนหัวเราะ
“ฮ่า ๆ นายเคยเชิญฉันมางานเลี้ยงด้วยเหรอ? นายเคยดูถูกฉันมาก่อนนี่นา?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สีหน้านายน้อยฝูจึงเปลี่ยนไปทันที
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยากคบหากับนายน้อยตระกูลหลี่แม้แต่คนเดียว นิสัยของเขาแย่เกินกว่าจะทนไหว แต่หลังออกจากคุก นิสัยเขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“แค่ก ๆ ไปกันเถอะ นายน้อยชุ่ยกับคนอื่นรอพี่นานแล้ว”
ชายคนนั้นรู้สึกอับอายเล็กน้อย ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงห้องส่วนตัวสุดหรูที่ชั้นบนสุด
“เฮ้! นายน้อยหลี่มาแล้ว!”
นายน้อยชุ่ยรีบทักทายอีกฝ่ายอย่างกระตือรือร้นทันทีที่เห็น
หลังจากนายน้อยชุ่ยเริ่มทักชาย คนหนุ่มสาวที่อยู่รอบตัวเขาจึงทักทายอีกฝ่ายอย่างอบอุ่นแม้ข้างในใจจะเหยียดหยามผู้ที่เพิ่งมาถึงก็ตาม
“ฮ่า ๆ ไม่ได้เจอกันนานเลย ได้ยินมาว่ารถสปอร์ตที่นายขับราคาหลายสิบล้านนี่”
“ใช่แล้วล่ะ ตอนนี้ธุรกิจของตระกูลหลี่กำลังไปได้สวย พวกนายควรเอาใจฉันไว้นะ ไม่แน่ว่าในอนาคตนายน้อยหลี่คนนี้อาจรวยกว่าเดิมก็ได้”
“วันนี้เรามาดื่มฉลองให้เขากันเถอะ ไม่เมาไม่กลับ!”
ทุกคนต่างลุกยืนขึ้นแล้วพูดยกยอเขา
หลี่จิงเทียนรู้สึกพึงพอใจอย่างมากที่ได้รับการต้อนรับอย่างนี้
“ฮ่า ๆ เรามาดื่มด้วยกันเถอะ!”
เมื่อถูกคนรอบข้างยกยอ เขาก็รู้สึกเวียนหัวอย่างมากจึงนั่งลงบนโซฟาโดยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเจอกับเรื่องเลวร้าย
นายน้อยชุ่ยและนายน้อยสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ มองกันและกันด้วยสายตาเยาะเย้ย
“เอาล่ะ มาดื่มกันเถอะ!”
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยและดื่มแอลกอฮอล์กับหลี่จิงเทียนอยู่พักใหญ่
ไม่นานนายน้อยชุ่ยก็เก็บกวาดทำความสะอาดบนโต๊ะแล้วหยิบสำรับไพ่ออกมา
เมื่อเห็นอย่างนั้นดวงตาพี่หลัวผู้ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ก็เปล่งประกายทันที
“ว้าว พวกเรามาเล่นเกมแล้วเดิมพันกันเถอะ!”
คนหนุ่มสาวที่อยู่ในห้องโห่ร้องทันที
ตอนนี้หลี่จิงเทียนเริ่มเมาเล็กน้อย เขาพยักหน้าตกลงโดยไม่คิดให้รอบคอบ
การเดิมพันเริ่มต้นทันที!
ในตอนเริ่มเกมหลี่จิงเทียนชนะสองสามเกมอย่างง่ายดาย ซึ่งมันทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก แต่ไม่นานเขาก็ขาดทุนจนแทบจะหมดตัว
สิ่งนั้นทำให้หลี่จิงเทียนหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะเขาใช้เงินเดือนที่เพิ่งได้รับไปหมดแล้ว
“เอาอีกแล้ว! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!”
“นี่! พี่หลี่ลงเงินเดิมพันอีกสิ เงินเหลือไม่เยอะแล้วเหรอ?”
นายน้อยชุ่ยใช้แขนพาดบ่าอีกฝ่ายพร้อมเกลี้ยกล่อม
“เอ่อ…ใช่ ตอนนี้ฉันมีเงินไม่พอแล้ว”
หลี่จิงเทียนพยักหน้าอย่างโง่เขลา
“ในฐานะที่พวกเราสนิทกัน ฉันไม่อยากให้พี่หลี่แพ้อย่างไร้ศักดิ์ศรีอย่างนี้เลย เอาอย่างนี้แล้วกัน! รถของพี่สามารถเอาลงเดิมพันโป๊กเกอร์ได้อีกสามรอบ แล้วถ้าชนะเกมนี้ พี่ได้เงินเดิมพันทั้งหมดไปเลย โอเคไหม?”
นายน้อยชุ่ยยังเกลี้ยกล่อมอย่างไม่ลดละ
“ดี! ดี! พี่ชุ่ยเป็นคนยุติธรรมเสมอ!”
ดวงตาหลี่จิงเทียนเปล่งประกาย ขณะแสดงสีหน้าพึงพอใจอย่างมาก