บทที่ 493 เศรษฐีตัวจริง

บทที่ 493 เศรษฐีตัวจริง

หลี่หรงรู้ดีว่าต้องขอบคุณอีกฝ่าย

เธอต้องขอบคุณพี่เขยด้วยใจจริง เพราะเขาเป็นคนช่วยให้ตระกูลหลี่ยังไม่ล้มละลาย

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าด้วยท่าทางสบาย ๆ

หลี่จิงเทียนอาจเป็นคนไร้ค่า โง่งี่เง่า และไร้หัวใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ

ตราบใดที่เขาไม่ทำให้ตระกูลหลี่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก อวี้ฮ่าวหรานก็ไม่สามารถเมินเฉยอีกฝ่าย และที่สำคัญที่สุดเขาคือน้องชายของหลี่เม่ยยังไงล่ะ…

อีกด้านหนึ่ง

ไนท์คลับจิ่นเมิ่ง

“พี่…พี่เขยบอกว่ากำลังมา”

หลี่จิงเทียนยื่นโทรศัพท์มือถือคืนให้อีกฝ่าย ขณะที่มือทั้งสองสั่นเทาไม่หยุด

อนาคตของเขาอยู่ในกำมืออีกฝ่ายแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นนายน้อยชุ่ยก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนตบไหล่อีกฝ่าย

“อย่ากลัวเลย แค่เล่นสนุกกันเอง เราแค่อยากเจอพี่เขยนายเท่านั้น ไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย”

ยังไงก็ตามถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ดวงตาของเขากลับฉายแววเยาะเย้ย

ในความคิดนายน้อยชุ่ย ตระกูลหลี่เป็นแค่ตระกูลคนโง่เท่านั้น แม้อวี้ฮ่าวหรานจะชนะในการประมูล แต่นั่นเป็นเพราะเขาโชคดีเท่านั้น

อีกฝ่ายมีคุณสมบัติอะไรที่สามารถเทียบชุ่ยเจิ้งไห่ พ่อเขาได้บ้าง?

“ฮึ ฉันจะทำให้แกสูญเสียทุกอย่าง!”

นายน้อยชุ่ยเดินออกจากห้องส่วนตัวแล้วมองออกไปข้างนอกหน้าต่างด้วยสายตามั่นใจ

ยี่สิบนาทีต่อมา เสียงคำรามของรถสปอร์ตคันหนึ่งดังสนั่นชั้นใต้ดิน!

“เขามาแล้ว”

ข้างนอกห้องส่วนตัว ทั้งสองมองรถสปอร์ตสีเหลืองสดใสแล้วชำเลืองมองกันและกันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

รถสปอร์แล่นมาหยุดอยู่หน้าประตูไนต์คลับ ชายหนุ่มทายาทเศรษฐีคนหนึ่งเดินไปทักทายเขา

“ผมได้ยินมานานแล้วว่าประธานเครือฮ่าวหรานสง่างามที่สุด ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นด้วยตาตัวเองสักที!

ชายหนุ่มทายาทเศรษฐีพูดด้วยความตื่นเต้น

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ในใจเขากำลังดูแคลนอีกฝ่าย นายน้อยชุ่ยเคยบอกว่าผู้ชายคนนี้ทุ่มเงินหลายสิบล้านเพื่อซื้อของเก่า

อวี้ฮ่าวหรานเงยหน้าขึ้น ดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อย เพราะตอนนี้เขากำลังอ่านใจอีกฝ่ายอยู่

แต่เขาไม่ได้พูดออกมา

“พาผมขึ้นไป”

ทั้งสองคนรีบพาผู้มาเยือนขึ้นไปที่ห้องส่วนตัวชั้นบนสุดของอาคารทันที

“พี่…พี่เขย”

เมื่อเห็นว่าพี่เขยมาถึงแล้ว หลี่จิงเทียนจึงลุกยืนขึ้นทักทายอย่างรวดเร็ว

“รถสปอร์ตที่จอดอยู่ข้างล่างเปลี่ยนมือแล้วเหรอ?”

อวี้ฮ่าวหรานถามอย่างไม่ใส่

“ครับ…ผม…ผมแพ้พนัน”

ร่างกายหลี่จิงเทียนสั่นเทิ้มเล็กน้อย

อีกฝ่ายเป็นคนซื้อรถคันนั้นให้เขา มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่หลี่จิงเทียนจะกลัวพี่เขย

ตอนนี้เขาแพ้พนันและกลัวว่าอีกฝ่ายจะลงโทษ

“โอเค ถ้าไม่มีรถก็ไปจากที่นี่ไม่ได้สินะ ตอนนี้ฉันมีเงินอยู่สิบสองล้าน ฉันจะซื้อคืนเอง”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าเงินในมือ ก่อนโยนลงบนโต๊ะ

ภาพนี้ทำให้กลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ในห้องหันมองหน้ากันและกันทันที

พวกเขาเห็นแล้วว่าอีกฝ่ายโง่ตามคำบอกเล่าจริง ๆ

รถสปอร์ตราคาไม่ถึงสิบล้าน แต่เขากลับซื้อในราคาที่มากกว่าเดิมงั้นเหรอ?

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าบริษัทเครือฮ่าวหรานยิ่งใหญ่แค่ไหน ดังนั้นเงินสิบล้านจึงเป็นแค่เศษเงินสำหรับอวี้ฮ่าวหรานเท่านั้น

“พวกนายกำลังเล่นพนันใช่ไหม งั้น…ฉันขอเล่นด้วยสิ”

อวี้ฮ่าวหรานไม่พูดอ้อมค้อม คำพูดนั้นทำให้คนอื่น ๆ ในห้องต่างมีสีหน้าดีใจ

ก่อนหน้านี้พวกเขาตั้งใจจะล่อลวงผู้ชายคนนี้ให้เล่นการพนัน แต่ไม่คิดว่าเขาจะกระโดดเข้ากองไฟด้วยตัวเอง!

“พี่เขย…พี่…พี่อย่าเล่นเลย พวกเขาเก่งมาก”

หลี่จิงเทียนพยายามห้ามพี่เขย

“นี่! พี่หลี่ พวกแค่หยอกพี่เล่นเองนะ พวกเราจะยกหนี้ทั้งหมดให้พี่ยกเว้นรถ…ดีไหมล่ะ?”

นายน้อยชุ่ยลุกขึ้นยืนพร้อมฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วเขาไม่สามารถปล่อยให้ไอ้ลูกคนรวยทำลายแผนการทั้งหมดหรอก

แต่เขาไม่คิดว่าอวี้ฮ่าวหรานจะเป็นคนตรงไปตรงมาขนาดนี้

“ใช่ ๆ พวกเราเล่นกันขำ ๆ อย่าทำเสียบรรยากาศเลย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เหล่าวัยรุ่นที่เหลือก็พยักหน้าพร้อมส่งเสียงเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว

คนตระกูลหลี่โง่กันทุกคนสินะ ทุกคนต่างมีท่าทีกระตือรือร้นอย่างมาก

“ใช่ ๆ เขาเป็นถึงประธานบริษัทเครือฮ่าวหราน น่าจะร่วมวงกับเราสักหน่อย”

“ถูกต้อง เราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น เล่นด้วยกันไม่เสียหายหรอกน่า”

ทุกคนนั่งล้อมรอบโต๊ะ

“ครั้งนี้เราเล่นไพ่โป๊กเกอร์ดีไหม?”

นายน้อยชุ่ยแนะนำทันทีที่นั่งลง

“ดี! น่าตื่นเต้นจังเลย แต่ถึงแม้จะเล่นกันแค่นี้ แต่เราก็ต้องมีเดิมพันสิ”

ชายหนุ่มทายาทเศรษฐีที่อยู่ข้าง ๆ พูดตามที่ฝึกซ้อม

“ใช่แล้ว เราต้องมีเดิมพัน ไม่งั้นน่าเบื่อแย่เลย”

“ฉันว่าเราน่าจะเดิมพันสักหนึ่งร้อย…”

“ยี่สิบล้าน!”

ขณะที่อีกฝ่ายกำลังจะเสนอเงินเดิมพัน อวี้ฮ่าวหรานก็เกทับเขาแล้วหัวเราะเยาะ

“นั่นเป็นข้อเสนอที่ดีมาก งั้นเรามาเริ่มต้นที่ยี่สิบล้านกันเถอะ”

ถึงอย่างนั้นคนในห้องยังคงตกตะลึงกับจำนวนเงินอยู่ดี ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าอาจารย์หลัวสับไพ่ในมืออย่างรวดเร็ว

ครั้งนี้พวกเขาเล่นเกินไปหรือเปล่า?

เงินตั้งยี่สิบล้านเชียวนะ?

เขากำลังคิดอะไรอยู่? เดิมพันเงินจำนวนมากขนาดนี้เนี่ยนะ?

เหล่าทายาทเศรษฐีต่างถอนหายใจ พวกเขายังคงตกใจกับจำนวนเงินเดิมพัน

ยี่สิบล้าน!

พวกเขาเล่นพนันกันทั้งคืนเพิ่งได้เงินและรถรวมกันเป็นเงินยี่สิบล้าน แต่ตอนที่พวกเขากำลังจะเสนอจำนวนเงินตามที่ซักซ้อมมา แต่ผู้ชายคนนั้นก็ขัดจังหวะซะก่อน!

อวี้ฮ่าวหรานเลิกคิ้วพร้อมมองกลุ่มวัยรุ่นในห้องด้วยสายตาเย้าหยอก

“หือ? เงินน้อยไปเหรอ? คิด ๆ ดูแล้ว ฉันว่าเราน่าจะเพิ่มเป็นสี่สิบล้านนะ?”

“ไม่เป็นไร! แค่นี้แหละกำลังดี!”

นายน้อยชุ่ยรีบปฏิเสธ นัยน์ตาเขาสั่นไหวเล็กน้อย…

ยี่สิบล้านงั้นเหรอ? นั่นคือเงินค่าขนมทั้งปีของเขาเลยนะ แต่โชคดีที่ตระกูลเขาเป็นตระกูลเศรษฐี

แม่งเอ๊ย ไอ้นี่ชอบอวดรวยจริง ๆ!

อวี้ฮ่าวหรานถอนหายใจเบา ๆ ราวกับต้องการอะไรบางอย่าง

“เฮ้อ…เราลดเงินเดิมพันลงหน่อยเถอะ ดูเหมือนว่าเงินยี่สิบล้านจะมากเกินไปสำหรับพวกนาย”

คนที่เหลือในห้องอดรู้สึกละอายใจไม่ได้

พวกเขาอยากรู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายโง่ตั้งแต่เกิดหรือแกล้งโง่กันแน่

แม้แต่อาจารย์หลัวยังสับไพ่ด้วยความระมัดระวัง

ถึงอย่างนั้นหลังจากสองเกมแรกผ่านพ้นไป พวกเขาก็โล่งใจมากขึ้น

อวี้ฮ่าวหรานแพ้สองรอบแรกติดต่อกันราวกับว่าไม่รู้วิธีเล่นไพ่โป๊กเกอร์ เขาสูญเงินกว่าสี่สิบล้านภายในครั้งเดียว!

นี่เป็นจำนวนเงินมหาศาลเลยทีเดียว คนที่เหลือในห้องต่างลุ้นจนหายใจไม่สะดวกเลยทีเดียว!

เกมที่สามกำลังจะจบลงในไม่ช้า อวี้ฮ่าวหรานแพ้อีกตามเคย!

จนถึงตอนนี้เขาขาดทุนกว่าสามสิบล้าน!

ถ้ารวมกันแล้ว มีจำนวนกว่าว่าแปดสิบล้าน

“นี่…เกินไปแล้ว…”

ดวงตานายน้อยชุ่ยเบิกกว้าง เขาพูดไม่ออก มันง่ายเกินไป!

เขาตำหนิอาจารย์หลัวว่าทำไมถึงให้ตนเองชนะสองเกมแรกตามที่ตกลงกันไว้ เพื่อที่เขาจะได้ให้อีกฝ่ายให้ติดกับดัก!

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์หลัวกำลังหวาดกลัวถึงขีดสุด!

เขาจัดฉากให้นายน้อยชุ่ยแพ้แล้ว แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คาดไว้!

ดูเหมือนชายหนุ่มตรงหน้าจะอ่านใจเขาได้ เพราะเมื่อไรที่เขาจัดฉากให้ฝ่ายนายน้อยแพ้ อีกฝ่ายก็จะชิงแพ้ก่อนเสมอ!

เขาไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนี้มาก่อนและไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ!

ในฐานะนักพนัน เขามักรู้เสมอว่าเมื่อไรฝ่ายไหนจะชนะและฝ่ายไหนจะแพ้