บทที่ 492 การพนัน
บทที่ 492 การพนัน
ผลการเดิมพันไม่เป็นอย่างที่หลี่จิงเทียนคาดหวัง เขาแพ้พนันถึงสามเกมติดต่อกัน!
รสสปอร์ตราคานับสิบล้านหายวับไปแล้ว!
“โอ้โห คืนนี้พี่หลี่ดวงซวยจริง ๆ รถพี่ตกเป็นของฉันแล้วสินะ”
“ฉัน…”
หลี่จิงเทียนสร่างเมาเล็กน้อย รถสปอร์ตคันโปรดที่พี่เขยเพิ่งซื้อให้ตกเป็นของคนอื่นแล้ว เมื่อคิดอย่างนั้น เขาก็รู้สึกสับสนทันที
“ช่างเถอะ เห็นแก่ความเป็นพี่น้องของเรา ฉันจะให้พี่เซ็นสัญญายืมเงินสักสองสามล้านก่อน แล้วค่อยหามาคืนฉันทีหลังก็ได้
นายน้อยชุ่ยแสดงสีหน้าเมตตา
“ฉัน…”
ถึงหลี่จิงเทียนจะโง่แค่ไหน แต่เขาก็ยังมีความระมัดระวังในการกู้ยืมเงิน
พวกลูกหลานเศรษฐีที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเขามีท่าทีลังเลจึงช่วยกันเกลี้ยกล่อม
“พวกเราไม่อยากได้เงินของพี่จริง ๆ หรอกน่า แค่เล่นสนุกกันเท่านั้น หรือว่านายน้อยหลี่ผู้สง่างามจะกลัว?”
“ใช่แล้ว ธุรกิจตระกูลหลี่รุ่งเรืองขนาดนั้น ทำไมนายน้อยหลี่ถึงปอดแหกแบบนี้?”
“เร็วเข้า ไม่ว่าจะเล่นต่อหรือไม่เล่น รถพี่ก็ตกเป็นของคนอื่นแล้วล่ะ”
“…”
หลังจากคนเหล่านั้นเกลี้ยกล่อมไม่กี่คำ หลี่จิงเทียนก็ตัดสินใจได้แล้ว
“ฉันจะยืมเงิน!”
เวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วโมง แต่เขาเป็นหนี้ไปแล้วกว่าสิบล้าน!
“ฉัน…ฉันว่าพอแค่นี้ดีกว่า…”
หลี่จิงเทียนนิ่งอึ้ง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ถึงจะเคยบริหารบริษัทชงซาน แต่เงินกว่าสิบล้านเป็นเงินจำนวนมหาศาล หลี่ชงซานคงไม่อนุมัติเงินจำนวนนั้นให้เขาแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาถูกลดตำแหน่งเป็นแค่รองประธานบริษัท
เขาไม่มีปัญญาจ่ายคืน!
“เลิกแล้ว? ถ้างั้นจ่ายเงินที่ยืมพวกเรามาทั้งต้นทั้งดอก”
นายน้อยชุ่ยพูดด้วยสายตาเยาะเย้ย
“พวก…พวกแกรวมหัวกันหลอกฉันเหรอ?!”
ในที่สุดหลี่จิงเทียนก็รู้ตัว
“ไม่ใช่สักหน่อย! พี่หลี่อย่าเข้าใจผิดสิ เราแค่ล้อเล่นเอง ถ้างั้นเรียกพี่เขยมาที่นี่สิ เราอยากเจอคนเก่งแบบเขามากเลย”
นายน้อยชุ่ยเปิดเผยจุดประสงค์
“พี่…พี่เขยฉัน?”
เมื่อหลี่จิงเทียนได้ยินคำว่า ‘พี่เขย’ เส้นขนทั้งร่างพลันลุกเกรียวกราว
“ไม่ได้ ๆ! ถ้ารู้ว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้น เขาต้อง…”
หลี่จิงเทียนไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากพี่เขยจริง ๆ ถ้าถูกถอดออกจากตำแหน่งรองประธานบริษัท เขาคงต้องกลับไปอยู่บ้านและคอยดูแลหลี่ชงซาน ซึ่งนั่นต้องทุกข์ทรมานจนเขาอยากตายแน่นอน
“ฮ่า ๆ นี่คือความต้องการของเราทุกคน ถ้านายไม่กล้าก็จ่ายหนี้มาให้หมด ไม่อย่างนั้นพวกเราจะไปทวงหนี้ที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่และเครือฮ่าวหรานเอง”
“ถูกต้อง ทุกคนไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย แค่อยากเจอผู้ชายที่เป็นเหมือนตำนานเท่านั้นเอง”
“…”
คำยั่วยุไม่กี่คำจากคนรอบข้าง ทำให้หลี่จิงเทียนเข้าใจทันทีว่าเขาจำเป็นต้องโทรไปหาพี่เขย
ไม่อย่างนั้นถ้าอีกฝ่ายบุกไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่และเครือฮ่าวหราน ชีวิตเขาต้องแย่กว่านี้แน่นอน…
“ฉัน…ฉันจะโทร”
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง หลี่จิงเทียนก็ล้วงโทรศัพท์ออกมา ตอนนี้เขายังไม่กล้าโทรหาพี่เขย จึงโทรหาน้องสาวคนเล็กแทน
“ฮัลโหล? พี่รอง? กี่โมงกี่ยามแล้วโทรมาทำไมตอนนี้?”
ขณะนี้เวลาสองทุ่มแล้ว หลี่หรงที่กำลังรับประทานอาหารเย็นถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“พี่…พี่มีเรื่องจะคุยกับพี่เขย เธออยู่กับเขาหรือเปล่า?”
“พี่เขย?”
หลี่หรงเหลือบมองอวี้ฮ่าวหรานที่นั่งฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้างุนงงกว่าเดิม
“เขากำลังกินข้าวเย็นอยู่ พี่มีอะไร?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลี่จิงเทียนจึงลังเลอยู่ครู่ใหญ่
“ถ้าไม่พูด ฉันจะวางสายแล้วนะ!”
“พูด…พูดสิ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไนท์คลับจิ่นเมิ่ง พี่เล่นพนันแพ้พวกเพื่อน ๆ เลยติดหนี้น่ะ พวกเขาบอกว่าถ้าพี่เขยมาที่นี่ เขาจะยกหนี้ทั้งหมดให้”
“อะไรนะ? เป็นหนี้?”
หลี่หรงตกใจทันที! ผู้ชายคนนี้กล้าดียังไงถึงเล่นการพนัน?
“พี่เอารถไปเดิมพันด้วยเหรอ?”
เธออุทานเสียงดังอย่างไม่รู้ตัว
“อืม”
“ตึง!”
หลี่หรงวางโทรศัพท์ลงก่อนทุบโต๊ะด้วยความโกรธ ถวนถวนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตกตะลึงทันที
เธอผิดหวังในตัวพี่ชายคนรองอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาประพฤติตัวดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้อคติที่เธอมีต่อพี่ชายลดลง แต่ไม่ทันไรเขาก็กลับไปเล่นการพนันอีกแล้ว!
“พี่ไม่มีสมองคิดเหรอ? หรือว่าสมองกลวง?”
เธอหยิบชามซุปขึ้นด้วยความโมโหพร้อมพึมพำ
อวี้ฮ่าวหรานอดยิ้มมุมปากไม่ได้หลังจากเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
“เรื่องเล็กน้อยน่ะ พี่จะช่วยเอง ไม่เป็นไรหรอก”
อวี้ฮ่าวหรานเพิ่งเสร็จจากการฝึกตน และตอนนี้การฝึกตนก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงอารมณ์ดี
“เขาต้องโทรมาอีกแน่นอน”
พอพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
หลี่หรงขมวดคิ้วพลางวางชามลงบนโต๊ะ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบมันขึ้นมารับสาย
“น้องเล็ก…ช่วยพี่เถอะนะ บอกพี่เขยให้หน่อยว่าให้เขา…ให้เขามาที่นี่ที”
หลี่จิงเทียนถามเสียงทุ้ม
ถ้าหลี่ชงซานรู้เรื่องนี้ เขากลัวว่าตัวเองจะไม่ได้ออกจากคฤหาสน์ตระกูลหลี่ไปหลายปีเลยล่ะ
มันน่ากลัวยิ่งกว่าความตายซะอีก
“โทรหาเขาสิ ทำไมต้องโทรหาฉันด้วย?”
หลี่หรงพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง
หลี่จิงเทียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนพึมพำออกมา
“พี่กลัว”
หลังจากพ้นโทษและออกจากคุก ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่เขย เขามักหวาดกลัวอีกฝ่ายอย่างมาก
ในที่สุดเขาก็รู้ว่ายังมีคนที่สามารถทำให้เขาได้รู้จักกับความขมขื่นของชีวิต
เนื่องจากหลี่ชงซานไม่เคยดุด่าหรือลงโทษเขาเลย
ยังไงก็ตามหลี่หรงแทบหลุดหัวเราะเมื่อได้ยินคำสารภาพจากพี่ชาย พี่ชายคนรองของเธอขี้ขลาดและเกรงใจคนอื่นตั้งแต่เมื่อไร?
“บอกเขาเองสิ!”
เธอตอบแล้วยื่นโทรศัพท์ให้อวี้ฮ่าวหราน
ปลายสายยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานหลี่จิงเทียนก็ยอมเปิดปากพูดอย่างระมัดระวัง
“พี่…พี่เขย”
“อืม ฉันรู้เรื่องแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานตอบเสียงแผ่ว
“ถ้างั้น…พี่เขยจะมาไหม? ผมสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมเล่นพนันจริง ๆ
ดวงตาหลี่จิงเทียนเปล่งประกายด้วยความหวังทันที
หลี่จิงเทียนตัดสินใจแล้วว่าตราบใดที่เรื่องนี้ถูกแก้ไขแล้ว เขาจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนพวกนี้อีก!
ใครยังติดต่อกับพวกมันก็โง่เต็มทน!
เมื่อได้ยินคำสัญญาของอีกฝ่าย อวี้ฮ่าวหรานจึงลดมือถือลงพลางเลิกคิ้วและถามน้องสาวภรรยาที่ยังคงโกรธจัดอยู่ฝั่งตรงข้าม
“เธออนุญาตให้พี่ไปไหม?”
“ฮึ ใครสนเรื่องชีวิตเขาล่ะ? พรุ่งนี้ฉันหวังว่าจะไม่เจอเขาอีกนะ!”
หลี่หรงบ่นด้วยความโมโห
แต่อวี้ฮ่าวหรานคุ้นเคยกับอารมณ์โกรธของอีกฝ่ายดี เขาจึงรู้ว่าแท้จริงแล้วหญิงสาวต้องการอะไร
เขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูอีกครั้ง
“โอเค ฉันกำลังจะออกไป บอกพวกเขารอแปปหนึ่ง”
หลังจากตอบตกลง เขาก็วางสายโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบสนอง
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลี่หรงอดเบือนหน้าหนีไม่ได้
“พี่เขยไม่ต้องไปหรอก ปล่อยให้ผู้ชายคนนั้น…”
ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะพูดประโยคนั้นออกมา
“เฮ้อ…ทำไมฉันต้องเป็นห่วงพี่รองด้วย!”
หลังจากอดกลั้นอยู่นาน เธอก็พูดความในใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ตอนที่พวกเธอยังเด็ก หลี่ชงซานมักปลูกฝังว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เขาหวังว่าพี่น้องจะสามัคคีและดูแลกันและกัน
ดังนั้นในก้นบึ้งหัวใจ หลี่หรงรักและเป็นห่วงพี่ชายไม่น้อย แต่เมื่อเติบโตขึ้นเขากลับทำให้เธอผิดหวังอยู่บ่อยครั้ง
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอเกลียดชังพี่ชาย
“พี่เขยอย่าเพิ่งไป…ขอบคุณนะคะ”
หลี่หรงยื่นเสื้อแจ็กเก็ตให้อีกฝ่าย หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจขอบคุณอีกฝ่าย